ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,749 รายการ


เลขทะเบียน : นพ.บ.25/5ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ :  50 หน้า  ; 4.5 x 50.5 ซ.ม. : ล่องรัก ; ไม้ประกับธรรมดา มีฉลากไม้ชื่อชุด : มัดที่ 12 (123-137) ผูก 5หัวเรื่อง : ธรรมบท --เอกสารโบราณ            คัมภีร์ใบลาน            พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


   


ชื่อเรื่อง : สังข์ศิลป์ชัย กลอนสวด ชื่อผู้แต่ง : - ปีที่พิมพ์ : 2512 สถานที่พิมพ์ : กรุงเทพฯ สำนักพิมพ์ : คุรุสภาพระสุเมรุ จำนวนหน้า : 478 หน้า สาระสังเขป : กลอนสวดเรื่องสังข์ศิลป์ชัยเล่มนี้ พิมพ์แจกในงานกฐินพระราชทาน ณ วัดป่าโมก มีเนื้อหาประกอบด้วยประวัติวัดป่าโมก คำจารึกแผ่นศิลาในวิหารพระพุทธไสยาสน์ และกลอนสวดเรื่องสังข์ศิลป์ชัย ซึ่งเป็นกลอนสวดที่มีความใกล้ชิดกับคนไทยมาช้านาน โดยเฉพาะในการหัดให้เด็กอ่านออกเขียนได้ และการชักจูงใจคนให้เลื่อมใสในหนังสือ และพุทธศาสนา 


ชื่อผู้แต่ง              - ชื่อเรื่อง               โคลงสุภาษิตประจำภาพในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม สถานที่พิมพ์        - สำนักพิมพ์           โรงพิมพ์รุ่งเรืองธรรม ปีที่พิมพ์              ๒๔๙๘ จำนวนหน้า         ๙๐    หน้า หมายเหตุ            พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ หลวงสรรสุรพล (เปรม  ตัณฑประภา) ณ เมรุวัดยานนาวา จังหวัดพระนคร วันที่   ๑๗  เมษายน พ.ศ. ๒๔๙๘                         โคลสุภาษิตไทยที่พิมพ์ในสมุดเล่มนี้ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดฯให้จารึกแผ่นศิลา ติดไว้ใต้รูปภาพซึ่งโปรดฯ ให้พระอาจารย์อินโข่ง วัดราชบูรณะ เขียนไว้ที่ผนังกรอบประตู และหน้าต่างพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม


เรื่องที่ 355 พระคัมภีร์ใบลานนี้ ได้มาจากวัดบึงชนัง ต.หนองตาคง อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2532 เป็นคัมภีร์อักษรขอมทั้งผูก เนื้อเรื่องเป็นภาษาบาลี-เขมร ตัวอักษรหนังสือเป็นเส้นจาร ฉบับล่องชาด ไม้ประกับธรรมดา มีทั้งหมด 12 ผูก หอสมุดแห่งชาติฯมีผูก 1-9 , 11-13 เนื้อหาเกี่ยวกับชาดก เรื่องพระมหาเวสสันดรชาดก ตอนนครกัณฑ์ มหาเวสสันดรชาดก เป็นชาดกเรื่องหนึ่งในทศชาติชาดก กล่าวถึงพระชาติสุดท้ายของพระโพธิสัตว์ในการบำเพ็ญทานบารมี ก่อนจะทรงอุบัติเป็นพระโคตมพุทธเจ้า มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า "มหาชาติชาดก" ในการเทศนา เรียกว่า "เทศน์มหาชาติ มีทั้งหมด 13 กัณฑ์ด้วยกันเลขทะเบียน จบ.บ.355/1-9,11-13


วิฬาร์  หทัยภัทร.  ดม ดู ดีด 3 เทคนิคง่ายๆ ในการเลือกทุเรียน.  จันท์ยิ้ม.  2 , (4 ) : 10 - 11 ; เมษายน - พฤษภาคม  2560.              ภายในเล่ม กล่าวถึงวิธีการแยกทุเรียนของคุณ "อัศว์  สวนจันท์"  ที่ได้ให้แนวทางสำหรับดูทุเรียนว่าลูกไหนอ่อนยังตัดไม่ได้ ลูกไหนแก่ตัดได้แล้ว ด้วยวิธีการ 1. ดมกลิ่น ถ้ามีกลิ่นหอมไม่ว่าจะพันธุ์อะไรก็บ่มสุกได้ทั้งสิ้น อยู่ที่ว่าจะสุกงอมแค่ไหนเท่านั้น    2. ดูปลิงหรือปากปลิง ต้องบวมนูนออกมาพร้อมกับมีสี -น้ำตาลเข้ม เมื่อใช้นิ้วลูบแล้วสากเนื่องจากมีเม็ดตุ่มเล็กๆทั่วไป รอยต่อปากปลิงจะแยกให้เห็นเป็นเส้นขาวๆ คล้ายกับจะหลุดออกจากกัน  ถ้ามีลักษณะตามนี้แสดงว่าแก่จัด  แต่ถ้าไม่ครบถ้วน แต่มีลักษณะอย่างใดชัด -นั่นแสดงว่าแก่จัดน้อยลงตามส่วนก็น่าจะบ่มสุกได้ทั้งนั้น  3. ถัดไปก็ต้องเคาะฟังเสียงใช้นิ้วดีดหรือไม้เคาะเบาๆที่พลูทุเรียน หากเคาะทุกพลูยิ่งดี  ถ้าเสียงทึบแสดงว่าอ่อน  เสียงโปร่งแสดงว่าแก่  หลักการก็คือ เนื้อ --ทุเรียนจะเติบโตขึ้นมาพร้อมกับเปลือกที่หุ้มอยู่ในช่วงแรกสนิทแนบแน่นดี พอเริ่มแก่เนื้อมีการถ่ายเทสะสมอาหาร เนื้อจะหดแยกจากเปลือกเล็กน้อย ทำให้มีช่องว่างเกิดขึ้น เวลาเคาะเสียงจึงโปร่งๆ ไม่แน่นทึบนั่นเอง






นางสาวฑาริกา กรรมจันทร์ หัวหน้าฝ่ายบริหารงานทั่วไปและนางสาวอรุณี เนียนไธสง นักวิเคราะห์นโยบายและแผนร่วมงานเสวนาปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปภาคตะวันออกเฉียงเหนือในวันจันทร์ที่ ๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ณ สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐





          “ดำเนินสะดวก” เป็นชื่อคลองที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๔ โปรดเกล้าฯให้ขุดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๐๙ เชื่อมจากแม่น้ำท่าจีนเริ่มจากปากคลองบางยาง อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาครกับแม่น้ำแม่กลอง ต.บางนกแขวก อ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม ขนาดคลองที่ขุดในระยะแรกมีความกว้าง ๖ วา (๑๒ เมตร) ลึก ๖ ศอก (๓ เมตร) ความยาว ๘๔๐ เส้น (๓๒ กิโลเมตรโดยประมาณ) สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) เมื่อครั้งยังเป็นที่พระสมุหกลาโหม เป็นผู้อำนวยการขุด โดยเกณฑ์แรงงานทหาร ข้าราชการ ประชาชน และจากการจ้างแรงงานกรรมกรชาวจีน การขุดนั้นใช้วิธีการขุดดินระยะหนึ่งแล้วเว้นไว้ไม่ต้องขุดดินระยะหนึ่ง เมื่อน้ำหลากมาจะเซาะดินที่เว้นไว้ไม่ได้ขุดพังทลายไป พร้อมทั้งมีการแบ่งคลองออกเป็นระยะๆระยะหนึ่งยาว ๑๐๐ เส้น (ประมาณ ๔ กิโลเมตร) จะมีเสาหินปักไว้เป็นหลักเขต แต่ละหลักได้จำหลักเลขไทย เลขโรมัน และเลขจีนกำกับไว้ทุกหลัก คลองนี้ใช้เวลาขุด ๒ ปี โดยใช้งบประมาณในการขุดเป็นค่าเงินในสมัยนั้นจำนวน ๑,๔๐๐ ชั่ง (๑๑๒,๐๐๐ บาท) โดยเป็นทรัพย์สินของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจำนวน ๔๐๐ ชั่ง (๓๒,๐๐๐บาท) สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ จำนวน ๑,๐๐๐ ชั่ง เมื่อทำการขุดจนแล้วเสร็จ ได้มีการนำแผนผังคลองขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเพื่อขอพระราชทานนาม ซึ่งเมื่อทรงทอดพระเนตรแล้วทรงเห็นว่าคลองนี้มีเส้นทางตรงที่สุดกว่าคลองอื่นๆที่มีการขุดขึ้นในช่วงนั้น จึงได้รับพระราชทานนามว่า“ดำเนินสะดวก” และสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ได้ประกอบพิธีเปิดคลองนี้เมื่อวันจันทร์เดือน ๗ ขึ้น ๔ ค่ำ (ตรงกับวันที่ ๒๕ พ.ค. พ.ศ.๒๔๑๑)           พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ เคยเสด็จพระราชดำเนินคลองดำเนินสะดวกหลายครั้งทั้งเสด็จประพาสและเสด็จพระราชดำเนินผ่านไปยังที่ต่างๆ ในปี ๒๔๓๑ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเสด็จประพาสไทรโยคครั้งที่ ๓ ปรากฏในพระราชนิพนธ์ว่า“...วันพฤหัสบดีขึ้น ๗ ค่ำเดือน ๓ ...เสด็จจากเมืองราชบุรีล่องลงไปถึงบ้านสี่หมื่นไปตามคลองดำเนินสะดวก ผ่านวัดโชติทายการามถึงหลักเจ็ด โคกไผ่ เมื่อถึงหลักห้าก็เป็นอันสิ้นสุดเขตเมืองราชบุรี...”           ต่อมาในปี ๒๔๔๘ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสต้นที่คลองดำเนินสะดวก ซึ่งจดหมายนายทรงอานุภาพ (สมเด็จพระบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ) มหาดเล็กผู้ตามเสด็จได้บันทึกไว้ว่า “...ครั้นรุ่งขึ้นวันที่ ๑๖ ออกเรือล่วงหน้ามาคอยเสด็จอยู่ที่ปากคลองดำเนินสะดวก พอประมาณ ๔ โมงเช้ากระบวนเสด็จมาถึงเลยเข้าคลองต่อมา น้ำกำลังท่วมทุ่งคันคลองเจิ่งทั้งสองข้างแล่นเรือได้สะดวก พอบ่ายสัก ๓ โมงก็มาถึงหลักหกหยุดกระบวนประทับแรมที่วัดโชติทายการาม...”           ผลจากการขุดคลองดำเนินสะดวกในครั้งนั้น นอกจากจะเป็นส่งเสริมการค้าหลังการทำสนธิสัญญาเบาว์ริ่ง การคมนาคมสัญจรไปมาติดต่อกันทางน้ำด้วยความสะดวกแล้ว ยังส่งผลให้ผู้คนอพยพเข้าไปตั้งถิ่นฐานอยู่อาศัยตลอดคลองดำเนินสะดวกเพิ่มขึ้นจากเดิมเป็นจำนวนมาก ดังรายงานเสด็จตรวจราชการมณฑลราชบุรีปี ๒๔๔๑ ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพระบุว่า “...ที่สองฟากคลองดำเนินสะดวก เปนที่ทิ้งให้รกร้างอยู่มากกว่าที่มีผู้ทำเปนไร่นา ได้ความว่าที่เหล่านี้ที่จริงเปนที่ดี แต่เปนที่มีเจ้าของอยู่ในวงษ์วานญาติของสมเด็จเจ้าพระยา...” เปรียบเทียบกับปี ๒๔๕๒ ซึ่งในพระราชหัตถเลขาของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อคราวเสด็จประพาสมณฑลราชบุรีกล่าวถึงถึงพื้นที่คลองดำเนินสะดวกไว้ว่า“...ในลำคลองระยะหลัก๑ หลัก๒ จนกระทั่งถึงหลัก ๓ เดิมเป็นจากและปรง เดี๋ยวนี้มีจากและปรงเข้าไปไม่ถึงหลัก ๑ เป็นไร่นาไปหมดได้ความว่าดีมาก...”แสดงให้เห็นว่ามีผู้เข้ามาอยู่อาศัยบริเวณคลองดำเนินสะดวกมีจำนวนเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลให้มีการขุดคลองลัดซอยมากกว่า ๒๐๐ คลองในเวลาต่อมา และมีการบุกเบิกป่ากลายเป็นนาเปลี่ยนจากนามาเป็นสวนเป็นไร่มากขึ้น           นอกจากนี้ในรายงานโครงการทดน้ำไขน้ำฯ ของมิสเตอร์ เยโฮมานวาเดอร์ ไฮเด กระทรวงเกษตราธิการ ได้กล่าวถึงปริมาณเรือที่เข้าออกในคลองดำเนินสะดวกนั้นมีเป็นจำนวนมากเพราะนอกจากจะมีเรือซื้อข้าวและเรือสินค้าดังกล่าวแล้ว ยังมีเรือสินค้าอื่นๆแทบทุกอย่าง ทั้งเครื่องอุปโภค บริโภคจากกรุงเทพฯ เข้ามาด้วย จำนวนเรือที่เข้าออกในคลองนี้ชั่วระยะเวลาเพียง๕วัน ในช่วงเดือนเม.ย.พ.ศ. ๒๔๔๕ มีจำนวนถึง ๓,๑๖๘ ลำ           การเป็นเส้นทางคมนาคมที่สำคัญของคลองดำเนินสะดวกนั้นยังเห็นได้จาก ในปี ๒๔๔๗ เจ้าพระยาเทเวศรวงษ์วิวัฒน์ เสนาบดีกระทรวงเกษตราธิการ รับพระบรมราชโองการฯ ให้ประกาศแก่ประชาชนทราบโดยทั่วกันว่า คลองดำเนินสะดวกซึ่งทรงพระกรุณาให้กระทรวงเกษตราธิการขุดซ่อมใหม่ นั้นได้ขุดซ่อมเสร็จแล้ว กำหนดเปิดให้ประชาชนใช้คลองได้ตั้งแต่วันที่ ๑๘ พฤษภาคม รัตนโกสินทร์ศก ๑๒๓ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้กระทรวงเกษตราธิการเป็นเจ้าหน้าที่จัดการรักษาและซ่อมคลองนี้ไว้ให้เรียบร้อย เพื่อให้ประชาชนใช้คลองได้โดยสะดวกเสมอไป ทรงพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ออกกฎข้อบังคับไว้เพื่อดูแลรักษาคลองแห่งนี้ เช่น กฎเสนาบดีกระทรวงเกษตราธิการ เป็นข้อบังคับสำหรับคลองดำเนินสะดวก กฎกระทรวงเกษตราธิการ สำหรับเจ้าพนักงานรักษาคลองดำเนินสะดวก           หลักฐานต่างๆเหล่านี้ ล้วนสะท้อนให้เห็นว่าคลองดำเนินสะดวกหรือที่ชาวบ้านเรียกกันทั่วไปว่า“คลองใหญ่” เป็นคลองสายสำคัญสายหนึ่ง ที่มีเอกลักษณ์และความสำคัญทางประวัติศาสตร์เป็นอย่างมาก ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเป็นเส้นทางคมนาคม ขนส่งสินค้า ตลอดจนสองฝั่งคลองยังเป็นพื้นที่เกษตรกรรมที่สำคัญที่มีความอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่งของไทย นอกจากนี้การขุดคลองดำเนินสะดวก ยังส่งผลต่อการเมือง การปกครอง ทำให้พระมหากษัตริย์เสด็จพระราชดำเนินตามหัวเมืองต่างๆ และสามารถเข้าถึงชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎรได้เนื่องจากมีการคมนาคมที่สะดวกขึ้น คลองดำเนินสะดวกจึงถือเป็นคลองที่สำคัญแห่งหนึ่งของประวัติศาสตร์ไทย ภาพ ๑ บ้านเรือนบริเวณริมคลองดำเนินสะดวก พ.ศ.๒๔๗๙ ภาพ ๒ เรือบรรทุกหอมบริเวณคลองดำเนินสะดวก พ.ศ.๒๔๗๙ ภาพ ๓ เรือบรรทุกพริกในคลองดำเนินสะดวก พ.ศ.๒๔๗๙ ภาพ ๔ คลองดำเนินสะดวก ภาพโดยคุณ ณัฐวุฒิ คล้ายศิริ ที่มาของภาพ: https://collections.lib.uwm.edu/digital/collection/agsphoto/------------------------------------------เรียบเรียง : นางสาวปราจิน เครือจันทร์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ราชบุรี -----------------------------------------*อ้างอิง มโน กลีบทอง,พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ราชบุรี,สำนักพิมพ์สมาพันธ์ จำกัด,พ.ศ.๒๕๔๔. สถาบันดำรงราชานุภาพ “รายงานการเสด็จตรวจราชการมณฑลราชบุรี เมืองราชบุรีและเมืองสมุทรสงคราม พ.ศ.๒๔๔๑ ร.ศ.๑๑๗” การเสด็จตรวจราชการหัวเมืองของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ.๒๕๕๕. องค์การบริหารส่วนจังหวัดราชบุรี,พระบรมราชจักรีวงศ์กับเมืองราชบุรี,กรุงเทพฯ: อมรินทร์การพิมพ์,๒๕๒๕.พระบรมราชจักรีวงศ์กับเมืองราชบุรี, จัดพิมพ์เป็นที่ระลึกเนื่องในมหามงคลสมัยสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ ๒๐๐ ปี จังหวัดราชบุรี พุทธศักราช ๒๕๒๕. หจช.,ร๕กษ๙/๕, รายงานโครงการทดน้ำไขน้ำสำหรับเขตที่ราบแห่งลาดแม่น้ำเจ้าพระยาตอนใต้ของมิสเตอร์ เยโฮมานวาเดอร์ ไฮเด กระทรวงเกษตราธิการ ( ๒๔ ม.ค.ปี ๒๔๔๖,หน้า ๖๑).


***บรรณานุกรม***     ผดุงถิ่นยุคข่าวเศรษฐกิจ     ปีที่ 15(6)     ฉบับที่ 645(239)    วันที่ 16-31 มกราคม 2534


black ribbon.