ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,759 รายการ


องค์ความรู้ สำนักศิลปากรที่ ๙ อุบลราชธานี เรื่อง โกลนหน้าบันอิฐ ร่องรอยปูนปั้น ณ ปราสาทบ้านเบญจ์ จ.อุบลราชธานี ผู้เรียบเรียง: นายกฤษณพงศ์ พูนสวัสดิ์ นักโบราณคดีปฏิบัติการ สำนักศิลปากรที่ ๙ อุบลราชธานี


สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 149/2เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)


สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 178/6ฆเอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)



ชื่อเรื่อง : เสด็จประพาสต้นในรัชกาลที่ 5 พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานฌาปนกิจศพ หม่อมสนิท กฤดากร ณ เมรุวัดธาตุทอง พระโขนง วันที่ 6 มีนาคม พุทธศักราช 2510 ชื่อผู้แต่ง : จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, พระบาทสมเด็จพระ ปีที่พิมพ์ : 2510สถานที่พิมพ์ : พระนคร สำนักพิมพ์ : โรงพิมพ์กรมสรรพสามิต จำนวนหน้า : 114 หน้า สาระสังเขป : หนังสือเล่มนี้จัดพิมพ์เนื่องในงานฌาปนกิจศพ กฤดากร ณ เมรุวัดธาตุทอง พระโขนง วันที่ 6 มีนาคม พุทธศักราช 2510 เรื่องราวในหนังสือเริ่มจากนายทรงอานุภาพ เขียนจดหมายเล่าเรื่องประพาสต้นไว้ 8 ฉบับ และพระราชนิพนธ์เสด็จประพาสต้น ตั้งแต่วันที่ 27 กรกฎาคม รศ. 125 เสด็จเรือจากกรุงเทพ ประทับแรมบ้านดงตาล เกาะลอย ศาลาลอย บ้านเสาไห้ เมืองสระบุรี บางปะอิน เมืองอ่างทอง เมืองสิงห์ อำเภอสรรพยา นครสวรรค์ เมืองขานุ กำแพงเพชร จนถึงวันที่ 29 สิงหาคม ร.ศ. 125


         พระพิมพ์พระสาวกมีจารึก “โกลิวิโส” จากเจดีย์หมายเลข ๑๑ เมืองโบราณอู่ทอง          พระพิมพ์พระสาวกมีจารึก “โกลิวิโส” พบร่วมกับพระพิมพ์พระสาวกมีจารึกองค์อื่น ๆ รวม ๗ องค์ จากการขุดแต่งเจดีย์หมายเลข ๑๑ เมืองโบราณอู่ทอง อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๖ จัดแสดง ณ ห้องอู่ทองศรีทวารวดี พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง          พระพิมพ์พระสาวก กว้าง ๕.๗ เซนติเมตร สูง ๖ เซนติเมตร ส่วนเศียรชำรุดหักหายไป หากมีสภาพสมบูรณ์สันนิษฐานว่ามีรูปแบบศิลปกรรมเหมือนพระพิมพ์พระสาวกองค์อื่น ๆ ที่พบร่วมกัน กล่าวคือ มีเศียรเรียบไม่มีอุษณีษะและเม็ดพระศกเหมือนพระพุทธรูป มีพักตร์กลม ขนงต่อกันเป็นปีกกา เนตรเหลือบต่ำ นาสิกใหญ่ โอษฐ์แบะ ครองจีวรเรียบห่มเฉียงเปิดอังสาขวา หัตถ์ทั้งสองประสานกันในท่าสมาธิ นั่งขัดสมาธิเพชรบนฐานหน้ากระดานเรียบ มีแผ่นหลังรูปสามเหลี่ยมปลายมน ด้านหลังพระพิมพ์แบนเรียบ มีจารึกตัวอักษรปัลลวะ ภาษาบาลี จำนวน ๑ บรรทัด ความว่า “โกลิวิโส” กำหนดอายุราวพุทธศตวรรษที่ ๑๒ หรือประมาณ ๑,๔๐๐ ปีมาแล้ว           นักวิชาการเสนอว่าจารึก “โกลิวิโส” มาจากนาม “โสโณ โกฬิวิโส” หมายถึง พระโสณโกฬิวิสะ ซึ่งเป็นเอตทัคคะผู้เป็นเลิศด้านความเพียร เมื่อคราวบำเพ็ญเพียรก็กระทำเกินความพอดี คือเดินจงกรมจนเท้าแตก เมื่อเดินไม่ได้จึงคลาน เมื่อคลานจนเข่าแตก มือแตกแต่ก็ยังไม่สามารถบรรลุอรหันต์ได้จนคิดสึกเป็นคฤหัสถ์ พระพุทธเจ้าจึงตรัสสอนให้บำเพ็ญเพียรแต่พอดี โดยเปรียบเทียบกับสายพิณที่ขึงตึงเกินไป หย่อนเกินไป และตึงพอดี พระโสณโกฬิวิสะจึงได้บำเพ็ญเพียรแต่พอดีจนบรรลุเป็นพระอรหันต์          พระโสณโกฬิวิสะ ยังเป็นหนึ่งใน “พระอสีติมหาสาวก” ซึ่งหมายถึงพระสาวกสำคัญจำนวน ๘๐ รูป ของพระพุทธเจ้าตามคัมภีร์ภาษาบาลีของพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาท เช่นเดียวกันกับพระพิมพ์พระสาวกมีจารึกองค์อื่นที่พบร่วมกัน ได้แก่ พระสารีบุตร พระมหากัสสปะ หรือ พระมหากัจจายนะ พระกังขาเรวตะ และพระปุณณสุนาปรันตะ การพบพระพิมพ์พระสาวกมีจารึกเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงคติการนับถือพระอสีติมหาสาวกในสมัยทวารวดี ซึ่งในปัจจุบันมีหลักฐานว่าพบเพียงที่เมืองโบราณอู่ทองเท่านั้น จึงอาจเป็นคติที่เกิดขึ้นเฉพาะท้องถิ่นก็เป็นได้   เอกสารอ้างอิง จิรัสสา คชาชีวะ. “คำ “เมตเตยยะ” ที่เก่าที่สุดที่ได้พบจากหลักฐานประเภทจารึกในประเทศไทย”. ดำรงวิชาการ ๒, ๓ (มกราคม - มิถุนายน ๒๕๔๖) : ๒๙ - ๓๘. ธนกฤต ลออสุวรรณ. “การศึกษาคติความเชื่อของชุมชนโบราณสมัยทวารวดีในลุ่มแม่น้ำแม่กลองและท่าจีน :  กรณีศึกษาจากพระพิมพ์ดินเผา.” วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาโบราณคดีสมัย ประวัติศาสตร์ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร, ๒๕๔๖.  ปีเตอร์ สกิลลิ่ง และศานติ ภักดีคำ. “จารึกพระสาวกและจารึกพระเจ้าศุทโธทนะ พบใหม่ที่พิพิธภัณฑสถาน แห่งชาติ อู่ทอง จ. สุพรรณบุรี.” ใน เอกสารประกอบการประชุมสัมมนา เรื่อง ความก้าวหน้าใน การศึกษาโบราณคดีและเมืองโบราณในวัฒนธรรมทวารวดี. โรงแรมสองพันบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี,  ๒๔ – ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๔๖. ปัญญา ใช้บางยาง. ๘๐ พระอรหันต์ (ฉบับสมบูรณ์). กรุงเทพฯ : ธรรมสภา, ๒๕๕๒.


ชื่อเรื่อง                     ธมฺมปทวณฺณนา ธมฺมปทฏธกถา ขุทฺทกนิกายฏธกถา (ธมฺมปทขั้นต้น, คาถาธมฺมปท) อย.บ.                       244/1ประเภทวัสดุ/มีเดีย       คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                   พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ               122 หน้า : กว้าง 4.9 ซม. ยาว 54.3 ซม.หัวเรื่อง                     พุทธศาสนาบทคัดย่อ/บันทึก           เป็นคัมภีร์ใบลาน ฉบับล่องชาด ได้รับบริจาคจาก จ.พระนครศรีอยุธยา



องค์ความรู้: ความทรงจำแห่งโลกในประเทศไทย จารึกวัดโพธิ์ Epigraphic Archives of Wat Pho จารึกวัดโพธิ์ Epigraphic Archives of Wat Pho มีแผ่นหินที่บันทึกเรื่องราว เป็นภาษาไทยเกี่ยวกับความรู้และสรรพวิชาต่าง ๆ ทั้งด้านการเมืองการปกครอง การค้าขาย และวัฒนธรรม ทั้งหมด 1,431 แผ่น ในช่วงตั้งแต่ปีค.ศ. 1831-1841 ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนในระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เมื่อปีพ.ศ.2551 และขึ้นทะเบียนในระดับโลกใน ปีพ.ศ.2554 “วัดโพธิ์” หรือ “วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร” เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก เป็นวัดโบราณเก่าแก่ที่ราษฎรสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ต่อมาได้ถือว่าเป็นพระอารามหลวงประจารัชกาลที่ 1 และมีการบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ซึ่งได้เริ่มมี “จารึกวัดโพธิ์” ขึ้น โดยพระองค์ได้ทรงมีพระราชประสงค์ให้พระอารามแห่งนี้เป็น “มหาวิทยาลัย” สำหรับประชาชนทั่วไป พระองค์จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นาเอาองค์ความรู้จากปราชญ์ของไทยและสรรพศิลปวิทยาการต่างๆ เช่น ตาราการแพทย์ โบราณคดี และวรรณกรรม โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอนทั้งหลาย ฯลฯ มาจารึกลงบนแผ่นหินอ่อน ประดับไว้ตามบริเวณผนัง-เสาพระระเบียงรอบพระอุโบสถ พระวิหาร พระวิหารคด และศาลารายรอบพระมณฑปภายในวัด ซึ่งทรงมุ่งหวังให้ยั่งยืนและเผยแพร่ให้ประชาชนศึกษาได้อย่างเสรี เป็นแหล่งเล่าเรียนวิชาความรู้ของมหาชน โดยไม่เลือกชนชั้น วรรณะ ยศถาบรรดาศักดิ์ เพราะในสมัยนั้นยังไม่มีหนังสือ ไม่มีโรงเรียน การเล่าเรียนส่วนใหญ่จะมีสอนให้อยู่ตามวัดต่างๆ เท่านั้น พระอารามแห่งนี้จึงเปรียบเสมือนมหาวิทยาลัยแห่งแรกของไทย เพิ่มเติมจากการเล่าเรียนวิชาสามัญศึกษาที่มีอยู่ตามวัดทั่วไป แม้ว่าเวลาจะผ่านไปกว่า178 ปี วัดโพธิ์ก็ยังคงเป็นแหล่งเรียนรู้สรรพวิทยา เห็นได้จากความรู้เกี่ยวกับโยคะศาสตร์และตำราการนวดแผนโบราณวัดโพธิ์ เป็นที่รู้จักแพร่หลายออกไปทั่วโลกในปัจจุบัน ได้รับการขึ้นทะเบียน มรดกความทรงจำเอเชียแปซิฟิก วันที่ 21/2/2551 ได้รับการขึ้นทะเบียน มรดกความทรงจำโลก วันที่ 27/5/2554 ได้รับการขึ้นทะเบียน มรดกความทรงจำประเทศไทย วันที่ 21/12/2558 ข้อมูล/ภาพ: สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ




          วัดห้วยเสือ ตั้งอยู่ ณ บ้านห้วยเสือ หมู่ที่ 5 ตำบลสมอพรือ อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งจากการเข้าไปสำรวจพบว่าวัดแห่งนี้มีการรวบรวมภาพจิตรกรรม โดยเป็นเรื่องราวของ “พระเวสสันดรชาดก” ชาติที่ 10 ของเรื่องราว “ทศชาติชาดก” หรือก็คือ 10 ชาติ ของการเล่าเรื่องราวการที่พระพุทธเจ้าทรงเวียนว่ายตายเกิด จนเป็นพระพุทธเจ้าในชาติสุดท้าย ซึ่งในปัจจุบันภาพดังกล่าวได้ถูกจัดเก็บไว้เป็นอย่างดี ณ วัดห้วยเสือ เพื่อเป็นการดำรงและรักษาภาพจิตรกรรมการแสดงคำสอนอันดีงามและเรื่องราวความเป็นมาทางพุทธศาสนาให้คงอยู่ต่อไป             สำหรับ ทศชาติ เรื่อง “พระเวสสันดรชาดก” ว่าด้วยเรื่อง 13 กัณฑ์ ถือได้ว่าเป็นเรื่องราวที่รู้จักมากที่สุดและมีความสำคัญมากที่สุดในบรรดาทศชาติชาดกทั้ง 10 ตอน และเป็นสาเหตุที่เวสสันดรชาดกถูกยกให้เป็นมหาชาตินั้น ก็เนื่องจากชาดกเรื่องนี้ถือเป็นพระชาติสุดท้ายของพระโพธิสัตว์ก่อนจะได้เป็นพระพุทธเจ้า อีกทั้งยังเป็นพระชาติที่ทรงบำเพ็ญบารมีครบทั้ง 10 ประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ทานบารมี” ที่ทรงบริจาคทุกสิ่งทุกอย่างทุกอย่าง แม้แต่ภรรยาและบุตรของตนเองก็บริจาค ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ทำได้ยากและเป็นการเสียสละที่ยิ่งใหญ่ที่สุด            นอกจากนั้น สาเหตุที่ “พระเวสสันดรชาดก” นั้นเป็นที่ยกย่องและน่าเลื่อมใส เพราะเรื่องเวสสันดรชาดกนั้นมีคุณค่าที่สามารถนำไปประยุกต์เข้ากับชีวิตประจำวันได้ทุกระดับ โดย 13 กัณฑ์ ของเรื่องราว “พระเวสสันดรชาดก” สามารถศึกษาเเละทำความเข้าใจเพิ่มเติมได้ ดังนี้             เอกสารเเละหลักฐานสำหรับการสืบค้น           1. วัดห้วยเสือ, ภาพจิตรกรรม ทศชาติ เรื่อง “พระเวสสันดรชาดก” ว่าด้วยเรื่อง 13 กัณฑ์.           2. เจริญ ไชยชนะ.  (2502),  มหาเวสสันดรชาดก ฉบับ 5 กัณฑ์.  กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์ ไชยวัฒน์.           3. กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม.  (2561),  เทศน์มหาชาติมหากุศล.  กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.           4. ทิวาวรรณ อายุวัฒน์.  (2561).  ““ทศชาติชาดก 101”, ใน สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยี (ผู้รวบรวม), บทความทางวิชาการ สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยี.  (หน้า 1).  นครปฐม :มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม.


ชื่อเรื่อง                         มหานิปาต(เวสฺสนฺตรชาดก)ชาตกปาลิขุทฺทกนิกาย(คาถาพัน)อย.บ.                            170/1ขหมวดหมู่                       พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ                  68 หน้า กว้าง 4.5 ซม. ยาว 55 ซม.หัวเรื่อง                         มหาเวสสันดรชาดก                                                               บทคัดย่อ/บันทึก          เป็นคัมภีร์ใบลาน ฉบับทองทึบ ไม้ประกับธรรมดา


          สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ขอเชิญผู้สนใจร่วมกิจกรรม workshop ด้านการอนุรักษ์วัตถุพิพิธภัณฑ์จากเครือข่ายพิพิธภัณฑ์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมเพื่อสังคมในมิติของความยั่งยืน ภายใต้หัวข้อ “การจัดการคลังและวัตถุพิพิธภัณฑ์สู่ความยั่งยืน” โดยสำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ร่วมกับเครือข่ายพิพิธภัณฑ์ไทย จัดขึ้นเนื่องในวันพิพิธภัณฑ์ไทย 2566 (Thai Museum Day 2023) ระหว่างวันที่ 17 – 19 กันยายน 2566 ณ พระที่นั่งศิวโมกขพิมาน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร  กิจกรรมประกอบด้วย - DIY Book Cushion หมอนรองหนังสือ โดย Museum Siam ทำหมอนรองหนังสือสามารถช่วยยืดอายุการใช้งานหนังสือเก่า และช่วยลดการเสื่อมสภาพของสันหนังสือ กิจกรรม DIY หมอนรองหนังสือด้วยวิธีที่ง่าย รวดเร็วและรีไซเคิลจากวัสดุกันกระแทก เช่น บับเบิ้ลแพ็ค โฟมกันกระแทก เป็นต้น วันอาทิตย์ที่ 17 กันยายน 2566 รอบเวลา 10.30 - 12.00 น. วันอังคารที่ 19 กันยายน 2566 รอบเวลา 10.30 - 12.00 น. * รับผู้ร่วมกิจกรรม จำนวน 10 คน ต่อรอบ สำหรับผู้ที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป ………………………………………………………………………….. - Handmade book จากกล่องกระดาษ โดย Museum Siam สมุดทำมือจากกระดาษที่ถูกใช้งานแล้ว กล่องกระดาษลูกฟูกสามารถนำมาเป็นสมุดเล่มใหม่ได้ง่ายๆ ผู้เข้าร่วมกิจกรรมเรียนรู้พื้นฐานโครงสร้างหนังสือเพื่อดูแลรักษาหนังสือได้เอง เทคนิคการเย็บสมุดทำมือ พร้อมทั้งตกแต่งสมุดทำมือในแบบของตัวเอง วันอาทิตย์ที่ 17 กันยายน 2566 รอบเวลา 13.30 – 15.30 น. วันอังคารที่ 19 กันยายน 2566 รอบเวลา 13.30 – 15.30 น. * รับผู้ร่วมกิจกรรม จำนวน 10 คน ต่อรอบ สำหรับผู้ที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป ………………………………………………………………………….. - รักษ์ “ภาพถ่ายเก่า” ตอน ซ่อมแซมปลุกชีวิต โดยกลุ่มวิทยาศาสตร์เพื่อการอนุรักษ์ สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ  การอนุรักษ์ภาพถ่ายเก่า อย่างการทำความสะอาดเบื้องต้นและการลอกเทปกาวออก โดยไม่ทำให้เกิดความเสียหายกับวัตถุ วันจันทร์ที่ 18 กันยายน 2566 รอบเวลา 10.30 - 12.00 น. * รับผู้ร่วมกิจกรรม จำนวน 10 คน ต่อรอบ ………………………………………………………………………….. - รักษ์ “ภาพถ่ายเก่า” ตอน เก็บรักษาอย่างยั่งยืน โดยกลุ่มวิทยาศาสตร์เพื่อการอนุรักษ์ สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ การเสริมความแข็งแรงให้ภาพถ่ายเก่า ผนึกรอยขาด และการเข้าเมาท์ ทำซองจัดเก็บภาพถ่ายเก่าให้อยู่กับคุณไปอีกนาน วันจันทร์ที่ 18 กันยายน 2566 รอบเวลา 13.30 – 15.00 น. * รับผู้ร่วมกิจกรรม จำนวน10 คน ต่อรอบ ………………………………………………………………………….. - รักษ์ “จิตรกรรมสีน้ำ” อย่างง่ายง่าย โดยกลุ่มวิทยาศาสตร์เพื่อการอนุรักษ์ สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ การอนุรักษ์งานจิตรกรรมประเภทงานสีน้ำ ทั้งการทำความสะอาดเบื้องต้น อธิบายการเข้าเมาท์ และการจัดเก็บที่ถูกต้อง วันจันทร์ที่ 18 กันยายน 2566 รอบเวลา 16.00 - 17.30 น. * รับผู้ร่วมกิจกรรม จำนวน10 คน ต่อรอบ ………………………………………………………………………….. - การอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่องการจัดเตรียมวัตถุจัดแสดงนิทรรศการ หัวข้อการทำบอร์ดจัดแสดงวัตถุประเภทผ้าผืน โดยพิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ การให้ความรู้ด้านการดูแลเบื้องต้นด้านรักษาวัตถุประเภทผืนผ้า สำหรับการจัดแสดงนิทรรศการและโอกาสอื่นๆ รวมทั้งแนะนำอุปกรณ์และตัวอย่างวัสดุที่เหมาะสม โดยมีการฝึกปฏิบัติการทำบอร์ดจัดแสดง ผู้เข้าร่วมกิจกรรมสามารถนำชิ้นผลงานที่ตนเองทำกลับบ้านได้ วันอาทิตย์ที่ 17 กันยายน 2566 รอบเวลา 10.30 - 12.00 น. วันจันทร์ที่ 18 กันยายน 2566 รอบเวลา 10.30 – 12.00 น. วันอังคารที่ 19 กันยายน 2566 รอบเวลา 10.30 - 12.00 น. * รับผู้ร่วมกิจกรรม จำนวน 15 คน ต่อรอบ ………………………………………………………………………….. - อนุรักษ์เชิงป้องกันกับสิ่งของใกล้ตัว โดยพิพิธภัณฑ์สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า การสาธิตและอบรมเชิงปฏิบัติการด้านการอนุรักษ์เชิงป้องกันวัตถุพิพิธภัณฑ์ประเภทกระดาษ เช่น เอกสารจดหมายเหตุ การ์ดอวยพร โปสการ์ด การให้คำแนะนำเกี่ยวกับวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการอนุรักษ์และจัดเก็บโบราณวัตถุอันมีค่าให้คงอยู่ยาวนานยิ่งขึ้น วันอาทิตย์ที่ 17 กันยายน 2566 รอบเวลา 13.30 - 15.00 น. วันอังคารที่ 19 กันยายน 2566 รอบเวลา 13.30 - 15.00 น. * รับผู้ร่วมกิจกรรม จำนวน 15 คน ต่อรอบ ………………………………………………………………………….. - การอนุรักษ์เหรียญกษาปณ์ โดยกองส่งเสริมและพัฒนาทรัพย์สินมีค่าของรัฐ ให้ความรู้เกี่ยวกับการอนุรักษ์เหรียญกษาปณ์ รวมไปถึงคำแนะนำในการจัดเก็บรักษาอย่างเหมาะสม เพื่อรักษาสภาพเหรียญให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ตามหลักวิชาการอนุรักษ์ วันอาทิตย์ที่ 17 กันยายน 2566 รอบเวลา 16.00 - 17.30 น. วันจันทร์ที่ 18 กันยายน 2566 รอบเวลา 13.30 – 15.00 น. วันอังคารที่ 19 กันยายน 2566 รอบเวลา 16.00 - 17.30 น. * จำนวนผู้ร่วมกิจกรรม 20 คน ต่อรอบ   +++กิจกรรมไม่มีค่าใช้จ่าย+++ สำรองที่นั่งได้ที่ https://shorturl.at/lpAJ4 ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิเข้าร่วมแต่ละกิจกรรม วันที่ 14 กันยายน 2566ทาง Facebook : Thai Museum Day  


black ribbon.