ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,758 รายการ
ชื่อเรื่อง ปทุมชาตก (บัวหอม) สพ.บ. 299/1ประเภทวัสดุ/มีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 48 หน้า : กว้าง 4.3 ซม. ยาว 58.6 ซม. หัวเรื่อง พุทธศาสนา ชาดกบทคัดย่อ/บันทึกเป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน ภาษาบาลี-ไทยอีสาน เส้นจาร ฉบับชาดทึบ ได้รับบริจาคมาจากวัดบ้านหมี่ ต.บางปลาม้า อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี
เลขทะเบียน : นพ.บ.169/1ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 24 หน้า ; 4.5 x 57 ซ.ม. : ล่องชาด-ลานดิบ ; ไม่มีไม้ประกับ, มีฉลากไม้ไผ่ชื่อชุด : มัดที่ 98 (49-66) ผูก 1 (2565)หัวเรื่อง : แทนน้ำนมแม่--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สังคิณี-มหาปัฎฐาน)
ชบ.บ.47/1-1ฆ
เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
มงฺคลตฺถทีปนี (มงฺคลตฺถทีปนี เผด็จมงคลสูตร)
ชบ.บ.88ค/1-47
เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
เลขทะเบียน : นพ.บ.220/2ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 50 หน้า ; 5.5 x 54 ซ.ม. : ชาดทึบ-ล่องชาด-ล่องรัก-ลานดิบ ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 111 (159-169) ผูก 2 (2565)หัวเรื่อง : พระปาจิตติย --เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
เลขทะเบียน : นพ.บ.358/1ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 58 หน้า ; 4.5 x 53.5 ซ.ม. : ล่องชาด ; ไม้ประกับธรรมดาชื่อชุด : มัดที่ 138 (402-410) ผูก 1 (2565)หัวเรื่อง : อภิธมฺม สงฺเขป (อภิธัมมา)--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
มหามกุฏราชสันตติวงศ์ ๘ พฤศจิกายน ๒๔๓๖ วันพระราชสมภพพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปก พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นพระมหากษัตริย์สยาม รัชกาลที่ ๗ แห่งราชวงศ์จักรี เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๔๓๖ เป็นพระราชโอรสพระองค์เล็กในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ประสูติแต่สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระนามเมื่อการสมโภชเดือนว่า สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าประชาธิปกศักดิเดชน์ ชเนศรมหาราชาธิราช จุฬาลงกรณนารถวโรรส อุดมยศอุกฤษฐศักดิ์ อุภัยปักษนาวิล อสัมภินชาติพิสุทธ์ มหามงกุฎราชพงษบริพรรต บรมขัตติยมหารชดาภิสิญจนพรรโษทัย มงคลสมัยสมากร สถาวรวรัจฉริยคุณ อดุลยราชกุมาร พระนามทั่วไปเรียกว่า "ทูลกระหม่อมเอียดน้อย"
พระองค์มีพระโสทรเชษฐาและพระโสทรเชษฐภคินีรวม ๗ พระองค์ ได้แก่
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าพาหุรัตมณีมัย กรมพระเทพนารีรัตน์
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าตรีเพ็ชรุตม์ธำรง
สมเด็จพระเชษฐาธิราช เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์
สมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ กรมหลวงนครราชสีมา
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราไชย
เมื่อพระองค์เจริญวัยครบกำหนดที่จะตั้งการพิธีโสกันต์และพระราชทานพระสุพรรณบัฏตามขัตติยราชประเพณีแล้ว พร้อมกันนี้พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าอุรุพงษ์รัชสมโภช ก็มีพระชนม์ครบกำหนดโสกันต์เช่นกัน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดการโสกันต์และเฉลิมพระนามของทั้งสองพระองค์ขึ้นพร้อมกันบริเวณพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท โดยพระองค์ได้รับการสถาปนาเป็นเจ้าฟ้าต่างกรม มีพระนามตามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าประชาธิปกศักดิเดชน์ ชเนศรมหาราชาธิราช จุฬาลงกรณ์นารถวโรรส อุดมยศอุกฤษฐศักดิ์ อุภัยปักษนาวิล อสัมภินชาติพิสุทธ์ มหามงกุฎราชพงษ์บริพัตร บรมขัตติยมหารัชฎาภิสิญจน์พรรโษทัย มงคลสมัยสมากร สถาวรวรัจฉริยคุณ อดุลยราชกุมาร กรมขุนศุโขไทยธรรมราชา
เมื่อพุทธศักราช ๒๔๔๘ ได้เสด็จไปทรงศึกษาวิชาทหารบกในประเทศอังกฤษ เสด็จกลับมารับราชการในรัชกาลที่ ๖ เป็นนายพันโท ราชองครักษ์ ตำแหน่งผู้บังคับการโรงเรียนนายร้อยทหารบกชั้นปฐม ต่อมาเป็นนายพันเอก ปลัดกรมเสนาธิการทหารบก แล้วเป็นผู้บัญชาการกองพลทหารบกที่ ๒ เลื่อนเป็นกรมหลวงฯ เมื่อพุทธศักราช ๒๔๖๘ เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติเมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๔๖๘ เสด็จประพาสสหรัฐ มลายูและชวา เมื่อพุทธศักราช ๒๔๗๒ แดนญวน เขมร และอเมริกา พุทธศักราช ๒๔๗๓ พระราชทานรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน ๒๔๗๕ เสด็จยุโรป เมื่อพุทธศักราช ๒๔๗๖ ทรงสละราชสมบัติเมื่อวันที่ ๒ มีนาคม ๒๔๗๗ ที่ประเทศอังกฤษ
หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสละราชสมบัติแล้ว พระองค์ยังคงประทับอยู่ ณ ประเทศอังกฤษ แต่พระองค์ทรงพระประชวรอยู่เนือง ๆ โดยพระองค์ทรงพระประชวรมากด้วยโรคตัวบิดเข้าไปอยู่ในพระยกนะ (ตับ) แต่แพทย์ได้รักษาจนเป็นปกติ พระอาการประชวรของพระองค์กำเริบหนักขึ้นโดยลำดับ และเสด็จสวรรคตโดยฉับพลันด้วยพระหทัยวาย ที่ประเทศอังกฤษ ในรัชกาลที่ ๘ เมื่อวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๔๘๔ พระชนมพรรษา ๔๘ ปี
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว นับเป็นพระราชนัดดาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช รัชกาลที่ ๔ ที่สืบสายจากพระบรมชนกนาถ
ภาพ : พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปก พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
ชื่อผู้แต่ง คณะอนุกรรมการรวบรวมและค้นคว้าเกี่ยวกับพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ชื่อเรื่อง เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทร มหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าแผ่นดินสยาม สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า ภาค ๒
ครั้งที่พิมพ์ -
สถานที่พิมพ์ กรุงเทพมหานคร
สำนักพิมพ์ โรงพิมพ์มกุฏราชวิทยาลัย
ปีที่พิมพ์ ๒๕๒๓
จำนวนหน้า ๖๘ หน้า
หมายเหตุ พิมพ์เป็นบรรณาการ ในการฌาปนกิจศพ นางถนอม นาวานุเคราะห์ ณ ถนนสุขุมวิท กรุงเทพฯ ๑๑ วันเสาร์ที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๒๓
คุณถนัด นารานุเคราะห์ เป็นผู้รวบรวมเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ ซึ่งเป็นบทประพันธ์เฉลิมพระเกียรติสมัย ร.ศ. ๑๓๐ ช่วงต้นรัชกาล จำนวน ๑๗ บท เช่น ศักรวาเห็นครุฑ, บทดอกสร้อย, เปิดสโมสรกองเสือป่า และลิลิตยอพระเกียรติ เป็นต้น
ชื่อเรื่อง : อธิบายพิธีกงเต็กในอุตตรนิกาย ชื่อผู้แต่ง : - ปีที่พิมพ์ : 2505สถานที่พิมพ์ : กรุงเทพฯ สำนักพิมพ์ : คณะสงฆ์จีนนิกาย จำนวนหน้า : 38 หน้า สาระสังเขป : ในพิธีพระราชกุศล ถวายพระเพลิงสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ พระสังฆราช ในวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2505 คณะสงฆ์จีนได้บำเพ็ญกุศลพิธีกงเต็กอุทิศถวายแด่พระองค์ท่านและได้จัดพิมพ์หนังสืออธิบายพิธีกงเต็กเล่มนี้ขึ้น เพื่อเสด็จพระราชกุศลแจกเป็นธรรมบรรณาการ
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อ พ.ศ.๒๔๖๒ ประเทศไทยได้ว่าจ้างบริษัท เลส์ เอตาบลิสมองต์ ไดเดย์ (Les Etablissements Daydẻ Compagnie) ประเทศฝรั่งเศสดำเนินการก่อสร้างสะพานพระราม ๖ ซึ่งเป็นสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งแรกของประเทศ ย้อนไปใน พ.ศ.๒๔๒๓ หลุยส์ เลอบรุน (Louis Lebrun) พร้อมด้วยอองรี ไดเดย์(Henri Daydẻ) และออกุสต์ ปิเล่ (Auguste Pillẻ) ได้ร่วมกันก่อตั้งบริษัทภายใต้ชื่อเลอบรุน ปิเล่ เอต์ ไดเดย์ (Lebrun, Pillẻ et Daydẻ Compagnie) รับจ้างดำเนินการก่อสร้างเกี่ยวกับโครงสร้างเหล็ก - โลหะ และเครื่องกำเนิดไอน้ำในงานอุตสาหกรรม หลังจากนั้นใน พ.ศ.๒๔๒๕ จึงเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็นไดเดย์ เอต์ ปิเล่ (Daydẻ et Pillẻ Compagnie) และใน พ.ศ.๒๔๔๓ รัฐบาลฝรั่งเศสได้ว่าจ้างบริษัทดำเนินการก่อสร้างกรองด์ ปาเลส์ (Grand Palais) ซึ่งมีโครงสร้างอาคารเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก งานโลหะและกระจก เพื่อใช้เป็นอาคารจัดนิทรรศการความก้าวหน้า ทางวิทยาการจากนานาชาติ ในบริเวณจัตุรัสชองป์ส เอลิเซ (Champs Ẻlysẻes) กรุงปารีส ซึ่งถือเป็นงานก่อสร้างที่มีความก้าวหน้าอย่างมากในขณะนั้น รวมทั้งยังเป็นบริษัทที่ทำการก่อสร้างสะพานด้วยโครงสร้างเหล็กหลายแห่งในฝรั่งเศส อัลจิเรีย รวมถึงสะพานสองเบียน (Long Bien) ประเทศเวียดนาม เฉพาะสะพานสองเบียน ในประเทศเวียดนามนั้น เป็นสะพานสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.๒๔๔๑ แล้วเสร็จใน พ.ศ.๒๔๔๕ นับเป็นสะพานข้ามแม่น้ำแดง หรือแม่น้ำห่ง (Hoan) เชื่อมเมืองฮานอย(Hanoi) กับเมืองท่าไฮฟอง(Haiphong) ยาว ๒.๔ กิโลเมตร: ถือเป็นสะพานที่ใหญ่ที่สุดในอินโตจีน ซึ่งในขณะนั้นฝรั่งเศสปกครองอินโดจีน โดยมีผู้สำเร็จราชการดูแล คือ โปล ดูแมร์(Paul Doumer) ลักษณะสะพานดังกล่าวเป็นสะพานรถไฟมีถนนสำหรับยานพาหนะและผู้คนใช้สัญจร ภายหลังใน พ.ศ.๒๕๑๐ สหรัฐอเมริกาได้ทิ้งระเบิดทำลายสะพานแห่งนี้ รัฐบาลฝรั่งเศสได้ให้การสนับสนุนในการซ่อมแซมสะพานโดยคงรูปแบบเดิมของสะพานแห่งนี้ ซึ่งรัฐบาลเวียดนามเห็นชอบในการบูรณะสะพานด้วยเหตุผล ว่า “สะพานนี้ถูกก่อสร้างเพื่อการใช้ประโยชน์จากประเทศเมืองขึ้นของฝรั่งเศส แต่ก็ช่วยขยายการคมนาคมให้แก่ คนเวียดนามและเราต้องอนุรักษ์ไว้ นับเป็นกิจการคมนาคมสำคัญที่ส่งผลดีต่อการขนส่งสินค้าเป็นกิจการทางประวัติศาสตร์ที่มีความหมายทางวัฒนธรรม ทั้งยังเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ในปี ค.ศ.๑๙๕๕ (พ.ศ. ๒๔๙๘) ทหารฝรั่งเศสถอนออกจากเวียดนามกลับประเทศต้องผ่านสะพานแห่งนี้เพื่อเดินทางไปยังท่าเรือ ไฮฟองลงเรือกลับประเทศ” ลักษณะสถาปัตยกรรมสะพานดังกล่าวยังปรากฏในงานก่อสร้างสะพานพระราม ๖ ในประเทศไทย เมื่อบริษัทได้เปลี่ยนชื่อเป็นบริษัทเลส์ เอตาบลิสมองต์ ไดเดย์ (Les Etablissements Daydẻ Compagnie) (Daydẻ Compagnie) ใน พ.ศ..๒๔๔๖ ใน พ.ศ.๒๕๐๗ บริษัท เลส์ เอตาบลิสมองต์ ไดเดย์ (Les Etablissements Daydẻ Compagnie) (Daydẻ Compagnie) ได้รวมเข้าเป็นบริษัท ฟรองเซส์ ดองเทรอร์ปรีส์ (Compagnie Française d’Entreprises – CFEM) เป็นบริษัทที่ทำหน้าทีในการดูแลโครงสร้างโลหะของหอไอเฟล (Eiffel Tower) ประเทศฝรั่งเศสในปัจจุบัน (ซ้าย – ขวา) การก่อสร้างอาคารกรองด์ ปาเลส์ เมื่อ พ.ศ.๒๔๔๓ (ซ้าย) กรองด์ ปาเลส์ ในปัจจุบัน (ขวา) โครงสร้างโลหะและกระจกส่วนหลังคากรองด์ ปาเลส์ ที่ขึ้นชื่อในความก้าวหน้าของงานก่อสร้างในฝรั่งเศส (บน – ซ้าย) สะพานสองเบียน ประเทศเวียดนาม(บน – ขวา) สะพานลองเบียนในอดีต(ล่าง) ภาพลายเส้นแบบโครงสร้างสะพานลองเบียน ประเทศเวียดนาม (ซ้าย) ป้ายชื่อบริษัท Daydẻ et Pillẻ ที่สะพานลองเบียน(ขวา) ด้านข้างสะพานลองเบียนใช้เป็นเส้นทางสำหรับพาหนะสัญจรสภาพความเสียหายสะพานลองเบียนเมื่อสหรัฐอเมริกาทิ้งระเบิดทำลาย เมื่อ พ.ศ.๒๕๑๐(ซ้าย) ป้ายโลหะที่หน้าทางขึ้นสะพานพระราม ๖ (ซึ่งทำขึ้นเมื่อมีการบูรณะสะพานในสมัยหลัง) ระบุชื่อบริษัท Les Etablissements Daydẻ แห่งประเทศฝรั่งเศส เป็นผู้สร้างสะพาน(ขวา) รายละเอียดข้อความชื่อบริษัท Les Etablissements Daydẻ แห่งประเทศฝรั่งเศส ที่ปรากฏบนแผ่นป้าย-------------------------------------------------เรียบเรียงข้อมูล : นางสาวเมธินี จิระวัฒนา นักโบราณคดีชำนาญการ กองโบราณคดี-------------------------------------------------เอกสารอ้างอิง Ky Lan. สะพานลองเบียนจากข้อมูลของฝรั่งเศสที่ยังหลงเหลือ (เผยแพร่ทางสถานีวิทยุเวียดนาม – ส่วนกระจาย เสียงต่างประเทศแห่งชาติ วันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๗) สืบค้นเมื่อวันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๖๔. https://fr.wikipedia.org/wiki/Daydẻ ) สืบค้นเมื่อวันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๖๔. https://www,gracesguide.co.uki/Dayde_and_Pille สืบค้นเมื่อวันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๖๔.