ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 42,982 รายการ
ชื่อเรื่อง มหานิปาตวณฺณนา (เวสฺสนฺตรชาตก) ชาตกฏฐกถา ขุทฺทกนิกายฏฐกถา (หิมพานต์-นครกัณฑ์)
สพ.บ. 415/6ประเภทวัสดุมีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 32 หน้า กว้าง 4.5 ซม. ยาว 56 ซม.หัวเรื่อง พุทธศาสนา เทศน์มหาชาติ คาถาพัน ชาดก
บทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน ภาษาบาลี-ไทยอีสาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ-ลานดิบ-ล่องชาด ได้รับบริจาคมาจากวัดลานคา ต.โคกคราม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี
เลขทะเบียน : นพ.บ.178/4 ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 32 หน้า ; 4 x 51.5 ซ.ม. : ล่องรัก-ลานดิบ ; ไม้ประกับธรรมดาชื่อชุด : มัดที่ 101 (80-85) ผูก 4 (2565)หัวเรื่อง : สังฮอมธาตุ--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
ปพฺพชฺชานิสํสกถา (ปพฺพชฺชานิสํสงฺข)
ชบ.บ.53/1-1ค
เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
ชื่อเรื่อง สลากริวิชาสุตฺต (สลากวิชาสูตร)
สพ.บ. 319/2ก
ประเภทวัสดุมีเดีย คัมภีร์ใบลาน
หมวดหมู่ พุทธศาสนา
ลักษณะวัสดุ 34 หน้า กว้าง 5.1 ซม. ยาว 57.5 ซม.
หัวเรื่อง พุทธศาสนา
บทคัดย่อ/บันทึก
เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน ภาษาบาลี-ไทยอีสาน เส้นจาร ฉบับลานดิบ ได้รับบริจาคมาจาก วัดลานคา ต.โคกคราม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี
เลขทะเบียน : นพ.บ.274/1ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 56 หน้า ; 4.5 x 58.5 ซ.ม. : ชาดทึบ-ล่องชาด-ล่องรัก-ลานดิบ ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 117 (232-239) ผูก 1 (2565)หัวเรื่อง : ปริสุทธิสีลกถา(บริสุทธิ์ศีล)--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
กระทรวงศึกษาธิการ. กรมวิชาการ. แบบสอนอ่านสังคมศึกษา ชุดเสริมประสบการณ์สังคมศึกษา เล่ม
1 ชั้นประถมปีที่ 1. พระนคร: โรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่น, 2515.
เป็นแบบเรียนวิชาสังคมศึกษาสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ที่บอกเล่าเรื่องราวในสังคมที่อาศัยร่วมกันตั้งแต่สังคมครอบครัว สังคมภายนอก การพึ่งพาอาศัยและการประกอบอาชีพที่สุจริต การเป็นคนดีในสังคม ที่ได้รับการอบรมสั่งสอนจากผู้ใหญ่ให้อยู่กันอย่างเครือญาติไว้ใจกัน และระมัดระวังในการดำรงชีพด้วยการใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียง
ขอเชิญรับชม มหาวชิราวุธ โรงเรียนหลวงแห่งแรกของภาคใต้ https://youtu.be/aP-7zi5oisc
องค์ความรู้ ส่งเสริมการอ่านผ่านออนไลน์ เรื่อง “น้ำตกพลิ้ว”
จันทบุรีเป็นเมืองท่องเที่ยว มีสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติมากมาย ทั้งน้ำตก ทะเล หาดทราย เสน่ห์ของเมืองจันท์นอกจากทะเลแล้ว ก็ยังมีน้ำตกที่สวยงาม น่าท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจอยู่หลายแห่ง เข้าหน้าฝนแล้ว น้ำตกจะมีน้ำมากเหมาะแก่การเล่นน้ำพักผ่อน ในตอนนี้จะนำเสนอเรื่องของน้ำตกพลิ้ว
ที่มาของชื่อ “พลิ้ว” นั้น มาจากภาษาขอม มีความหมายว่า ทรายหรือหาดทราย สันนิษฐานกันว่าชื่อน้ำตกพลิ้ว คงมาจากต้นไม้ชนิดหนึ่งที่ชอบขึ้นในที่ดินปนทราย ลักษณะเป็นไม้เถา มีดอกเป็นช่อ ผลเล็กคล้ายลูกเกด สีเหลืองอมแดงขึ้นอยู่ทั่วไปในแถบนี้ (ปัจจุบันอุทยานฯปลูกไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ดูด้วย)
น้ำตกพลิ้วเป็นน้ำตกสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในจังหวัดจันทบุรี อยู่ในเทือกเขาสระบาปภายในอุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว อยู่ในตำบลพลิ้ว อำเภอแหลมสิงห์ ห่างจากตัวเมืองจันทบุรีไปทางจังหวัดตราดตามเส้นทางถนนสุขุมวิท 15 กิโลเมตร แล้วแยกซ้ายมือตรงหลักกิโลเมตรที่ 347 เข้าไปอีก 2 กิโลเมตร เป็นถนนราดยางตลอดก็จะถึงบริเวณน้ำตก ก่อนถึงตัวน้ำตกจะผ่านที่ทำการอุทยาน ที่มีนิทรรศการให้ความรู้เรื่องป่าและสถานที่ท่องเที่ยวภายในน้ำตก
น้ำตกพลิ้วตกลงมาจากหน้าผาสูง ลดหลั่นลงมา 3 ชั้น มีอ่างศิลาธรรมชาติรองรับเป็นชั้นๆ น้ำที่ตกลงมาถึงอ่างศิลา 20 เมตร จะกระทบแง่หินแตกกระจายเป็นฟองฝอย และน้ำใสมาก ในแอ่งน้ำเป็นที่อาศัยของฝูงปลาจำนวนมาก โดยเฉพาะปลาฟองหิน สองฟากฝั่งลำธารมีต้นไม้ใหญ่น้อยเขียวขจีน่าชม เป็นเอกลักษณ์และจุดเด่นของที่นี่
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จประพาสหลายคราว ทรงโปรดสถานที่แห่งนี้ ได้สร้างสิ่งก่อสร้างเป็นอนุสรณ์ คือ อลงกรณ์เจดีย์สร้างในปี พ.ศ. 2419 เป็นเจดีย์ที่มีมอสปกคลุมเขียวขจี ส่วนสถูปพระนางเรือล่มสร้างในปี พ.ศ. 2424 เพื่อเป็นที่ระลึกแก่สมเด็จ พระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ บรมราชเทวี เมื่อครั้งที่พระองค์เสด็จมาที่นี และภายหลังที่พระนางสิ้นพระชนม์จากเรือพระประประเทียบล่มแล้ว ภายในสถูปก็ได้บรรจุพระอังคารของพระนางเจ้าฯด้วย
อ้างอิง : ที่ระลึกในพิธีเปิดหอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี : อัมรินทร์ พริ้นติ้ง กรุ๊พ. 2533.
มัทธิว เจ. (2542, เมษายน). “เที่ยวป่าจันท์.” Trips Magazine. ปีที่ 3 ฉบับที่ 30 : หน้า 66 - 76.
ผู้เรียบเรียง : นายประพนธ์ รอบรู้
นักวิชาการโสตทัศนศึกษาชำนาญการ หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี สำนักศิลปากรที่ 5 ปราจีนบุรี
พระพิมพ์ คือ รูปเคารพขนาดเล็กในพุทธศาสนาที่สร้างขึ้นจากแม่พิมพ์ โดยวัสดุในการสร้างนั้นมีหลายประเภท เช่น โลหะประเภทต่าง ๆ และสิ่งที่ไม่ใช่โลหะ อันได้แก่ ดิน ซึ่งมีทั้งดินเผา และดินดิบ
คติในการสร้างพระพิมพ์นั้นมีหลากหลาย เช่น สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกในการจาริกแสวงบุญ ณ สังเวชนียสถาน สร้างขึ้นเพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนา สร้างขึ้นเพื่อเป็นกุศลสำหรับตัวเองหรืออุทิศบุญกุศลให้แก่ผู้อื่น หรือแม้กระทั่งในปัจจุบัน ที่สร้างขึ้นเพื่อการสักการบูชาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจเฉกเช่น เครื่องรางของขลัง วัตถุมงคล
พระพิมพ์ปางสมาธินี้ สร้างขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ ราวพุทธศตวรรษที่ ๒๕ (ประมาณ ๑๐๐ ปีมาแล้ว) เป็นพระพิมพ์เนื้อผง ที่มีขนาดกว้าง ๑.๕ เซนติเมตร สูง ๒ เซนติเมตร
พระพิมพ์มีลักษณะเป็นรูปพระพุทธเจ้าประทับในอิริยาบถสมาธิ พระเศียร (หัว) ค่อนข้างกลม พระกรรณ (หู) ยาว พระเกตุมาลา (ส่วนยอดเหนือพระเศียร) แหลม พระอังสา (ไหล่) กว้าง หงายพระหัตถ์ (มือ) วางซ้อนกันบนพระเพลา (ตัก) ครองจีวรห่มเฉียง ประทับ (นั่ง) ขัดสมาธิราบบนฐานบัว พระพิมพ์องค์นี้อยู่ในรูปทรงสามเหลี่ยมมุมมน ฐานด้านล่างองค์พระปรากฏรูที่เกิดจากขั้นตอนการนำพระออกจากแม่พิมพ์
ตามประวัติบันทึกไว้ว่า พระครูวิมลคุณากร (ศุข เกสโร) แห่งวัดปากคลองมะขามเฒ่า จังหวัดชัยนาท สร้างพระพิมพ์ปางสมาธิเนื้อผง (พระหลวงปู่ศุข พิมพ์แจกแม่ครัว) นี้ ขึ้นราว พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๔๖๓ นักสะสมพระเครื่องพระพิมพ์ เรียกพระพิมพ์นี้ว่า “พระหลวงปู่ศุข พิมพ์แจกแม่ครัว” เนื่องด้วยมีการเล่าขานกันต่อมาว่า มีการแจกพระพิมพ์นี้ให้กับผู้ที่มาช่วยทำครัวที่วัดปากคลองมะขามเฒ่า โดยพระพิมพ์องค์นี้ พระครูแห่งวัดปากคลองมะขามเฒ่า อำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท ได้มอบให้ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ชัยนาทมุนี เก็บรักษาไว้เป็นสมบัติของชาติ สืบไป
ผู้สนใจสามารถเข้าชมพระพิมพ์ปางสมาธิ (พระหลวงปู่ศุข พิมพ์แจกแม่ครัว) นี้ได้ที่อาคารจัดแสดงชั้น ๒ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ชัยนาทมุนี จังหวัดชัยนาท
-----------------------------------------------------
ที่มาภาพ : หนังสือพระพิมพ์ : พระเครื่องเมืองไทย
ที่มาของข้อมูล : พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ชัยนาทมุนี https://www.facebook.com/1944769395803916/posts/3357825074498334/
“วัดวงศมูลวิหาร” เป็นวัดที่สร้างขึ้นภายในเขตจวนเดิมของสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก เมื่อเสด็จเถลิงถวัลยราชย์เป็นรัชกาลที่ ๑ แล้ว ได้พระราชทานบ้านหลวงให้เป็นที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอทั้ง ๒ พระองค์ ตามลำดับ กระทั่งในปี ๒๓๕๒ พระราชนิเวศน์เดิมจึงได้เป็นที่ประทับของพระองค์เจ้าชายประยงค์ หรือ “กรมขุนธิเบศรบวร” (ต้นราชสกุล บรรยงกะเสนา ณ อยุธยา) และเป็นเจ้านายผู้สร้างวัดนี้ขึ้น สันนิษฐานว่าเริ่มสร้างก่อนปี ๒๔๐๐ ด้วยมีหลักฐานระบุเรื่องวัดในสมัยรัชกาลที่ ๔ ว่า “...กรมขุนธิเบศบวรสร้างขึ้นที่หลังวังวัดหนึ่งก็ค้างอยู่ โปรดให้บุรณะปฏิสังขรณ์ต่อไป...” กระทั่งแล้วเสร็จบริบูรณ์ในสมัยรัชกาลที่ ๕ ดังปรากฏว่ามีการพระราชทานวิสุงคามสีมาในปี ๒๔๑๘ สันนิษฐานภายในเขตพระอารามมีอาคารประกอบกิจของสงฆ์ เช่น พระอุโบสถ กุฏิสงฆ์ โรงทึม (โรงสำหรับตั้ง หรือเก็บศพ) รวมถึงพื้นที่เผาศพ ด้วยวัดวงศมูลวิหารถูกจัดเป็นวัดที่ห้ามเผาในฤดูลมตะวันตก (เพื่อไม่ให้กลิ่นสร้างความรำคาญแก่ชาวบ้าน หรือลอยเข้าพระบรมมหาราชวัง)
.
โดยความพิเศษของวัดวงศมูลวิหารประการหนึ่ง คือในส่วนของอาคารอุโบสถที่หันออกทางด้านแป ดังมีหลักฐานระบุใน “สาส์นสมเด็จ” ถึงเหตุแห่งซ่อมแปลง “...เล่ากันมาว่า เมื่อกรมขุนธิเบศร์บวรสร้างวัดวงศ์มูลก็หันหน้าโบสถ์และพระประธานไปทางตะวันออก เมื่อสร้างวัดแล้วอยู่มา กรมขุนธิเบศร์บวรไม่ทรงสบาย.. เห็นกันว่า เพราะสร้างวัดตั้งพระประธานหันหน้าเข้าไปทางตำหนัก จึงให้ย้ายพระประธานไปตั้งทางด้านแป...” จึงถือเป็นอาคารพิเศษที่หันออกทางด้านยาว ดังปัจจุบันปรากฏประตูทางเข้า ทั้งทางทิศตะวันออก และทิศเหนือ รวมถึงมีการประดับใบเสมาติดเสา ลักษณะคล้ายพระอุโบสถสกุลช่างวังหน้าอีกด้วย ต่อมาวัดนี้ถูกยุบเลิกไปในปี ๒๔๕๙ โดยกองทัพเรือได้ขอที่ดินของวัดเพื่อจัดสร้างอู่หมายเลข ๒ คงเหลือไว้เพียงอุโบสถหลังเดียวเท่านั้น
.
นอกเหนือจากความพิเศษของวัดวงศ์มูลวิหาร ยังมีสถานที่น่าสนใจในกิจกรรม Museum Travel ไม่ว่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นชุมชนตรอกข้าวเม่า พิพิธภัณฑ์อาคารสายสุทธานภดล พิพิธบางลำพู ฯลฯ ทั้งนี้ยังสามารถติดตามข่าวสารได้ทางแฟนเพจ Office of National Museums, Thailand ...แล้วพบกันนะครับ...
.
ภาพที่ ๑ ป้ายหน้าโบสถ์วัดวงศมูลวิหาร (โบราณสถาน) ภาพที่ ๒ โบสถ์วัดวงศมูลวิหารด้านทิศตะวันตก ประดับใบเสมาติดเสา ภาพที่ ๓ พระพุทธรูปในซุ้มหินอ่อน อิทธิพลศิลปะตะวันตก ด้านล่างมีแผ่นโลหะระบุศักราช ๑๑๑ (พ.ศ. ๒๔๓๖) ภาพที่ ๔ แนวกำแพงของพระนิเวศน์เดิม ภายในกรมอู่ทหารเรือ
.
เผยแพร่และภาพโดย ศรัญ กลิ่นสุคนธ์ ภัณฑารักษ์ กลุ่มทะเบียน คลังพิพิธภัณฑ์และสารสนเทศ สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรมศิลปากร