ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 40,783 รายการ



ชื่อเรื่อง                               อาทิกมฺมปาลิ(ปาราชิกปาลิ)มหาวิยงฺคปาลิ(ปาราชิกัณฑ์) สพ.บ.                                  อย.บ.2/9ประเภทวัสดุมีเดีย                    คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                               พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ                           50 หน้า กว้าง 5.5 ซม. ยาว 55 ซม.หัวเรื่อง                                 พุทธศาสนา          บทคัดย่อ/บันทึก          เป็นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ลานดิบ ร่องชาด ได้รับบริจาคมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา


-- องค์ความรู้จากเอกสารจดหมายเหตุ : ม่อนชิงช้า โรงเรียนประชาบาลแห่งแรกของเมืองลับแล -- เอกสารจดหมายเหตุในสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นแหล่งข้อมูลสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาประเทศในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะในด้านการศึกษา อันเป็นยุคเริ่มต้นของการขยายการศึกษาจากเมืองใหญ่ไปสู่ชนบท และการปรับเปลี่ยนรูปแบบของการเรียนสอนจากเดิมที่สอนโดยพระภิกษุสงฆ์ภายในวัดมาสู่ระบบโรงเรียนในชุมชนที่มีครูผู้สอน ซึ่งในการขยายการศึกษาและการปรับเปลี่ยนรูปแบบการเรียนการสอนในที่แห่งใด ย่อมต้องอาศัยความมุ่งมั่นตั้งใจของผู้นำท้องถิ่นประกอบกับความร่วมแรงร่วมใจของผู้คนในท้องถิ่นนั้นๆ การจัดการศึกษาจึงจะสำเร็จลุล่วงไปได้. ตัวอย่างหนึ่งที่แสดงถึงความพยายามของผู้นำท้องถิ่นในการจัดให้คนในท้องถิ่นของตนมีการศึกษาที่ดีไม่แพ้คนในเมืองใหญ่นั่นคือ เอกสารจดหมายเหตุชุดกรมราชเลขาธิการ รัชกาลที่ 5 กระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง โรงเรียนม่อนชิงช้า จ.อุตรดิตถ์ ซึ่งกล่าวถึงการสร้างโรงเรียนในอำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ว่า แต่เดิมนั้นที่อำเภอลับแลยังไม่มีโรงเรียนสำหรับสอนวิชาความรู้ หลวงศรีพนมมาศ นายอำเภอลับแลจึงเห็นว่าควรจะจัดให้มีโรงเรียนขึ้น โดยเลือกบริเวณม่อนชิงช้า ซึ่งตั้งอยู่ระหว่าง “บ้านดอกช้างยางกระใดหน้าวัดฝ่ายหิน ติดอยู่กับถนนศรีพนมรูปม่อน” เป็นสถานที่ตั้งโรงเรียน จากนั้นหลวงศรีพนมมาศได้ไปปรึกษากับกรมการอำเภอ กำนันผู้ใหญ่บ้านและราษฎร ทุกคนต่างเห็นด้วยที่จะมีโรงเรียน จึงได้เริ่มช่วยกันออกแรงถางปรับพื้นที่เมื่อปลายปี ร.ศ. 122 (พ.ศ. 2446) โดยตั้งใจจะสร้างเป็นอาคารถาวรมุงด้วยกระเบื้องไม้ แต่เมื่อขออนุญาตนำไม้ขอนสักมาสร้างอาคารเรียนกลับไม่ได้รับอนุญาต การสร้างโรงเรียนจึงยังคงค้างอยู่. ต่อมาในเดือนเมษายน ร.ศ. 124 (พ.ศ. 2448) พระเทพกวี เจ้าคณะมณฑลพิษณุโลก ได้ขึ้นไปตรวจจัดการศึกษาฝ่ายคณะสงฆ์ที่อำเภอลับแล เมื่อได้ทราบถึงเรื่องการตั้งโรงเรียนม่อนชิงช้า พระเทพกวีจึงแนะนำให้สร้างเป็นอาคารชั่วคราวไปพลางก่อน และจะจัดครูฝึกมาให้เป็นครูสอนที่โรงเรียนแห่งนี้ ดังนั้นในเดือนต่อมา หลวงศรีพนมมาศพร้อมด้วยกำนันผู้ใหญ่บ้านและราษฎรจึงร่วมกันปลูกสร้างอาคารเรียนชั่วคราวเป็นเรือนไม้เครื่องผูกมุงหญ้าคาพื้นฝาใช้ฟาก กว้าง 10 ศอก ยาว 10 วา รูปทรงปั้นหยา 1 หลัง ใช้เวลาประมาณ 30 วันจึงแล้วเสร็จ นอกจากการสร้างอาคารเรียนแล้ว หลวงศรีพนมมาศยังได้จัดซื้อและจัดหาพันธุ์ไม้มาปลูกที่รั้วรอบโรงเรียน โดยเฉพาะพันธุ์มะพร้าวและพันธุ์ไม้ผลต่างๆ ซึ่งหลวงศรีพนมมาศเป็นผู้ออกเงินส่วนตัวจัดซื้อทั้งหมด รวมถึงหญ้าคามุงหลังคาและสังกะสีด้วย เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงมีพิธีเปิดโรงเรียนเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม ร.ศ. 124 โดยเชิญพระยาเทพาธิบดี ผู้ว่าราชการเมืองพิไชยมาเป็นประธานเปิดโรงเรียน พร้อมทั้งเปิดรับนักเรียนชุดแรกในวันนั้น ซึ่งมีนักเรียนจำนวน 75 คน ส่วนครูผู้สอน พระเทพกวีได้ให้นายเผือก ครูโรงเรียนวัดท่าถนนมาเป็นผู้สอน. โรงเรียนแห่งนี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งในเวลาต่อมา โดยหลวงศรีพนมมาศได้บอกบุญเรี่ยไรเงินจากบรรดาข้าราชการ พ่อค้าและราษฎรเพื่อก่อสร้างอาคารเรียนถาวร เป็นอาคารชั้นเดียว เสาไม้เต็งรัง ฝาไม้กระยาเลย และหลังคามุงกระเบื้อง การก่อสร้างอาคารแล้วเสร็จในปี ร.ศ. 126 (พ.ศ. 2450) ใช้เงินบริจาคทั้งสิ้น 5,142 บาท 16 อัฐ หลวงศรีพนมมาศจึงได้กราบทูลเชิญเสด็จพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (เมื่อครั้งดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร) มาทรงเปิดโรงเรียนเมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ ร.ศ. 126 (เทียบปฏิทินปัจจุบันคือ พ.ศ. 2451) และได้พระราชทานนามโรงเรียนว่า “โรงเรียนพนมมาศพิทยากร” ซึ่งโรงเรียนแห่งนี้ยังคงเปิดการเรียนการสอนให้กับลูกหลานชาวอำเภอลับแลสืบต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันผู้เขียน: นายธัชพงศ์ พัตรสงวน (นักจดหมายเหตุปฏิบัติการ หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ พะเยา)เอกสารอ้างอิง:1. สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ. เอกสารกรมราชเลขาธิการ รัชกาลที่ 5 กระทรวงศึกษาธิการ ร.5 ศ 5 โรงเรียน (ป-ย)/34 เรื่อง โรงเรียนม่อนชิงช้า จ.อุตรดิตถ์. [19 ส.ค. – 10 ก.ย. 124].2. “แจ้งความกระทรวงธรรมการ แพนกศึกษามณฑล.” (ร.ศ. 127). ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 25, ตอนที่ 12 (21 มิถุนายน): 379-380.#จดหมายเหตุ #องค์ความรู้จากจากจดหมายเหตุ #หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯพะเยา #เอกสารจดหมายเหตุ


อิสิคิลิสุตฺต (อิสิคิลิสุตฺต) ชบ.บ 121/1ก เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)


สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 161/4เอกสารโบราณ(คัมภีร์ใบลาน)


      พระพิมพ์ดินเผาภาพพระพุทธเจ้าขนาบข้างด้วยรูปบุคคล สมัยทวารวดี       พระพิมพ์ดินเผาภาพพระพุทธเจ้าขนาบข้างด้วยรูปบุคคล จัดแสดง ณ ห้องอู่ทองศรีทวารวดี พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง       พระพิมพ์ดินเผา ขนาดกว้าง ๓ เซนติเมตร ยาว ๔.๓ เซนติเมตร ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ด้านบนโค้งมน ด้านหน้าค่อนข้างลบเลือนมาก จากการศึกษาเปรียบเทียบรูปแบบกับพระพิมพ์ที่มีสภาพสมบูรณ์ สันนิษฐานว่ามีภาพพระพุทธเจ้าแสดงวิตรรกมุทรา (ปางแสดงธรรม) นั่งห้อยพระบาทอยู่ตรงกึ่งกลาง ขนาบข้างด้วยรูปบุคคลยืนตริภังค์ (ยืนเอียงสะโพก) ที่อาจเป็นพระโพธิสัตว์หรือเทวดา ด้านล่างมีรูปธรรมจักรหันด้านสันออกมาด้านหน้าขนาบข้างด้วยรูปสถูป ด้านบนมีภาพพระพุทธเจ้าแสดงปางสมาธิเรียงกัน ๓ องค์ กำหนดอายุสมัยทวารวดี ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๓ – ๑๕ (ประมาณ ๑,๑๐๐ – ๑,๓๐๐ ปีมาแล้ว)        พระพิมพ์รูปแบบคล้ายคลึงกันนี้พบจากแหล่งโบราณสมัยทวารวดีหลายแห่ง เช่น วัดพระเมรุ พระปฐมเจดีย์ และที่ตำบลพระประโทน จังหวัดนครปฐม โดยเฉพาะที่เจดีย์หมายเลข ๓ เมืองโบราณอู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี ยังพบพระพิมพ์ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันเป็นอย่างมาก แตกต่างเพียงพระพุทธเจ้านั่งขัดสมาธิราบแทนนั่งห้อยพระบาท นอกจากนี้ยังพบพระพิมพ์ดินดิบศิลปะศรีวิชัยรูปแบบคล้ายคลึงกันนี้ตามแหล่งโบราณคดีที่ตั้งอยู่บริเวณภาคใต้ของประเทศไทยอีกด้วย เช่น ถ้ำเขาอกทะลุ และถ้ำคูหาสวรรค์ จังหวัดพัทลุง และควนสราญรมย์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นต้น แสดงถึงความสัมพันธ์และการติดต่อแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมกันระหว่างศิลปะทวารวดีและศรีวิชัย ซึ่งเจริญขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน      นักวิชาการสันนิษฐานคติการสร้างออกเป็น ๒ แนวทาง คืออาจสร้างขึ้นเพื่อแสดงถึงเหตุการณ์ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง “สัทธรรมปุณฑริกสูตร” แก่พระโพธิสัตว์ทั้งหลายบนเขาคิชฌกูฏ หรือยอดเขาแร้ง ใกล้กรุงราชคฤห์ ตามคัมภีร์สัทธรรมปุณฑริกสูตรของพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน หรืออาจแสดงถึงเหตุการณ์ในพุทธประวัติตอนแสดงมหาปาฏิหาริย์ที่เมืองสาวัตถี ตามคัมภีร์ชาดกอรรถกถาภาษาบาลี ของพระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาทก็เป็นได้   เอกสารอ้างอิง  ธนกฤต ลออสุวรรณ. “การศึกษาคติความเชื่อของชุมชนโบราณสมัยทวารวดีในลุ่มแม่น้ำแม่กลองและท่า จีน: กรณีศึกษาจากพระพิมพ์ดินเผา”. วิทยานิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขา โบราณคดีสมัยประวัติศาสตร์ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร, ๒๕๔๖. นิติพันธุ์ ศิริทรัพย์. “พระพิมพ์ดินเผาสมัยทวารวดีที่นครปฐม”. วิทยานิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต  สาขาวิชาโบราณคดีสมัยประวัติศาสตร์ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร, ๒๕๒๔. สุรสวัสดิ์ สุขสวัสดิ์, ม.ล. “การศึกษาพระพิมพ์ภาคใต้ของประเทศไทย”. วิทยานิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตรมหา บัณฑิต  สาขาวิชาโบราณคดีสมัยประวัติศาสตร์ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร, ๒๕๒๘.


แนะนำ E-book หนังสือหายาก เรื่อง 1. ข้อสังเกตบางประการ. ในอังกฤษ,ฮอลแลนด์,เบลเยี่ยม,ฝรั่งเศส,สวิตเซอร์แลนด์และอิตาลี ทวี เจริญพิทักษ์. ข้อสังเกตบางประการ. ในอังกฤษ,ฮอลแลนด์,เบลเยี่ยม,ฝรั่งเศส,สวิตเซอร์แลนด์และอิตาลี. พระนคร: ร.พ.บริษัทสหอุปกรณ์การพิมพ์, 2494. 2.ชีวประวัติ ผู้ยิ่งด้วยความอดทนเสียสละเพื่อเอกราช เนห์รู เลียง ไชยกาล. ชีวประวัติ ผู้ยิ่งด้วยความอดทนเสียสละเพื่อเอกราช เนห์รู. พระนคร: ร.พ.เฟื่องอักษร, 2502.


เลขทะเบียน : นพ.บ.430/1ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 28 หน้า ; 5 x 57 ซ.ม. : ทองทึบ-ชาดทึบ-ล่องรัก-ลานดิบ ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 156  (131-140) ผูก 1 (2566)หัวเรื่อง : นางสุพัตตา--เอกสารโบราณ            คัมภีร์ใบลาน            พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


เลขทะเบียน : นพ.บ.577/1                             ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณ                                                                                หมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 18 หน้า ; 4.5 x 57 ซ.ม. : ลานดิบ ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 187  (357-364) ผูก 1 (2566)หัวเรื่อง : หงษ์คำชาดก--เอกสารโบราณ            คัมภีร์ใบลาน            พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


ชื่อเรื่อง                         ธมฺมปทวณฺณนา ธมฺมปทฏฺธกถา ขุทฺทกนิกายฏฺธกกา (ธมฺมฺปทขั้นปลาย)อย.บ.                            241/1หมวดหมู่                       พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ                  58 หน้า กว้าง 5 ซม. ยาว 58.5 ซม.หัวเรื่อง                         พระธรรมเทศนา                                                                       บทคัดย่อ/บันทึก          เป็นคัมภีร์ใบลาน ฉบับทองทึบ ไม้ประกับธรรมดา


          กรมศิลปากร ขอเชิญรับชมถ่ายทอดสด Facebook Live รายการไขความรู้จากครูกรมศิลป์ ตอน “พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ : การเปลี่ยนผ่านจากอดีตสู่ปัจจุบัน” วิทยากร นางสาวรุ่งนภา สงวนศักดิ์ศรี นักอักษรศาสตร์ชำนาญการ สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ ผู้ดำเนินรายการ นายสิทธิพร บุปผา นักวิชาการเผยแพร่ กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ ในวันพฤหัสบดีที่ ๑๑ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ เวลา ๑๑.๐๐ – ๑๑.๔๕ น.            ผู้สนใจสามารถติดตามชมได้ทาง Facebook Live : กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม และ Facebook Live : กลุ่มเผยแพร่ฯ กรมศิลปากร




องค์ความรู้สุพรรณบุรี เรื่อง จังหวัดสุพรรณบุรีในเอกสารชินกาลมาลีปกรณ์ผู้เรียบเรียง : นางอภิญญานุช เผ่าพงษ์คล้าย บรรณารักษ์ชำนาญการ หอสมุดแห่งชาติจังหวัดสุพรรณบุรี เฉลิมพระเกียรติ


คลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สังกัด : สำนักพิพิธภัณฑสถ่านแห่งชาติ กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ที่ตั้ง : ภายในพื้นที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กาญจนาภิเษก ตำบลคลองห้า อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี จัดสร้าง : พ.ศ.๒๕๕๙-๒๕๖๖ พิธีเปิด : วันที่ ๒๘ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๖ เวลา ๙.๐๐ น. โดยองค์ประธาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมเปิดให้บริการ : วันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๖๖ ภารกิจหน้าที่ :            กรมศิลปากรจัดสร้างอาคารคลังกลางโบราณวัตถุหลังใหม่ เพื่อกำหนดหน้าที่ให้เป็นคลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ดำเนินงานโดยกลุ่มทะเบียนโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุและสารสนเทศ สังกัดสำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ โดยมีหน้าที่ดังต่อไปนี้              ๑. ศูนย์กลางรวบรวม จัดเก็บ และบริการด้านโบราณวัตถุของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติในสังกัดกรมศิลปากร ดูแลรักษาโบราณวัตถุให้อยู่ในสภาพปลอดภัย พร้อมให้บริการหมุนเวียนไปจัดแสดงในนิทรรศการถาวร หรือนิทรรศการพิเศษในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติทั่วประเทศ ตลอดจนสนับสนุนโครงการความร่วมมือด้านการอนุรักษ์ และประชาสัมพันธ์คุณค่ามรดกศิลปวัฒนธรรมของกรมศิลปากร และประเทศไทย            ๒. เป็นต้นแบบมาตรฐานสากลการบริหารจัดการคลังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ในการดูแลรักษาโบราณวัตถุให้มีความยั่งยืนและปลอดภัย            ๓. ให้บริการศึกษาค้นคว้าโบราณวัตถุฯ (Study Collection) จากฐานข้อมูลโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ทั้งที่คลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ และทางแพลตฟอร์มออนไลน์ บริการภาพถ่ายโบราณวัตถุ และบริการการศึกษาชิ้นงานโบราณวัตถุในพื้นที่คลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ แก่นักวิชาการ นักศึกษา และประชาชน ตามระเบียบวิธีการที่กรมศิลปากรกำหนด             ๔. เก็บรักษาโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ที่อยู่ระหว่างดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๐๔ (แก้ไขเพิ่มเติมฯ พ.ศ.๒๕๓๕)  และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง  อาคาร :             อาคารคอนกรีตเสริมเหล็กขนาดใหญ่ มีพื้นที่ใช้สอย ๓๐,๐๐๐ ตารางเมตร ความสูง ๔ ชั้น รูปทรงอาคารเป็นทรงไทยประยุกต์ นำเส้นสายฐานบัวในงานสถาปัตยกรรมไทยเข้ามาใช้เป็นกรอบด้านนอกของอาคาร เพื่อสร้างเอกลักษณ์ไทยด้วยวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่ แต่ยังคงไว้ซึ่งการระบายอากาศที่ดี สามารถนำแสงธรรมชาติเข้ามาใช้ในอาคาร และเหมาะสมกับสถานที่ตั้งที่มีภูมิอากาศร้อนชื้น วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในอาคารเลือกใช้วัสดุประเภทเหล็ก คอนกรีต อลูมิเนียมและกระจกเป็นหลัก ไม่ใช้วัสดุประเภทไม้เพื่อลดโอกาสที่จะมีแมลงเข้ามาอยู่อาศัย ซึ่งอาจทำลายโบราณวัตถุที่จัดเก็บอยู่ภายใน ห้องคลังโบราณวัตถุ :             ปัจจุบันกรมศิลปากรดำเนินการเคลื่อนย้ายโบราณวัตถุจากอาคารคลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเดิมและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติทั่วประเทศ รวมจำนวน ๑๑๓,๘๔๙ รายการ เข้าเก็บรักษาตามประเภทวัสดุ ภายในอาคารคลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติแห่งใหม่ รวมพื้นที่ใช้สอย ๒๖,๑๔๐ ตารางเมตร จำแนกห้องคลังตามประเภทวัสดุ รวม ๑๐ ห้องคลัง ดังนี้            ๑. คลังโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ประเภทหินและปูนปั้น            ด้วยปัจจัยของขนาดและน้ำหนักของโบราณวัตถุประเภทหินและปูนปั้น ห้องคลังโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุประเภทหินและปูนปั้น จึงกำหนดไว้ที่ชั้น ๑ รวมพื้นที่ ๓,๐๐๐ ตารางเมตร             ๒. คลังโบราณวัตถุฯ ประเภทดินเผาและแก้ว            วัสดุโบราณวัตถุดินเผาและแก้วเป็นอนินทรีย์วัตถุที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก จึงจัดวางในห้องคลังบนชั้น ๒ ฝั่งตะวันออก พื้นที่ ๒,๕๐๐ ตารางเมตร แยกเป็น ๒ ห้องย่อย ประกอบด้วย ห้องคลังเครื่องปั้นดินเผา ๑ จัดเก็บเครื่องปั้นดินเผาสมัยก่อนประวัติศาสตร์ถึงสมัยแรกเริ่มประวัติศาสตร์ จัดวางเป็นกลุ่มตามแหล่งที่มาและกลุ่มวัตถุเอกลักษณ์พิเศษ ห้องคลังเครื่องปั้นดินเผา ๒ จัดเก็บเครื่องปั้นดินเผาสมัยลพบุรี ถึงสมัยรัตนโกสินทร์             ๓. คลังโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ประเภทโลหะ            คลังโบราณวัตถุฯ ประเภทโลหะอยู่บนชั้น ๒ ฝั่งตะวันตกมีพื้นที่ ๔,๑๐๐ ตารางเมตร แบ่งเก็บโบราณวัตถุตามหน้าที่ใช้สอบใน ๓ ห้องย่อย ได้แก่                ห้องคลังโลหะ ๑ ประกอบด้วยโบราณวัตถุเนื่องในพระพุทธศาสนา ได้แก่ พระพุทธรูป ศาสนสถานจำลอง รอยพระพุทธบาท พระศรีอารยเมตรัย พระสาวก พระพิมพ์ เป็นต้น                ห้องคลังโลหะ ๒ ประกอบด้วยเครื่องมือเครื่องใช้ ได้แก่ อาวุธ เงินตรา วิทยุ โทรศัพท์ ภาชนะ กล้องส่องทางไกล กล้องถ่ายภาพยนตร์ กล้องถ่ายภาพ เครื่องพิมพ์ดีด เครื่องทำบัญชี เครื่องคิดเลข เครื่องบดยาสมุนไพร เป็นต้น                ห้องคลังโลหะ ๓ ประกอบด้วยโบราณวัตถุเนื่องในศาสนาความเชื่ออื่นๆ ได้แก่ เทวรูป พระโพธิสัตว์ เทพเจ้า แม่โพสพ แม่ซื้อ บุคคล รูปสัตว์ และเครื่องดนตรี เป็นต้น            ๔. คลังโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ประเภทไม้            โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ประเภทไม้ จัดเก็บในห้องคลังชั้น ๓ ขนาด ๓,๖๐๐ ตารางเมตร ซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ประเภทอินทรียวัตถุโดยเฉพาะ โดยแบ่งเป็น ๒ ห้องย่อยคือ                ห้องคลังโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ไม้ ๑ จัดเก็บงานประณีตศิลป์ แบ่งกลุ่มจัดวางตามหน้าที่ใช้งาน ได้แก่ เครื่องเรือน ชิ้นส่วนประดับสถาปัตยกรรม และเครื่องมือเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน                 ห้องคลังโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ไม้ ๒ จัดเก็บศาสนวัตถุ แบ่งกลุ่มจัดวางตามหน้าที่ใช้สอย ได้แก่ รูปเคารพในศาสนา และเครื่องใช้ในพิธีกรรม             ๕. คลังโบราณวัตถุฯ ประเภทอินทรีย์วัตถุอื่นๆ            โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ประเภทอินทรียวัตถุที่มีความอ่อนไหวสูงต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งอุณหภูมิ ความชื้น ความร้อน จัดเก็บตามประเภทในห้องคลังชั้น ๓ พื้นที่รวม ๓,๐๐๐ ตารางเมตร แบ่งกลุ่มวัตถุออกเป็น ๒ ห้องย่อย คือห้องคลังโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุประเภทผ้า กระดาษ กระดูก งา เขาสัตว์ และห้องคลังโบราณวัตถุศิลปวัตถุประเภทหนังสัตว์     โบราณวัตถุ :             จำนวนโบราณวัตถุ ๑๑๓,๘๔๙ รายการ ที่จัดเก็บภายในคลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ  มีที่มาจากการดำเนินงานปกป้องมรดกศิลปวัฒนธรรมของประเทศไทย ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๔ ถึงปัจจุบัน ประกอบด้วย             ๑. โบราณวัตถุจากคลังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเดิม ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร              ๒. โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ จากการสำรวจขุดค้นทางโบราณคดีและขุดแต่งโบราณสถานของกรมศิลปากร             ๓. โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ จากการรับมอบ รับบริจาค และจัดซื้อจากหน่วยงานและภาคประชาชน             ๔. โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ จากคดีลักลอบค้าโดยผิดกฎหมาย             ๕. โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ จากการดำเนินงานของคณะกรรมการติดตามโบราณวัตถุของไทยในต่างประเทศกลับคืนสู่ประเทศไทย             ๖. โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ นำส่งมาเก็บรักษาจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติต่าง ๆ   การบริการ คลังเพื่อการศึกษา Study Collection :            ปัจจุบันพิพิธภัณฑ์หลายแห่งทั่วโลกได้พัฒนางานบริการทางวิชาการ โดยออกแบบและบริหารจัดการคลังพิพิธภัณฑ์ให้สามารถให้บริการในรูปแบบ “คลังเพื่อการศึกษา” แก่นักวิชาการ นักศึกษาที่สนใจศึกษาวัตถุพิพิธภัณฑ์โดยเฉพาะ ทั้งโดยการศึกษาวัตถุ และสอบค้น จากฐานข้อมูลโบราณวัตถุศิลปวัตถุบนแพลตฟอร์มออนไลน์             คลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จึงจัดการให้บริการศึกษาค้นคว้าโบราณวัตถุ เป็น ๒ ระดับ ได้แก่ ระดับแรก คือบริการการศึกษาค้นคว้าในห้องฐานข้อมูลโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ห้องสมุด และแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งผู้ศึกษาสามารถเข้าใช้บริการได้ในพื้นที่บริการทั่วไป ระดับที่ ๒ คือการศึกษาโบราณวัตถุ ซึ่งต้องแจ้งขออนุญาตเข้าศึกษาในพื้นที่ชั้นใน โดยการดูแลของเจ้าหน้าที่             ๑. พื้นที่ให้บริการระดับแรก                  ๑.๑ ห้องสมุดเฉพาะด้านโบราณคดี ประวัติศาสตร์ศิลปะ และพิพิธภัณฑ์วิทยา                 ๑.๒ ห้องสืบค้นฐานข้อมูลโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ                    ผู้ศึกษาสามารถเข้าใช้บริการคอมพิวเตอร์สอบค้นโบราณวัตถุ จากฐานข้อมูลโบราณวัตถุ   ศิลปวัตถุ โดยมีเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือในการค้นคว้าโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุทั้งที่อยู่ในคลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ และประสานขอข้อมูลโบราณวัตถุที่เก็บรักษาในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติทั่วประเทศ ทั้งนี้ผู้ศึกษายังสามารถเข้าศึกษาฐานข้อมูลโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุทางช่องทางแพลตฟอร์มออนไลน์  findantique.finearts.go.th  สำหรับผู้ใช้บริการแอพพลิเคชั่นสืบค้นทะเบียนโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ จะต้องลงทะเบียนสมัครเป็นสมาชิกทาง https://findantiue.finearts.go.th  กำหนดรหัสผ่านส่วนตัว และยืนยันรหัสผ่านส่วนตัวแล้วจึงสามารถเข้าสืบค้นฐานข้อมูลทะเบียนโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติทั่วประเทศ                 ๑.๓ บริการสำเนาไฟล์ภาพถ่ายโบราณวัตถุ โดยมีค่าธรรมเนียมตามระเบียบกรมศิลปากร                คลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติมีภาพถ่ายโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุจัดเก็บไว้จำนวนมากกว่าหนึ่งแสนรูป พร้อมให้บริการไฟล์ภาพถ่ายเพื่อใช้ในการศึกษาค้นคว้าได้ โดยผู้ศึกษาไม่ต้องถ่ายภาพโบราณวัตถุด้วยตนเอง ผู้สนใจสามารถยื่นคำร้องได้ที่ห้องสอบค้นฐานข้อมูลโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ หรือสืบค้นด้วยตนเองทางช่องทางเว็บไซต์ findantique.finearts.go.th แล้วยื่นคำร้องขอสำเนาไฟล์ภาพถ่ายโบราณวัตถุทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ registraonm@gmail.com หรือเว็บเพจ facebook.com/nationalmuseumstorage            ๒. พื้นที่ให้บริการระดับที่ ๒                 ๒.๑ บริการศึกษาโบราณวัตถุ                 คลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ให้บริการศึกษาโบราณวัตถุแก่ผู้ยื่นคำร้องขอเข้าศึกษาโบราณวัตถุ ในพื้นที่ควบคุมชั้นใน ตามขั้นตอนและระเบียบวิธีที่กรมศิลปากรกำหนด ดังนี้                 - สืบค้นฐานข้อมูลโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และเลือกรายการโบราณวัตถุที่ต้องการศึกษา                  - กรอกคำร้องขอเข้าศึกษาโบราณวัตถุ โดยระบุรายละเอียดโบราณวัตถุ เช่น ชื่อโบราณวัตถุ เลขทะเบียน ชนิด จำนวน ให้ถูกต้องครบถ้วน แล้วยื่นคำร้องขอเข้าศึกษาโบราณวัตถุต่อผู้ช่วยภัณฑารักษ์                 - เมื่อได้รับอนุญาต จะได้เข้าใช้บริการในห้องศึกษาโบราณวัตถุในพื้นที่ควบคุม โดยการอำนวยความสะดวกของผู้ช่วยภัณฑารักษ์                 - เมื่อศึกษาโบราณวัตถุเสร็จสิ้น ผู้ช่วยภัณฑารักษ์จะตรวจสอบสภาพโบราณวัตถุว่าไม่มีการทำลายหรือทำให้โบราณวัตถุชำรุดเสื่อมสภาพ จากนั้นลงนามส่งคืนโบราณวัตถุกลับห้องคลังพิพิธภัณฑ์                กรณียื่นคำร้องผ่านช่องทางออนไลน์ จะได้รับการนัดหมายวันเวลาเข้าศึกษาโบราณวัตถุจากเจ้าหน้าที่                  ๒.๒ บริการศึกษา ดูงาน และการอบรมต่างๆ                  องค์กรหรือหน่วยงานที่สนใจศึกษาดูงานด้านการบริหารจัดการคลังพิพิธภัณฑ์ สามารถส่งหนังสือแจ้งขออนุญาตเข้าศึกษาดูงานล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๓ วัน เพื่อจัดเตรียมเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกและข้อมูลที่จำเป็น ทั้งนี้คลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติยังให้บริการห้องประชุมขนาด ๔๐ ที่นั่ง โดยมีขั้นตอนการขอใช้บริการดังนี้                   - ส่งหนังสือถึงผู้อำนวยการสำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ แจ้งขออนุญาตเข้าศึกษาดูงาน หรือขอใช้พื้นที่ฝึกอบรม โดยระบุชื่อหน่วยงานหรือโครงการที่จะอบรม วัน เวลา จำนวนผู้เข้าศึกษาดูงาน หรือรายละเอียดการฝึกอบรม หมายเลขติดต่อ ตลอดจนความต้องการวิทยากร โดยขอให้แจ้งขออนุญาตล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 วัน                     - กรณีขออนุญาตใช้พื้นที่จัดการฝึกอบรม จะมีค่าธรรมเนียมตามระเบียบกรมศิลปากรว่าด้วยการขออนุญาตใช้สถานที่ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. 2548            ๓. ระบบให้บริการคลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเสมือนจริง  Virtual Smart Museum  กรมศิลปากรออกแบบจัดทำสื่อ “คลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเสมือนจริง” เพื่อให้ประชาชน นักเรียน นักศึกษาผู้สนใจได้ “สร้างประสบการณ์เสมือนจริง” เสมือนได้เข้ามาภายในพื้นที่ควบคุมของคลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ด้วยระบบ Virtual Reality คือ การจำลองสภาพแวดล้อมเสมือนจริงของห้องคลังโบราณวัตถุต่างๆ ผ่านซอฟต์แวร์และอุปกรณ์ ผู้ใช้สื่อสามารถรับรู้จากการมองเห็น การได้ยินผ่านจอคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์แสดงผลสามมิติ นอกจากนี้ยังนำเสนอภาพโบราณวัตถุชิ้นสำคัญแบบ 360 องศา ที่ผู้ชมสามารถขยายภาพชมรายละเอียดได้โดยสะดวก             ๔. ระบบให้บริการ FADiscovery            กรมศิลปากรได้พัฒนาระบบนำชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ผ่านแอพพลิเคชั่น FADiscovery โดยเชื่อมโยงความสนใจของผู้เข้าชมเข้ากับข้อมูลองค์ความรู้ผ่านฐานข้อมูลองค์ความรู้ของกรมศิลปากร ระบบ FADiscovery จะจัดเก็บข้อมูลความต้องการของผู้เข้าชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติผ่านกำไลข้อมืออัจฉริยะ (Wristband) หรือแอพพลิเคชั่นผ่านโทรศัพท์มือถือ ระบบจะจดจำเส้นทาง บันทึกความชื่นชอบ ความสนใจในการเข้าชม แล้วแยกความสนใจออกเป็นประเภท เช่น  ห้องจัดแสดง โบราณวัตถุ แล้วประมวลผลในทันที เพื่อให้ได้ทราบความสนใจพิเศษ แล้วระบบจะส่งข้อมูลความรู้ที่สนใจกลับไปยังผู้เข้าชมทันทีแบบรายบุคคล (Individual Experience) เช่น ระบบประมวลผลพบว่าผู้เข้าชมสนใจเรื่องประวัติศาสตร์ชาติไทย ระบบจะสืบค้นข้อมูลที่เกี่ยวข้องจากฐานข้อมูลกรมศิลปากร แล้วส่งข้อมูลกลับไปยังผู้เข้าชมคนนั้นทันที 


Messenger