ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,759 รายการ
กรมศิลปากร. สมบัติวรรณคดี (บทอ่านทำนองเสนาะปีที่ 10 - 11). กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, 2526. สมบัติวรรณคดี (บทอ่านทำนองเสนาะปีที่ 10 - 11) นี้ เป็นบทอ่านทำนองเสนาะที่รวบรวมคำประพันธ์ประเภทร้อยแก้วและร้อยกรองจากวรรณคดีนิพนธ์ไทยเรื่องเด่นๆ หลายเรื่อง ที่มีคุณค่า ซึ่งล้วนเป็นผลงานของนักประพันธ์ที่มีชื่อเสียงทั้งในอดีตและปัจจุบัน
การค้าขายและเงินตราที่ใช้ในล้านนา ตอนที่ ๖
เหรียญกษาปณ์ที่ใช้ในล้านนา
เงินรูปีอินเดียเป็นเงินตราที่อังกฤษนำเข้ามาใช้ซื้อขายสินค้าในล้านนา โดยเข้ามากับการค้าไม้สักและการเปิดเสรีการค้าชายแดนล้านนากับพม่า ส่งผลให้เงินรูปีกลายเป็นสกุลเงินหลักที่ใช้หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจล้านนา
หลังจากที่อังกฤษเข้ามาปกครองอินเดียได้ตั้งโรงกษาปณ์ขึ้นที่เมืองมัทราส (Madras) เมื่อปีพ.ศ. ๒๑๘๓ เพื่อผลิตเหรียญกษาปณ์ขึ้นในในดินแดนอาณานิคม ต่อมาในปีพ.ศ.๒๓๓๓ ได้ตั้งโรงกษาปณ์ขึ้นอีกที่เมืองกัลกัตตา (Calculta) โดยนำเครื่องผลิตเหรียญเงินแบบยุโรปเข้าไปใช้ และใช้เป็นสื่อกลางในการซื้อขายแลกเปลี่ยนเรื่อยมา ต่อมาเมื่ออังกฤษเข้ามามีอิทธิพลในพม่าและได้พม่าเป็นอาณานิคม อังกฤษได้นำเงินรูปีอินเดียเข้ามาใช้ในระบบเศรษฐกิจของพม่า ด้วยเหตุที่เหรียญเงินรูปีมีขนาด น้ำหนักและรูปร่างที่ได้มาตรฐานอีกทั้งมีปริมาณเหรียญจำนวนมาก จึงเป็นที่นิยมใช้โดยทั่วไป
หลังจากที่รัฐบาลสยามทำสนธิสัญญาเบาว์ริ่งกับอังกฤษในปีพ.ศ.๒๓๙๓ ได้มีการตกลงเรื่องการใช้เงินตราในการแลกเปลี่ยนสินค้าโดยอนุญาตให้ใช้เงินรูปีอินเดีย เงินแท่ง เงินบาทเป็นสื่อกลางในการค้าขายระหว่างพ่อค้าอังกฤษและคนในบังคับอังกฤษกับพ่อค้าในล้านนา ส่งผลให้เงินรูปีอินเดียแพร่สะพัดในล้านนามากขึ้น และส่งผลให้คนในบังคับอังกฤษทั้งพ่อค้าชาวพม่า ชาวไทยใหญ่ ชาวอินเดียเดินทางเข้ามาค้าขายในล้านนามากยิ่งขึ้น
เงินรูปีอินเดียเรียกกันโดยทั่วไปในล้านนาว่า “เงินแถบ” โดยเงินแถบชนิดแรกที่เข้ามาแพร่หลายในล้านนาเป็นเหรียญรูปพระนางเจ้าวิคตอเรียสวมมงกุฎ ต่อมาเป็นเหรียญรูปกษัตริย์เอ็ดเวิร์ด
ในขณะที่เงินรูปีอินเดียถูกนำเข้ามาใช้ในล้านนาเป็นจำนวนมาก รัฐบาลสยามได้พยายามนำเงินบาทเข้ามาหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจล้านนาตั้งแต่ปีพ.ศ.๒๔๔๑ แต่ไม่ประสบความสำเร็จเนื่องจากในช่วงเวลานั้น สยามยังประสบปัญหาการผลิตเงินปลีกได้ในปริมาณที่ไม่มากพอกับความต้องการ ประกอบกับความไม่สะดวกในการขนส่ง แต่หลังจากที่มีการสร้างทางรถไฟจากกรุงเทพฯ ถึงเชียงใหม่แล้ว ระบบเศรษฐกิจทางภาคเหนือขยายตัวอย่างรวดเร็วมีการเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจส่วนกลางของไทยมากขึ้นเงินรูปีจึงค่อยๆ ลดบทบาทลง ต่อมาเมื่อไทยสามารถผลิตเหรียญกษาปณ์ได้ในปริมาณมากขึ้นประกอบกับค่าเงินรูปีลดต่ำลง เงินบาทจึงสามารถเข้ามาแทนที่และถูกใช้หมุนเวียนได้มากขึ้น
นอกจากเงินรูปีอินเดียแล้วเหรียญกษาปณ์อีกชนิดที่พบว่ามีการนำมาใช้เป็นสื่อกลางในการซื้อขายในล้านนาอยู่บ้างคือเหรียญอินโดจีนของฝรั่งเศส ซึ่งเป็นเหรียญที่ฝรั่งเศสผลิตขึ้นเพื่อใช้ในประเทศแถบอินโดจีนที่เป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส
เอกสารอ้างอิง
เงินตราล้านนา : นวรัตน์ เลขะกุล/ธนาคารแห่งประเทศไทย นพบุรีการพิมพ์ เชียงใหม่, ๒๕๕๕
เงินตราล้านนาและผ้าไท : ธนาคารแห่งประเทศไทย อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน), ๒๕๔๓
เงินรูปีอินเดียในประวัติศาสตร์ล้านนา : อภิรัฐ คำวัง วารสารสังคมศาสตร์ ปีที่ ๙ ฉบับที่ ๑ (ม.ค.-มิ.ย.๒๕๕๖)
เบี้ย บาท กษาปณ์ แบงค์ : นวรัตน์ เลขะกุล สนพ.สารคดี, ๒๕๔๗
เงินรูปีอินเดียเป็นเงินตราที่อังกฤษนำเข้ามาใช้ซื้อขายสินค้าในล้านนา โดยเข้ามากับการค้าไม้สักและการเปิดเสรีการค้าชายแดนล้านนากับพม่า ส่งผลให้เงินรูปีกลายเป็นสกุลเงินหลักที่ใช้หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจล้านนา
นอกจากเงินรูปีอินเดียแล้วเหรียญกษาปณ์อีกชนิดที่พบว่ามีการนำมาใช้เป็นสื่อกลางในการซื้อขายในล้านนาอยู่บ้างคือเหรียญอินโดจีนของฝรั่งเศส ซึ่งเป็นเหรียญที่ฝรั่งเศสผลิตขึ้นเพื่อใช้ในประเทศแถบอินโดจีนที่เป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส
แผ่นหินจำหลักภาพพระพุทธรูป ในวัฒนธรรมทวารวดี
แผ่นหินจำหลักชิ้นนี้ เป็นโบราณวัตถุที่จัดแสดงภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ชัยนาทมุนี ปรากฏร่องรอยการสลักภาพบนแผ่นหินเป็นภาพพระพุทธรูปอยู่ตรงกลาง เบื้องขวาของพระพุทธรูป สลักเป็นรูปธรรมจักรตั้งอยู่บนเสา เบื้องซ้ายของพระพุทธรูป สลักเป็นรูปสถูป ซึ่งโบราณวัตถุชิ้นนี้ ขุดพบบริเวณเมืองดงคอน (เมืองโบราณในวัฒนธรรมทวารวดี) อำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท โดยพระชัยนาทมุนี (นวม สุทัตโต) อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบรมธาตุวรวิหาร อำเภอเมืองฯ จังหวัดชัยนาท เก็บรวบรวมไว้ และมอบให้กับพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ชัยนาทมุนี เก็บรักษาต่อมาจวบจนถึงปัจจุบัน
แผ่นหินสลักภาพพระพุทธรูป ชิ้นนี้ นับเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นได้ชัดว่า ธรรมจักรในวัฒนธรรมทวารวดีนั้น มีการประดิษฐานไว้บนเสา โบราณวัตถุชิ้นนี้ ยังมีรูปแบบที่พ้องกับพระพิมพ์หินจำหลักที่พบที่โบราณสถานหมายเลข ๑ เมืองโบราณคูบัว อำเภอเมืองฯ จังหวัดราชบุรี คือมีการปรากฏของพระพุทธรูป ธรรมจักรประดิษฐานอยู่บนเสา และสถูป อยู่บนแผ่นหินจำหลัก ด้วยรูปแบบของโบราณวัตถุที่คล้ายคลึงกันนี้อาจแสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างเมืองดงคอน ในจังหวัดชัยนาท และเมืองคูบัว ในจังหวัดราชบุรี ซึ่งเป็นเมืองในวัฒนธรรมทวารวดี เฉกเช่นเดียวกัน
ชื่อเรื่อง มาเลยฺยสูตฺต (มาลัยสูตร) สพ.บ. 412/3ประเภทวัสดุ/มีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 56 หน้า : กว้าง 4.7 ซม. ยาว 57.5 ซม.หัวเรื่อง พุทธศาสนา มาลัยสูตรภาษา บาลี/ไทยบทคัดย่อ/บันทึกเป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรขอม เส้นจาร ฉบับล่องชาด ได้รับบริจาคมาจากวัดลานคา ต.โคกคราม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี
องค์ความรู้ของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ราชบุรี เรื่อง ซ้อมรบเสือป่าที่ราชบุรี ยุทธวิธีป้องกันอริราชศัตรูเรียบเรียงโดย นางสาวปราจิน เครือจันทร์
เลขทะเบียน: กจ.บ.7/1-7:1ก-7ก ชื่อเรื่อง: พระสงฺคิณี พระสมนฺตมหาปฏฐาน เผด็จ ข้อมูลลักษณะ: อักษรขอม ภาษาบาลี-ไทย เส้นจาร ฉบับล่องชาดประวัติ : ได้มาจากวัดห้วยสะพาน ต.หนองโรง อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2533 จำนวน 1คัมภีร์ 14 ผูกจำนวนหน้า: 38 หน้า
ชื่อเรื่อง โบราณคดีคอกช้างดินผู้แต่ง ภัทรพงษ์ เก่าเงินประเภทวัสดุ/มีเดีย หนังสือท้องถิ่นISBN/ISSN 974-418-116-8หมวดหมู่ ประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์ เลขหมู่ 959.373 ส691บสถานที่พิมพ์ กรุงเทพฯสำนักพิมพ์ ฟันนี่ พับบลิชชิ่งปีที่พิมพ์ 2545ลักษณะวัสดุ 172 หน้า : ภาพประกอบ ; 29 ซม.หัวเรื่อง ไทย – โบราณสถาน โบราณคดี – สุพรรณบุรีภาษา ไทยบทคัดย่อ/บันทึก กรมศิลปากรได้จัดพิมพ์หนังสือเรื่อง โบราณคดีคอกช้างดิน ขึ้นเพื่อเผยแพร่ผลการดำเนินงาน ข้อมูลความรู้ให้ประชาชนตระหนักในคุณค่าของโบราณสถาน และร่วมมือร่วมใจรักษาไว้คงอยู่ของมรดกทางวัฒนธรรมของชาติ
ชื่อเรื่อง ปาติโมกข์แปล (สัปปาฏิโมกข์)
สพ.บ. 366/1กประเภทวัสดุมีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 54 หน้า กว้าง 5 ซม. ยาว 56 ซม.หัวเรื่อง พุทธศาสนา เทศน์มหาชาติ คาถาพัน ชาดก
บทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน ภาษาบาลี-ไทยอีสาน เส้นจาร ฉบับลานดิบ-ล่องชาด-ล่องรัก ได้รับบริจาคมาจากวัดลานคา ต.โคกคราม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี
"บารายเมืองสุโขทัย" หนึ่งในระบบจัดการน้ำสมัยสุโขทัย •.บารายเมืองสุโขทัย หรือเรียกตามชื่อโบราณสถานของอุทยานว่า ทำนบ 7 อ. หรืออ่างเก็บน้ำหมายเลข 2 เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ตั้งอยู่นอกกำแพงเมืองสุโขทัยด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นคันดินมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า คันดินกว้าง 25-30 เมตร สูง 2-4 เมตร มี 3 ด้าน ด้านทิศเหนือยาว 1,400 เมตร ด้านด้านทิศตะวันออกยาว 750 เมตร ด้านทิศใต้ยาว 1,050 เมตร และด้านทิศตะวันตกไม่พบแนวคันดินเนื่องจากติดคลองแม่ลำพัน.#การใช้ประโยชน์ของบารายเมืองสุโขทัย อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ได้ทำการศึกษาทางโบราณคดี เมื่อปี พ.ศ.2560-2561 พบหลักฐานทำให้สันนิษฐานได้ว่าบารายหรือทำนบ 7 อ. แห่งนี้ไม่ได้กักเก็บน้ำไว้ตลอดเวลา แต่เป็นการกักเก็บน้ำไว้ในช่วงฤดูน้ำหลากของแต่ละปี โดยใช้กักเก็บน้ำในฤดูน้ำหลาก สำหรับรับน้ำจากคลองแม่ลำพันมาเก็บไว้ เมื่อผ่านพ้นฤดูน้ำหลากในแต่ละปีแล้วจึงปล่อยที่กักเก็บไว้ออกสู่พื้นที่ทางการเกษตรโดยรอบบารายเมืองสุโขทัย.#การกำหนดอายุสมัยของบารายเมืองสุโขทัย ได้ส่งตัวอย่างถ่าน จำนวน 2 ตัวอย่าง ที่พบการขุดค้นทางโบราณคดี เมื่อ ปี พ.ศ.2560 เพื่อหาค่าอายุทางวิทยาศาสตร์ ด้วยวิธี Radiocarbon Dating (AMS) ที่มหาวิทยาลัย Waikato ประเทศนิวซีแลนด์ ได้ค่าอายุดังนี้- ตัวอย่างถ่านที่ 1 จากหลุมขุดตรวจคันดินบารายด้านทิศตะวันออก T.1 E.1 ได้ค่าอายุ 613 +-15 B.P. หรือ 628 - 598 ปีมาแล้ว ตรงกับ พ.ศ.1865 - 1895 ซึ่งตรงกับสมัยพระยาเลอไท- ตัวอย่างถ่านที่ 2 จากหลุมขุดค้นทางโบราณคดีบนเนินโบราณสถานวัดโบสถ์ TP.1 ได้ค่าอายุ 578 +-15 B.P. หรือ 593 - 563 ปีมาแล้ว ตรงกับ พ.ศ.1900 - 1930 ซึ่งอยู่ในช่วงสมัยพระยาลิไท - พระยาลือไท (พระมหาธรรมราชาที่ 1-2).สรุปได้ว่าบารายเมืองสุโขทัยหรือทำนบ 7 อ. นั้นสร้างขึ้นครั้งแรกในสมัยพระยาเลอไทหรือพระยางั่วนำถมเป็นกษัตริย์ครองเมืองสุโขทัย ช่วงระหว่างปี พ.ศ.1842-1890 ต่อมาในช่วงสมัยพระยาลิไทจึงมีการเริ่มถมพื้นที่เพื่อก่อสร้างโบราณสถานวัดโบสถ์ขึ้น ส่วนโบราณสถานอื่นๆ ภายในพื้นที่บริเวณดังกล่าวก็น่าจะสร้างขึ้นช่วงเวลาเดียวกัน.#สภาพปัจจุบันของบารายเมืองสุโขทัยกรมศิลปากรโดยอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ได้ดำเนินงานโครงการเพื่อฟื้นคืนสภาพดั่งเดิมของคันดินของบารายเมืองสุโขทัยขึ้นมาอีกครั้งเมื่อปี พ.ศ.2562-2563 จากภาพมุมสูงที่ถูกถ่ายเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงหน้าที่การใช้งานของบารายเมืองสุโขทัยในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี คือ เมื่อปริมาณน้ำจากคลองแม่ลำพันมีมากเกินไป ก็จะล้นไปลงบารายเมืองสุโขทัยที่อยู่ทางด้านตะวันออก น้ำจะถูกกักไว้เพื่อชะลอความเร็วของน้ำในระยะเวลาหนึ่ง และเมื่อปริมาณน้ำมีมากเกินกว่าระดับคันดินของบารายจะรับไหว ก็จะล้นออกไปทางทิศตะวันออกซึ่งเป็นพื้นที่ที่ต่ำกว่าหรือพื้นที่สำหรับรับน้ำในสมัยสุโขทัย ที่เรียกตามศิลาจารึกหลักที่ 1 พ่อขุนรามคำแหง ว่า "ทะเลหลวง".#เอกสารสำหรับอ่านเพิ่มเติม1) บทความเรื่อง บารายเมืองสุโขทัย โดย ธงชัย สาโค ในนิตยสารศิลปากร ปีที่ 62 ฉบับที่ 6 พ.ย.-ธ.ค.2562 หน้าที่ 57-75 (ดาวน์โหลดหรืออ่านเพิ่มเติมได้ตามลิงก์นี้ >>> https://www.finearts.go.th/.../cuPFUeeUEipwNzjJAUkML1hI1e...)2) หนังสือ ระบบชลประทานสมัยสุโขทัย โดย เอนก สีหามาตย์และคณะ (ดาวน์โหลดและอ่านเพิ่มเติมได้ตามลิ้งก์นี้ >>> https://drive.google.com/.../1TYO1yCMtoodAHEXgamH.../view...)3) รายงานการดำเนินงานทางโบราณคดีโครงการอนุรักษ์และพัฒนาแหล่งน้ำโบราณเมืองสุโขทัย ทำนบ 7 อ. (บารายเมืองสุโขทัย) โดยอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ปีงบประมาณ 2560 - 2561 (ดาวน์โหลดหรืออ่านเพิ่มเติมได้ตามลิ้งก์นี้ >>> https://drive.google.com/.../1yJK3lURcVgbYexhRAN1.../view...)
โพธิปกฺขิยธมฺม (โพธิปกฺขิยธมฺม)
ชบ.บ.49/1-14
เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
ชื่อเรื่อง สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (วิภังค์-มหาปัฏฐาน)
สพ.บ. 307/7ประเภทวัสดุมีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 30 หน้า กว้าง 4.8 ซม. ยาว 54.2 ซม.หัวเรื่อง พุทธศาสนา
บทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรขอม ภาษาบาลี-ไทย เส้นจาร ฉบับทองทึบ-ล่องชาด ได้รับบริจาคมาจาก วัดบ้านหมี่ ต.บางปลาม้า อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี
กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ กรมศิลปากร เพิ่มช่องทางในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร และองค์ความรู้มรดกศิลปวัฒนธรรมของกรมศิลปากร ผ่านช่องทางอินสตราแกรม เพียงสแกน qr code และกดติดตามได้เลย