ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 41,549 รายการ
โบราณสถานวัดเขาเจดีย์
ตั้งอยู่บนยอดเขาเจดีย์ ในเขตหมู่ที่ ๗ บ้านบางสน ตำบลบางสน อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร ตามประวัติการสร้างเจดีย์มีเพียงเรื่องเล่าว่า เจ้าอ้ายพญาและเจ้ายี่พญา เดินทางมาจากกรุงศรีอยุธยาพร้อมทรัพย์สินเงินทองเพื่อไปร่วมสร้างพระมหาธาตุเจดีย์ที่เมืองนครศรีธรรมราช ครั้นทราบว่าพระมหาธาตุเจดีย์สร้างเสร็จแล้ว จึงสำรวจหายอดเขาที่สวยงามแล้วสร้างพระเจดีย์ขึ้นไว้บนยอดเขา เรียกว่า “เขาเจดีย์” ต่อมาเจดีย์ถูกทิ้งร้างไปจนไม่มีผู้ใดทราบประวัติที่แน่ชัด จนกระทั่งพ.ศ. ๒๔๙๔ จึงเริ่มมีการพัฒนาเป็นวัดสืบมาจนปัจจุบัน
โบราณสถานสำคัญ ได้แก่ เจดีย์ทรงระฆัง ฐานล่างสุดเป็นลานประทักษิณล้อมรอบด้วยกำแพงประดับด้วยเสาหัวเม็ดทรงมัณฑ์ที่มุมทั้งสี่ บันไดทางขึ้นอยู่ทางทิศตะวันออก ฐานเจดีย์เป็นฐานเขียงในผังสี่เหลี่ยมจัตุรัส รองรับฐานย่อมุมไม้สิบสอง ลักษณะเป็นขาสิงห์แบบเรียบซ้อนกัน ๒ ชั้น รองรับฐานบัวคว่ำบัวหงาย ๒ ชั้น ถัดขึ้นไปเป็นบัวปากระฆัง องค์ระฆังทรงกลมชะลูด มีบัลลังก์เป็นฐานบัวคว่ำบัวหงายในผังแปดเหลี่ยม ต่อด้วยปล้องไฉนแบบเรียบและยอดบนสุดเป็นรูปดอกบัวตูม ที่ส่วนฐานด้านหน้าเจาะเป็นซุ้ม เคยเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปหินทราย รูปทรงของเจดีย์จัดเป็นศิลปะในสมัยอยุธยาตอนปลายถึงสมัยรัตนโกสินทร์ นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปปางห้ามญาตินามว่า “พระบูรพาบรรพต” และวิหารพระพุทธบาท ซึ่งสร้างเพิ่มเติมในปัจจุบัน
กรมศิลปากรประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานวัดเขาเจดีย์ ในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๒ ตอนพิเศษ ๓๙ ง หน้า ๘ วันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๓๘ เนื้อที่โบราณสถานประมาณ ๕o ไร่ ๒ งาน ๒๗ ตารางวา
Wat Khao Chedi
Wat Khao Chedi is located on the top of the Chedi hill, Ban Bang Son, Bang Son Sub-district, Pathio District, Chumphon Province. The history of Wat Khao Chedi is mentioned in a folklore that Chao Ai Phaya and Chao Yi Phaya traveled from Ayutthaya with assets to build Phramahathat Chedi in Nakhon Si Thammarat. When they know that Phramahathat Chedi had been built, they surveyed to find a beautiful mountain peak and built a chedi called "Khao Chedi". Later it was abandoned. There have been a development in the temple since 1951.
The significant architectural heritage in Wat Khao Chedi is a bell-shaped chedi which the lowest base is square with a low wall and has a pillar at each corner that provided a space for clockwise walking meditation by worshippers. It has the stairway in the east. The base of the chedi is a plain square base, followed by two Than singh or lion pedestals with twelve redented cornered and two Than Bua or lotus pedestals above the pedestals is the relic chamber which is a bell-shaped. On top of the relic chamber is an octagonal lotus base, followed by Plong chanai or a series of ring-like mouldings and on the top is Bua or a lotus bud shape. There is a niche at the front base which used to enshrine a sandstone Buddha image. The shape of the chedi is in the late Ayutthaya period to the Rattanakosin period. Nearby, there are a Buddha image, which is in the attitude of persuading the relatives not to quarrel and called Phra Buraphabanphot, and Vihara Phra Phutthabat (The Buddha Footprints Pavillion) which were built later.
The Fine Arts Department announced the registration of Wat Khao Chedi as a national monument and 80,908 squares - metres of national monument area in the Royal Gazette, Volume 112, Special Part 39, page 8, dated 6th October 1995.
ชื่อเรื่อง พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่อนพิทยลาภพฤฒิยากร และการดำเนินนโยบายเกี่ยวกับโรงเรียนจีนในประเทศไทย เมื่อครั้งดำรงตำแน่งเสนาบดีกระทรวงธรรมการผู้แต่ง ณรงค์ พ่วงพิศประเภทวัสดุ/มีเดีย หนังสือหายากหมวดหมู่ การศึกษาเลขหมู่ 379.959 ณ212พสถานที่พิมพ์ กรุงเทพฯสำนักพิมพ์ โรงพิมพ์พระจันทร์ปีที่พิมพ์ 2517ลักษณะวัสดุ 210 หน้าหัวเรื่อง หนังสืองานศพภาษา ไทยบทคัดย่อ/บันทึกพิมพ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากร ณ พระเมรุหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส 15 ธันวาคม 2517
***บรรณานุกรม***
บุญรับพินิจชนคดี ม.ร.ว.
ราชสกุลวงศ์ (ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม) พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ หม่อมราชวงศ์บุญรับ พินิจชนคดีณ เมรุวัดเทพศิรินทราวาส วันที่ 30 มีนาคม พุทธศักราช2525
กรุงเทพฯ
โรงพิมพ์จันหว่า
2463
ปูนปั้น ศิลปะสุโขทัย พุทธศตวรรษที่ ๑๙ - ๒๐ พระราชประสิทธิคุณ อดีตเจ้าอาวาสวัดราชธานี องเมืองสุโขทัย จ.สุโขทัย มอบให้ เกียรติมุขหรือหน้ากาลเป้นลวดลายปูนปั้นที่ใช้ประดับซุ้มจระนำของโบราณสถาน โดยมักจะประดับอยู่ที่ยอดซุ้ม สะท้อนถึงลวดลายที่นิยมสร้างสรรค์ในศิลปะสุโขทัย รวมทั้งสะท้อนถึงคติ ความเชื่อที่ปรากฎในงานศิลปกรรมสมัยสุโขทัย มีลักษณะเป็นรูปหน้ายักษ์ปนสิงห์หรือใบหน้าอสูรที่มีลักษณะดุร้าย คิ้วขนมวด นัยน์ตากลมโตถลน จมูใหญ่ ปากกว้างเห็นฟันบนและมีเขี้ยว ไม่มีริมฝีปากล่าง ไม่มีลำตัว มีแขนออกมาจากด้านข้างของศีรษะสวมเครื่องประดับศีรษะลักษณะเป็นกระบังหน้า ตามคติในศาสนาฮินดู เกียรติมุขหรือหน้ากาล หมายถึง "เวลา" ผู้ซึ่งกลืนกินสรรพสิ่งทั้งมวล จึงเป็นผู้ครอบครองเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง กาลหรือหน้ากาล มีความหมายเดียวกับเวลา เป็นชื่อของพระยม ผู้พิพากษาคนตายในอาถรรพเวทของสาสนาฮินดู ต่อมาจึงมีความเชื่อว่าการสร้างหน้ากาลไว้เหนือประตูทางเข้าศาสนสถานจะเป็นเสมือนสิ่งคุ้มครองปกปักรักษามิให้สิ่งชั่วร้ายเข้ามาสู่ศาสนสถานนั้นๆ
๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ กิจกรรมส่งเสริมศีลธรรมและปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๘ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๘ ทำความดีด้วยการสวดมนต์ นั่งสมาธิ เจริญจิตภาวนาและปฏิบัติธรรม เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งพระองค์ทรงเป็นพุทธมามกะที่ถึงพร้อมด้วยปริยัติ ปฏิบัติและปฏิเวธ และทรงแสดงเป็นแบบอย่างให้เห็นถึงการเป็นชาวพุทธที่ดี นำโดยนายรุ่งชัย ใบกว้าง รองผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร นายสุนทร รัตนากร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกำแพงเพชร นางธาดา สังข์ทอง หัวหน้าอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร หัวหน้าส่วนราชการ ประชาชน นักเรียน นักศึกษา พร้อมกันร่วมปฏิบัติธรรม ณ วัดพระแก้ว อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร
วัสดุ ดินเผา
อายุสมัย สมัยก่อนประวัติศาสตร์ สังคมเกษตรกรรม (ประมาณ 2,500-1,800ปีมาแล้ว)
สถานที่พบ พบที่แหล่งโบราณคดีบ้านสำโรง อำเภออาจสามารถ จังหวัดร้อยเอ็ด
พบได้ทั่วไปในแหล่งโบราณคดีในเขตทุ่งกุลาร้องไห้ ศาสตราจารย์ชาร์ลไฮแอม แห่งมหาวิทยาลัยโอทาโก ประเทศนิวซีแลนด์ ได้ขุดพบครั้งแรกที่แหล่งโบราณคดีโนนเดื่อ ดอนตาพัน บ่อพันขัน อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด เมื่อ พ.ศ.2520
ลักษณะเด่น
ภาชนะเนื้อสีขาว หรือสีส้ม ความหนาเฉลี่ยโดยประมาณ 0.3-0.5 เซนติเมตร ตกแต่งด้วยลายเชือกทาบ จากนั้นลบลายให้เรียบแล้วทาน้ำดินทับในแนวขวาง ซึ่งน้ำดินที่นิยมจะมีสีส้ม น้ำตาล ดำ และแดง
เนื้อดิน
เมื่อเผาสุกแล้วเนื้อดินจะมีสีขาว (ดินเกาลิน) เป็นแบบเนื้อดินธรรมดา (earthen ware) เนื้อดินผสมดินเชื้อ (grog) การปั้นภาชนะขนาดเล็กจะปั้นบางมาก
การตกแต่ง
นิยมตกแต่งผิวภาชนะด้วยลายเชือกทาบ โดยทาบด้วยเชือกเส้นเล็กๆ อย่างเป็นระเบียบ และทำให้เรียบ แล้วทาด้วยน้ำดินเป็นแถบ น้ำดินที่ใช้ทำมีสีแดง สีน้ำตาล สีดำ
วันพฤหัสบดีที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๓ เวลา ๐๙.๐๐ น. นักเรียนชั้นอนุบาล ๒ - ๓ โรงเรียนบ้านตรมไพร ตำบลตรมไพร อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ นักเรียนจำนวน ๕๙ คน คุณครูจำนวน ๒ คน เข้าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุรินทร์ โดยมีนางสาวอาภาภรณ์ เปล่งปลั่งศรี นักวิชาการวัฒนธรรม ให้การต้อนรับและบรรยายนำชม
อธิบดีกรมศิลปากรนายเอนก สีหามาตย์ เป็นประธานเปิดงานนิทรรศการพิเศษ "พุทธประติมาสัญลักษณ์แห่งความเชื่อความศรัทธาในสังคมกลุ่มชาติพันธุ์ตระกูลไท"
ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติกาญจนาภิเษก และได้เชิญสื่อมวลชนแขนงต่าง ๆ เพื่อจัดทำข่าวประชาสัมพันธ์ งานนิทรรศการดังกล่าว ในการนี้ ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติกาญจนาภิเษกได้ขอเชิญชวนให้ประชาชนทั่วไปที่มีจิตศรัทธาต่อพระพุทธรูปไม้ต่างๆที่นำมาจัดแสดง พุทธประติมาที่เป็นความเชื่อและศรัทธาในสังคมตระกูลไทนั้น ได้มาร่วมเข้าชมและสักการะดอกไม้ได้ ที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติกาญจนาภิเษกคลองห้า ปทุมธานี ใกล้กับหออัครศิลปินและพิพิธภัณฑ์ธรณีวิทยาเฉลิมพระเกียรติ เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 9.30 - 15.30 น. วันจันทร์ - วันศุกร์ ปิดวันเสาร์ อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์
***บรรณานุกรม***
หนังสือหายาก
อนุสรณ์จากกองตำรวจน้ำในงานฉลองรัฐธรรมนูญ ๒๔๙๖. พระนคร : โรงพิมพ์ศึกษานุกูล, ๒๔๙๖.