ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,784 รายการ

ต้นจัน พรรณไม้พระราชทานประจำจังหวัดจันทบุรี      พรรณไม้มงคลพระราชทานประจำจังหวัด เป็นพรรณไม้ที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงได้พระราชทานให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดของแต่ละจังหวัด เพื่อให้นำไปปลูกเป็นสิริมงคลแก่จังหวัดและเพื่อเป็นการรณรงค์ให้ประชาชนปลูกต้นไม้ในโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี โดยพรรณไม้พระราชทานประจำจังหวัดจันทบุรี คือ ต้นจัน ซึ่งเป็นต้นไม้ที่มีคุณค่าทางสมุนไพร  อีกทั้งยังเป็นพรรณไม้ท้องถิ่นของชาวจันทบุรีอีกด้วย      ต้นจัน (Diospyros decandra Lour.) เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กถึงกลางที่พบได้ทั่วทุกภาคของประเทศไทย มักขึ้นในป่าเบญจพรรณ ป่าดิบชื้น นิยมปลูกตามบ้านเรือน วัด หรือสวนสาธารณะ เนื่องจากให้ร่มเงาและมีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ ลักษณะเด่นของต้นจันมีความสูงประมาณ 10-20 เมตร ลำต้นตั้งตรง เปลือกต้นสีเทาอมน้ำตาลดำ ใบเดี่ยวเรียงสลับ ขอบเรียบ มีดอกขนาดเล็กสีขาวหรือเหลืองอ่อน ซึ่งแยกเพศอยู่คนละต้น ออกดอกระหว่างเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม ผลของต้นจันมีสองลักษณะ คือ "ลูกจัน" ซึ่งมีรูปทรงกลมแป้น  และ "ลูกอิน" ที่มีรูปทรงกลม ผลอ่อนสีเขียว เมื่อสุกจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง มีกลิ่นหอม เนื้อนุ่ม รับประทานได้ ต้นจันสามารถขยายพันธุ์ได้โดยการเพาะเมล็ด ปักชำ หรือแยกต้นอ่อน เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนซุยและดินดำทั่วไป ต้องการแสงแดดตลอดวันและทนต่อสภาพแห้งแล้ง       ต้นจันมีคุณค่าทั้งในด้านไม้ประดับและสมุนไพร ผลสุก สามารถรับประทานได้ ให้รสฝาดปนหวาน มีกลิ่นหอม ช่วยแก้อาการนอนไม่หลับลดอาการกระวนกระวาย แก้ท้องเสีย และช่วยขับระดู เนื้อไม้ ใช้กลั่นน้ำมันหอม ผสมในเครื่องหอม เครื่องสำอาง ทำน้ำอบไทย ช่วยบำรุงประสาท ตับและปอด เลือดลม แก้ร้อนใน ขับพยาธิ แก่นไม้ ช่วยแก้ไข้ โลหิตจาง แก้อ่อนเพลีย บำรุงหัวใจ ตับ ปอดให้แข็งแรง      ต้นจันจึงเป็นไม้ไทยที่มีทั้งความงดงามและให้ประโยชน์หลากหลาย ไม่เพียงแต่ให้ร่มเงาและความร่มรื่นแก่สิ่งแวดล้อม แต่ยังมีคุณค่าทางสมุนไพรที่ช่วยบำรุงสุขภาพอีกด้วย      เรียบเรียงจากหนังสือเรื่อง พรรณไม้มงคล สมุนไพรพระราชทาน ประจำจังหวัด ทั่วทั้ง 6 ภาคของประเทศไทย สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ห้องหนังสือทั่วไป หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี     แหล่งอ้างอิง พรรณไม้มงคล-สมุนไพรพระราชทานประจำจังหวัด : ทั่วทั้ง 6 ภาคของประเทศไทย.  กรุงเทพฯ:         ดวงกมล, 2554. สุริวัสสา กล่อมเดช.  อิน-จัน ผลไม้พื้นบ้านหอมฉุน รสหวาน ฉ่ำ กินได้ทั้งสุกและดิบ.  [ออนไลน์].      สืบค้นเมื่อ 3 เมษายน 2568, จาก https://krua.co/food_story/in-chan_gold-apple.   เรียบเรียงโดย นางสาวทิพวรรณ จันทร์ปัญญา บรรณารักษ์ปฏิบัติการ        หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี        สำนักศิลปากรที่ 5 ปราจีนบุรี  กรมศิลปากร  


สำนักการสังคีต กรมศิลปากร ขอเชิญชม โครงการดนตรีสำหรับประชาชน ปีที่ ๖๘ “เหมันต์สุขสันต์ หฤหรรษ์สังคีต” ทุกวันอาทิตย์ ระหว่างวันที่ ๒๖ มกราคม - ๑๖ มีนาคม ๒๕๖๘ เวลา ๑๗.๓๐ - ๑๙.๓๐ น. ณ สังคีตศาลา บริเวณพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร นำแสดงโดย ศิลปินสำนักการสังคีต อำนวยการแสดงโดย ศิริพงษ์ ทวีทรัพย์ รักษาราชการแทน ผู้อำนวยการสำนักการสังคีต บัตรราคา ๒๐ บาท หมายเหตุ รายการอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม


ชื่อเรื่อง                     สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฏฺฐาน)อย.บ.                       142/7ประเภทวัสดุ/มีเดีย       คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                   พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ               24 หน้า กว้าง 4.7 ซม. ยาว 53.3 ซม.หัวเรื่อง                     พระอภิธรรมปิฎก                              พระมหาปัฏฐานบทคัดย่อ/บันทึก           เป็นคัมภีร์ใบลาน  ฉบับล่องชาด ไม้ประกับธรรมดา ได้รับจาก จ.พระนครศรีอยุธยา


ชื่อแบบฉบับ : ตำนานวัดพระแก้วดอนเต้า (ผูก 1) ชื่อเรื่อง : ตำนานวัดพระแก้วดอนเต้า (ผูก 1) เลขทะเบียน : ชม.บ.125/1  ผู้แต่ง : ไม่ปรากฏ               ผู้สร้าง : ไม่ปรากฏ                 ปีที่สร้าง : ไม่ปรากฏ จำนวน : 1  คัมภีร์  1 ผูก      จำนวนบรรทัด : 4 บรรทัด       จำนวนหน้า :  32 หน้า อักษร : ธรรมล้านนา            ภาษา : ไทยล้านนา                เส้น : จาร ฉบับ : ล่องชาด                  ไม้ประกับ : ธรรมดา              ประเภทเอกสารโบราณ : คัมภีร์ใบลาน ประวัติ : ได้มาจากวัดศรีล้อม  ต.หนองหล่ม  อ.ดอกคำใต้ จ.พะเยา  เมื่อวันที่ 7 กรกฏาคม 2531 โครงการ : พัฒนาระบบบริการห้องสมุดดิจิทัล หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก เชียงใหม่ ปี พ.ศ. 2568


ชื่อแบบฉบับ : มหานิปาตวณฺณนา ชาตกฎฺฐกถา ขุทฺทกนิกายฎฺฐกถา (ผูก ค5) ชื่อเรื่อง : ทสชาติ  สุวรรณสามชาดก-นารทชาดก (ผูก ค5) เลขทะเบียน : ชม.บ.557/ค5 ผู้แต่ง : ไม่ปรากฏ                     ผู้สร้าง : อุบาสิภิกษุ                   ปีที่สร้าง : จ.ศ.1085 (พ.ศ.2266) จำนวน : 1  คัมภีร์  14 ผูก (หอสมุดแห่งชาติฯ เชียงใหม่ มีผูก ก1, ข1-3, ค1-5:4ก, ฆ1-2, ง1-2)    จำนวนบรรทัด : 5 บรรทัด          จำนวนหน้า : 44 หน้า อักษร : ธรรมล้านนา                  ภาษา : บาลี-ไทยล้านนา             เส้น : จาร ฉบับ : ล่องชาด                        ไม้ประกับ : ทารัก ขอบทาชาด      ประเภทเอกสารโบราณ : คัมภีร์ใบลาน ประวัติ : อุบาสิภิกษุสร้าง จ.ศ.1085 (พ.ศ.2266 สมัยอยุธยา รัชกาลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ) มี 5 เรื่อง ได้มาจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเชียงใหม่  เมื่อวันที่ 24 กรกฏาคม 2531 โครงการ : พัฒนาระบบบริการห้องสมุดดิจิทัล หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก เชียงใหม่ ปี พ.ศ. 2568


เลขทะเบียน : นพ.บ.749/1ฆห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณ                                                                                หมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 22 หน้า ; 5 x 60 ซ.ม. : ชาดทึบ-ลานดิบ-ล่องชาด-ล่องรัก ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 234 (370-381) ผูก 1ฆ (2568)หัวเรื่อง : อาการวัตตสูตร--เอกสารโบราณ             คัมภีร์ใบลาน             พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม



       พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ราชบุรี แจ้งปิดให้บริการเข้าชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ราชบุรี เพื่อดำเนินงานโครงการปรับปรุงอาคารนิทรรศการภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ราชบุรี เริ่มตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๘ เป็นต้นไป จึงประกาศเพื่อโปรดทราบโดยทั่วกัน และขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ โอกาสนี้  


      กรมศิลปากร ขอเชิญรับชมถ่ายทอด Facebook Live นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานการแถลงข่าวโครงการท่องเที่ยวโบราณสถานและพิพิธภัณฑ์ยามราตรี และกิจกรรม "อยุธยานาวา เมืองท่านานาชาติ ร่มพระบารมีสิริยาลัย" วันจันทร์ที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๘ เวลา ๑๗.๐๐ น.ณ วัดไชยวัฒนาราม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ผู้สนใจสามารถติดตามชมได้ทาง Facebook Live : กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม และ Facebook Live : กลุ่มเผยแพร่ฯ กรมศิลปากร


                   เนื่องในโอกาสขึ้นปีใหม่ ๒๕๖๒ กรมศิลากร ได้จัดกิจกรรมสักการะพระพุทธรูป ณ วังหน้า พระปฏิมาแห่งแผ่นดิน :นพปฏิมารัตนมารวิชัย ระหว่างวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๑ ถึงวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๖๒ ตั้งแต่เวลา ๐๙.๐๐ น. – ๑๖.๐๐ น. ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร โดยมีพระพุทธสิหิงค์เป็นประธาน และอัญเชิญพระแก้วปางมารวิชัย ซึ่งทำจากรัตนชาติวรรณะต่าง ๆ ๙ องค์ ประกอบด้วย พระพุทธรูปรัตนชาติมงคลโบราณ ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ พระพุทธรูปรัตนชาติ ที่ได้จากการขุดค้นทางโบราณคดีที่พระอุโบสถวัดบวรสถานสุทธาวาส หรือโบสถ์พระแก้ววังหน้าเมื่อพุทธศักราช ๒๕๐๗ และพระพุทธรูปรัตนชาติศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งประดิษฐานอยู่ในพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) มาแต่เดิมอีก ๗ องค์ นำมาให้ประชาชนได้สักการะในคราวเดียวกันเพื่อประทานพรให้เกิดสวัสดิมงคลในการเริ่มต้นสู่ศักราชใหม่ พระพุทธสิหิงค์  ปางสมาธิ แบบศิลปะ/อายุสมัย       ศิลปะสุโขทัย-ล้านนา ประมาณปลายพุทธศตวรรษที่ ๒๐ – ๒๑ ประวัติ                          สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท (วังหน้ารัชกาลที่ ๑)                                     ทรงอัญเชิญมาจากเมืองเชียงใหม่เมื่อประมาณ พุทธศักราช ๒๓๓๘  ปัจจุบันประดิษฐาน ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร             ในสมัยโบราณมักเรียกรัตนชาติเหล่านี้ว่า “แก้ว” เปรียบดุจพระรัตนตรัยอันประกอบด้วยแก้วทั้งสาม ทั้งยังเป็นอัญมณีสูงค่าอันหาได้ยาก ถือว่ามีค่ามากดุจแก้วสารพัดนึก แม้จะมีขนาดเล็กแต่ก็มีค่ากว่าพระพุทธรูปที่หล่อด้วยโลหะ ซึ่งแต่ละสีจะมีชื่อและความหมายที่แตกต่างกันออกไป ทั้งนี้พระพุทธรูปรัตนชาติทั้ง ๙ องค์ ยังแสดงปางมารวิชัย อันเป็นภาวะที่มั่นคงไม่ไหวติงต่อภยันอันตรายทั้งปวง   “นพปฏิมารัตนมารวิชัย” หมายถึง พระแก้วปางมารวิชัย ทั้ง ๙ องค์   ๑. พระแก้วน้ำค้าง ให้คุณด้านอยู่เย็นเป็นสุข สมัยรัตนโกสินทร์ พุทธศตวรรษที่ ๒๔ – ๒๕ เจ้าพรหมสุรธาดา เจ้านครเมืองน่าน ทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๗     โปรดเกล้าฯ พระราชทานให้พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร   ๒. พระแก้วกาบมรกตอ่อน สมัยรัตนโกสินทร์พุทธศตวรรษที่ ๒๔-๒๕ ได้จากการขุดค้นทางโบราณคดีในพระอุโบสถวัดบวรสถานสุทธาวาส เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ.๒๕๐๗   ๓. พระแก้วน้ำค้าง ให้คุณด้านอยู่เย็นเป็นสุข สมัยรัตนโกสินทร์ พุทธศตวรรษที่ ๒๔ เป็นพระพุทธรูปที่อยู่ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ  มาแต่เดิม   ๔. พระแก้วน้ำค้าง ให้คุณด้านอยู่เย็นเป็นสุข สมัยรัตนโกสินทร์พุทธศตวรรษที่ ๒๕ เป็นพระพุทธรูปที่อยู่ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ  มาแต่เดิม   ๕. พระแก้วกาบมรกต ให้คุณด้านปลอดภัย แคล้วคลาด และยศตำแหน่ง สมัยรัตนโกสินทร์ พุทธศตวรรษที่ ๒๔ เป็นพระพุทธรูปที่อยู่ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ  มาแต่เดิม   ๖. พระแก้วน้ำหาย ให้คุณด้านอยู่เย็นเป็นสุข สมัยรัตนโกสินทร์ พุทธศตวรรษที่ ๒๔ เป็นพระพุทธรูปที่อยู่ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ  มาแต่เดิม   ๗. พระแก้ววิฑูรย์น้ำผึ้ง ให้คุณด้านเมตตามหานิยม และป้องกันอัคคีภัย สมัยรัตนโกสินทร์ พุทธศตวรรษที่ ๒๕ เป็นพระพุทธรูปที่อยู่ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ  มาแต่เดิม   ๘. พระแก้วจันทรกานต์ ให้คุณด้านโชคลาภ และการติดต่อค้าขาย สมัยรัตนโกสินทร์ พุทธศตวรรษที่ ๒๔ เป็นพระพุทธรูปที่อยู่ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ  มาแต่เดิม   ๙. พระแก้ววิฑูรย์น้ำผึ้ง ให้คุณด้านโชคลาภทวีคูณ ชื่อเสียงและอำนาจ สมัยรัตนโกสินทร์ พุทธศตวรรษที่ ๒๔ เป็นพระพุทธรูปที่อยู่ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ  มาแต่เดิม  


ภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในพระที่นั่งพุทไธสวรรย์เขียนขึ้นราวปี พ.ศ. ๒๓๓๘ ซึ่งเป็นยุคเริ่มต้นของการสร้างบ้านสร้างเมือง ผู้คนล้วนอพยพมาจากฝั่งธนบุรีซึ่งเดิมก็เป็นชาวอยุธยา แม้แต่ช่างเขียนภาพก็เช่นเดียวกัน ย่อมเป็นช่างที่ตกค้างมาแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา การเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในพระที่นั่งพุทไธสวรรย์จึงถือได้ว่าเป็นยุคฟื้นฟูงานจิตรกรรมไทย ซึ่งก่อนหน้านั้นมีแต่เรื่องของการรบทัพจับศึก การสร้างผลงานจึงมีลักษณะความอัดอั้นตันใจที่จะแสดงออกถึงฝีมือและการสร้างสรรค์ใหม่แต่แฝงด้วยคตินิยมสมัยเก่า ปัจจุบันภาพเขียนยุคเริ่มแรกเหลือน้อยมาก เนื่องจากสภาพอากาศและภูมิประเทศของประเทศไทยซึ่งเป็นเขตร้อนชื้นทำให้ภาพจิตรกรรมฯ ชำรุดไปตามกาลเวลา ประกอบกับเทคนิคนิยมในการเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังของไทยที่สืบทอดกันมาเป็นการเขียนแบบปูนแห้ง ซึ่งแตกต่างจากเทคนิคการเขียนแบบปูนเปียกที่นิยมเขียนกันในแถบยุโรปซึ่งมีความคงทนมากกว่า ภาพจิตรกรรมฝาผนังพระที่นั่งพุทไธสวรรย์จึงเกิดความชำรุดอย่างรุนแรง แต่ก็ได้รับการบูรณะอย่างต่อเนื่องในยุคหลัง สันนิษฐานว่าเขียนซ่อมมากที่สุดในสมัยรัชกาลที่ ๔ ซึ่งปรากฏเทคนิคการเขียนภาพแบบตะวันตกทำให้ภาพมีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แม้ว่าในความจริงศิลปะแบบดั้งเดิมของเรามีลักษณะพื้นฐานไม่สามารถเข้ากันได้กับศิลปะคลาสสิคแบบตะวันตก แต่ถือได้ว่าภาพที่เขียนซ่อมในสมัยรัชกาลที่ ๔ ย่อมมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีอย่างน่าสนใจ   หนังสือเรื่อง “จิตรกรรมฝาผนังพระที่นั่งพุทไธสวรรย์” ได้อธิบายเนื้อหาของภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในพระที่นั่งพุทไธสวรรค์ โดยเฉพาะผนังที่เขียนเรื่องพุทธประวัติ ซึ่งมีทั้งหมด ๓๒ ผนัง ยกตัวอย่าง ผนังที่ ๑ พระราชพิธีอภิเษกสมรสพระเจ้าสุทโธทนะ ผนังที่ ๓๒ ถวายพระเพลิง พระมหากัสสปะกราบพระยุคลบาท ฯลฯ   กรมศิลปากรหวังว่าหนังสือเล่มนี้ จะเสริมสร้างความตระหนักรู้ในคุณค่าของมรดกวัฒนธรรมไทย และอำนวยประโยชน์แก่ผู้สนใจโดยทั่วกัน   จัดพิมพ์สี่สีสวยงาม จำหน่ายราคาเล่มละ ๗๖๐ บาท ติดต่อสั่งซื้อได้ที่กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ สำนักบริหารกลาง กรมศิลปากร ถนนหน้าพระธาตุ เขตพระนคร กรุงเทพฯ สอบถามเพิ่มเติมได้ โทร. ๐ ๒๒๒๒ ๐๙๓๔, ๐ ๒๒๒๒ ๓๕๖๙  



รายชื่อโบราณสถานที่ขึ้นทะเบียนแล้ว อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย           อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยมีการสำรวจโบราณสถานมาตั้งแต่พ.ศ.๒๔๗๘ พบโบราณสถานทั้งสิ้น ๑๙๓ แห่ง  ได้ประกาศขึ้นทะเบียนแล้วจำนวน ๕๘ แห่ง คือ 1. วัดมหาธาตุ ๒. เนินปราสาท ๓. วัดศรีสวาย ๔. วัดสระศรี ๕. วัดตระพังเงิน ๖. หลักเมือง ๗. วัดชนะสงคราม ๘. วัดตระพังทอง ๙. วัดใหม่ ๑๐. วัดตระกวน ๑๑. วัดตระพังสอ ๑๒. วัดซ่อนข้าว ๑๓. ศาลตาผาแดง (ศาลพระเสื้อเมือง) ๑๔. วัดมุมเมือง ๑๕. วัดข้าวสาร ๑๖. วัดกำแพงแลง ๑๗. กำแพงเมืองและคูเมือง ๑๘. วัดหนองปรือ ๑๙. วัดศรีชุม ๒๐. วัดอ้อมรอบ ๒๑. วัดพระพายหลวง ๒๒. วัดผีดิบ ๒๓. วัดเตาทุเรียง ๒๔. วัดสังฆาวาส ๒๕. วัดคุ้งหวาย ๒๖. วัดหินตั้ง ๒๗. วัดลาวพันลำ ๒๘. กลุ่มโบราณสถาน เตาเผาเครื่องเคลือบดินเผา ๒๙. วัดตระพังนาค ๓๐. วัดมุมลังกา ๓๑. วัดอโสการาม ๓๒. วัดตระพังน้ำชวด ๓๓. วัดต้นจันทร์ ๓๔. วัดเชตุพน ๓๕. วัดเจดีย์สี่ห้อง ๓๖. วัดศรีพิจิตรกิรติกัลยาราม ๓๗. วัดยายชี(ใต้) 38. วัดคลองป่าลาน 39. วัดตระพังช้าง 40. วัดโบสถ์ 41. วัดอีฝ้าย 42. วัดหญ้ากร่อน 43. วัดช้างล้อม 44. วัดเจดีย์ยอดหัก 45. วัดตระพังทองหลาง 46. วัดเจดีย์สูง 47. วัดเกาะไม้แดง 48. วัดนครชุม 49. วัดสะพานหิน 50. วัดพระบาทน้อย 51. วัดป่ามะม่วง 52. วัดศรีโทน 53. วัดตึก 54. หอเทวาลัยเกษตรพิมาน 55. วัดมังกร 56. วัดเจดีย์งาม 57. วัดเขาพระบาทใหญ่ 58. วัดช้างรอบ




black ribbon.