เครื่องมือช่วยการเข้าถึง
keyboard navigation
block animations
color contrast
เฉดสีเทา
สีปกติ
สีกลับกัน
text size
เพิ่มขนาดตัวอักษร
ลดขนาดตัวอักษร
readable
text
highlighting content
underline
links
underline
headers
images
titles
zoom in
big white
cursor
big black
cursor
zoom
screen
accessibility statement
report an accessibility problem
ล้างค่า
Search
Thai
English
กรมศิลปากร
The Fine Arts Department
หน้าหลัก
กรมศิลปากร
ประวัติและบทบาทหน้าที่
วิสัยทัศน์และพันธกิจ
ผู้บริหารกรมศิลปากร
ผู้บริหารระดับสูง
ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญ
ผู้อำนวยการสำนักส่วนกลาง
ผู้อำนวยการสำนักศิลปากร
CIO
โครงสร้างองค์กร
บุคลากรดีเด่น
ยุทธศาสตร์/แผนปฏิบัติราชการ
แผนงาน/โครงการ/งบประมาณ
หน่วยงานในสังกัด
บริการประชาชน
พิพิธภัณฑ์เสมือนจริง
อุทยานเสมือนจริง
GIS (ระบบภูมิสารสนเทศแหล่งมรดกศิลปวัฒนธรรม)
NSW (ขอนำเข้า/ส่งออก โบราณวัตถุศิลปวัตถุ)
e-service (จดแจ้งการพิมพ์, ขอเลข ISSN, ISBN, CIP)
ศูนย์ข้อมูลงานศิลปกรรม
คลังวีดิทัศน์
คลังข้อมูลดิจิทัล
จำหน่ายบัตรการแสดงออนไลน์
จำหน่ายหนังสือกรมศิลปากร
ระบบสืบค้น/ขอสำเนาเอกสารจดหมายเหตุ
อื่นๆ
คู่มือและมาตรฐานกรมศิลปากร
เอกสารดาวน์โหลด
แบบสำรวจความพึงพอใจของผู้เข้าใช้บริการ Virtual Museum / Virtual Historical Park
แบบประเมินความพึงพอใจของผู้เข้าใช้บริการ-เข้าชม (สำหรับครู-นักเรียน)
แบบประเมินความพึงพอใจของผู้เข้าใช้บริการผ่านช่องทางออนไลน์ของกรมศิลปากร
แจ้งและร้องเรียน
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
แบบสำรวจความพึงพอใจ
ดาว์นโหลดแบบฟอร์ม
ระบบสืบค้นทรัพยากรสารสนเทศหอสมุดแห่งชาติ
ระบบสืบค้นข้อมูลห้องสมุดดนตรี
ระบบสืบค้นเอกสารโบราณ จารึก ตู้พระธรรม
ข่าวและกิจกรรม
ข่าวประชาสัมพันธ์
ข่าวกิจกรรม
ปฏิทินกิจกรรม
ข่าวรับสมัครงาน
จัดซื้อจัดจ้าง
ข่าว Feed
นิทรรศการ
นิทรรศการตู้พระธรรม
คลังวิชาการ
องค์ความรู้
ด้านดนตรีและนาฏศิลป์
ด้านภาษาและหนังสือ
ด้านเอกสารจดหมายเหตุ
ด้านโบราณคดีและพิพิธภัณฑ์
ด้านสถาปัตยกรรมและช่างศิลป์
ความรู้ทั่วไป
ความรู้ด้านดนตรีและนาฏศิลป์
ความรู้ด้านภาษา หนังสือ และเอกสาร
ความรู้ด้านโบราณคดีและพิพิธภัณฑ์
ความรู้สถาปัตยกรรมและช่างศิลป์
วีดิทัศน์
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์.
คลังภาพทรงคุณค่า
กฏระเบียบ
กฎหมายและระเบียบ
ITA
ช่องทางแจ้งเรื่องร้องเรียนการทุจริตและประพฤติมิชอบ
องค์กรคุณธรรม
กระดานถาม-ตอบ
คู่มือประชาชน
ติดต่อ
ITA.
หน้าแรก
ข่าวและกิจกรรม
ข่าวประชาสัมพันธ์
สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท กรมพระราชวังบวรสถานมงคล รัชกาลที่ ๑ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ (2564)
สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท มีพระนามเดิมว่า บุญมา ประสูติเมื่อ วันพฤหัสบดี เดือน ๑๑ ขึ้น ๑ ค่ำ ปีกุน จ.ศ. ๑๑๐๕ (ตรงกับวันที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๒๘๖) พระราชบิดารับราชการในราชสำนักกรุงศรีอยุธยามีบรรดาศักดิ์เป็นพระพินิจอักษร (ทองดี) ส่วนพระชนนีมีพระนามว่า ดาวเรือง (บางเอกสารกล่าวว่าชื่อ หยก) ทรงเป็นพระอนุชาของ นายทองด้วง (ต่อมาคือพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑ แห่งราชวงศ์จักรี) เมื่อเจริญพระชนมพรรษาได้รับราชการอยู่กรมมหาดเล็กในราชสำนักอยุธยา
ภายหลังเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง พระองค์หลบหนีทหารพม่าไปเข้าร่วมเป็นทหารในกองทัพของสมเด็จพระเจ้าตากสินตีเมืองจันทบุรีและขับไล่พม่าที่เมืองธนบุรี พระองค์ได้ดำรงตำแหน่งเป็นพระมหามนตรีเจ้ากรมตำรวจ ตลอดสมัยกรุงธนบุรีพระองค์เป็นทหารเอกคนสำคัญของสมเด็จพระเจ้าตากสิน ได้รับการเลื่อนยศหลายครั้งในตำแหน่ง พระยาอนุชิตราชา พระยายมราช และพระยาสุรสีห์พิษณุวาธิราชผู้สำเร็จราชการเมืองพิษณุโลก ตามลำดับ ด้วยพระอัธยาศัยที่กล้าหาญ เข้มแข็งและเด็ดขาด จึงมีพระสมัญญานามว่า “พระยาเสือ”
พ.ศ. ๒๓๒๕ เมื่อสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ ๑) พระเชษฐาของพระองค์ พระราชทานอุปราชาภิเษกเจ้าพระยาสุรสีห์ สมเด็จพระอนุชาธิราช เป็นพระมหาอุปราช ตำแหน่งกรมพระราชวังบวรสถานมงคล ประทับ ณ พระราชวังบวรสถานมงคล ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของพระบรมมหาราชวัง โดยเป็นพระราชวังที่ถ่ายแบบมาจากพระราชวังจันทรเกษม กรุงศรีอยุธยา และมีรูปแบบทางสถาปัตยกรรมที่แตกต่างไปจากวังหลวง อาทิ หลังคาชั้นเดียวเป็นหลังคาทรงจั่ว มุงด้วยกระเบื้องดินเผา คันทวยรองรับหลังคาเป็นรูปนาคประดับพันธุ์พฤกษา หมู่พระวิมานไม่ทำซุ้มประตูหน้าต่าง (ยกเว้นพระที่นั่งพุทไธสวรรย์ที่ประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์) รูปแบบเช่นนี้ต่างจากงานสถาปัตยกรรมในพระบรมมหาราชวังที่นิยมทำอาคารที่แสดงฐานันดรชั้นสูง อาทิ การทำซ้อนชั้นหลังคา ทรงยอดปราสาท ประตูหน้าต่างประดับด้วยซุ้มปูนปั้นอย่างไทยประเพณี เช่น ซุ้มบันแถลง ซุ้มยอดมงกุฎ เป็นต้น
ตลอดสมัยรัชกาลที่ ๑ พระองค์ยังคงมีบทบาทในการทำสงครามอยู่หลายครั้ง ได้แก่ สงครามเก้าทัพที่ตำบลลาดหญ้า (พ.ศ. ๒๓๒๘) สงครามขับไล่พม่าที่ท่าดินแดง (พ.ศ. ๒๓๒๙) สงครามตีเมืองทวาย (พ.ศ. ๒๓๓๐) สงครามขับไล่พม่าที่เมืองเชียงใหม่ (พ.ศ. ๒๓๓๘) ภายหลังเสร็จศึกกับพม่า เจ้าเมืองเชียงใหม่ได้ทูลเกล้าฯ ถวาย พระพุทธสิหิงค์ พระองค์ได้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ลงมาประดิษฐานไว้ที่พระที่นั่งพุทไธสวรรย์
ในคราวสงครามป้องกันพม่าที่เมืองเชียงใหม่ (พ.ศ. ๒๓๔๕) สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท ทรงยกทัพออกไปรบร่วมกับสมเด็จพระเจ้าหลานเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงเทพหริรักษ์ แต่ระหว่างทางที่พระองค์เสด็จ พระองค์เกิดประชวรด้วยพระโรคนิ่วที่เมืองเถิน พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช จึงทรงมีรับสั่งให้กรมพระราชวังหลังเสด็จขึ้นไปช่วยในการศึกจนกระทั่งสามารถชนะทัพฝ่ายพม่าได้ในที่สุด
ขณะเดียวกันสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาททรงใส่พระทัยในพระราชกรณียกิจด้านศาสนา โดยเฉพาะการบูรณะปฏิสังขรณ์วัดหลายแห่งในพื้นที่ฝั่งพระนคร ได้แก่ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ (พระองค์พระราชทานนามว่า วัดนิพพานาราม) วิหารคดวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) หอมณเฑียรธรรมวัดพระศรีรัตนศาสดาราม วัดชนะสงคราม (วัดตองปุ) วัดสังเวชวิศยาราม (วัดบางลำพู) วัดเทวราชกุญชร (วัดสมอแครง) วัดราชาธิวาส (วัดสมอราย) และวัดปทุมคงคา (วัดสำเพ็ง) วัดในพื้นที่ฝั่งธนบุรี ได้แก่ วัดครุฑ วัดสุวรรณคีรี (วัดขี้เหล็ก) ส่วนวัดในหัวเมือง เช่น วัดสุวรรณดาราราม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และวัดพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี
นอกจากนี้พระองค์ยังมีงานวรรณกรรมที่ทรงพระนิพนธ์ไว้หลายเรื่อง ได้แก่ เพลงยาวถวายพยากรณ์ (พ.ศ. ๒๓๓๒) พระนิพนธ์ในคราวที่เกิดอัสนีบาตตกมาหน้าบันมุขเด็จพระที่นั่งอินทราภิเษก (ต่อมาถูกรื้อลงแล้วสร้างพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทขึ้นแทน) เพลงยาวรบพม่าที่นครศรีธรรมราช (พ.ศ. ๒๓๒๙) พระนิพนธ์เมื่อครั้งยกทัพไปรบพม่าที่ตั้งทัพอยู่ทางหัวเมืองภาคใต้ เพลงยาวเรื่องตีเมืองพม่า (พ.ศ. ๒๓๓๐) พระนิพนธ์ในคราวยกทัพไปตีเมืองทวาย
ในพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๑ ฉบับเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ (ขำ บุนนาค) ได้กล่าวว่า สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท ประชวรเป็นโรคนิ่วนับตั้งแต่ที่พระองค์ยกทัพขึ้นไปเมืองเชียงใหม่ แต่ใน พระนิพนธ์เรื่อง “นิพานวังน่า” ของ พระองค์เจ้าหญิงกัมพุชฉัตร ซึ่งเป็นพระธิดาในสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท ได้บันทึกไว้ว่าสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท มีพระประชวรด้วยโรควัณโรคอย่างไรก็ตามนับตั้งแต่ พ.ศ. ๒๓๔๕ พระอาการก็ทรุดลงตามลำดับ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมและทอดพระเนตรการรักษาเป็นเวลา ๖ วัน ถึงวันพฤหัสบดี เดือน ๑๒ แรม ๔ ค่ำ จ.ศ.๑๑๖๕ (ตรงกับวันที่ ๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๓๔๖) สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท เสด็จสวรรคต ณ พระที่นั่งบูรพาภิมุข พระราชวังบวรสถานมงคล พระชนมายุได้ ๖๐ พรรษา ทรงดำรงพระอิสริยยศกรมพระราชวังบวรสถานมงคลเป็นเวลา ๒๑ ปี
------------------------------------------------------------
ที่มาของข้อมูล:
องค์ความรู้ของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร https://www.facebook.com/fineartskm/photos/a.101668655251661/255099879908537/
-----------------------------------------------------------
อ้างอิง
กรมศิลปากร. กรมพระราชวังบวรสถานมงคลสมัยรัตนโกสินทร์. กรุงเทพฯ: รุ่งศิลป์การพิมพ์, ๒๕๕๕. . สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว, ๒๕๔๗. กัมพุชฉัตร, พระองค์เจ้าหญิง. นิพานวังน่า. พิมพ์ครั้งที่ ๒. กรุงเทพฯ: มติชน, ๒๕๔๓. ทิพากรวงศ์ (ขำ บุนนาค), เจ้าพระยา. พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๑. (กรุงเทพฯ : บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน), ๒๕๓๙.
จำนวนผู้เข้าชม 28,789 คน
สงวนลิขสิทธิ์ © 2563 กรมศิลปากร. กระทรวงวัฒนธรรม -
นโยบายเว็บไซต์
|
มาตรฐาน