ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,777 รายการ





ชื่อเรื่อง                     ปาจิตฺติยบาลี มหาวิภฺงคปาลิ (ปาลิปาจิตฺตีย์)ลบ.บ.                       365/1ประเภทวัสดุ/มีเดีย       คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                   พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ               44 หน้า กว้าง 4.3 ซม. ยาว 56.5 ซม.หัวเรื่อง                     พระไตรปิฎกบทคัดย่อ/บันทึก           เป็นคัมภีร์ใบลาน ธรรมอีสาน ฉบับล่องชาด ไม่มีไม้ประกับ  


          กรมศิลปากร ขอเชิญรับชมถ่ายทอดสด Facebook Live รายการไขความรู้จากครูกรมศิลป์ ตอน “คัมภีร์ใบลานอุรังคธาตุ” ตำนานพระธาตุพนม มรดกความทรงจำแห่งโลก  วิทยากร นางสาวเอมอร เชาวน์สวน นักภาษาโบราณเชี่ยวชาญ ผู้ดำเนินรายการ นางกมลชนก พรภาสกร นักวิชาการโสตทัศนศึกษา กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ ในวันพฤหัสบดีที่ ๒๔ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ เวลา ๑๑.๐๐ - ๑๑.๔๕ น.           ผู้สนใจสามารถติดตามชมได้ทาง Facebook Live : กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม และ Facebook Live : กลุ่มเผยแพร่ฯ กรมศิลปากร


           หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก กาญจนบุรี ขอเชิญร่วมทำกิจกรรม "Cupcake for Kids : Birthday" ในโครงการKidsเรียนรู้@ หอสมุดแห่งชาติฯ กาญจนบุรี ในวันเสาร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2566 เวลา 13.00 - 16.00 น. ณ ห้องเด็กและเยาวชน 102 หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก กาญจนบุรี           ผู้สนใจสามารถร่วมกิจกรรมได้ฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางเฟสบุ๊ก : หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก กาญจนบุรี หรือ โทร. 0 3451 3926


          พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ขอเชิญชวนประชาชนร่วมกิจกรรมยลวังหน้ายามค่ำ จัดร่วมกับกิจกรรม Night at the Museum Festival 2023 กับพิพิธภัณฑ์และศูนย์การเรียนรู้ต่าง ๆ ทั่วประเทศไทย ในวันศุกร์ - อาทิตย์ที่ ๑๕ - ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๖ ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร พบกับกิจกรรมที่น่าสนใจดังนี้            - งาน Night at the Museum ตอน “สยามใหม่ - ไทยวิวัฒน์”             - กิจกรรม ยลวังหน้ายามค่ำ (เวลา ๑๗.๐๐ น. / ๑๘.๐๐ น.)            - กิจกรรม จิบชาชมวัง Afternoon Tea in the Courtyard (เวลา ๑๓.๐๐ น. – ๑๕.๐๐ น.)            - ตลาดอาร์ตทอยในสวน Art Toys in the Garden (เวลา ๐๙.๐๐ น. - ๒๐.๐๐ น.) -------------------------------------------------- กิจกรรม ยลพิพิธภัณฑ์ยามค่ำ (Night at the Museum) ขอเชิญชวนประชาชนร่วมสัมผัสความงดงามของโบราณสถาน (วังหน้า) ที่ประทับของพระมหาอุปราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ แต่งกายด้วยชุดไทยเพื่อถ่ายภาพเป็นที่ระลึก เปิดให้ชมพิพิธภัณฑ์ในยามค่ำ Night at the Museum เปิดรอบนำชมพิพิธภัณฑ์ยามค่ำ (ไม่ต้องจอง) วันละ ๒ รอบ            รอบที่ ๑ เวลา ๑๗.๐๐ น.  นำชมเป็นภาษาไทย และ ภาษาอังกฤษ โดยภัณฑารักษ์ เจ้าหน้าที่ และ National Museum Volunteers            รอบที่ ๒ เวลา ๑๘.๐๐ น.  นำชมเป็นภาษาไทย โดยภัณฑารักษ์และเจ้าหน้าที่ -------------------------------------------------- กิจกรรม จิบชาชมวัง ปีที่ ๓ ตอน จิบชาในสวน (Afternoon Tea in the Courtyard) เวลา ๑๓.๐๐ น. - ๑๕.๐๐ น. ณ สวนทิศใต้ หมู่พระวิมาน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร            - วันศุกร์ที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๖ เรื่อง “ณ ชั่วขณะ - A Glimpse of Time” จิบชาและชมนิทรรศการภาพถ่ายโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และโบราณสถาน ในพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) วิทยากรโดย สิปปภาส ครองบุญ ช่างภาพอิสระ            - วันเสาร์ที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๖๖ เรื่อง “เครื่องถ้วย ของสะสมผู้ดีสยาม - Ceramics, Siamese Old Money’s Collection” จิบชาและชมเครื่องกระเบื้องล้ำค่าในพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) วิทยากรโดย ธนพันธุ์ ขจรพันธุ์ นักวิชาการอิสระ            - วันอาทิตย์ที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๖ เรื่อง “สวนไทย - Thai Garden” จิบชาและชมสวนไทยในพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) วิทยากรโดย ดร.พรธรรม ธรรมวิมล ภูมิสถาปนิกชำนาญการพิเศษ *หมายเหตุ : - รับจำนวนจำกัด - ชุดชาและอาหารว่าง / ๑ คน  - คนละ ๙๙ บาท (จ่ายหน้างาน) - สอบถาม / สำรองที่นั่งล่วงหน้า โทร. ๐ ๒๒๒๔ ๑๔๐๒ และ ๐ ๒๒๒๔ ๑๓๓๓ (เวลา ๐๘.๓๐ น. - ๑๖.๓๐ น. วันพุธ - อาทิตย์) --------------------------------------------------- ตลาดอาร์ตทอยในสวน Art Toys in the Garden เดือนนี้มาเร็วกว่าปกติ เพราะรวมอยู่ในกิจกรรมยลวังหน้ายามค่ำ ร่วมกับกิจกรรม Night at the Museum Festival 2023 กับพิพิธภัณฑ์และศูนย์การเรียนรู้ต่าง ๆ ทั่วประเทศไทย วันศุกร์ - อาทิตย์ที่ ๑๕ - ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๖ เวลา ๐๙.๐๐ น. - ๒๐.๐๐ น. ณ พระที่นั่งศิวโมกขพิมาน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร พบกับกาชาปองชุดพิเศษต้อนรับปีมะโรง “มังกรทอง” ชุดที่ ๑ จากสตูดิโอต่าง ๆ ในกลุ่มศิลปินศาลาอันเต (Sala Arte) และสินค้าอาร์ตทอยอีกมากมาย --------------------------------------------------           อัตราค่าเข้าชมตามปกติ ชาวไทย ๓๐ บาท ชาวต่างชาติ ๒๐๐ บาท สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายวิชาการ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร โทร. ๐ ๒๒๒๔ ๑๓๓๓, ๐ ๒๒๒๔ ๑๔๐๒ สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารและกิจกรรมอื่นๆ ได้ทางเฟสบุ๊ก เพจ : Education.National Museum Bangkok เที่ยวพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร  


ชื่อเรื่อง                     ธมฺมปทวณณนา ธมฺมปทฏธํกถา ขุทฺทกนิกายฏธกถา (ธมฺมปท บั้นปลาย)ลบ.บ.                       284/7หมวดหมู่                   พุทธศาสนาประเภทวัสดุ/มีเดีย       คัมภีร์ใบลานลักษณะวัสดุ               66 หน้า : กว้าง 5 ซม. ยาว 57 ซม.หัวเรื่อง                     พุทธศาสนาบทคัดย่อ/บันทึก          เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรขอม ฉบับล่องชาด ได้รับบริจาคจากวัดท่าแค                     


-- องค์ความรู้จากเอกสารจดหมายเหตุ : โอนอำเภอท่าปลา -- อำเภอท่าปลา ปัจจุบันเป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดอุตรดิตถ์ แต่เมื่อร้อยปีก่อนอำเภอแห่งนี้เคยอยู่กับจังหวัดน่านมาก่อน ซึ่งข้อมูลจากเอกสารจดหมายเหตุทำให้เราทราบว่า การโอนย้ายอำเภอจากจังหวัดหนึ่งไปอีกจังหวัดหนึ่งในสมัยนั้น มีปัจจัยใดที่ต้องพิจารณาบ้าง. ข้อมูลจากเอกสารจดหมายเหตุชุดกรมราชเลขาธิการ รัชกาลที่ 6 กระทรวงมหาดไทย ระบุว่า เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2465 พระยาราชนกูล ผู้ทำการแทนเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ได้มีหนังสือกราบบังคมทูลความว่า ได้รับใบบอกจากอุปราชมณฑลภาคพายัพว่า อำเภอท่าปลา จังหวัดน่าน ตั้งอยู่ห่างจากศาลากลางจังหวัดมาก ใช้เวลาเดินทางไป-กลับ จากตัวจังหวัดน่านถึงอำเภอโดยทางบกรวม 14 วัน ซึ่งเส้นทางนั้นเป็นทางทุรกันดารและต้องบุกป่าฝ่าดง หากเดินทางทางน้ำไป-กลับ จะใช้เวลารวม 15 วัน ต้องฝ่าเกาะแก่งต่างๆ ซึ่งลำบากต่อการเดินเรือ ยิ่งเมื่อถึงฤดูฝนการเดินทางจะยิ่งยากลำบากขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับการเดินทางระหว่างอำเภอท่าปลากับจังหวัดอุตรดิตถ์แล้ว พบว่าทางบกใช้เวลาเดินทางเพียง 3 วันเท่านั้น ส่วนทางน้ำก็สะดวกกว่าจังหวัดน่าน นอกจากนี้พลเมืองของอำเภอท่าปลายังมีความ “คล้ายคลึง” กับพลเมืองของอำเภอแสนตอ จังหวัดอุตรดิตถ์ (ปัจจุบันคืออำเภอน้ำปาด – ผู้เขียน) อีกด้วย จากเหตุผลต่างๆ เหล่านี้ อุปราชมณฑลภาคพายัพ จึงมีความเห็นว่าควรโอนอำเภอท่าปลาจากจังหวัดน่านไปขึ้นกับจังหวัดอุตรดิตถ์ พระยาราชนกูลได้ปรึกษากับสมุหเทศาภิบาลมณฑลพิษณุโลก มีความเห็นสอดคล้องกัน จึงมีหนังสือกราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตโอนอำเภอดังกล่าว. ในเวลาต่อมา ได้มีลายพระหัตถ์ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ พระราชทานพระอนุญาตให้โอนอำเภอท่าปลาไปขึ้นกับจังหวัดอุตรดิตถ์ และได้ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2465 อำเภอท่าปลาจึงได้มาอยู่กับจังหวัดอุตรดิตถ์ตราบจนถึงปัจจุบัน.ผู้เขียน: นายธัชพงศ์ พัตรสงวน (นักจดหมายเหตุปฏิบัติการ หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ พะเยา)เอกสารอ้างอิง: 1. สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ. เอกสารชุดกรมราชเลขาธิการ รัชกาลที่ 6 กระทรวงมหาดไทย ร.6 ม 3.2/54 เรื่อง โอน อ. ท่าปลาจาก จ. น่านมาขึ้นกับ จ. อุตรดิตถ์ [ 18 – 26 พ.ค. 2465 ].2. “ประกาศโอนอำเภอท่าปลาจากจังหวัดน่านมาขึ้นจังหวัดอุตรดิฐ.” (2465) ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 39, ตอน ก (4 มิถุนายน): 55.#จดหมายเหตุ #องค์ความรู้จากจากจดหมายเหตุ #หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯพะเยา #เอกสารจดหมายเหตุ


พระธรรมเทศนา พระราชพงษาวดารสังเขป ผู้แต่ง : สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโรรส ต้นฉบับอยู่ที่ : หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี (ห้องกรมศิลปากร) โรงพิมพ์ : จงเจรญการพิมพ์ ปีที่พิมพ์ : 2515 รูปแบบ : PDF ภาษา : ไทย เลขทะเบียน : น 30 ร  3993 เลขหมู่ : 294.315 ป169พช



ชื่อเรื่อง                     เทศนาเสือป่า 17 กัณฑ์ผู้แต่ง                       พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวประเภทวัสดุ/มีเดีย       หนังสือหายากหมวดหมู่                   ศาสนาเลขหมู่                      294.3144 ม113ทจสถานที่พิมพ์               พระนครสำนักพิมพ์                 โรงพิมพ์มหากุฎราชวิทยาลัยปีที่พิมพ์                    2504ลักษณะวัสดุ               246 หน้า หัวเรื่อง                     ธรรมะกับชีวิตประจำวัน                              พุทธศาสนา – ปาฐกถาภาษา                       ไทยบทคัดย่อ/บันทึก           เทศนาเสือป่าเพื่อเข้าใจหลักธรรมในพุทธศาสนา การแสดงเทศนาได้ทรงแบ่งเนื้อหาออกเป็นกัณฑ์ ๆ หรือเป็นตอนๆ ให้เหมาะแก่เวลาในแต่ละครั้ง  โดยมีเนื้อความจบในแต่ละกัณฑ์  ทุกกัณฑ์มีความต่อเนื่องกันเป็นลูกโซ่  เทศนาเสือป่ามีทั้งหมด 17 กัณฑ์  ระหว่างกัณฑ์ที่ 16 และ กัณฑ์ที่ 17  มีกัณฑ์แทรก  และได้มีการนำกัณฑ์พิเศษมาไว้ข้างท้ายอีก 1 กัณฑ์  แต่ละกัณฑ์มีชื่อกัณฑ์ตามเนื้อหาสำคัญ


พระบรมธาตุเมืองน่าน ประดิษฐาน ณ พระพุทธชินราช วโรวาทธรรมจักร พระวิหารทิศใต้ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามหรือวัดโพธิ กรุงเทพมหานครพระพุทธชินราชวโรวาทธรรมจักร หรือ พระพุทธเจ้าเทศนาพระธรรมจักร พระประธานพระวิหารทิศใต้ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญมาจากกรุงเก่า (สุโขทัย) โดยมีกรมหมื่นวงศาสนิท พระองค์เจ้ามรกต (กรมขุนสถิตยสถาพร) พระองค์กลาง (กรมพระเทเวศรวัชรินทร) ทรงกำกับการสร้างวิหารทิศ ๔ ดังปรากฎความใน ประชุมจารึกวัดพระเชตุพน จารึกเรื่องทรงสร้างวัดพระเชตุพนครั้งรัชกาลที่ ๑ ว่า"...พระพุทธรูปน่าตักสี่ศอกห้านิ้ว เชิญมาแต่กรุงเก่าปติสังขรณ์เสรจ์ แล้วปดิษถานไว้ในพระวิหารทิศใต้ ถวายพระนามว่าพระพุทธิเจ้าเทศนาพระธรรมจักรมีพระปัญจะวักคีทังห้านังฟังพระธรรมเทศนาด้วย แลผนังนั้นเขียนเรื่องเทศนาพระธรรมจักรแลเทศนาดาวดิงษ์.."ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ได้ถวายพระนามพระพุทธชินราช ดังปรากฏจารึกไว้ที่ฐานว่า"พระพุทธชินราช วโรวาทธรรมจักร อัครปฐมเทศนา นราศภบพิตร"“...พระวิหารทิศใต้ พระวิหารนี้ มุขหน้าประดิษฐานพระชินราชซึ่งเชิญมาต่เมืองสุโขทัย ปางเทศนาธรรมจักร มีพระเบญจวัคคีย์อยู่ข้างหน้า เขียนภาพตั้งแต่เทศนาธรรมจักรจนถึงธาตุอันตรธาน ช่างเขียนกรมช่างมหาเล็ก มุขหลังเขียนเรื่องฎีกาพาหุง ๘ บท หลวงกรรภยุบาทว์เจ้ากรมเป็นผู้กำกับการซ่อม จ่าจิตรนุกูลกรมมหาดเล็กเป็นผู้ตรวจ”ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๓๕๑ เจ้าฟ้าอัตถวรปัญโญ เจ้าผู้ครองนครน่าน ได้พบพระธาตุ บริเวณท่าปลา บ้านแฝก โดยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงบรรจุไว้ในองค์พระชินราช วิหารทิศใต้ ดังความในหนังสือราชวงษปกรณ์ พงษาวดารเมืองน่าน ว่า“...อยู่มาจนเถิงจุลศักราชได้ ๑๑๗๐ ตัว ปีเบิกสีเดือน ๑๒ ขึ้น ๕ ค่ำเจ้าฟ้าหลวงท่านก็เสด็จลงไปเฝ้าพระมหากระษัตริย์เจ้าเมืองใต้ ท่านเสด็จลงไปเถิงท่าปลาบ้านแฝกหั้นแล้ว ยามนั้นยังมีเจ้าสามเณร ๒ ตนตน ๑ ชื่อว่าอริยะ ตน ๑ ชื่อว่าปัญญา ลงไปสู่ท่าน้ำเวลายามเช้าท่านก็ได้หันยังไหจีนลูก ๑ ฟูปั่นแคว้นอยู่ที่วังวนปากถ้ำหั้น ก็กันลงไปเอาออกมาแล้วก็ไขดู ก็หันพระเกษาธาตุเจ้าดวง ๑ ลอยเข้ามุกดาหาร ไว้ ๔ ดวง แลธาตุพระเจ้าอารัตนเจ้ามี ๒๖๐ ดวง มีพระพิมพ์คำ ๖๐ องค์ พระพิมพ์เงิน ๒๐๔ องค์ แลพระพุทธรูปแก้วมี ๔ องค์ ต้นดอกไม้คำต้น ๑ ต้นดอกไม้เงินต้น ๑ น้ำต้นเงินต้น ๑ น้ำต้นคำต้น ๑ ไตลเงิน ลูก ๑ ไตลคำลูก ๑ ภายในใส่แก่นจันทน์ขาว หมอนคำลูก ๑ ภายในใส่แก่นจันทน์แดงแลใส่ช้างจ้อยม้าจ้อย เงินคำมี ๖๐ สาดเงิน ๑ สาดคำ ๑ แก้วแหวนมีพร้อมทุกอัน ครั้นท่านลงไปเถิงแล้วท่านหื้อช่างเครื่องมาตีแปงยังโขงเงินใส่แล้ว แปงต้นดอกไม้เงินต้น ๑ ต้นดอกไม้คำต้น ๑ บูชาไว้กับพระธาตุเจ้าแล้ว ท่านก็นิมนต์เอาพระสงฆเจ้ามาฉลองฟังธรรมพุทธาภิเศกใส่บาตรหยาดน้ำหมายทานแล้ว ท่านก็นิมนต์เอาเกษาธาตุเจ้าเข้าสู่เรือเอาล่องไปเมตตาพระมหากระษัตริย์เจ้าเมืองใต้หั้นแล พระมหากระษัตริย์เจ้าครั้นได้ทราบรู้ยิน ยังเจ้าฟ้าพระเกษาธาตุเจ้าลงไปถวายสันนั้น ท่านก็มีความชื่นชมโสมนัศยินดีหาประมาณบ่ได้ แล้วท่านก็แต่งเฉลี่ยงคำพร้อมแลขันคำพร้อมด้วยเครื่องสงเสพ คือดุริยดนตรี มาต้อนรับเอาแล้ว ก็สงเสพแห่แหนนำเข้าไปเถิงท้องปราสาทแล้วก็กระทำสักการบูชายังพระเกษาธาตุเจ้า ด้วยเครื่องบูชาทั้งหลายต่าง ๆ หั้นแล เมื่อนั้นพระมหากระษัตริย์เจ้าท่านก็มีธูปเทียนขอนิมันตนายังพระเกษาธาตุเจ้าอยู่เมตตาโปรดในกรุงเทพมหานครหั้นแล แล้วท่านก็มีความยินดีกับด้วยเจ้าฟ้ายิ่งกว่าเก่า แล้วก็ปงพระราชทานรางวัลสมนาคุณบุญเจ้าฟ้าเปนอันมากนักหั้นแล เจ้าฟ้าหลวงก็มาเมี้ยนแก่ราชกิจการทั้งมวลแล้ว ท่านก็กราบทูลลาพระมหากระษัตริย์เจ้า แล้วท่านก็เสด็จขึ้นมาเถิงเมืองแล้วในเดือน ๕ ขึ้น ๑๑ ค่ำวันนั้นแลครั้นว่าท่านเสด็จขึ้นมาฮอดเมืองแล้ว ท่านจิงจักเชิญปกเตินยังเจ้านายขัติยวงษาขุนแสนขุนหมื่นรัฐประชาไพร่ไทยทั้งหลายมวล หนภายในภายนอกทั้งมวลในจังหวัดนครเมืองน่านทุกแห่ง หื้อตกแต่งสร้างยังสรรพสู่เยื่องเครื่องครัวทานแลเครื่องเล่นทั้งหลายพร้อมสู่เยื่อง หื้อมีรูปสรรพรูปทั้งหลายพร้อมสู่อันแล้ว เถิงวันเดือน ๖ ขึ้น ๑๒ ค่ำท่านก็มีอาชญาแก่เจ้านายเสนาอามาตย์ไพร่ไทยทั้งหลายตั้งเล่นมโหรศพ ในท้องข่วงสนามไปถาบเถิงวันเดือนเพ็งนั้นเวลาเช้า ก็จิงจักยกครัวทานทั้งหลายมวลขึ้นไปในข่วงแก้วภูเพียงแช่แห้ง ได้นิมนต์พระสงฆเจ้าแลสามเณรมารับทานที่ในข่วงพระธาตุเจ้าภูเพียงแช่แห้ง รวมเส้นหัววัดมี ๑๓๙ หัววัด รวมภิกษุสงฆเจ้าทั้งหลายมี ๔๖๓ องค์ รวมสามเณรมี ๘๖๓ องค์ รวมเข้ากันมี ๑๓๒๖ องค์แล ทินนวัตถุทานหอผ้ามี ๑๓๖หลังท่านก็ได้แปงบอกไฟขวีใหญ่บอก ๑ ใส่ดินไฟเสี้ยง ๓๔๗,๐๐๐ อัน หนป่าวอนุโมทนาทาน มีบอกไฟขึ้นตั้งแต่ ๑๐๐๐๐ นับลงลุ่มมี ๑๔๔ บอก บอกไฟขวีน้อยแลบอกไฟกวาง บอกกงหัน บอกไฟดาว บอกไฟนก บอกไฟเทียน แลปฏิช่อธุง ทั้งมวลจักคณนาบ่ได้ มีตั้งต้นกัลปพฤกษ์สรรพทั้งมวลแล แต่บอกไฟขึ้นเจาะ ๓ วันจิงเมี้ยนบริบวรณ์แล...”ความในจารึกครั้งรัชกาลที่ ๑ ว่าด้วยพระบรมธาตุมาแต่เมืองน่าน ความว่า“ศุภมัสดุ ๒๓๕๑ นาคสังวัจฉรอาลุชมาศศุกปักษฉดฤษถี สุริยวารกาลปริเฉทกำหน พระบาทสมเด็จพระบรมธรรมิกราชาธิราช รามาธิบดี ศรีวิสุทธิคุณวิบูลยปรีชา ฤทธิราเมศวรราช บรมนาถบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงทศพิธราชธรรม์อนันตวิริยาทิโพธาภิรัต ผ่านสมบัติ ณ กรุงเทพทวาราวดีศรีอยุธยามหาดิลกภพนพรัตนราชธานีบุรีรมย์ เสด็จออก ณ พระที่นั่งบุศบกมาลามหาจักรพรรดิพิมาน โดยสถานอุตราภิมุข พร้อมด้วยพระบรมราชวงศาเสนาพฤฒามาตย์ราชชมนตรี กระวีชาติปโรหิตาจารย์ เฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทโดยอันดับ จึงพระยามหาอํามาตยาธิบดี พิริยพาหะ ผู้ว่าที่สมุหนายก กราบบังคมทูลพระกรุณาว่า เจ้าฟ้าเมืองน่าน บอกลงมาว่า ณ วันเดือน ๙ แรม ๑๒ ค่ำ ปีมะโรง สัมฤทธิศก พระบรมสารีริกธาตุกระทำพระอิทธิปาฏิหาริย์ บันดาลไหซึ่งใส่พระธาตุนั้นให้ผุดขึ้นมาลอยวนอยู่หลังน้ำ ตรงปากถ้ำน้ำน่านใต้ท่านบ้านแฝก สามเณรสององค์ลงไปดูนาวาท่าน้ำแลไป สำคัญใจว่าผลฟักลอยอยู่ ลงเรือไปดูเห็นเป็นไหเคลือบเขียวสอาด จึงยกขึ้นสู่นาวาพาเข้ามาบอกพระสงฆ์ช่วยกัน เปิดดูเห็นกล่องเงินใหญ่ใส่พระธาตุ ๒๓๕ องค์ กับพระพุทธรูปแก้วเงินทอง ๒๗๒ องค์ ทั้งเครื่องสักการบูชา มีรูปช้างม้า ต้นไม้ คนโท ผอบ แผ่นเงินทอง กล่องเข็มจอกใส่พลอย ทุกสิ่งสรรพเครื่องพิจิตรด้วยสุวรรณ หิรัญรัตนประดับอยู่ในไห พระสงฆ์สามเณรจึงช่วยกันเชิญพระบรมธาตุไปได้ที่ควร ชวนกันทำสักการบูชา พอเจ้าฟ้าเมืองน่านล่องลงมาเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท แจ้งว่าเจ้าสามเณรได้พระบรมธาตุเป็นมหัศจรรย์ หามีที่สำคัญ อารามใกล้ชํารุดทรุดพังไม่ พระบรมธาตุกระทำพระปาฏิหาริย์ ให้ปรากฎ ดังนี้ด้วยเดชพระบารมีพระบรมโพธิสมภารสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัว เจ้าฟ้าเมืองน่านจึงเชิญพระบรมธาตุใส่เรือขนานแห่ลงมาทูลเกล้าฯ ถวาย ครั้นได้ทรงฟัง ทรงพระปีติโสมมนัก จึงมีพระราชโองการ มานพระบัณฑูร สุรสิงหนาทดํารัสสั่ง ให้เสวกามาตย์ราชมนตรีแต่งที่และเครื่องสักการบูชา แห่พระบรมธาตุขึ้นมาจากเรือ เชิญสถิตย์เหนือพระแท่นในพระที่นั่งมหาจักรพรรดิพิมาน พร้อมด้วยการสมโภชโสรจสรงทรงถวายเครื่องสักการบูชา แล้วให้ประชุมธรรมธราชาติราชบัณฑิตยทั้งปวง มีสมเด็จพระสังฆราชเป็นประธาน เลือกจัดพระธาตุได้ต้องตามพระบาลี มีศรีสัณฐานต้องด้วยอย่างเป็นพระบรมสารีริกธาตุแท้ ๔๙ พระองค์ เหลือนั้นเป็นธาตุพระอรหันต์ ๑๑๖ พระองค์ ทรงเชิญพระบรมธาตุใส่ในพระโกศให้เสด็จอยู่ในพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม กิติศัพท์ก็ปรากฏทั่วทุกประชาชนชาติ เกิดประสาทศรัทธาเลื่อมใส เกลื่อนกล่นกันมากระทำสักการบูชา บ้างถวายหิรัญวัดถาลังการเครื่องประดับ จึงทรงพระราชดําริว่า พระบรมสารีริกธาตุ กระทำพระพุทธอิทธิปาฏิหาริย์มาแต่เมืองน่านครั้งนี้ เป็นศุภศิริสวัสดิ์มหัศจรรย์นัก ซึ่งจักประดิษฐานไว้ในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามนั้น ไปภายหน้าสรรพเครื่องสักการบูชาแห่งทายกเก่าใหม่กับเครื่องพุทธบูชา ซึ่งอุทิศไว้ในพระแก้วมรกตก็จะบริคณห์กลิ่นเกลื่อนกัน เข้าหาควรไม่ และพระชินราชกับพระชินศรีซึ่งอยู่ ณ เมืองสุโขทัยนั้นต้องแดดฝนตรากตรำคร่ำคร่าเพลิงป่าเผาแตกพัง หาผู้จะรักษาทํานุบํารุงไม่ ให้อาราธนาลงมาปฏิสังขรณ์พระลักษณสิ่งใดมีต้องด้วยพระพุทธลักษณให้ช่างซ่อมแปลงแต่งให้ต้องด้วยพระอรรถกถาบาลี บัดนี้ก็สำเร็จแล้ว จักเชิญพระบรมธาตุไปบรรจุไว้ในองค์พระพุทธรูปจึงจะควร ในปีมะโรง สัมฤทธิศกนั้น เมื่อได้ศุภสวัสดิฤกษ์ ทรงพระกรุณาให้เชิญพระบรมธาตุ ในพระราชวัง ๔๑ พระองค์ กับพระบรมธาตุมาแต่เมืองน่าน ๒๓๕ พระองค์ ทรงสรงพระสุคนธวารีเสร็จเชิญเสด็จเหนือพระยานุมาศ ให้ตั้งพลพยุหกระบวนแห่เป็นชนัด พร้อมด้วยเครื่องสูงแลราชวัตรฉัตรธงผ้าธงปฏาก พิณพาทย์แตรสังข์ ดุริยางค์ดนตรีประโคมแห่ลงไป ณ วัดพระเชตุวันาราม สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวทรงพระราชศรัทธา อุสาหะเสด็จพระราชดำเนิรไป ทรงบรรจุพระบรมธาตุในพระราชวัง เข้าไว้ในพระชินศรีแต่ ๓๐ พระองค์ แล้วเชิญพระชินศรีสถิตย์ ที่พุทธอาสน์ ในพระวิหารด้านทักษิณทิศ สนองพระพุทธองค์ดุจทรงสถิตย์นั่งเสวยผลศุภฌานสมาบัติ ภายใต้ร่มไม้จิก แทบขอบสระมุจลินท์ แล้วเชิญพระบรมธาตุในพระราชวัง ๑๑ พระองค์นั้น บรรจบกับพระบรมธาตุมาแต่เมืองน่านเข้ากัน ๖๐ พระองค์ กับทั้งไห ใส่เครื่องสักการบูชาเก่าใหม่ ทรงบรรจุไว้ในองค์พระชินราช เชิญขึ้นสถิตย์เหนือวิจิตรบวรพุทธอาสนใน พระวิหารด้านประจิมทิศไว้เป็นที่เจดียถาน ให้เป็นที่สักการบูชาสนองพระพุทธองค์ดุจทรงนั่งตรัสพระสธรรมเทศนาพระธรรมจักรกัปปวัตนสูตรโปรดปัญจวัคคียภิกษุทั้ง ๕ ในอิสิปตนมฤคทายวัน จึงเชิญธาตุอรหันต์ ๑๘๖ พระองค์ ใส่ในพระโกศแก้ว ๕ ใบ ทรงบรรจุไว้ในองค์พระปัญจวัคคียภิกษุสาวกทั้ง ๕ แล้วทรงพระกรุณาให้จัดช่วยคนเป็นข้าพระบรมธาตุครัวหนึ่ง ๖ คน เป็นเงิน ๗ ชั่ง แลเงิน ซึ่งทายกบูชามาแต่เมืองน่านมีอยู่แต่ชั่งสิบตำลึง เงินบูชา ณ กรุงฯ สามชั่ง หกตำลึงหาพอไม่ จึงทรงพระราชศรัทธาให้เอาเงินตรา ณ ท้องพระคลังเพิ่มเข้าอีก ๒ ชั่ง ๔ ตำลึง เข้ากันเป็นเงิน ๗ ชั่ง ช่วยถ่ายชายหญิงได้ ๖ คน เป็นข้าพระบรมธาตุ สำหรับอภิบาลรักษาไวยาวจกร เพื่อจะให้พระบรมธาตุเจดีย์ถาววัฒนาการถ้วน ๕๐๐๐ พรรษา ให้เป็นหิตานุหิตประโยชน์แก่อมรเทพดามนุษย์ กระทำสักการบูชาไปภายหน้า แล้วทรงอุทิศส่วนพระราชกุศลนี้ให้ไปถึงผู้ศรัทธาสร้างพระพุทธปฏิมากร ทั้งผู้บรรจุพระบรมธาตุนี้ไว้ แลให้ทั่วไปแก่สรรพสัตว์ ให้อนันตจักรวาล จงเป็นปัจจัยแก่พระบรมาภิเศกสมโพธิญาณในอนาคตกาลโน้นเถิด”บรรณานุกรมประชุมจารึกวัดพระเชตุพน ฯ. ห้างหุ้นส่วนจำกัด ศิวพร : กรุงเทพฯ . ๒๕๑๗ประชุมพงษาวดาร ภาคที่ ๑๐ เรื่องราชวงษปกรณ์ พงษาวดารเมืองน่าน ฉบับพระเจ้าสุริยพงษ์ผนิตเดช พระเจ้านครน่านให้แต่งไว้สำหรับบ้านเมือง. โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร : พระนคร. ๒๔๖๑


วันนี้มีตำนานเกี่ยวกับ #ประเพณีลอยกระทง จากหนังสือ ประเพณีลอยกระทง ฉบับการ์ตูน มาฝากค่ะ


black ribbon.