ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,784 รายการ

  พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเชียงประกอบไปด้วยนิทรรศการและส่วนการบริการดังต่อไปนี้     ๑. อาคาร ‘สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี’ เป็นอาคารศูนย์รวมส่วนบริการต่างๆ ได้แก่ จุดประชาสัมพันธ์และจำหน่ายบัตรเข้าชม ห้องประชุม และห้องจัดแสดงนิทรรศการหมุนเวียน  ๒. อาคาร ‘กัลยาณิวัฒนา’ เป็นอาคารจัดแสดงนิทรรศการหลัก ประกอบไปด้วยส่วนจัดแสดงย่อยจำนวน ๙ ส่วน         ส่วนจัดแสดงที่๑ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชกับบ้านเชียง ส่วนจัดแสดงนี้บอกเล่าถึงการเสด็จประพาสในปีพ.ศ. ๒๕๑๕ ซึ่งนำพาความร่วมมือจากองค์กรต่างๆ ในการศึกษาและการพัฒนาแหล่งโบราณคดีบ้านเชียง และแหล่งอื่นๆ ในประเทศไทย พระราชปุจฉาซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตรัสถามเมื่อคราวเสด็จนั้นถูกนำมาจัดแสดงในส่วนนี้เพื่อเกริ่นนำถึงขั้นตอนการศึกษาทางด้านโบราณคดีเบื้องต้น       ส่วนจัดแสดงที่๒ การดำเนินงานทางโบราณคดีที่บ้านเชียง นำเสนอลำดับเวลาการศึกษาทางด้านโบราณคดีในบ้านเชียง โดยเน้นเหตุการณ์สำคัญ รวมถึงบุคลากรที่มีส่วนสำคัญทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ     ส่วนจัดแสดงที่๓ การปฏิบัติงานทางโบราณคดีที่บ้านเชียง แสดงถึงขั้นตอนการทำงานและการศึกษาระหว่างการขุดค้นโดยนักโบราณคดีระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๑๗ - ๒๕๑๘ เช่น การแบ่งประเภทและวิเคราะห์โบราณวัตถุที่พบ รวมถึงวีดีทัศน์บทสัมภาษณ์ชาวบ้านในท้องถิ่น         ส่วนจัดแสดงที่๔ บ้านเชียง:หลุมขุดค้นทางโบราณคดี ฉากและบรรยากาศจำลองแสดงสภาพหลุมขุดค้นระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๑๗ - ๒๕๑๘ โดยผู้เข้าชมสามารถเยี่ยมชมและสังเกตขั้นตอนการทำงานภายในหลุมขุดค้นจำลองอย่างใกล้ชิด       ส่วนจัดแสดงที่๕ โบราณวัตถุจากการขุดค้นทางโบราณคดีที่วัดโพธิ์ศรีใน โบราณวัตถุที่ถูกพบในหลุมขุดค้นวัดโพธิ์ศรีในถูกนำมาจัดแสดงในส่วนจัดแสดงนี้ โดยแบ่งออกตามสมัยของวัฒนธรรมบ้านเชียง ทั้ง ๓ สมัย เช่น เครื่องปั้นดินเผา เครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ และเครื่องประดับจากวัสดุธรรมชาติ แก้ว หิน และโลหะ     ส่วนจัดแสดงที่๖ วัฒนธรรมบ้านเชียงยุคก่อนประวัติศาสตร์ จัดแสดงฉากจำลองและโบราณวัตถุเกี่ยวกับวิถีชีวิตของคนสมัยก่อนประวัติศาสตร์ในวัฒนธรรมบ้านเชียง โดยจำลองบรรยากาศและสิ่งแวดล้อมในช่วงสมัยดังกล่าว       ส่วนจัดแสดงที่๗บ้านเชียง:การค้นพบยุคสำริดที่หายสาบสูญ นิทรรศการนี้ถูกดัดแปลงมาจากนิทรรศการที่ถูกจัดขึ้นโดยมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียเพื่อการจัดแสดงในประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศสิงคโปร์ โดยมีอธิบายการศึกษาทางโบราณคดีในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภาคพื้นทวีปโดยสังเขปจนถึงการค้นพบวัฒนธรรมในยุคสำริดที่แหล่งบ้านเชียง         ส่วนจัดแสดงที่๘ บ้านเชียง:มรดกโลก จัดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติที่แหล่งโบราณคดีบ้านเชียงได้รับเลือกเป็นแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมในปี พ.ศ. ๒๕๓๕ ตามหลักเกณฑ์การพิจารณาข้อที่๓ “เป็นสิ่งที่ยืนยันถึงหลักฐานของวัฒนธรรมหรืออารยธรรมที่ปรากฏให้เห็นอยู่ในปัจจุบันหรือว่าที่สาบสูญไปแล้ว”       ส่วนจัดแสดงที่๙ การกระจายตัวของวัฒนธรรมบ้านเชียง จัดแสดงโบราณวัตถุที่ถูกพบระหว่างการสำรวจจากแหล่งโบราณคดีก่อนประวัติศาสตร์ใกล้เคียงกับพื้นที่แหล่งบ้านเชียงตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๕ เพื่อศึกษาการกระจายตัวของวัฒนธรรมบ้านเชียงในบริเวณแอ่งสกลนคร ปัจจุบันมีการค้นพบแหล่งโบราณคดีที่ได้รับอิทธิพลของวัฒนธรรมบ้านเชียงจำนวน ๑๒๗ แหล่งกระจายตามลุ่มน้ำสำคัญในจังหวัดอุดรธานี สกลนคร และหนองคาย  ๓. อาคารนิทรรศการไทพวน จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับวิถีชีวิต ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมของชาวไทพวนซึ่งเป็นผู้ตั้งถิ่นฐานในแหล่งโบราณคดีบ้านเชียงในปัจจุบัน       หลุมขุดค้นวัดโพธิ์ศรีใน ตั้งอยู่ในวัดโพธิ์ศรีในห่างออกไปจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเชียงทางทิศตะวันออกราว ๕๐๐ เมตร หลังจากการเสด็จประพาสวันที่ ๒๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๑๕ กรมศิลปากรได้ปรับปรุงหลุมขุดค้นภายในวัดโพธิ์ศรีในเพื่อจัดแสดงเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งแห่งแรกของประเทศ     เรือนไทพวนอนุสรณ์ เดิมเป็นบ้านของคุณพจน์ มนตรีพิทักษ์ ซึ่งอนุญาตให้กรมศิลปากรทำการขุดค้นฯ ในปีพ.ศ. ๒๕๑๕ หลังจากการเสด็จของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ คุณพจน์ผู้เป็นเจ้าของจึงบริจาคบ้านหลังนี้รวมถึงที่ดินให้กับกรมศิลปากรเพื่อสงวนรักษา เป็นอนุสรณ์สถานการเสด็จประพาสครั้งนั้น เรือนไทพวนอนุสรณ์ได้รับพระราชทานรางวัลด้านการอนุรักษ์ศิลปะสถาปัตยกรรมดีเด่น ประจำปีปีพ.ศ. ๒๕๕๐ โดยสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์      




ภาชนะดินเผาทรงปากแตร เลขทะเบียน ๐๙/๓/๒๕๔๗  ๐๙/๒๖/๒๕๓๑ สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ยุคสำริด อายุประมาณ ๓,๕๐๐ – ๒,๕๐๐ ปี มาแล้ว ดินเผา ขนาด  ๑. สูง             ๑๐.๕ เซนติเมตร                           ปากกว้าง   ๑๑.๕ เซนติเมตร                       ๒. สูง            ๑๙.๕ เซนติเมตร                            ปากกว้าง  ๑๖.๓ เซนติเมตร           พบจากการขุดค้นแหล่งโบราณคดีบ้านปราสาท ตำบลธารปราสาท อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา           จากหลักฐานทางโบราณคดีพบว่า เมื่อราว ๓,๐๐๐ ปีมาแล้ว ได้มีกลุ่มชนโบราณเริ่มเข้ามาปลูกสร้างบ้านเรือนอยู่อาศัยและฝังศพอยู่บริเวณเนินดินบ้านปราสาท และมีความสามารถในการผลิตภาชนะดินเผาที่มีรูปแบบสวยงาม และเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาชนะทรงปากแตรมีลักษณะคล้ายคนโฑ คอแคบ ปากผายออก เคลือบผิวด้วยน้ำดินสีแดงและขัดมัน บางใบมีการตกแต่งผิวด้วยลายเชือกทาบ หรือลายเขียนสีคล้ายแบบบ้านเชียง           ภาชนะดินเผาเป็นโบราณวัตถุที่พบมากในแหล่งโบราณคดีสมัยก่อนประวัติศาสตร์ จากการขุดค้นได้พบหลักฐานว่า ภาชนะดินเผารู้จักทำกันมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ยุคหินใหม่แล้ว เพื่อนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะใช้เป็นภาชนะสำหรับปรุงอาหาร ใส่อาหาร หรือเก็บถนอมอาหาร และภาชนะที่ทำขึ้นใช้ในพิธีกรรม โดยเฉพาะประเพณีการฝังศพ   Pottery Registration No. 09/3/2547, 09/26/2531 Earthenware,  1. Height               10.5 cm.                            Rim diameter    11.5 cm.                         2. Height              19.5 cm.                             Rim diameter   16.3 cm. Bronze Age, Prehistoric period: ca. 3,500 – 2,500 years ago.             Found during the excavation of the Ban Prasat archaeological site, Ban Prasat, Non Sung district, Nakhon Ratchasima province.           Potteries excavated at Ban Prasat are unique and feature various forms. However, a well-known distinguishing mark is the red slipped, burnished, trumpet rim of the globular pots. Namely, a narrow neck, a wide trumpet-like mouth and red slipped, burnished surface.           Evidence from the excavation site has found that the pottery was made during the Neolithic Period. The pots were used for many purposes such as storing food and water, and for burial purposes.    





หนังสือ AI เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ สำหรับการบริหารงานและการบริการภาครัฐ สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) (สพร.)ปัญญาประดิษฐ์ (Artifcial Intelligence) หรือ AI เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีดิจิทัลที่ถูกให้ความสำคัญจากทั้งภาครัฐและภาคเอกชนอย่างสูงในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นเครื่องมือทางเลือกที่สามารถยกระดับการทำงาน แก้ปัญหา และสนับสนุนการตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือ สพร. ในฐานะหน่วยงานกลางในการขับเคลื่อนการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล จึงมีแนวคิดในการศึกษาเทคโนโลยี AI เพื่อนำมาใช้ในการพัฒนาประสิทธิภาพภาครัฐ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างแรงจูงใจให้หน่วยงานภาครัฐนำเทคโนโลยี AI มาใช้เพื่อสร้างประสิทธิภาพในการให้บริการสาธารณะและการทำงานของภาครัฐต่อไป เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้มี4 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ 1 เป็นบทนำเพื่อสร้างความเข้าใจเรื่อง AI ให้แก่ผู้อ่าน ส่วนที่ 2 เป็นการรวบรวมทิศทางกลยุทธ์ AI ของโลก ส่วนที่ 3 เป็นแนวทางการนำ AI มาเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของภาครัฐ โดยแบ่งงานภาครัฐออกเป็น 3 กลุ่ม คือ งานบริการ งานบริหารจัดการของรัฐ และงานเฉพาะของหน่วยงาน ส่วนสุดท้ายเป็นข้อเสนอแนะสำหรับภาครัฐเพื่อนำ AI มาใช้ประโยชน์



สาระสังเขป  :  รวบรวมกฏหมายต่างๆที่มีโทษทางอาญา และตัวบทเฉพาะที่บัญญัติว่าเป็นความผิดนั้นลงไว้โดยไม่ได้ย่อ เพื่อให้พนักงานสอบสวน และผู้ที่จะใช้ตีความหมายของบทบัญญัตินั้นๆ ได้เต็มที่ผู้แต่ง  :  เอื้อ บุษปะเกศ  หงสกุล โรงพิมพ์  :  ทวีกิจการพิมพ์ปีที่พิมพ์  :  2508 ภาษา  :  ไทยรูปแบบ  :  PDFเลขทะเบียน  :  น.31บ.4892จบเลขหมู่  :  364.4202434              อ271ค


รายงานการเดินทางไปราชการ ณ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว  1.ชื่อโครงการ/กิจกรรม   โครงการความร่วมมือระหว่างประเทศไทย-สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว : กิจกรรมประสานงานเพื่อจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยดำเนินการแลกเปลี่ยนวิทยาการทางโบราณคดี โบราณสถาน วัฒนธรรมและพิพิธภัณฑสถาน  3.กำหนดเวลา วันที่ 1-4 สิงหาคม พ.ศ.2559 4.สถานที่ กรมมรดก และ หอพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว 5.หน่วยงานผู้จัด กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ประเทศไทย และกรมมรดก กระทรวงแถลงข่าว การท่องเที่ยวและวัฒนธรรม สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว 6.หน่วยงานสนับสนุน สถานเอกอัครราชฑูตแห่งราชอาณาจักรไทย ประจำนครหลวงเวียงจันทน์ 7.กิจกรรม ประชุมร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่ของกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ประเทศไทย และกรมมรดก(โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ระดับสูงจาก กอง/แผนก ที่เกี่ยวข้อง) กระทรวงแถลงข่าว การท่องเที่ยวและวัฒนธรรม สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เพื่อร่วมกันจัดทำแผนปฏิบัติการด้านพิพิธภัณฑสถานทั้งในประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว 8.คณะผู้แทนไทย 8.1 นางอมรา ศรีสุชาติ                       นักโบราณคดีทรงคุณวุฒิ 8.2 นายกิตติพงษ์ สนเล็ก                    นักโบราณคดีชำนาญการ 8.3 นายชินณวุฒิ วิลยาลัย                   นักโบราณคดีชำนาญการพิเศษ     9.สรุปสาระของกิจกรรม 9.1 ประชุมร่วมเพื่อพิจารณาการปรับแก้เนื้อหา(บางส่วน)ตามความเห็นของกรมความร่วมมือสากล สปป.ลาว คณะผู้แทนของกรมศิลปากรเข้าพบกับเจ้าหน้าที่ของกรมมรดก สปป.ลาว คือ ท่านเวียงแก้ว สุกสะหวัดดี รองอธิบดีกรมมรดก, ท่านทองลิด หลวงโคด ผู้อำนวยการกองโบราณวิทยา, ท่านพอนพัน ผู้อำนวยการห้องบริหารงาน, ท่านสุลินทอน เพ็ดชมพู หัวหน้าแผนกวิชาการพิพิธภัณฑ์  ณ ห้องประชุม กรมมรดก นครหลวงเวียงจันทน์           ทั้งสองฝ่ายร่วมกันเสนอความคิดเห็นและพิจารณาปรับแก้ไขจาd ร่าง บันทึกความเข้าใจฯ ฉบับเดือนพฤษภาคม 2559(เอกสารหมายเลข 1)           9.2 คณะผู้แทนของกรมศิลปากรและเจ้าหน้าที่ของกรมมรดก ร่วมกันพิจารณาความเห็นจากกรมความร่วมมือสากล สปป.ลาว(เอกสารหมายเลข 2)และปรับแก้ไข คำ ชื่อ เนื้อหาในข้อ 10 และเพิ่มเติมข้อ 11 รวมทั้งสถานที่/วัน-เวลา ลงนาม รายละเอียดดังเอกสารหมายเลข 3(ตัวอักษรสีแดง)  10.ข้อเสนอแนะจากการจัดกิจกรรม 10.1 ร่วมกันพิจารณาวันลงนามในบรรทุกความเข้าใจฯ นี้ เป็นวันพุธที่ 31 สิงหาคม 2559 ณ กรมศิลปากร(รายละเอียดจัดทำบันทึกข้อความมาอีกหนึ่งฉบับแล้ว) 10.2  หลังจากทั้งสองฝ่ายลงนามแล้วจำเป็นต้องจัดทำ แผนปฏิบัติการด้านโบราณคดี ซึ่งในรายละเอียดยังไม่เห็นพ้องกันทั้งสองฝ่ายโดยเร็ว(เอกสารหมายเลข 4)   ................................................ผู้สรุปผลการเดินทางไปราชการ                                                        (นายชินณวุฒิ วิลยาลัย)


เลขทะเบียน : นพ.บ.7/7ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ :  52 หน้า  ; 4 x 55 ซ.ม. : ล่องชาด ; ไม้ประกับธรรมดา ชื่อชุด : มัดที่ 5 (47-61) ผูก 7หัวเรื่อง : สมนฺตปาสาทิกา--เอกสารโบราณ            คัมภีร์ใบลาน            พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


เลขทะเบียน : นพ.บ.31/1ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ :  48 หน้า  ; 5 x 55 ซ.ม. : ล่องรัก ; ไม้ประกับธรรมดา ชื่อชุด : มัดที่ 17 (182-188) ผูก 1หัวเรื่อง : สตฺตปฺปกรณาธมฺม --เอกสารโบราณ            คัมภีร์ใบลาน            พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม



ชื่อเรื่อง : ตำนานพระธาตุเจ้าหริภุญชัย จังหวัดลำพูน ผู้แต่ง : สิงฆะ วรรณสัย ปีที่พิมพ์ : 2516 สถานที่พิมพ์ : ลำพูน สำนักพิมพ์ : ลำพูนการพิมพ์


ประจำเดือนมา... ทำไมต้องปวดศีรษะ? กองบรรณาธิการ.ประจำเดือนมา... ทำไมต้องปวดศีรษะ?.HEALTH CHANNEL Magazine.12:138(may 2017);5. คุณผู้หญิงหลายคนอาจเคยมี อาการต่างๆ ที่เกิดขึ้นก่อนหรือหลังการมี ประจำเดือน รวมถึงอาการปวดศีรษะ ที่บางคนอาจคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา บางคนก็วิตกกังวลพยายามที่จะหาสาเหตุ และหาวิธีรักษาอย่างเอาเป็นเอาตาย และ ในบางคนกลับพบว่าการรับประทานยา ก็ไม่สามารถทำให้อาการทุเลาลงได้ Q & A ฉบับนี้ จะพาไปค้นหาคำตอบ จาก แพทย์จีน เชน ปรีชาวณิชวงศ์ ว่าในมุม ของการแพทย์แผนจีนนั้น อาการเช่นนี้ถือว่า เป็นเรื่องปกติของร่างกายเราจริงหรือไม่ แล้วเราจะสามารถรักษาให้หายขาดได้ไหม Q : ทำไมประจำเดือนมาแล้วต้อง ปวดศีรษะ? A: แพทย์แผนจีนจะแบ่งสาเหตุของอาการ ปวดศีรษะนี้เป็น 2 ประเภท 1. อาการปวดศีรษะก่อนที่ประจำเดือน จะมา ซึ่งจะปวดค่อนข้างรุนแรง หงุดหงิดง่าย โดยสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจาก ตามปกติเราเป็น คนอารมณ์เสียหงุดหงิดง่ายอยู่แล้ว ทำให้ พลังลมปราณที่ตับเกิดการติดขัด และเมื่อช่วง ที่ประจำเดือนมา ตับก็จะทำงานหนักขึ้น เพราะเป็นลมปราณสำคัญที่จะนำพาเลือด ประจำเดือนให้ไหลออกมาได้ ดังนั้น เมื่อลมปราณที่ตับเกิดการติดขัด ลมปราณ ที่ปกติต้องเคลื่อนที่ลงล่างจึงเกิดการตีขึ้น ข้างบน ไปอยู่ในบริเวณศีรษะทำให้เกิดอาการ ปวดศีรษะขึ้น 2. อาการปวดศีรษะช่วงใกล้ หมดประจำเดือน หรือหลังประจำเดือนหมด จะเป็นอาการปวดแบบน่ารำคาญ คือ ปวดแบบนิดๆ หนักศีรษะหรือเวียนหัวตาลาย ร่วมด้วย ซึ่งมักเกิดกับสาวๆ ที่ผอมแห้ง ไม่สบายบ่อยเป็นทุนเดิม โดยสาเหตุเกิดจาก การที่ตับทำงานได้ไม่เพียงพอ เพราะตับ ทำหน้าที่เป็นธนาคารเลือดของร่างกาย ที่คอยส่งเลือดไปยังช่องคลอด เมื่อร่างกาย อ่อนแอและมีเลือดอยู่อย่างจำกัด เลือดจึงไม่พอ ไปเลี้ยงศีรษะทำให้เกิดอาการปวดศีรษะขึ้น และเมื่อประจำเดือนหมดไปอาการปวดศีรษะ ก็จะค่อย ๆ ทุเลาลง Q: เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว จะมีวิธีรักษาไหม ? A : วิธีรักษาก็แบ่งตามสาเหตุอีกเช่นกัน ถ้าคุณผู้หญิงที่มักมีอาการปวดศีรษะ ก่อนที่ประจำเดือนจะมา แพทย์จีนแนะนำว่า ต้องเริ่มจากการทำใจให้สบาย ไม่หงุดหงิด รวมถึง ใช้ตัวช่วยอื่น ๆ เช่น การนำกุหลาบแห้งและ ดอกเก๊กฮวยแห้งมาชงน้ำร้อนทำเป็นชาไว้จิบ ก็ได้ ซึ่งกุหลาบมีฤทธิ์ทำให้ผ่อนคลาย พลังลมปราณตับเดินได้สะดวกขึ้น ส่วนเก๊กฮวย สามารถดับไฟที่เกิดจากพลังลมปราณตับ ติดขัดได้ นอกจากนี้ควรงดน้ำเย็นและไอศกรีม ในช่วงก่อนประจำเดือนจะมาหนึ่งอาทิตย์ เพราะความเย็นจะยิ่งทำให้ลมปราณติดขัด จนส่งผลให้ปวดศีรษะเรื้อรังได้ ส่วนคนที่มัก มีอาการปวดศีรษะช่วงใกล้หมดประจำเดือน - หลังประจำเดือนหมด ควรรับประทานอาหาร ที่มีธาตุเหล็กเยอะ ๆ เช่น งาดำ, ตับหมู, ผักป่วยเล้ง เพื่อเป็นการบำรุงเลือดและ ลมปราณให้แข็งแรงยิ่งขึ้น รู้อย่างนี้แล้ว หากคุณผู้หญิงมีอาการ ปวดศีรษะตามสาเหตุใด ก็ค่อยๆ นำวิธีเหล่านี้ ไปปรับใช้กัน และสำหรับคนที่มีอาการมากแล้ว บางครั้งการปรับตัวเพียงอย่างเดียวอาจ ไม่สามารถดึงให้สมดุลร่างกายกลับมาปกติได้ ก็จำเป็นจะต้องพบแพทย์เพื่อรับคำปรึกษา และหาแนวทางในการรักษาอื่นๆ ต่อไป


black ribbon.