ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 41,356 รายการ

            นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่า สำนักศิลปากรที่ 11 สงขลา ได้ดำเนินการติดตั้งไฟฟ้าและแสงสว่าง (Light up) บริเวณโบราณสถานเมืองสงขลาเก่า (ป้อมหมายเลข 9) ตำบลหัวเขา อำเภอ สิงหนคร จังหวัดสงขลา และเปิดให้ประชาชน นักท่องเที่ยว รวมถึงผู้ที่สัญจรไปมาได้มองเห็นถึงความสวยงาม และคุณค่าของโบราณสถานป้อมหมายเลข 9 ในยามค่ำคืนทุกวัน ระหว่างเวลา 18.00 - 22.00 น. เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการท่องเที่ยวประวัติศาสตร์              อธิบดีกรมศิลปากร  กล่าวอีกว่า การดำเนินการติดตั้งไฟฟ้าและแสงสว่าง (Light up) โบราณสถานในเขตเมืองเก่าสงขลา โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันสงขลาสู่มรดกโลก และการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในพื้นที่ ตามนโยบาย  ซอฟพาวเวอร์ของรัฐบาล และนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมในการขับเคลื่อนงานวัฒนธรรม ส่งเสริม สร้างสรรค์ ผลักดันทุนทางวัฒนธรรมให้เป็นทุนทางเศรษฐกิจ โดยหลังจากนำร่องที่โบราณสถานป้อมหมายเลข 9 แล้ว จะได้ดำเนินการกับโบราณสถานอื่น ๆ ในเมืองสงขลาเก่า ต่อไป             ป้อมเมืองสงขลาเก่า หมายเลข 9 เป็นโบราณสถานที่มีความงามทางสถาปัตยกรรมโดดเด่น ตั้งอยู่ใกล้ริมถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 408 ระหว่างตำบลหัวเขากับตำบลสทิงหม้อ อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา เป็นป้อมปราการเมืองสงขลาเก่า ปรากฎชื่ออยู่ในเอกสารโบราณว่า SINGORA เป็นเมืองท่าที่เจริญรุ่งเรืองขึ้นในสมัยอยุธยาเมื่อราวกลางพุทธศตวรรษที่ 22 ถึงพุทธศตวรรษที่ 23 มีผังเมืองเป็นรูปสี่เหลี่ยม มีคูเมือง กำแพงเมือง และป้อมปราการเป็นอาณาเขตและเป็นปราการของเมือง โดยมีคูเมืองและกำแพงเมืองเป็นปราการด้านทิศเหนือ ทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ส่วนทางด้านทิศใต้มีเขาแดงและเขาค่ายม่วงเป็นปราการ ป้อมเมืองเก่าสงขลาหมายเลข 9 เป็นป้อมก่อด้วยหินที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ราบเชิงเขาน้อยบริเวณมุมตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองสงขลาเก่า โดยอยู่ห่างจากโบราณสถานเจดีย์ภูเขาน้อยประมาณ 300 เมตร อยู่ห่างจากป้อมเมืองสงขลาเก่าหมายเลข 1 ประมาณ 1,072 เมตร ทำหน้าที่เป็นป้อมตรวจการณ์ด้านทิศใต้และด้านตะวันตกของเมืองสงขลาเก่า กรมศิลปากรประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานป้อมหมายเลข 9 เป็นส่วนหนึ่งของโบราณสถานเมืองสงขลาเก่า ในราชกิจจานุเบกษาเล่ม 109 ตอนที่ 119 หน้า 10190 วันที่ 17 กันยายน 2535 พื้นที่โบราณสถานประมาณ 2,460 ไร่


สภาการจดหมายเหตุระหว่างประเทศ (The International Council on Archives: ICA) จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๙๑ อยู่ในความอุปถัมภ์ของสำนักงานองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) สภาการจดหมายเหตุระหว่างประเทศเป็นองค์กรกลางสำหรับการส่งเสริมและให้ความรู้ด้านบริหารจัดการเอกสารอย่างมีประสิทธิภาพ การบริหารราชการแบบธรรมาภิบาล การอนุรักษ์ปกป้องรักษา และเผยแพร่มรดกด้านจดหมายเหตุของมนุษยชาติในโลก เป็นองค์กรระหว่างประเทศที่ทำงานอย่างใกล้ชิดกับองค์กรระหว่างประเทศอื่น ๆ เช่น องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) สภายุโรป (Council of Europe) รวมทั้งองค์กรกลางอื่น ๆ เช่น The International Committee of the Blue Shield เป็นต้น    ในการประชุมประจำปี ICA Annual General Meeting ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๐ สภาการจดหมายเหตุระหว่างประเทศ (The International Council on Archives: ICA) ได้มีมติให้วันที่ ๙ มิถุนายน ของทุกปี เป็นวันจดหมายเหตุสากล ตามวันที่ก่อตั้งสภาการจดหมายเหตุระหว่างประเทศ และประเทศสมาชิกถือเป็นวันสำคัญที่จะประกาศให้องค์กรภาครัฐ เอกชน และบุคคลทั่วไปได้ตระหนักถึงความสำคัญในการอนุรักษ์เอกสารจดหมายเหตุ และการเข้าถึงข้อมูลทางประวัติศาสตร์ได้อย่างทั่วถึง โดยประเทศไทยได้เข้าเป็นสมาชิกเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๑


ผู้แต่ง : คณะกรรมการดำเนินงานโครงการศึกษาและเผยแพร่สภาพแวดล้อมผลิตงานหัตถกรรมท้องถิ่น มหาวิทยาลัยศิลปากร ปีที่พิมพ์ : 2532 สถานที่พิมพ์ : กรุงเทพฯ สำนักพิมพ์ : มหาวิทยาลัยศิลปากร      การเปลี่ยนแปลงสภาพชนบทที่กำลังเกิดขึ้นทั่วไปอย่างรวดเร็ว พื้นที่ที่เคยเป็นเรือกสวนไร่นา หรือเคยเป็นพื้นที่ทางการเกษตรกรรม กำลังถูกความเจริญของเมืองที่ขยายตัวตามเส้นทางการสัญจรทางบกได้แปรเปลี่ยนสภาพไปเป็นอาคารแถว โรงงานอุตสาหกรม ทำให้พื้นที่ของสังคมเกษตรกรรมเปลี่ยนไป หนังสือ นิทรรศการภาพถ่ายสภาพแวดล้อมจึงจัดทำขึ้นเพื่อเก็บบันทึกภาพถ่ายไว้เป็นความทรงจำที่ทำให้เวลาในอดีตสามารถต่อเนื่องกับปัจจุบันได้


          ในอำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี มีชนชาติพันธุ์อาศัยอยู่ร่วมกันหลากหลายกลุ่ม โดยชาวลาวเวียงเป็นชนชาติพันธุ์กลุ่มใหญ่ที่อาศัยอยู่ในตำบลดอนคาซึ่งปัจจุบันยังคงรักษาอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของบรรพบุรุษไว้ อาทิ การพูดภาษาลาว การจัดงานประเพณี การละเล่น การเล่นดนตรี ฯลฯ           ในช่วงขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๗ ของทุกปี กลุ่มลาวเวียงในตำบลดอนคาจะจัดงานประเพณีบุญบั้งไฟขึ้นเพื่อบูชาพระยาแถนซึ่งทำหน้าที่ดูแลฝนให้ตกต้องตามฤดูกาล            หอจดหมายเหตุแห่งชาติ จังหวัดสุพรรณบุรี เดินทางไปสำรวจและบันทึกภาพเหตุการณ์ประเพณีบุญบั้งไฟของชาวลาวเวียง ตำบลดอนคา ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๒ - ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๕๗ โดยในแรก (๑๒ พ.ค. ๕๗) หมู่บ้านทั้งตำบล รวม ๒๐ หมู่บ้าน ได้จัดขบวนแห่หรือเอ้บั้งไฟจากหมู่บ้านของตน ผ่านวัดโภคาราม (วัดดอนคา) ซึ่งเป็นวัดสำคัญของชุมชนไปยังบริเวณหน้าอ­าคารองค์การบริหารส่วนตำบลดอนคา แต่ละหมู่บ้านตกแต่งรถแห่บั้งไฟอย่างสวยงา­ม รวมถึงจัดขบวนร้องรำสร้างความสนุกและคึกคร­ื้น ทั้งนี้ องค์การบริหารส่วนตำบลดอนคาจัดการประกวดขบ­วนแห่บั้งไฟ ซึ่งขบวนของหมู่ ๑ บ้านดอนคา,หัวตาล ได้รับรางวัลชนะเลิศ หมู่ ๒๐ บ้านใหม่ใต้ ได้รับรางวัลรองชนะเลิศลำดับที่ ๑ และหมู่ ๑๘ บ้านหนองทราย ได้รับรางวัลรองชนะเลิศลำดับที่ ๒ และในวันที่สอง (๑๓ พ.ค. ๕๗) ชาวบ้านจัดงานแข่งขันจุดบั้งไฟ ซึ่งนอกจากบั้งไฟจาก ๒๐ หมู่บ้านแล้วยังมีบั้งไฟจากชาวบ้านทั่วไปร่วมจุดด้วย รวมทั้งสิ้นจำนวน ๓๘ ลูก โดยมีการร้องรำและเล่นดนตรีประกอบเพื่อสร้างสีสันและบรรยากาศสนุกครึกครื้นเป็นอย่างมาก





***บรรณานุกรม***  กรมศิลปากร ทวีปัญญา เล่ม 5 จัดพิมพ์โดยเสด็จพระกุศล ซึ่งสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา  สิริโสภาพัณณวดีทรงบำเพ็ญคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ พระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร วันที่ 26พฤศจิกายน พุทธศักราช 2526 ครบ 58 ปี กรุงเทพฯ  โรงพิมพ์มหามกุฎราชวิทยาลัย 2526


กรมศิลปากรขอเชิญชวนเด็กและเยาวชน ร่วมกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี ๒๕๕๖ ในวันเสาร์ที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๕๖ ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อุทยานประวัติศาสตร์ หอสมุดแห่งชาติ หอจดหมายเหตุแห่งชาติทั่วประเทศ เด็กๆ ที่สนใจสามารถติดต่อเข้าร่วมกิจกรรมในหน่วยงานในสังกัดกรมศิลปากรใกล้บ้าน ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย การจัดกิจกรรมในส่วนกลาง มีดังนี้ - พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร กิจกรรมประกอบด้วย กิจกรรมบนเวที ดนตรีประกอบการเล่านิทาน ,การแสดงของเด็กและเยาวชน กิจกรรมด้านวิชาการ กิจกรรมตอบปัญหา, กิจกรรมแรลลี่, กิจกรรมเปิดโลกกว้างสู่อาเซียน กิจกรรมสร้างสรรค์เพื่อเด็กและเยาวชน ระบายสี, งานประดิษฐ์จากดินฟีโม่, ชวนน้องปั้นดิน กิจกรรมสันทนาการ โยนห่วงยาง, ปิดลูกโปง, เก้าอี้ดนตรี และกิจกรรมต่างฯ อีกมากมาย สำหรับเด็กๆที่เข้าร่วมกิจกรรม จะได้รับของขวัญของรางวัลทุกคน - สำนักการสังคีตจัดการแสดงรายการศิลปากรคอนเสิร์ตรอบพิเศษ ชุด “Children’s Day Concert” อำนวยเพลงโดย นายสถาพร นิยมทอง การแสดงจะเป็นการบรรเลงและการขับร้องจากศิลปินกรมศิลปากรร่วมกับสถานศึกษาและสถาบันการดนตรีที่มีชื่อเสียง อาทิ โรงเรียนหลักสูตรการดนตรีกรุงเทพมหานคร โรงเรียนดนตรีวีมุส โรงเรียนราชินี โรงเรียนปราโมชวิทยา รามอินทรา โรงเรียนโพธิสารพิทยากร ตลอดจนเครือข่ายศิลปินจากสถานศึกษา เข้าร่วมฟังได้โดยไม่เก็บค่าบัตรเข้าชม - พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธีกิจกรรมประกอบด้วย การบรรยายเกี่ยวกับพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธี และตอบคำถามรับของรางวัล การตอบปัญหาเกี่ยวกับวันเด็ก เรื่องทั่วไป เรื่องอาเซียน การเล่นเกมส์เก้าอี้ดนตรี การต่อจิกซอว์ และกิจกรรมสันทนาการอื่นๆ เช่น การแข่งร้องเพลง การแข่งเต้น - สำนักหอสมุดแห่งชาติ กิจกรรมประกอบด้วย การประกวดคัดลายมือ การวาดภาพระบายสี เล่นเกมและกิจกรรมต่างๆ สร้างความรักความอบอุ่นในครอบครัว ลุ้นรับของรางวัลมากมาย พร้อมทั้งบริการอาหารเครื่องดื่มและรับของรางวัล ฟรีตลอดงาน - พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป จัดร่วมกับพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ศิลป์ พีระศรี อนุสรณ์ กิจกรรมประกอบด้วย การแข่งขันประกวดวาดภาพระบายสี, ซุ้มกิจกรรมศิลปะ โดยคณะจารย์ นักศึกษาจากสถาบันการศึกษา มหาวิทยาลัยศิลปากรวิทยาลัยเพาะช่าง มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา ศิษย์เก่าสถาบันบัณทิตพัฒนศิลป์, การแข่งขันแรลลี่ตอบปัญหาชิงรางวัล ด้านศิลปะ กิจกรรมสันทนาการ เช่น ดนตรี ประกวดร้องเพลง เกม ฯลฯ โดยความร่วมมือกับสำนักศิลปกรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม, ฉาย DVDแนะนำ และนำชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป ให้แก่เยาวชนและผู้ปกครองที่เข้าร่วมกิจกรรม รวมทั้งบริการอาหารกลางวันและเครื่องดื่ม - หอสมุดแห่งชาติเขตลาดกระบัง เฉลิมพระเกียรติ กิจกรรมประกอบด้วย การแสดงรำอวยพร การบรรเลงเพลง จากวงดนตรี “วีรพล” การแข่งขันตอบปัญหา การแสดงบนเวที ประกวดร้องเพลง การแข่งขันวาดภาพ การแข่งขันเรียงความ เกมการละเล่น พร้อมแจกของขวัญของรางวัลมากมาย กิจกรรมในส่วนภูมิภาค อาทิ - อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย กิจกรรมประกอบด้วย การละเล่น เกมต่างๆ การตอบปัญหา การประกวดร้องเพลง และแจกของรางวัล พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนครคีรี กิจกรรมประกอบด้วย การประกวดวาดภาพ ระบายสี การปั้นตุ๊กตา การประกวดร้องเพลงและการแสดงออกบนเวที ฯลฯ - พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุรินทร์ กิจกรรมประกอบด้วย การแสดงบนเวทีโดยเยาวชนจากโรงเรียนหรือชุมชนต่างๆ ในจังหวัดสุรินทร์ การละเล่นเกมต่างๆ บนเวที ฉายภาพยนตร์ตลอดทั้งวัน และจับฉลากชิงรางวัล - พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ขอนแก่น กิจกรรมประกอบด้วย กิจกรรมสันทนาการ การแสดงบนเวทีของกลุ่มเด็กนักเรียน การแสดงความสามารถ เล่นเกมตอบปัญหาชิงรางวัล รวมทั้งแจกของรางวัล อาหารและเครื่องดื่ม - พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ชาวนาไทย สุพรรณบุรี กิจกรรมประกอบด้วย การแนะนำพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติชาวนาไทย ด้วยวีดิทัศน์ การบรรยายความรู้เกี่ยวกับบทบาท หน้าที่ของพิพิธภัณฑ์/ศัพท์น่ารู้ เกมตอบคำถามและเกมที่เกี่ยวข้องกับพิพิธภัณฑ์/ข้าวและการทำนา - พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงใหม่ จัดกิจกรรม “ค่ายเยาวชนสุขสันต์ พิพิธภัณฑ์หรรษา” กิจกรรมเนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ให้เยาวชนได้เข้าชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงใหม่ และเรียนรู้การปั้นตุ๊กตาพื้นบ้านล้านนาจากครูภูมิปัญญาล้านนา ในวันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๕๕ ณ โรงเรียนในถิ่นทุรกันดาร ภายในจังหวัด สุพรรณบุรี และจังหวัดใกล้เคียง ฯลฯ นอกจากนี้กรมศิลปากรยังเปิดให้เด็กๆ เข้าชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ และอุทยานประวัติศาสตร์ทั่วประเทศ โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมเข้าชมอีกด้วย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สถานที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อุทยานประวัติศาสตร์ หอสมุดแห่งชาติ หอจดหมายเหตุแห่งชาติทั่วประเทศ ติดต่อ หน่วยงานในสังกัดกรมศิลปากรใกล้บ้าน ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ไม่เสียค่าใช้จ่าย


ชื่อวัตถุ รองเท้า ทะเบียน ๒๗/๒๖/๒๕๓๖ อายุสมัย รัตนโกสินทร์ วัสดุ(ชนิด) ไม้กำมะหยี ประวัติที่มา เป็นรองเท้าของมารดา คือ นางสิวโง้ยตัณฑวณิช ใช้ในการร่วมมือพิธีสำคัญรวมทั้งใส่กับชุดยะหย่า ซึ่งใช้ในงานต่างๆ สถานที่เก็บรักษา พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ถลาง “รองเท้า” รองเท้ามีลักษณะเป็นร้องเท้าแตะแบบปัก มีส้น ส่วนหัวของรองเท้าปักด้วยกำมะหยี่ ส่วนหัวมีลายปักลักษณะคล้ายดอกไม้บนกำมะหยี่ พื้นและส้นร้องเท้าเป็นกำมะหยี่ ร้องเท้ารูปแบบนี้เรียกภาษามลายูว่า Kasutseretรองเท้ารูปแบบนี้มีพัฒนาการมาจากรองเท้าแบบปักไม่มีส้น เป็นรองเท้าที่ปักด้วยเส้นด้ายซึ่งเป็นไหมสีต่างๆ ลวดลายที่ปักเป็นลายดอกไม้และสัตว์มงคลต่างๆ เช่น ปลา ค้างคาว ผีเสื้อ เป็ด และกวาง เป็นต้น รองเท้าปักเป็นที่นิยมในกลุ่มผู้หญิงชาวบาบ๋าคำว่า บาบ๋า เป็นคำที่ชาวภูเก็ตใช้เรียกลูกหลานที่เกิดจากพ่อชาวจีนและแม่ชาวพื้นเมืองโดยใช้เรียกทั้งผู้ชายและผู้หญิง ต่างจากในแถบประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย และสิงคโปร์ ซึ่งมีกลุ่มลูกผสมชาวจีนและชาวพื้นเมืองอยู่เป็นจำนวนมากเช่นเดียวกับในเกาะภูเก็ต แต่ในประเทศเหล่านี้ใช้คำว่า บาบ๋า เรียก ลูกชาย และใช้คำว่า ย่าหยา เรียก ลูกสาว สำหรับรองเท้าปักรูปแบบนี้นิยมทั้งในสิงคโปร์ และมาเลเซีย ซึ่งหญิงชาวภูเก็ตคงรับความนิยมรองเท้ารูปแบบนี้มาจากแถบมะละกาและปีนัง ทั้งนี้ ในอดีตหญิงสาวที่เตรียมตัวจะออกเรือนต้องเก่งงานเย็บปักถักร้อย “รองเท้า” เป็นส่วนหนึ่งในเครื่องแต่งกายในวันแต่งงาน ซึ่งหญิงสาวต้องทำร้องเท้าเพื่อใช้สวมในงานมงคลสมรสด้วยตนเอง ร้องเท้าแตะปักที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ถลางเก็บรักษาเป็นของนางสิวโง้ยตัณฑวณิชใช้สวมใส่ในงานพิธีสำคัญต่างๆ โดยใส่กับชุดยะหย่าร้องเท้าแตะปัก(Kasutseret) จึงเป็นตัวแทนที่สะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมของชาวบาบ๋าภูเก็ตในเรื่องของการแต่งกายได้เป็นอย่างดี


ศิลาจารึกบ้านพันดุง เลขทะเบียน ๐๙/๓๒/๒๕๓๐ อายุประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๔ หินทราย ขนาด สูง ๖๒ เซนติเมตร กว้าง ๗๖ เซนติเมตร หนา ๑๒.๕ เซนติเมตร พบที่ บ้านพันดุง ตำบลพันดุง อำเภอขามทะเลสอ จังหวัดนครราชสีมา           เป็นแผ่นหิน ด้านบนสลักเป็นรูปทรงโค้งแบบกลีบบัว จารึกด้วยอักษรหลังปัลลวะ ภาษาสันสกฤต จำนวน ๑ ด้าน มี ๑๐ บรรทัด ข้อความจารึกสองบรรทัดแรกกล่าวถึง ความนอบน้อมต่อพระศิวะ อันเป็นที่เคารพสักการะของผู้นับถือศาสนาพราหมณ์           สองบรรทัดต่อไปกล่าวถึงท่านผู้เป็นปราชญ์ คงหมายถึง พระศรีวัตสะ เพราะมีการระบุนามอย่างชัดเจนในสองบรรทัดต่อไปได้สร้างรูปพระหริหระประทับที่ภูเขาซึ่งมีกระแสน้ำไหลแรง คงหมายถึง ภูเขาที่มีน้ำตกไว้ประจำอาศรมพร้อมเทวรูปอื่นๆ           สองบรรทัดที่สาม พระศรีวัตสะได้ถวายวัตถุสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภคให้แก่อาศรม พร้อมทั้งมอบประชาชนจำนวนหนึ่ง ให้เป็นผู้ดูแลรับใช้ในอาศรมด้วย ในสองบรรทัดเดียวกันนี้ ได้กล่าวถึงเหล่าพระมุนีทั้งหลายได้สร้างอาศรมไว้เพราะมีน้ำบริบูรณ์ ทั้งได้สร้างรูปพระสุคตไว้ในอาศรมตามความคิดของฤษี           สองบรรทัดที่สี่กล่าวถึงพราหมณ์ศรีธีธรรมาตกะ และสวามีศรีศิญชระ ได้ฝึกฝนในการบำเพ็ญตบะและการเจริญโยคสมาธิ           สองบรรทัดสุดท้ายซึ่งมีความสำคัญมาก จารึกได้กล่าวถึงการสร้างพระสุคตประติมาไว้ในเมือง ข้อความต่อไปในบรรทัดเดียวกันนี้ อักษรจารึกชำรุดหายไป จึงไม่ทราบว่าใครเป็นผู้สร้างพระสุคตประติมา จะเป็นพระศรีวัตสะ พระมุนีพราหมณ์ศรีธีธรรมาตมกะหรือสวามีศรีศิญชระ และในเมืองนี้ก็มิอาจทราบได้ว่าเป็นเมืองอะไร เพราะอักษรชำรุดดังกล่าว           บรรทัดสุดท้ายของจารึก ระบุวัน เดือน ปี ที่สร้างพระสุคตประติมาไว้ในเมืองว่าเป็นวันเสาร์ เดือน ๑ ขึ้น ๘ ค่ำ ปีศักราช ๗๕๑ (พ.ศ. ๑๓๗๒)   Ban Phan Doong Stone Inscription Registration No. 09/32/2530 Dvaravati Style, ca 9th century Sandstone, Height 62 cm. Width 76 cm.   Found at Ban Phan Doong, Kham Talay Sor district, Nakhon Ratchasima province, transferred to Maha Viravong National Museum in 1987           Ban Phan Doong Stone Inscription, Sanskrit written in Pallava Alphabet. The inscription refers to Phra Sri Wat Sa who donated a Harihara sculpture (representing a combined image of Vishnu and Shiva) at the mountain for the hermitage, and who also provided goods and people. Importantly, the last phrase referres to the creation of the Phra Sukata Prathima sculpture and indicates its creation time; Saturday, 1372 B.E. (829 A.D.)






Messenger