ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 40,814 รายการ

เลขทะเบียน : นพ.บ.45/3ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ :  40 หน้า ; 4.4 x 54.5 ซ.ม. : ล่องรัก ; ไม้ประกับธรรมดา ชื่อชุด : มัดที่ 27 (267-281) ผูก 3หัวเรื่อง :  ธรรมบท --เอกสารโบราณ             คัมภีร์ใบลาน             พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


นายจารึก วิไลแก้ว ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ ๑๒ นครราชสีมา (ประธานตรวจการจ้าง) พร้อมคณะกรรมการตรวจการจ้าง ตรวจรับงานโครงการขุดลอกบารายเมืองพิมาย ตำบลในเมือง อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา (งวดที่ ๖-๘) งวดสุดท้าย




เรื่องที่ 365 เนื้อหาเกี่ยวกับพระไตรปิฎก เรื่องขุททกนิกาย เป็นหมวดหนึ่งในพระไตรปิฎก เรื่องที่ 366 เนื้อหาเกี่ยวกับธรรมะ เรื่อง กัมมวาจาวิธี คือวิธีปฏิบัติกาย วาจ ตามหลักธรรมสคำสอนพระพุทธเจ้าเรื่องที่ 367 เนื้อหาเกี่ยวกับพระธรรมเทศนา เรื่องพระธัมมจักกัปปวัตตนสูตร เป็นปฐมเทศนา เทศนากัณฑ์แรก ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่พระปัญจวัคคีย์เรื่องที่ 368 เนื้อหาเกี่ยวกับพระธรรมเทศนา เรื่องมรณานุสติกถา คือการระลึกถึงความตาย อันเป็นสิ่งเที่ยงแท้เรื่องที่ 369 เนื้อหาเกี่ยวกับพระธรรมเทศนา เรื่องพระอภิธัมมสังคิณี เลขทะเบียน จบ.บ.365/40 จบ.บ366/1 จบ.บ.367/1 จบ.บ.368/5จบ.บ.369/1


นิตยสารรายสองเดือน กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม วัตถุประสงค์ : เพื่อเผยแพร่ข้อมูลทางวิชาการเกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรม ในสาระสำคัญต่าง ๆ และเพื่ออนุรักษ์สืบทอดมรดกวัฒนธรรมของชาติ



ชื่อเรื่อง : ตำนานพระพิมพ์   พิมพ์ครั้งที่ : ๑๗   ปีที่พิมพ์ : ๒๕๑๐   สถานที่พิมพ์ : กรุงเทพฯ   สำนักพิมพ์  : โรงพิมพ์จำลองศิลป์   หมายเหตุ :  อนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพขุนสันธานธนานุรักษ์ ( นายชัยประสิทธิ์  สันธานา)                  หนังสือเรื่องตำนานพระพิมพ์ให้รายละเอียดเกี่ยวกับตำนานพระพิมพ์ พระพุทธรูปสมัยต่าง ๆในประเทศไทย มูลเหตุที่สร้างพระพุทธรูป พุทธศิลป์ในประเทศไทย พระพุทธรูปอินเดียรุ่นเก่าที่พบในประเทศไทย พุทธศิลปแบบทวารวดี (พุทธศตวรรษที่ ๑๑-๑๖ ) พุทธศิลป์แบบศรีวิชัย (พุทธศตวรรษที่ ๑๓-๑๘ ) เป็นต้น



ชื่อหนังสือ  เชิญเที่ยวงานประจำปีจังหวัดชลบุรี







ประเพณีหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับประเพณีทานหลัวหิงไฟพระเจ้า คือ ประเพณีทานข้าวใหม่ ซึ่งนิยมจัดงานในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนสี่ภาคเหนือ หรือเดือนยี่ภาคกลาง (ประมาณเดือนธันวาคมถึงเดือนมกราคม) เช่นเดียวกับประเพณีทานหลัวหิงไฟพระเจ้าซึ่งเคยนำเสนอไปแล้ว อาจกล่าวได้ว่าเป็นประเพณีที่สืบเนื่องกัน เมื่อชาวบ้านได้ยินสัญญาณที่เกิดจากไม้ไผ่ระเบิด ก็จะจัดเตรียมอาหารไปทำบุญที่วัด และมีการประกอบประเพณีทานข้าวใหม่ คือการนำข้าวใหม่หลังการเก็บเกี่ยวมาถวายพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ก่อนที่ตนเองจะนำไปบริโภค แสดงถึงความนอบน้อมคารวะต่อศาสนาพุทธที่เป็นที่พึ่งทางใจและเพื่อทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว อาหารที่นำไปใช้ในประเพณีทานข้าวใหม่ในช่วงเช้าของวันเพ็ญเดือนสี่ คือ ข้าวจี่ เป็นข้าวเหนียวที่นึ่งสุกปั้นติดกับปลายไม้ไผ่แล้วนำมาปิ้งไฟ อาจโรยเกลือเพื่อเพิ่มรสชาติ หรือชุบไข่ให้หอมอร่อยยิ่งขึ้น แล้วนำไปถวายพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ โดยอาจปั้นเป็นก้อนเล็ก ๆ ใส่กระทงแล้ววางถวายหน้าพระพุทธรูปในวัด หรือนำไปใส่บาตรของพระสงฆ์ บางทีก็มีการทำข้าวหลามมาถวายด้วย บางวัดจัดพิธีกวนข้าวมธุปายาสที่บางแห่งนิยมเรียกว่า “ข้าวทิพย์” ซึ่งข้าวมธุปายาส คือ ข้าวหุงด้วยน้ำนมเจือน้ำผึ้ง ใช้เป็นของหวานในงานรื่นเริง ข้าวที่นิยมนำมาใช้ในพิธีกวนข้าวมธุปายาสเป็นข้าวใหม่หลังการเก็บเกี่ยว การจัดพิธีนี้เพื่อให้คล้ายคลึงกับพุทธตำนานที่นางสุชาดากวนข้าวทิพย์ถวายพระพุทธเจ้าก่อนการตรัสรู้ธรรม การถวายข้าวทิพย์นิยมทำเป็นก้อนจำนวน ๔๙ ก้อนเช่นเดียวกับที่นางสุชาดาถวายพระพุทธเจ้า หลังจากพิธีกวนข้าวทิพย์ บางวัดจะมีการทำพิธีสวดเบิกอบรมสมโภชพระพุทธรูปองค์เดิมที่อยู่ที่วัด หรือเป็นพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นใหม่ ปัจจุบันเรียกว่า พิธีพุทธาภิเษกนอกจากนี้ยังมีประเพณีทานข้าวล้นบาตร คือ การที่ชาวบ้านนำผลผลิตข้าวที่ได้ในปีนั้น ๆ มาถวายพระรัตนตรัยและให้แก่พ่อแม่ปู่ย่าตายายผู้ที่มีพระคุณได้รับประทานก่อน สำหรับการถวายข้าวแก่พระรัตนตรัยนั้น ชาวบ้านจะนำข้าวสารและข้าวเปลือกไปถวายวัดโดยกองไว้ที่หน้าพระประธานในวิหาร ที่หน้าพระประธานจะปูเสื่อไว้ ๒ จุด เพื่อแยกเป็นข้าวเปลือก ๑ กอง ข้าวสาร ๑ กอง แต่ละจุดจะมีบาตรตั้งไว้ตรงกลาง ชาวบ้านจะนำข้าวของตนมาใส่ในบาตร เมื่อข้าวกองสูงมากขึ้นจะมีผู้นำบาตรจากข้างล่างมาวางบนกองข้าว เมื่อข้าวเต็มบาตรข้าวจะล้นออกมา จึงเป็นที่มาของชื่อประเพณีว่า “ประเพณีทานข้าวล้นบาตร” บางแห่งเรียกว่า “ประเพณีดอยข้าว” เพราะกองข้าวจะสูงคล้ายภูเขา เมื่อเสร็จพิธีการที่วัด ชาวบ้านจะนำสำรับกับข้าวไปมอบให้กับพ่อแม่ปู่ย่าตายายที่อยู่ต่างเรือนเป็นการแสดงความกตัญญู ในส่วนของข้าวที่วัดได้รับจากชาวบ้าน คณะกรรมการวัดจะแบ่งข้าวสารส่วนหนึ่งไว้ที่วัดเพื่อใช้นึ่งหรือหุงเลี้ยงพระภิกษุสามเณร และอีกส่วนหนึ่งจะนำไปขายเพื่อนำปัจจัยเข้าวัด ประเพณีนี้จึงเป็นการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาด้วยการนำผลผลิตมาถวายให้วัดภาพประกอบ : ประเพณีทานหลัวหิงไฟพระเจ้า และประเพณีทานข้าวล้นบาตรหรือประเพณีดอยข้าว วัดห้วยริน ตำบลช่างเคิ้ง อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ที่มาของภาพประกอบ : นายศักดิ์นรินทร์ ชาวงิ้วนางสาวรุ่งนภา สงวนศักดิ์ศรี นักอักษรศาสตร์ปฏิบัติการ กลุ่มจารีตประเพณี สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ ค้นคว้าเรียบเรียง


Messenger