ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 42,988 รายการ
วันที่ 5 เมษายน 2567 เวลา 11.00 น. พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีส่งมอบการซ่อมทำเรือพระที่นั่งและเรือรูปสัตว์ ให้แก่กรมศิลปากร โดยมีนายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร เป็นผู้รับมอบ ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธี เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ
นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า กองทัพเรือและกรมศิลปากรได้หล่อหลอมดวงใจเป็นหนึ่งเดียวกันเพื่อถวายพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอันเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทยทุกคน เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 การพระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร โดยดำเนินการซ่อมเรือพระราชพิธีให้มีความสวยงาม สมพระเกียรติ แบ่งเป็น 2 ขั้นตอนคือ กองทัพเรือซ่อมบำรุงโครงสร้าง กรมศิลปากรดูแลงานศิลปกรรมประดับตกแต่งเรือ ขณะนี้กองทัพเรือได้ดำเนินการซ่อมบำรุงโครงสร้างเสร็จแล้ว จึงทำการส่งมอบให้กรมศิลปากรเพื่อดำเนินการประดับตกแต่งตัวเรือ ซึ่งเรือพระราชพิธีแต่ละลำมีความวิจิตรบรรจงจากการลงรักปิดทอง ประดับกระจกเกรียบกระจกสี เป็นงานที่อาศัยทักษะชั้นสูงและวิทยาศาสตร์ผสมผสานกัน การดำเนินงานของกรมศิลปากรจะเน้นรูปแบบศิลปะที่คงความเป็นของแท้ดั้งเดิม โดยมอบหมาย 2 หน่วยงานหลัก ได้แก่ สำนักช่างสิบหมู่ จะนำช่างแกะ ช่างเขียน ช่างประณีตศิลป์ เข้าทำงาน ส่วนสำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจะนำนักวิทยาศาสตร์เพื่อการอนุรักษ์มาดูการเตรียมผิวรองรับการประดับตกแต่ง เริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนเมษายน 2567 คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายใน 30 มิถุนายน 2567 เชื่อว่าความงดงามของกระบวนเรือพระราชพิธีจะตราตรึงชาวไทยและชาวต่างชาติทั่วโลก นอกจากนี้ ระหว่างการดำเนินการซ่อมเรือพระราชพิธี สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติจะบันทึกเหตุการณ์ขั้นตอนการดำเนินการครั้งประวัติศาสตร์นี้ด้วย
อู่ทหารเรือธนบุรี กรมอู่ทหารเรือ ได้ดำเนินการ สำรวจ และซ่อมทำเรือพระที่นั่งและเรือรูปสัตว์ ตั้งแต่ธันวาคม 2566 ด้วยวิธีศิลปะภูมิปัญญาประมงพื้นบ้าน การตอกหมันเรือ ซึ่งนำด้ายดิบมาตอกเข้าไปบริเวณร่องระหว่างไม้กระดานเรือให้แน่นเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำซึมเข้าเรือ จากนั้นจึงชันยาเรือผสมกับน้ำมันยางยาแนวในร่องและทาทั่วทั้งบริเวณนอกลำเรือเพื่อป้องกันเพรียงกินไม้ที่จะทำให้เรือผุเร็ว ซึ่งได้ดำเนินการแล้วเสร็จ จึงทำการส่งมอบให้กรมศิลปากร เพื่อดำเนินการประดับตกแต่งตัวเรือ ประกอบด้วย เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9 เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช เรือพระที่นั่งเอนกชาติภุชงค์ และเรือรูปสัตว์ ประกอบด้วย เรือเอกชัยเหินหาว เรือเอกชัยหลาวทอง เรือกระบี่ปราบเมืองมาร เรือกระบี่ราญรอนราพณ์ เรือพาลีล้างทวีป เรือสุครีพครองเมือง เรือครุฑเหินเห็จ เรือครุฑเตร็จไตรจักร เรืออสุรวายุภักษ์ เรืออสุรปักษี
ตู้อิเหนา ตอน ลมหอบ
ศิลปะรัตนโกสินทร์ ต้นพุทธศตวรรษที่ ๒๕
เครื่องตกแต่งพระเบญจาประดิษฐานพระโกศในงานพระเมรุ เดิมอยู่ที่หอพระนาก วัดพระศรีรัตนศาสดาราม รับมาไว้ในพิพิธภัณฑสถาน เมื่อวันที่ ๑๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๓
พระเบญจา คือ พระแท่นทำเป็นฐานซ้อนชั้นขึ้นไป ใช้สำหรับรองรับพระบรมโกศ เครื่องประกอบพระราชอิสริยยศเจ้านายชั้นสูง และพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ หรือสำหรับประดิษฐานบุษบกพระพุทธรูป
“...พนมศพครบเจ็ดชั้น พึงพิศ แลฉลุลายประดิษฐ์ เลิศแล้ว...” ในโคลงถวายพระเพลิงพระบรมอัฐิพระเจ้าหลวงใช้คำเรียกพระเบญจาว่า “พนมศพ” ซึ่งคำว่า พนม แปลว่า ภูเขา อันสะท้อนให้เห็นคติความเชื่อเรื่องเขาพระสุเมรุสำหรับประดิษฐานพระโกศ
บริเวณพระเบญจานั้นมีการตกแต่งด้วยรูปประติมากรรมต่างๆ ในแต่ละชั้น โดยปรากฏหลักฐานอยู่ใน “นิพพานวังน่า” ได้บรรยายลักษณะพระเบญจา ๗ ชั้น สำหรับรองรับพระโกศสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท ณ พระเมรุมาศ ก่อนพระราชทานเพลิงพระศพไว้ ดังนี้
“เขาเชิญชักพระโกษบรมนารถ
ขึ้นเหนืออาศน์ชวลิตประสิทธิสม
ชั้นหนึ่งเทพย์น้อมศิโรดม
ถึงชั้นสองมีพรหมประนมกร
อันชั้นสามแลงามจำเริญเนตร
อมเรศร์เรียงเทพย์อับศร
ที่ชั้นสี่มีเทพย์กินนร
วิชาทรคนธรรพสลับกัน
ชั้นห้ารจนาองค์อิเหนา
เมื่อโศกเศร้าแรมห้องคูหาสวรรค์
เหมือนลอองร้างสิบสองพระกำนัล
ทั้งแปดหมื่นสี่พันเคยปกครอง
ชั้นหกเป็นกนกกระหนาบอินทร์
ทรงคิรินทร์เจ็ดเศียรผันผยอง
ถึงชั้นเจ็ดเพ็ชร์รับหิรัญรอง
เห็นสีส่องแสงรุ้งอร่ามพราย”
จากคำประพันธ์ข้างต้น สันนิษฐานได้ว่ารูปประติมากรรมสำหรับตกแต่งพระเบญจาประดิษฐานพระโกศ มักให้ความสำคัญกับการส่งเสด็จสู่สวรรค์ อันเป็นงานประณีตศิลป์ที่สอดคล้องกับคติความเชื่อเรื่องไตรภูมิ และฉากตัวละครจากวรรณกรรมของราชสำนัก ทั้งนี้อาจใช้สำหรับแสดงพระราชอิสริยยศของเจ้านายพระองค์นั้นๆ ด้วย
ตัวอย่างเช่น หุ่นจำลองเรื่องรามเกียรติ์ ฝีพระหัตถ์ของพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐ์วรการ ใช้สำหรับตกแต่งพระเบญจาซึ่งประดิษฐานพระโกศในงานพระเมรุสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรรณาภรณ์เพ็ชรรัตน์ ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ ท้องสนามหลวง เมื่อพุทธศักราช ๒๔๒๓
โดยธรรมเนียมการประดิษฐานพระบรมโกศบนพระเบญจานั้น ได้มีการยกเลิกไปเมื่อครั้งพระบรมศพรัชกาลที่ ๕ โดยมีการปรับเปลี่ยนมาใช้พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท สำหรับตั้งพระเบญจาแทนการฉลองก่อนการถวายพระเพลิง ณ พระเมรุมาศ แล้วบำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพ เรียกว่า การทรงบำเพ็ญพระราชกุศลออกพระเมรุมาศ
ข้อสังเกต “ตู้อิเหนา ตอน ลมหอบ” นี้ ใช้เทคนิคปูฉากหลังด้วยกระจกเกรียบ ทำให้เกิดแสงสะท้อนแวววับคล้ายกับฟ้าแลบ อีกทั้งใช้สำลีม้วนแทนพายุและเมฆหมอก มีต้นไม้ไหวเอนพร้อมกับกิริยาของตัวละครที่สอดคล้องกับคำบรรยายในบทละครเรื่องอิเหนา ตอน ลมหอบ ดังนี้
๏ จึงผาดแผลงสำแดงศักดาเดช
สะเทือนทั่วประเทศทิศาศาล
เมฆหมอกมืดมนอนธการ
อัศจรรย์บันดาลด้วยฤทธิรณ
แล้วบังเกิดพายุใหญ่
กัมปนาทหวาดไหวทั้งไพรสณฑ์
ลมหอบเอารถนฤมล
สามคนลอยลิ่วปลิวไป
๏ บัดนั้น
ประสันตาตัวสั่นหวั่นไหว
กะระตาหลาล้มลงทันใด
ฉวยได้กอหญ้ากระหมวดมือ
ประสันตาคว้ากอดต้นไม้มั่น
นึกพรั่นกลัวจะพลัดมือถือ
เสียงสายฟ้าลั่นบันลือ
ไม่รู้สึกสมประดีดาล
หากพิจารณารูปแบบของชุดตู้อิเหนานี้ สามารถอนุมานได้ว่าคงสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๕ เป็นต้นมา โดยเป็นช่วงที่ศิลปะตะวันตกเริ่มเข้ามามีบทบาทในงานศิลปกรรมไทยแล้ว สังเกตได้จากเครื่องแต่งกายของทหารในตอนลักนางบุษบา อีกทั้งสถาปัตยกรรมกับเครื่องตกแต่งอาคารในตอนอิเหนาประชวร ล้วนบ่งบอกลักษณะของฉากและเครื่องแต่งกายตัวละครที่ได้รับอิทธิพลตะวันตกทั้งสิ้น
กรมศิลปากรเคยนำชุดตู้อิเหนาไปจัดแสดงจำนวน ๒ รายการ คือ ตู้อิเหนา ตอนท้าวดาหาบวงสรวง และตอนลักนางบุษบา ในนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ณ พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร เมื่อพุทธศักราช ๒๕๖๔
ปัจจุบันเก็บรักษาอยู่ที่คลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปทุมธานี
อ้างอิง
ธนโชติ เกียรติณภัทร. ฉากงานพระเมรุมาศและพระเมรุในวรรณคดีไทย สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น : ภาพสะท้อนพระราชพิธี พระบรมศพก่อนสมัยรัชกาลที่ ๖. ดำรงวิชาการ. ๑๗ ๑ (มกราคม-มิถุนายน ๒๕๖๑).
พุทธเลิศหล้านภาลัย, พระบาทสมเด็จพระฯ. บทลครเรื่องอิเหนา ฉบับหอพระสมุดวชิรญาณ. โรงพิมพ์ไทย. ๒๔๖๔
สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร. คำศัพท์ที่เกี่ยวเนื่องกับงานพระราชพิธีพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร กระทรวงวัฒธรรม. ๒๕๕๙
แหล่งโบราณคดีในวัฒนธรรมบ้านเชียง กลุ่มลุ่มน้ำ น้ำสวย-ห้วยหลวงตอนบนเรียบเรียง นางสาวพัชราพร รักเชื้อนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ โรงเรียนแก่นนครวิทยาลัยงานชิ้นนี้เป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ ผ่านการฝึกประสบการณ์วิชาชีพ ณ สำนักศิลปากรที่ ๘ ขอนแก่น⋯⋯✧⋯⋯✧⋯✦⋯✧⋯⋯✧⋯⋯สอบถามหรือแจ้งข้อมูลโบราณสถานโทร. : 043-242129 Line : finearts8kk E-mail : fad9kk@hotmail.comTiktok : สำนักศิลปากรขอนแก่นพื้นที่ในความรับผิดชอบขอนแก่น บึงกาฬ เลย สกลนคร หนองคาย หนองบัวลำภู อุดรธานี
องค์ความรู้ เรื่อง พิพิธภัณฑ์ในสุพรรณบุรี
เรียบเรียง นางอภิญญานุช เผ่าพงษ์คล้าย บรรณารักษ์ชำนาญการ
หอสมุดแห่งชาติจังหวัดสุพรรณบุรี เฉลิมพระเกียรติ
กรมศิลปากร โดยสำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ขอเชิญร่วมกิจกรรมโครงการเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชน ประจำปี ๒๕๖๗ " วันเสาร์ที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร พบกับกิจกรรมบรรยายทางวิชาการและการสาธิต ในหัวข้อ "ย้อนอดีต : เทคนิคการทำลูกปัดหินและสิ่งทอสมัยโบราณ" มีรายการที่สนใจดังนี้
-ช่วงเช้า-
เวลา ๐๘.๓๐ น. ลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรม ณ ห้องประชุม อาคารดำรงราชานุภาพ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
เวลา ๐๙.๐๐ น. พิธีเปิดโครงการฯ
เวลา ๐๙.๑๕ น. การบรรยายพิเศษ เรื่อง "หลักฐานเครื่องแต่งกายของคนยุคก่อนประวัติศาสตร์" โดย นายสมชาย ณ นครพนม นักโบราณคดีทรงคุณวุฒิ กรมศิลปากร เวลา ๐๙.๓๐ น. การบรรยายทางวิชาการ
๑. เรื่อง "เชือก เส้นใย และเครื่องมือจากพืช บทบาทและความสำคัญในสังคมมนุษย์สมัยโบราณ" โดย รศ. ดร.ธนิก เลิศชาญฤทธ์ คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร
๒. เรื่อง "สิ่งทอยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่ฮารัปปา ประเทศปากีสถาน (๔๐๐๐ - ๑๙๐๐ ปีก่อนคริสตกาล)" โดย ศ. ดร.โจนาธาน มาร์ค เคนอยเยอร์ ภาควิชามานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน เมดิสัน สหรัฐอเมริกา
๓. เรื่อง "ลูกปัดหินจากแหล่งโบราณคดีบ้านพรหมทินใต้และคันธาระ" โดย ผศ. ดร.วรรณพร เรียนแจ้งห้องปฏิบัติการทางวัตถุวัฒนธรรม คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
-ช่วงบ่าย-
เวลา ๑๓.๐๐ น. ลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรม ณ ห้องประชุม อาคารดำรงราชานุภาพ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
เวลา ๑๓.๓๐ น. การบรรยายนำชม เรื่อง "เจาะลึกชีวิตประจำวันของคนยุคก่อนประวัติศาสตร์ ในประเทศไทย" ณ ห้องจัดแสดงก่อนประวัติศาสตร์ อาคารมหาสุรสิงหนาท โดย นายศรัญ กลิ่นสุคนธ์ ภัณฑารักษ์ปฏิบัติการ กรมศิลปากร, นางสาวมุทิตา อร่ามรุ่งทรัพย์ ภัณฑารักษ์ กรมศิลปากร, นายพนมกร นวเสลา ภัณฑารักษ์ กรมศิลปากร
เวลา ๑๔.๓๐ น. การบรรยายทางวิชาการและการสาธิต เรื่อง "ศิลปะแห่งการทำลูกปัดหินสมัยโบราณ" โดย ศ. ดร.โจนาธาน มาร์ค เคนอยเยอร์ ภาควิชามานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน เมดิสัน สหรัฐอเมริกา, รศ. ดร.ธนิก เลิศชาญฤทธ์ คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร, ผศ. ดร.วรรณพร เรียนแจ้ง ห้องปฏิบัติการทางวัตถุวัฒนธรรมคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรม สามารถสำรองที่นั่งล่วงหน้า โทร. ๐ ๒๒๒๔ ๑๔๐๒ (เปิดทำการวันพุธ - อาทิตย์ เวลา ๐๙.๐๐ – ๑๖.๐๐ น.)
---------------------------------------------------------------------
หมายเหตุ
- กำหนดการอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม
- กิจกรรมแบ่งออกเป็น ๒ ครั้ง
- ผู้เข้าร่วมกิจกรรมทั้งเช้า-บ่าย รับประทานอาหารกลางวันตามอัธยาศัย
- ผู้เข้าร่วมกิจกรรมจะได้รับหินที่ระลึกสำหรับทำกิจกรรมเวิร์กชอปในงานกับมุมหัด-ทำ-มือ (Arts & Crafts Corner)
---------------------------------------------------------------------
ขอขอบคุณ
คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร
คณะสังคมวิทยาและมนุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
มูลนิธิการศึกษาไทย-อเมริกัน (ฟุลไบรท์) และกรมศิลปากร
ปริวารปาลิ (ปริวารปาลิ)อย.บ. 298/12หมวดหมู่ พุทธศาสนาประเภทวัสดุ/มีเดีย คัมภีร์ใบลานลักษณะวัสดุ 52 หน้า : กว้าง 4.7 ซม. ยาว 53.4 ซม. บทคัดย่อ เป็นคัมภีร์ใบลาน ฉบับล่องชาด ได้รับบริจาคจากวัดประดู่ทรงธรรม อำเภอเมืองพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ลงพื้นที่ติดตามผลการดำเนินโครงการ/กิจกรรมของกระทรวงวัฒนธรรม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 – 2568 ณ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยเดินทางไปตรวจติดตามสถานการณ์น้ำ บริเวณโบราณสถานวัดไชยวัฒนาราม พร้อมทั้งประชุมหารือแนวทางและมาตรการป้องกันปัญหาน้ำท่วมโบราณสถานในพื้นที่อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา และติดตามความคืบหน้าการจัดทำรายงาน HIA การก่อสร้างรถไฟทางคู่ ในพื้นที่เกี่ยวเนื่องแหล่งมรดกโลกนครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา
นางสาวสุดาวรรณ กล่าวว่า จากการตรวจติดตามสถานการณ์น้ำ บริเวณโบราณสถานวัดไชยวัฒนาราม ซึ่งตั้งอยู่ช่วงที่แม่น้ำเจ้าพระยาแคบที่สุด จึงมีความเสี่ยงที่ระดับน้ำจะล้นตลิ่งเมื่อถึงฤดูน้ำหลาก กรมศิลปากร โดยสำนักศิลปากรที่ 3 พระนครศรีอยุธยา จึงใช้วิธีป้องกันโดยการตั้งแผงป้องกันน้ำท่วมรูปแบบที่สามารถยกตั้งขึ้นและพับเก็บได้บริเวณด้านตะวันออกของวัดริมแม่น้ำ แนวป้องกันน้ำท่วมมีความยาว 160 เมตร สูงจากผิวบนสุดของขอบตลิ่งประมาณ 1.80 เมตร และสามารถต่อความสูงเพิ่มเติมเป็น 2.40 เมตร ส่วนด้านใต้ ด้านตะวันตก มีแนวกำแพงป้องกันน้ำถาวรก่อด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก ส่วนด้านเหนือใช้แนวทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 3469 เป็นแนวป้องกัน นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่โบราณสถานที่มีการดำเนินงานตั้งแนวป้องกันน้ำท่วม ซึ่งอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา จำเป็นต้องป้องกันการเกิดอุทกภัยทุกปี เพื่อรับรองสถานการณ์ภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้น โดยได้กำชับให้กรมศิลปากรบูรณาการการทำงานในการดูแลโบราณสถานสำคัญกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ พื้นที่นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ยังคงปรากฏความเสี่ยงด้านต่างๆ รวมถึงอุทกภัยที่อาจมีผลกระทบต่อแหล่งมรดกโลก ในระดับแผนปฏิบัติการ กรมศิลปากรได้บรรจุแผนงานมาตรการลดผลกระทบจากภัยพิบัติไว้ในร่างแผนปฏิบัติการการอนุรักษ์และพัฒนานครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา พุทธศักราช 2566 - 2575 ปัจจุบันอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ร่วมกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ยังคงดำเนินงานตามมาตรการป้องกันผลกระทบจากภัยที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่มรดกโลกนครประวัติศาสตร์พระนคร ศรีอยุธยา โดยมีการบริหารจัดการเป็นขั้นตอนในทุกปี มีการวิเคราะห์ปัญหาและจัดทำแผนการทำงาน ประชุมติดตามการดำเนินงานร่วมกับจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ยังได้ติดตามความคืบหน้าการจัดทำรายงานประเมินผลกระทบด้านทรัพย์สินทางวัฒนธรรม (Heritage Impact Assessments - HIA) ในการก่อสร้างรถไฟทางคู่ (รถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ - หนองคาย ช่วงสถานีอยุธยา) ในเขตพื้นที่อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา (ช่วงบ้านโพ - พระแก้ว) ซึ่งศูนย์มรดกโลกได้แสดงความกังวลและสอบถามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับโครงการรถไฟความเร็วสูง และขอให้มีการจัดทำรายงานฯ (HIA) ที่อาจมีต่อแหล่งมรดกโลกนครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา โดยมีกำหนดแล้วเสร็จก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ณ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อีกทั้งจะเชิญผู้เชี่ยวชาญจากองค์กรที่ปรึกษาของคณะกรรมการมรดกโลกเดินทางลงพื้นที่ แหล่งมรดกโลกนครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา และพื้นที่โครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง เพื่อให้ คำปรึกษาแนะนำการประเมินและลดผลกระทบต่อแหล่งมรดกโลก ในช่วงเดือนกันยายน 2567
นอกจากนี้ กรมศิลปากรได้รายงานการดำเนินโครงการฟื้นฟูบูรณะวัดไชยวัฒนาราม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกรมศิลปากร สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย และกองทุนโบราณสถานโลกเข้ามาร่วมมือในการบูรณะโบราณสถานวัดไชยวัฒนาราม ตั้งแต่ พ.ศ. 2555 (ภายหลังน้ำท่วมใหญ่เมื่อ พ.ศ. 2554) จนถึงปัจจุบัน โดยมีการทำงานในรูปแบบคณะทำงานร่วมระหว่างผู้เชี่ยวชาญจากสหสาขาวิชาชีพของกรมศิลปากรและนักอนุรักษ์ชาวไทยและชาวต่างประเทศของกองทุนโบราณสถานโลก ที่ผ่านมาดำเนินงานหลัก 2 ด้าน ประกอบด้วยการอนุรักษ์โบราณสถานและการจัดอบรม/การประชุมเชิงปฏิบัติการ ซึ่งจะมีพิธีปิดโครงการอนุรักษ์วัดไชยวัฒนารามที่ใช้งบประมาณจากสถานทูตสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายน 2567
นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่า สำนักศิลปากรที่ 7 เชียงใหม่ ร่วมกับ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 10 ลำปาง ได้ดำเนินการติดตั้งเครื่องสูบน้ำระยะไกล เพื่อระบายน้ำที่ท่วมขังภายในโบราณสถานวัดกู่ป้าด้อม พื้นที่เมืองโบราณเวียงกุมกาม ตำบลท่าวังตาล อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งโบราณสถานแห่งนี้เป็นที่ค้นพบลวดลายปูนปั้น ประดับราวบันไดวิหาร "ลายมกรคายมังกร" งานปูนปั้นที่มีคุณค่าความสำคัญด้านศิลปกรรมและหาชมได้ยากในดินแดนล้านนา
อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า เวียงกุมกาม นอกจากเป็นราชธานีแห่งแรกของล้านนาแล้ว ยังค้นพบหลักฐานสำคัญอีกหลายอย่าง เช่น ชั้นดินทางโบราณคดีที่ชี้ชัดว่าเคยถูกน้ำท่วมมาก่อน ถ้วยชามลายสัตว์มงคลของจีน จารึกระบุชื่อกุมกาม และได้ค้นพบสิ่งสำคัญที่โดดเด่นมาก คือ มังกร ลวดลายปูนปั้นที่ราวบันไดกู่ป้าด้อม อุทกภัยที่เกิดขึ้นในจังหวัดเชียงใหม่ครั้งใหญ่นี้ ส่งผลให้น้ำหลากเข้าท่วมโบราณสถานในเวียงกุมกามอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน กู่ป้าด้อมมีน้ำหลากท่วมสูงกว่า 2 เมตร เป็นเวลานาน แม้น้ำจะหลากผ่านไปแล้วแต่ยังท่วมขังในพื้นที่โบราณสถานต่อเนื่อง เพราะระดับน้ำใต้ดินพื้นที่รอบ ๆ ยังไม่ลดลง แม้กรมศิลปากรจะพยายามสูบน้ำออกแล้ว ส่งผลให้ มังกรที่กู่ป้าด้อม จมอยู่ในน้ำเกือบเดือนแล้ว ล่าสุดทั้งกรมศิลปากรและจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมมือกันสูบน้ำออกแต่ยังมีน้ำใต้ดินไหลซึมเข้ามาในพื้นที่เรื่อยๆ แต่ยังพอให้ มังกร พ้นน้ำขึ้นมาได้บางส่วนแล้ว กรมศิลปากรจะค่อยสูบน้ำออกต่อเนื่องไปจนกว่า มังกร จะลอยพ้นน้ำแล้วจึงจะเริ่มขั้นตอนการอนุรักษ์ลวดลายปูนปั้น มกรคายมังกร ราวบันไดวิหารวัดกู่ป้าด้อม เวียงกุมกาม
สำหรับขั้นตอนการอนุรักษ์ ขณะน้ำลดจะดำเนินการคลุมลวดลายปูนปั้นด้วยผ้าที่มีเส้นใยลักษณะหนาและมีความนุ่ม เพื่อรักษาความสมดุลของอุณหภูมิของลวดลายปูนปั้นกับสภาพภูมิอากาศ เพื่อป้องกันความเสียหายต่อลวดลายปูนปั้น ภายหลังน้ำลดแล้วจะคลุมด้วยผ้าแห้งที่มีความสามารถระบายอากาศได้ดี เพื่อการระบายความชื้นภายในของชั้นปูน โดยคอยตรวจสภาพการแห้งของลวดลายปูนปั้นเป็นระยะๆ จนกว่าจะแห้งสนิท (ระบายตามธรรมชาติ) จากนั้นเป็นขั้นตอน ฟื้นฟู คืนสภาพ คือ เมื่อลวดลายปูนปั้นแห้งสนิทแล้ว จะทำการตรวจสอบสภาพการชำรุด ทำความสะอาด และอนุรักษ์ตามอาการที่ชำรุด เช่น หากปูนปั้นมีร่องรอยการเผยอ ปริ แตกออกให้ทำการผนีกกลับดังเดิม หรือหากปูนปั้นมีการโป่งพองให้ทำการเจาะอัดฉีดน้ำปูนหมักชนิดเหลว โดยต้องรักษาสภาพของลวดลายเดิมให้คงไว้มากที่สุด
ร่วมกันเป็นกำลังใจให้ มังกร หนึ่งเดียวในล้านนา ได้กลับมาแข็งแรงและเป็นมรดกล้ำค่าของชาวเชียงใหม่และชาวไทยต่อไป
โครงการศึกษาสถาปัตยกรรม
แบบที่เรียกว่า "วิหาร"
ในวัฒนธรรมทวารวดี : กรณีศึกษาเมืองโบราณอู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรีผู้เรียบเรียง นางสาวพยุง วงษ์น้อย
นักโบราณคดีเชี่ยวชาญ
ชื่อเรื่อง สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฐาน)อย.บ. 70/1หมวดหมู่ พุทธศาสนาประเภทวัสดุ/มีเดีย คัมภีร์ใบลานลักษณะวัสดุ 44 หน้า : กว้าง 5 ซม. ยาว 54 ซม.บทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน ฉบับล่องชาด ไม้ประกับธรรมดา ได้รับจาก จ.พระนครศรีอยุธยา
ชื่อเรื่อง ลำดับราชนิกุลบางช้างผู้แต่ง กรมศิลปากรประเภทวัสดุ/มีเดีย หนังสือหายากหมวดหมู่ ประวัติศาสตร์เลขหมู่ 929.7999593 ล334วสถานที่พิมพ์ พระนครสำนักพิมพ์ - ปีที่พิมพ์ 2501ลักษณะวัสดุ 164หน้าหัวเรื่อง ประวัติศาสตร์ภาษา ไทยบทคัดย่อ/บันทึก หนังสือราชินิกุล บางช้าง เล่มนี้ พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ ร.ต.อ.ขุนวารินทรสัญจร (ขาว ณ บางช้าง) ณ เมรุวัดมกุฎกษัตริยาราม พระนคร วันที่ 18 มีนาคม พ.ศ.2501 หนังสือราชินิกุล บางช้าง ได้จัดพิมพ์และชำระมาแล้วรวม 3 ครั้ง ครั้งสุดท้ายได้พิมพ์เมื่อพ.ศ.2471 และสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพได้ทรงพระนิพนธ์คำนำอธิบายเรื่อง ราชินิกุล บางช้าง ไว้ในการจัดพิมพ์ครั้งนั้นด้วย เนื้อหากล่าวถึงความหมายของราชินิกุล ลำดับราชินิกุลบางช้าง ลำดับราชินิกุลบางช้างสายตรง ลำดับราชินิกุลบางช้างสายสาขา ราชินิกุลสาขาสายชิด (ราชินิกุลฝ่ายพระชนก) ราชินิกุลสาขาสายห่าง (ราชินิกุลฝ่ายพระชนก) ลำดับราชินิกุลฝ่ายพระชนนี ราชินิกุลฝ่ายพระชนนีสายชิด และราชินิกุลฝ่ายพระชนนีสายห่าง
ชื่อเรื่อง สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฐาน)อย.บ. 80/2หมวดหมู่ พุทธศาสนาประเภทวัสดุ/มีเดีย คัมภีร์ใบลานลักษณะวัสดุ 54 หน้า : กว้าง 5 ซม. ยาว 54.4 ซม.บทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลานฉบับล่องชาด ไม้ประกับธรรมดา ได้รับจาก จ.พระนครศรีอยุธยา