ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 42,990 รายการ
ชื่อเรื่อง โพธิปกฺขิยธมฺม (โพธิปักขิยธรรม เผด็จ)สพ.บ. 145/14ประเภทวัสดุมีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 86 หน้า กว้าง 5 ซ.ม. ยาว 55 ซ.ม. หัวเรื่อง พุทธศาสนา -- หัวข้อธรรม บทคัดย่อ/บันทึก
เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรขอม เส้นจาร ฉบับล่องชาด ได้รับบริจาคมาจากวัดป่าเลไลยก์ ต.รั้วใหญ่ อ.เมืองฯ จ.สุพรรณบุรี
ชื่อเรื่อง ปพฺพชฺชานิสํสกถา (สลองบวด)สพ.บ. 246/1ประเภทวัสดุมีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 52 หน้า กว้าง 5 ซ.ม. ยาว 56.8 ซ.ม. หัวเรื่อง พุทธศาสนา บวช อานิสงฆ์
บทคัดย่อ/บันทึก
เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน เส้นจาร ฉบับลานดิบ ภาษาบาลี-ไทยอีสาน ได้รับบริจาคมาจากวัดทุ่งอุทุมพร ต.บางปลาม้า อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี
ชื่อผู้แต่ง กุลทรัพย์ ชื่นรุ่งโรจน์
ชื่อเรื่อง บทกวีนิราศ ตามคลองบางกอกน้อยถึงบางใหญ่
ครั้งที่พิมพ์ -
สถานที่พิมพ์ พระนคร
สำนักพิมพ์ โรงพิมพ์ บริษัทการพิมพ์วีระสัมพันธ์ จำกัด
ปีที่พิมพ์ ๒๕๐๕
จำนวนหน้า ๙๔ หน้า
หมายเหตุ พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานฌาปนกิจศพ คุณแม่เชื่อม พึ่งเกตุ ณ เมรุวัดเกด อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี วันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๐๕
หนังสือบทกวีนิราศนี้ รวบรวมบทร้อยกรองของกวีคนสำคัญที่แต่งพรรณนาถึงสถานที่สองฝั่งน้ำ ตั้งแต่ลำคลองบางกอกน้อยถึงบางใหญ่ขึ้นไว้ แล้วตีพิมพ์เป็นคู่มือแก่ผู้ร่วมวรรณคดีสัญจร ตามที่กรมศิลปากรนำชมคลองบางกอกน้อย บางใหญ่ และไปออกแม่น้ำเจ้าพระยาตอนตรงข้ามตลาดขวัญ เมื่อเดือน ตุลาคม ๒๕๐๔
ตำรายารักษาโรค ชบ.ส. ๑๒๑
พระครูวิจิตรธรรมรัตน์ เจ้าอาวาสวัดนามะตูม ต.นามะตูม อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี
มอบให้หอสมุด ๓ มิ.ย. ๒๕๕0
เอกสารโบราณ (สมุดไทย)
สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สังคิณี-มหาปัฎฐาน) เลขที่ ชบ.บ.34/1-3 เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
กรมศิลปากร ขอเชิญรับชมถ่ายทอดสด Facebook Live รายการ ไขความรู้จากครูกรมศิลป์ ตอน “พิพิธภัณฑ์มรดกทางวัฒนธรรมอิสลามและศูนย์การเรียนรู้อัลกุรอานและการอนุรักษ์คัมภีร์อัลกุรอาน” วิทยากรโดย นายปฏิวัติ ทุ่ยอ้น สถาปนิกชำนาญการ สำนักสถาปัตยกรรม และนางพวงพร ศรีสมบูรณ์ นักวิทยาศาสตร์ชำนาญการพิเศษ กลุ่มวิทยาศาสตร์เพื่อการอนุรักษ์ สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ดำเนินรายการโดย นายสิทธิพร บุปผา นักวิชาการเผยแพร่ กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ ในวันพฤหัสบดีที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๖๔ เวลา ๑๑.๐๐ – ๑๑.๔๕ น. ผู้สนใจสามารถติดตามชมได้ทาง Facebook : กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม และ Facebook : กลุ่มเผยแพร่ฯ กรมศิลปากร รายการ “ไขความรู้จากครูกรมศิลป์” มีรูปแบบเนื้อหาของรายการเกี่ยวกับประวัติความเป็นไทย เกร็ดประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับวันสำคัญ ประเพณี วัฒนธรรม วีถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน ผ่านการบอกเล่า ถ่ายทอดความรู้ แนวความคิด เนื้อหาวิชาการ จากประสบการณ์ของผู้บริหาร นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญกรมศิลปากร กำหนดถ่ายทอดสดผ่านเฟสบุ๊กไลฟ์ (facebook live) ทุกวันพฤหัสบดี เวลา ๑๑.๐๐ น. ติดตามชมได้ตลอดปีงบประมาณ ๒๕๖๔ ระหว่างเดือนตุลาคม ๒๕๖๓ - กันยายน ๒๕๖๔
องค์ความรู้เรื่อง ก้าวแรกของไทยไปงานมหกรรมโลก
งานมหกรรมโลก (World Exposition) หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่างาน Expo ถือเป็นงานแสดงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและดำเนินการจัดมายาวนานกว่า ๑๖๙ ปี จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. ๒๓๙๔ (ค.ศ. ๑๘๕๑) ณ คริสตัล พาเลซ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ต่อมาเป็นงานระดับนานาชาติที่ดำเนินการจัดทุก ๆ ๕ ปี มีระยะเวลาราว ๖ เดือน โดยหมุนเวียนประเทศเจ้าภาพในหมู่ประเทศภาคีสมาชิกทั้งในทวีปยุโรป อเมริกา และเอเชีย งานมหกรรมโลกถือเป็นเวทีที่แสดงศักยภาพทางความคิดสร้างสรรค์ เพื่อการนำเสนอนวัตกรรม และความเจริญก้าวหน้าทางศิลปวิทยาการจากนานาประเทศ อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้สาธารณชนได้มาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ร่วมเรียนรู้พัฒนาการของศาสตร์แขนงต่างๆ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ตลอดจนภูมิปัญญาท้องถิ่น มรดกทางวัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ พระองค์มีพระบรมราโชบายในการเปิดความสัมพันธ์กับประเทศตะวันตก มีการปรับปรุงประเทศให้ทันสมัยตามแบบนานาอารยประเทศ ตลอดจนมีการทำสนธิสัญญาทางไมตรีและพาณิชย์ (Treaty of Friendship and Commerce) กับประเทศต่างๆ โดยเริ่มจากประเทศอังกฤษเป็นประเทศแรก ใน พ.ศ. ๒๓๙๘ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนามว่า “สนธิสัญญาเบาว์ริง” ต่อมาจึงมีการตกลงทำสนธิสัญญาทางไมตรีและพาณิชย์กับประเทศอื่น ๆ อีกรวม ๑๓ ประเทศ
การที่อังกฤษและไทยมีไมตรีต่อกันนี้จึงเป็นโอกาสสำคัญให้ไทยได้เข้าร่วมในงานมหกรรมโลกเป็นครั้งแรกที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ใน พ.ศ. ๒๔๐๕ ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้จัดสิ่งของต่าง ๆ ไปร่วมจัดแสดง ประกอบด้วย พระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเครื่องบรมขัตติยราชภูษิตาภรณ์ ชุดพานทอง ชุดโตกไม้ และเครื่องกระเบื้องหลายชิ้น ฯลฯ แม้ว่ารายละเอียดเกี่ยวข้องกับสิ่งของที่นำไปจัดแสดงและเอกสารที่เกี่ยวเนื่องกับการเข้าร่วมงานในครั้งนี้จะมีไม่มากนัก แต่สิ่งหนึ่งซึ่งเป็นหลักฐานยืนยันได้แน่ชัดคือ ภาพถ่ายธงช้างเผือกของประเทศสยามที่ปรากฏอยู่ในภาพงานมหกรรมโลกในครั้งนั้น
ครั้นต่อมาใน พ.ศ. ๒๔๑๐ ประเทศฝรั่งเศสได้มีหนังสือเชิญให้ประเทศไทยเข้าร่วมงานมหกรรมโลกอย่างเป็นทางการที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส (Paris Exposition Universelle 1867) โดยงานจัดขึ้น ณ ชองป์ เดอ มารส์ (Champ de Mars) ซึ่งเป็นลานสวนสนามในประวัติศาสตร์ใจกลางกรุงปารีส ระหว่างวันที่ ๑ เมษายน ถึงวันที่ ๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๑๐ มีประเทศต่าง ๆ รวม ๔๑ ประเทศและอาณานิคมอื่น ๆ อีกราว ๓๓ แห่ง เข้าร่วมจัดแสดง ภายในงานมีส่วนจัดแสดงนวัตกรรมและสิ่งของแปลกใหม่จากทั่วทุกมุมโลก นำเสนอความบันเทิงหลากหลายรูปแบบ และมีร้านค้าจำนวนมากจำหน่ายสินค้าและของที่ระลึกจากประเทศต่างๆ นับเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยได้จัดแสดงนิทรรศการขนาดใหญ่และสร้างศาลาไทยตามรูปแบบของสถาปัตยกรรมไทยที่งดงาม มีรูปปั้นช้างเป็นสัญลักษณ์ปรากฏอยู่โดดเด่นที่ด้านหน้า สำหรับแนวคิดตลอดจนสิ่งของต่างๆที่นำไปออกร้านจัดแสดง ณ ศาลาไทย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯให้พระสยามธุรานุรักษ์ (ม.เดอเกรอัง) กงสุลไทยประจำกรุงปารีส เป็นผู้แทนพระองค์ดำเนินการทั้งหมด ดังปรากฏหลักฐานในหนังสือ เรื่อง “ราชอาณาจักรสยาม ในงานแสดงศิลปหัตถกรรม ณ ชองป์ เดอ มารส์ พ.ศ.๒๔๒๑” (กรมศิลปากร พิมพ์เผยแพร่ พ.ศ. ๒๕๔๑) ว่า บรรดาสิ่งของที่นำไปจัดแสดงนอกเหนือจากพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวแล้ว ยังมีของส่วนพระองค์และของพระราชทานอีกหลายรายการ ได้แก่ เชี่ยนหมากทองคำ เครื่องมุกที่เป็นงานประณีตศิลป์
ของไทย แจกันลงยา ผ้าไหม โบราณวัตถุและศิลปวัตถุหลายรายการ และพระพุทธรูปปางต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังมีงานหัตถกรรมชิ้นเยี่ยมอีกเป็นจำนวนมาก
ในโอกาสเข้าร่วมงานมหกรรมโลกครั้งนี้ประเทศไทยได้รับรางวัลเหรียญทองเชิดชูเกียรติจากการประกวดสินค้าพื้นเมือง และรางวัลเกียรติยศจากการแสดงเรือพระที่นั่งจำลอง นับเป็นความภาคภูมิใจและเป็นมิติใหม่ที่น่ายินดียิ่งและส่งผลให้ประเทศไทยได้เป็นที่รู้จักในเวทีโลกกล่าวกันว่าการแสดงนิทรรศการที่ศาลาไทยแห่งนี้เป็นที่ประทับใจของบรรดาชาวยุโรปที่ได้มีโอกาสสัมผัสความงดงามของศิลปวัฒนธรรมจากดินแดนตะวันออกไกลอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
----------------------------------------------
เรียบเรียงโดย นางสาวนันทพร บรรลือสินธุ์
นักอักษรศาสตร์ชำนาญการพิเศษ
กลุ่มแปลและเรียบเรียง
สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์