ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,749 รายการ

         แพะ (A Goat)          ศิลปิน : ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี (Silpa Bhirasri)          ปีพุทธศักราช: ปี พ.ศ.2498 (1955)          เทคนิค: หล่อปลาสเตอร์ (Plaster)          ขนาด : สูง 14 เซนติเมตร (H.14 cm.)            แสดงภาพวัตถุหมุน คลิกที่นี่ http://www.virtualmuseum.finearts.go.th/silpabhirasri/360/model/s17ok/   ที่มา: http://www.virtualmuseum.finearts.go.th/silpabhirasri




“วันอานันทมหิดล” ตรงกับวันที่ 9 มิถุนายน เป็นวันคล้ายวันเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร รัชกาลที่ 8 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล ทรงเป็นพระราชโอรสของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก (กรมหลวงสงขลานครินทร์) กับสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงพระราชสมภพ เมื่อวันที่ 20 กันยายน พ.ศ.2468 ณ เมืองไฮเดลเบอร์ก ประเทศเยอรมนี เมื่อพระชนมายุได้ 3 เดือน ได้ตามเสด็จพระบรมราชชนกไปต่างประเทศ จนกระทั่งพระชนมายุได้ 3 พรรษา จึงได้เสด็จ นิวัติกลับประเทศไทย ต่อมาปี พ.ศ. 2472 สมเด็จพระบรมราชชนกเสด็จทิวงคต พระองค์จึงได้เสด็จกลับยุโรปเพื่อศึกษาต่อในชั้นประถม ณ เมืองโลซานน์ ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เมื่อพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ สละราชสมบัติ พระองค์จึงเสด็จขึ้นครองราชย์ตามที่สภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติเมื่อวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2477 เป็นกษัตริย์พระองค์ที่ 8 แห่งราชวงศ์จักรี ในขณะนั้นพระองค์มีพระชนมายุเพียง 9 พรรษา จึงต้องมีคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ หลังจากมีพระชนมายุได้ 21 พรรษา ทรงบรรลุนิติภาวะแล้ว ทรงมีพระราชกรณียกิจในฐานะประมุขของประเทศมากมาย จนกระทั่งถึงวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 เวลาเช้ามีเสียงปืนดังขึ้น มหาดเล็กห้องบรรทมวิ่งเข้าไปดู และเห็นว่าพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดลอยู่บนพระที่บรรทมเสด็จสวรรคตแล้ว รัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนลงความเห็นว่าเป็นการลอบปลงพระชนม์ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดลเสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 รวมพระชนมายุได้ 21 พรรษา และทรงครองอยู่ในราชสมบัติได้ 12 ปี



ชื่อเรื่อง : ระเบียบราชการกองหมายและระเบียบราชการกองบังคับคดีล้มละลาย หัวเรื่อง : ราชการ -- กฎและการปฏิบัติ    ล้มละลาย -- กฎหมายและระเบียบข้อบังคับ คำค้น : การบังคับคดี           กฎหมายแพ่งและพาณิชย์           การล้มละลาย รายละเอียด : - ผู้แต่ง : กระทรวงยุติธรรม แหล่งที่มา : หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี หน่วยงานที่รับผิดชอบ : บริษัท ส. ศิลปคอโพเรชั่น จำกัด (แผนกการพิมพ์) ปีที่พิมพ์ : 2515 วันที่เผยแพร่ : 30 มกราคม 2568 ผู้ร่วมสร้างสรรค์ผลงาน : - ลิขสิทธิ์ :  - รูปแบบ : PDF ภาษา : ภาษาไทย ประเภททรัพยากร : หนังสือหายาก ตัวบ่งชี้ : - รายละเอียดเนื้อหา : ระเบียบราชการกองหมายและระเบียบราชการกองบังคับคดีล้มละลาย มีเนื้อหาประกอบด้วย 10 หมวด ได้แก่ หมายบังคับคดี การยึดทรัพย์ การยึดทรัพย์นายประกัน การยึดทรัพย์ในคดีล้มละลาย การรักษาทรัพย์ การขายทรัพย์ การงดหรือถอนการบังคับคดี วิธีรับและจ่ายเงิน การส่งคำคู่ความเอกสารหรือสำนวนความ และหมวดเบ็ดเตล็ด เลขทะเบียน : น. 29 บ. 114 เลขหมู่ : 346.078              ย349ร


ชื่อผู้แต่ง              จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, พระบาทสมเด็จพระ, ๒๓๙๖ - ๒๔๕๓. ชื่อหนังสือ            พระบรมราโชวาทในรัชกาลที่๕ พระราชทานแด่พระเจ้าลูกยาเธอ.       ครั้งที่พิมพ์            พิมพ์ครั้งที่ ๓๐ สถานที่พิมพ์          พระนคร. สำนักพิมพ์            โรงพิมพ์บรรณาคม ปีที่พิมพ์               ๒๕๑๔ จำนวนหน้า            ๓๔ หน้า : ภาพประกอบ ISBN                    - เลขเรียกหนังสือ       ๘๙๕.๙๑๖    จ ๕๖๗ พถ เลขทะเบียนหนังสือ   ๐๒๑๓๖๑หมายเหตุ               พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานฌาปนกิจศพ นายถนอม ทิพยเศวต ณ เมรุวัดมกุฎกษัตริยาราม วันที่ ๒๙ ธันวาคม พุทธศักราช  ๒๕๑๔.                            พระบรมราโชวาทในรัชกาลที่๕ เล่มนี้แบ่งออกเป็น สองภาค ภาคแรกประกอบด้วยพระบรมราโชวาทพระราชทานสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณทิศ วยามมกุฎราชกุมารและพระบรมราโชวาทพระราชทานสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร ภาคสองเป็นพระบรมราโชวาทพระเจ้าลูกยาเธอ ๔พระองค์ คือ กรมพระจันทบุรีนฤนาถ, กรมหลวงราชบุรีดกเรกฟทธิ์, กรมหลวงปราจิณกิตติบดีและกรมหลวงนครไชยศรีสุรเดช


ชื่อผู้แต่ง                 พัชรินทร์  ศุขประมูล ชื่อเรื่อง                  รูปและสัญลักษณ์แห่งพระศากยพุทธ ครั้งที่พิมพ์              พิมพ์ครั้งที่ ๑ สถานที่พิมพ์            กรุงเทพฯ สำนักพิมพ์              บริษัท อมรินทร์ พริ้นติ้ง กรุ๊พ จำกัด ปีที่พิมพ์                 ๒๕๓๒ จำนวนหน้า             ๙๕ หน้า : ภาพประกอบ ISBN                     974-7939-80-1 เลขเรียกหนังสือ       294.3137   พ523ร เลขทะเบียนหนังสือ   036988 หมายเหตุ               กรมศิลปากรจัดพิมพ์ประกอบการจัดนิทรรศการการพิเศษสเนื่องในเทศกาลปุริมเข้าพรรษา ปี ๒๕๓๒ ณ พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ๑๙ กรกฎาคม - ๓๐ กันยายน ๒๕๓๒                            หนังสือรูปและสัญลักษณ์แห่งพระศาสกยพุทธ จัดทำประกอบนิทรรศการพิเศษ เพื่อให้ได้รับความรู้เรื่องมูลเหตุการสร้าง คติความเชื่อ ความหมายและวิวัฒนาการของรูป และสัญลักษณ์ แทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เช่น ดอกบัว ธรรมจักร รอยพระพุทธบาท สถูป พระพุทธรูป พระพิมพ์ ฯลฯ ในอินเดียถึงดินแดนไทยทำให้ทราบถึงวัตถุประสงค์ที่แท้จริงในการสร้างว่าเพื่อเป็นเครื่องเตือนให้ระลึกถึงพระพุทธองค์และพระธรรมคำสอนเท่านั้น


ชื่อผู้แต่ง         สันติวัน ชื่อเรื่อง           พรสวรรค์ พิมพ์ครั้งที่       - สถานที่พิมพ์     พระนคร สำนักพิมพ์       โรงพิมพ์จำลองศิลป ปีที่พิมพ์          ๒๕๐๕ จำนวนหน้า      ๗๙  หน้า รายละเอียด                    พระครูสังฆรักษ์ ประจบ  วัดสัมพันธวงศ์  ขออนุญาตจัดพิมพ์หนังสือเรื่อง พรสวรรค์  เพื่อแจกในงานฌาปนกิจศพ  นางปริก  หุยะนันท์  และ นายไสว ทัยศิริ  ณ  เมรุวัดธาตุทอง  อันหนังสือเรื่อง “พรสวรรค์” เป็นนิยายอิงธรรมะ เขียนขึ้นเพื่อให้ผู้เยาว์วัยอ่าน  ทั้งนี้ก็เพื่อให้ผู้อ่านพบความสนุก  กรุยทางให้ได้รับผลคือ “ธรรม” เพื่อให้มีสติระวังตัวไม่ให้ตกไปในหลุมหายนะ ความมุ่งหมายก็เพื่อให้เข้าถึงกตัญญูกตเวทิตาธรรม 


  เนื่องจากในวันที่ ๑๓ มีนาคม ที่ใกล้จะถึงนี้ เป็น “วันช้างไทย” เพื่อระลึกถึงความสำคัญของ “ช้าง” ซึ่งเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมืองที่มีบทบาทสำคัญต่อสังคมไทยมาอย่างยาวนาน นอกจากคุณประโยชน์ของช้างที่มีต่อระบบนิเวศของป่า และการใช้แรงงานช้างในการช่วยทำงานต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันแล้ว ช้างยังมีบทบาทด้านคติความเชื่อ ด้านการเมืองการปกครอง ด้านการศึกสงคราม ด้านการต่างประเทศ ด้านเศรษฐกิจและการค้า ด้านพระราชพิธี และประเพณีต่าง ๆ ของไทย หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี ขอนำเสนอ “๗ เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับช้าง” และบทบาทเชิงสัญลักษณ์ของช้างที่เป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทยในหลากหลายมิติ   ๑. “ช้างต้น” รัตนะคู่พระบารมีขององค์พระมหากษัตริย์ไทย          แต่เดิมจากคติความเชื่อเรื่องช้างในดินแดนเอเชียอาคเนย์รวมทั้งประเทศไทยมีความเชื่อว่า ช้างเป็นสัตว์สำคัญ เป็นสัตว์คู่บุญบารมีของพระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะช้างเผือก ซึ่งเป็นช้างที่มีลักษณะพิเศษหรือเป็นมงคลนั้น เชื่อว่าจะนำสิริมงคลอันอุดมให้แก่บ้านเมือง ทั้งธัญญาหาร ภักษาหาร และพระบารมีเกริกไกรอันยิ่งใหญ่แก่แผ่นดิน อาณาประชาราษฎร์จะมีแต่ความร่มเย็นเป็นสุข และจะเกิดขึ้นด้วยบุญบารมีแห่งองค์พระมหากษัตริย์แห่งแคว้นประเทศนั้น ช้างต้น หมายถึง ช้างที่ได้รับการขึ้นระวางเป็นช้างหลวงส่วนพระองค์ของพระมหากษัตริย์ ซึ่งใช้ในพระราชกรณียกิจต่าง ๆ ทั้งเป็นช้างศึก ช้างพระราชพาหนะ และช้างคู่พระบารมี ต่อมาบทบาทของช้างในด้านการศึกสงครามลดลง เนื่องจากยุทธวิธีการรบเปลี่ยนแปลงไป และการเสด็จพระราชดำเนินไปยังที่ต่าง ๆ ทรงใช้พระราชยานพาหนะประเภทอื่น ๆ ด้วยเหตุนี้ช้างต้นในปัจจุบันจึงหมายถึงช้างสำคัญ และช้างเผือกคู่พระบารมีของพระมหากษัตริย์เท่านั้น   ๒. ธงช้างเผือก สัญลักษณ์แทนสยามประเทศ          ในยุคต้นของกรุงรัตนโกสินทร์ ได้ให้ความสำคัญแก่ช้างเผือกในฐานะเป็นสัญลักษณ์ของประเทศ โดยในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒ รัฐบาลไทยได้ส่งเรือสินค้าออกไปค้าขายในต่างประเทศ แต่ยังไม่มีธงแสดงสัญชาติไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ทำรูปช้างสีขาวอยู่ในวงจักรสีขาวติดไว้กลางผืนธงสีแดงสำหรับชักขึ้นบนเรือกำปั่นหลวงที่แต่งไปค้าขายยังนานาประเทศ และเป็นมูลเหตุที่ใช้ธงช้างเป็นธงสำหรับชาติไทยตั้งแต่นั้นมา ต่อมาถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ได้สถาปนาธงชาติไทยขึ้นเป็นครั้งแรก โดยนำธงรูปช้างสีขาวอยู่ในวงจักรสีขาวบนพื้นสีแดง ซึ่งใช้เป็นเครื่องหมายถึงพระมหากษัตริย์ออก คงเหลือไว้แต่รูปช้างสีขาวคือช้างเผือกอยู่ตรงกลางผืนธงสีแดง จนถึงรัชกาลที่ ๖ ได้มีการสถาปนาใช้ธงไตรรงค์เป็นธงชาติไทย อย่างไรก็ตามในปัจจุบันยังมีหน่วยงานราชการบางแห่งที่ยังคงใช้ธงซึ่งมีรูปช้างเผือกอยู่ เช่น ธงราชนาวีไทยของกองทัพเรือ   ๓. ช้างในตราแผ่นดิน          ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หม่อมเจ้าประวิช ชุมสาย ทรงผูกตราประจำประเทศขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๖ โดยอิงกับหลักการผูกตราของทางยุโรปที่เรียกกันว่า Heraldry ตรานี้เรียกกันโดยทั่วไปว่า ตราแผ่นดินหรือตราอาร์ม มีสัญลักษณ์ต่าง ๆ คือ พระมหาพิชัยมงกุฎมีรัศมีและนพปฎลเศวตฉัตร จักรีและตรี โล่รองมีรูปช้างสามเศียร ช้างยืนแท่นและกริช ล้อมรอบด้วยราชสีห์ คชสีห์ สังวาลย์ เครื่องราชอิสริยาภรณ์นพรัตนราชวราภรณ์ เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้าฉลองพระองค์ครุย และเครื่องราชกกุธภัณฑ์พร้อมทั้งคาถา โดยในสัญลักษณ์จะเห็นได้ว่าช้างสามเศียรนั้นแทนราชอาณาจักรไทย (สยาม) จากแผ่นดินนี้ใช้มาจนถึง พ.ศ. ๒๔๓๖ จึงได้เปลี่ยนเป็นตราครุฑ   ๔. “พระสมุดตำราแผนคชลักษณ์” เอกสารโบราณทรงคุณค่า ว่าด้วยเรื่องลักษณะของช้าง          “พระสมุดตำราแผนคชลักษณ์” เป็นต้นฉบับหนังสือสมุดไทยซึ่งเก็บรักษาไว้ที่สำนักหอสมุดแห่งชาติ มีศักราชปรากฏบ่งชี้ว่าเก่าแก่ที่สุด แต่งเมื่อจุลศักราช ๑๑๑๐ ในรัชกาลพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา เป็นหนังสือสมุดไทยขาวลงรักปกให้เป็นสีดำ เขียนเส้นอักษรด้วยเส้นหมึก และเขียนภาพช้างประกอบแทรกในเนื้อหา มีขนาดกว้าง ๑๑ เซนติเมตร ยาว ๓๔.๕ เซนติเมตร เนื้อหาส่วนใหญ่กล่าวถึงลักษณะของช้างตระกูลต่าง ๆ ทั้งช้างศุภลักษณ์ คือช้างที่มีลักษณะดีเป็นมงคล และช้างทุรลักษณ์หรือทรลักษณ์ คือช้างที่มีลักษณะไม่ดี ไม่เป็นมงคล เนื้อหาสาระว่าด้วยเรื่องช้างในตำราฉบับนี้มีความน่าเชื่อถือค่อนข้างสูงมาก เพราะผู้แต่งมีตำแหน่งเป็นข้าราชการที่ทำงานในกรมคชบาล จึงสามารถนำไปใช้เป็นต้นแบบในการตรวจสอบความถูกต้องได้เป็นอย่างดี   ๕. ช้างในวรรณคดีไทย ช้างเป็นสัตว์ที่มีบทบาทสำคัญต่อสังคมไทยมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยเฉพาะสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นสัญลักษณ์แทนพระราชอำนาจของกษัตริย์ และความเป็นศิริมงคลของบ้านเมือง มีความสำคัญในพระราชพิธีต่าง ๆ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงบทบาทของช้างที่ปรากฏในงานพระราชพิธี และการกล่าวถึงลักษณะของช้างผ่านวรรณคดีไทยหลายเรื่อง เช่น “โคลงพระราชพิธีทวาทศมาส” เนื้อความตอนหนึ่งกล่าวถึงพระราชพิธีคเชนทรัศวสนาน หรือ การแห่ช้าง “ไตรภูมิโลกวินิจฉยกถา” เนื้อความตอนหนึ่งกล่าวถึงช้างเผือกแต่ละตระกูล “บทละครเรื่องรามเกียรติ์” เนื้อความตอนหนึ่งกล่าวถึงช้างเอราวัณ ซึ่งอินทรชิตให้ทหารจำแลงกายล่อลวงกองทัพของพระราม “บทละครเรื่องอุณรุท” เนื้อความตอนหนึ่งกล่าวถึงคชลักษณ์ของช้างเผือก และแทรกพิธีกรรมคล้องช้างไว้ในเรื่องด้วย “พระราชพิธีสิบสองเดือน” เนื้อความตอนหนึ่งกล่าวถึง พระราชพิธีคเชนทรัศวสนาน มีการแห่ช้างและช้างพระที่นั่ง “สมุทรโฆษคำฉันท์” เนื้อความตอนหนึ่งกล่าวถึงตอนที่หมอเฒ่าทำพิธีเบิกไพรวังช้าง พรรณนาถึงช้างทุรลักษณ์และช้างศุภลักษณ์   ๖. มองช้าง...ผ่านภาพจิตรกรรมทางศาสนา          หลักฐานรูปช้างที่มีปรากฏในงานพุทธศิลปกรรมเริ่มมีขึ้นในอินเดียเมื่อประมาณ ๒,๐๐๐ ปีก่อน อินเดียได้นำเอาคติความเชื่อเผยแพร่ผ่านทางศาสนาฮินดูและพุทธศาสนามายังสุวรรณภูมิ โดยให้ช้างอยู่ในฐานะสัตว์สัญลักษณ์แห่งอำนาจบารมีในรูปของเทพเจ้าและผู้หนุนนำพระศาสนา เป็นสัญลักษณ์ที่เป็นมงคลต่อการบำเพ็ญทานบารมีและความศักดิ์สิทธิ์ ดังปรากฏเรื่องราวในพุทธประวัติ ชาดก และศาสนพิธีต่าง ๆ ที่สะท้อนภาพผ่านจิตรกรรมฝาผนังอันวิจิตรบรรจง นอกจากเรื่องราวทางพุทธศาสนาแล้ว ภาพจิตรกรรมฝาผนังบางภาพยังสะท้อนถึงบทบาทด้านต่าง ๆ ของช้างในสังคมไทยทั้งการศึกสงคราม งานพระราชพิธี การต่างประเทศ การคมนาคมและการค้า การใช้งานในชีวิตประจำวัน ตลอดจนลักษณะของช้างตามตำราคชลักษณ์   ๗. “พระพิฆเนศวร์” ช้างในฐานะเทพเจ้า          “พระพิฆเนศวร์” หรือ “พระคเณศ” เป็นเทพเจ้าองค์หนึ่งในศาสนาฮินดู มีกำเนิดจากพระศิวะและแม่อุมาปารวตี ลักษณะที่สำคัญของพระพิฆเนศวร์ คือเป็นเทพที่มีพระเศียรเป็นช้าง พระกรรณกว้างใหญ่ งวงยาว มีร่างกายเป็นมนุษย์ และท้องพลุ้ย มีงาข้างเดียว มี ๔ กร ๖ กร ๘ กรบ้าง แล้วแต่ภาคที่จะเสด็จมา คำว่า “พระพิฆเนศวร์” นี้ แปลตามรูปศัพท์ได้ว่า “อุปสรรค” ด้วยเหตุนี้ จึงได้รับการยกย่องว่าเป็นเทพแห่งความสำเร็จ เทพแห่งการขจัดอุปสรรคทั้งปวง และยังเป็นเทพแห่งศิลปวิทยาและการประพันธ์ด้วย นอกจากจะเป็นที่เคารพนับถือของชาวฮินดูแล้ว ในแถบประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมทั้งประเทศไทย ยังเป็นที่นับถือของพวกหมอเฒ่า ซึ่งเป็นครูโพนช้าง คล้องช้าง และฝึกสอนช้าง ดังนั้นในการโพนช้าง คล้องช้าง หรือการประกอบพิธีเกี่ยวกับช้าง ผู้กระทำจะต้องทำการบวงสรวงบูชาและนมัสการพระพิฆเนศวร์ก่อน โดยนับถือพระองค์เสมือนเป็นเทพเจ้าประจำช้าง   เรียบเรียงโดย   นางสาวปริศนา ตุ้มชัยพร บรรณารักษ์ชำนาญการ   หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี  สำนักศิลปากรที่ ๕ ปราจีนบุรี  กรมศิลปากร   แหล่งข้อมูลอ้างอิง กรมศิลปากร.  ช้างต้น สัตว์มงคลแห่งพระจักรพรรดิ.  กรุงเทพฯ: กรมศิลปากร, ๒๕๓๙. กัลย์สุดา ทองอร่าม.  จิตรกรรมตามตำราการดูช้าง หอไตรคณะเหนือ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหารและพระอุโบสถ      วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร.  [ออนไลน์].  สืบค้นเมื่อ ๗ มีนาคม ๒๕๖๘, จาก https://sure.su.ac.th/xmlui/handle/123456789/4360 กาญจนา โอษฐยิ้มพราย.  โรงช้างต้น.  กรุงเทพฯ: สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรมศิลปากร, ๒๕๕๘.  กิตติยา กิตติบดีสกุล.  บทบาทของช้างเชิงสัญลักษณ์ในสมัยรัตนโกสินทร์.  [ออนไลน์].  สืบค้นเมื่อ ๗ มีนาคม ๒๕๖๘, จาก                https://sure.su.ac.th/xmlui/handle/123456789/2700 บุญเติม แสงดิษฐ.  วันสำคัญ.  กรุงเทพฯ: พชรการพิมพ์ , ๒๕๔๑.   พระสมุดตำราแผนคชลักษณ์.  กรุงเทพฯ: กรมศิลปากร, ๒๕๔๖.  พิพิธภัณฑ์โรงช้างต้นสวนจิตรลดา.  กรุงเทพฯ: สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรมศิลปากร, ๒๕๕๖. โสภนา ศรีจำปา.  พระคเณศ อมตะเทพอินเดียสู่สังคมไทยในมิติภาษาและวัฒนธรรม.  [ออนไลน์].  สืบค้นเมื่อ ๗ มีนาคม ๒๕๖๘, จาก        https://so05.tcithaijo.org/index.php/sujthai/article/view/33347 อมรา ศรีสุชาติ.  ช้างในพุทธวรรณกรรมและพุทธศิลปกรรม.  กรุงเทพฯ: กรมศิลปากร, ๒๕๕๐.



ชื่อเรื่อง                     สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฐาน)อย.บ.                       103/7ประเภทวัสดุ/มีเดีย       คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                   พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ               40 หน้า กว้าง 4.9 ซม. ยาว 57.5 ซม.หัวเรื่อง                     พระไตรปิฎก                              พระอภิธรรมบทคัดย่อ/บันทึก           เป็นคัมภีร์ใบลาน ธรรมอีสาน ฉบับล่องชาด มีไม้ประกับ


ชื่อเรื่อง                     สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฏฺฐาน)อย.บ.                       141/7ประเภทวัสดุ/มีเดีย       คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                   พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ               26 หน้า กว้าง 4.7 ซม. ยาว 55 ซม.หัวเรื่อง                     พระอภิธรรมปิฎก                              พระมหาปัฏฐานบทคัดย่อ/บันทึก           เป็นคัมภีร์ใบลาน  ฉบับล่องชาด ไม้ประกับธรรมดา ได้รับจาก จ.พระนครศรีอยุธยา


เลขทะเบียน : นพ.บ.616/1  ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณ                                                                                หมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 10 หน้า  ; 4.5 x 59 ซ.ม. : ลานดิบ-ล่องรัก ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 201 (49-56) ผูก 1 (2568)หัวเรื่อง : ตำนานพระธาตุพนม --เอกสารโบราณ             คัมภีร์ใบลาน             พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


ชื่อแบบฉบับ : มหานิปาตวณฺณนา ชาตกฎฺฐกถา ขุทฺทกนิกายฎฺฐกถา (ผูก ข3) ชื่อเรื่อง : ทสชาติ  สุวรรณสามชาดก-นารทชาดก (ผูก ข3) เลขทะเบียน : ชม.บ.557/ข3 ผู้แต่ง : ไม่ปรากฏ                     ผู้สร้าง : อุบาสิภิกษุ                   ปีที่สร้าง : จ.ศ.1085 (พ.ศ.2266) จำนวน : 1  คัมภีร์  14 ผูก (หอสมุดแห่งชาติฯ เชียงใหม่ มีผูก ก1, ข1-3, ค1-5:4ก, ฆ1-2, ง1-2)    จำนวนบรรทัด : 5 บรรทัด          จำนวนหน้า : 54 หน้า อักษร : ธรรมล้านนา                  ภาษา : บาลี-ไทยล้านนา             เส้น : จาร ฉบับ : ล่องชาด                        ไม้ประกับ : ทารัก ขอบทาชาด      ประเภทเอกสารโบราณ : คัมภีร์ใบลาน ประวัติ : อุบาสิภิกษุสร้าง จ.ศ.1085 (พ.ศ.2266 สมัยอยุธยา รัชกาลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ) มี 5 เรื่อง ได้มาจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเชียงใหม่  เมื่อวันที่ 24 กรกฏาคม 2531 โครงการ : พัฒนาระบบบริการห้องสมุดดิจิทัล หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก เชียงใหม่ ปี พ.ศ. 2568


เลขทะเบียน : นพ.บ.749/1ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณ                                                                                หมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 44 หน้า ; 4.5 x 57 ซ.ม. : ชาดทึบ-ลานดิบ-ล่องชาด-ล่องรัก ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 234 (370-381) ผูก 1 (2568)หัวเรื่อง : อาการวัตตสูตร--เอกสารโบราณ             คัมภีร์ใบลาน             พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


black ribbon.