ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,758 รายการ

เลขทะเบียน : นพ.บ.600/1                      ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณ                                                                                หมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 38 หน้า ; 5 x 56 ซ.ม. : รักทึบ-ลานดิบ-ล่องรัก ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 192  (392-398) ผูก 1 (2566)หัวเรื่อง : จุนทสุกกลสุด--เอกสารโบราณ            คัมภีร์ใบลาน            พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


วันนี้ในอดีต วันที่ 21 เมษายน 2566 ครบรอบ 241 ปี สร้างกรุงรัตนโกสินทร์ สถาปนากรุงเทพมหานครฯ เป็นราชธานี วันสถาปนากรุงเทพมหานครฯ ครบรอบ 241 ปี นับแต่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เสด็จขึ้นเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2325 ต่อมาได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ย้ายราชธานีจากฝั่งธนบุรี มาที่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา แล้วจัดให้ตั้งการพระราชพิธียกเสาหลักเมืองสำหรับพระนครขึ้นเพื่อเป็นหลักชัยอันสำคัญ พระฤกษ์ยกเสาหลักเมืองกระทำในวันอาทิตย์ ขึ้น 10 ค่ำ เดือน 6 ปีขาล ตรงกับวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2325 เวลา 06.54 น. พระราชทานนามพระนครใหม่ว่า "กรุงเทพมหานคร บวรรัตนโกสินทร์ มหินทรายุธยา มหาดิลกภพ นพรัตนราชธานีบูรีรมย์ อุดมราชนิเวศน์มหาสถาน อมรพิมานอวตารสถิต สักกะทัตติยวิษณุกรรมประสิทธิ์” ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 4 ได้ทรงเปลี่ยนจาก 'บวรรัตนโกสินทร์' เป็น 'อมรรัตนโกสินทร์' ความหมาย “พระนครอันกว้างใหญ่ดุจเทพนคร อันเป็นที่สถิตของพระแก้วมรกต เป็นนครที่ไม่มีใครสามารถรบชนะ มีความงามอันมั่นคงและเจริญยิ่ง เป็นเมืองหลวงที่บริบูรณ์ด้วยแก้ว ๙ ประการ น่ารื่นรมย์ยิ่ง มีพระราชนิเวศน์ใหญ่โตมากมาย เป็นวิมานเทพที่ประทับของพระราชาผู้อวตารลงมา ซึ่งท้าวสักกเทวราชพระราชทานให้พระวิษณุกรรมลงมาเนรมิตไว้” ข้อมูล : กรมศิลปากร ภาพ : PPTV HD 36 และ วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี


          อักษรรูปแบบสมเด็จกรมพระยานริศฯ  คือ ลักษณะตัวอักษรที่สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ เป็นผู้คิดรูปแบบขึ้น ซึ่งเป็นที่นิยมใช้กันมาก เพราะเป็นแบบทีใช้เขียนได้อย่างรวดเร็ว สะดวก และเหมาะสมกับการเขียนด้วยปากกาสปีดบอลล์ พู่กันแบน และสีเมจิกชนิดปลายตัด หรือที่เรียกว่า อักษรหัวตัด




         หนังสือ : บัลลังก์กามเทพ          ผู้เขียน  : นิมมานรดี เธอไม่รู้ว่าแท้จริงเขาเป็นใคร แต่ก็มอบกายให้เพราะรัก "เปรมิกา" ต้องแลกกับอะไรบ้าง หลังจากผ่านค่ำคืนอันเร่าร้อนที่เธอได้มอบความสาวให้กับเขา... การตั้งท้อง และต้องคลอดลูกเองโดยไร้การเหลียวแลอย่างนั้นหรือ? การที่ต้องสูญเสียความเชื่อมั่นที่จะได้พบกับรักแท้เหมือนในเทพนิยายอย่างนั้นหรือ? แต่ไม่ว่าจะแลกกับอะไร หญิงสาวก็เลือกแล้วว่า เธอจะเป็น Single mom และยืนหยัดอย่างเข้มแข็งที่จะเลี้ยงดูลูกตามลำพัง กระทั่งบริษัทของเธอได้รับการว่าจ้างให้เป็นผู้รับผิดชอบในการจัดงานหมั้นในพระราชวัง นั่นเป็นโอกาสที่เธอไม่มีวันปฏิเสธ...งานหรูหรา ค่าตอบแทนมหาศาล...หากขณะที่การดำเนินงานทุกอย่างเป็นไปอย่างล้ำเลิศ หญิงสาวก็พบกับปัญหา เจ้าชายที่กำลังจะหมั้นคือ "หลุยส์ อเล็กซานเดอร์ คราวเซนเต้" ...มกุฎราชกุมารหนุ่มรูปงามแห่งไคสแตน พ่อของลูกเธอ! เขาก็ไม่เคยคาดคิดว่า "เซ็กซ์" ที่ปราศจากความรักจะบานปลายไปเป็นอย่างอื่น การมีครอบครัวเป็นสิ่งสุดท้ายที่เจ้าชายเพลย์บอยอย่างหลุยส์คิดจะมี ดังนั้น หลังจากสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ในวันนั้น และเดินทางกลับมาใช้ชีวิตสำราญที่ประเทศของตนเนิ่นนาน เจ้าชายหนุ่มก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่า... หญิงสาวที่เคยเป็นภาพความหลังอันเร่าร้อนในอดีตกลับปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า ในพระราชวังของเขา และบอกกับเขาถึงเรื่องลูกในวันที่สายเกินไป... วันที่เขากำลังจะหมั้นกับหญิงอื่น มันจึงถึงเวลาแล้วที่หลุยส์จะต้องเผชิญกับทางเลือกอันลำบากใจ ระหว่างดำเนินพิธีเสกสมรสกับคนที่มารดาจัดหาให้ต่อไป หรือตัดสินใจสร้างครอบครัวกับ ‘เมียชั่วคราว’ ที่เขาทอดทิ้งไปนานแล้ว เพื่อให้ได้สถานะของพ่อกลับคืนมา   รายละเอียดหนังสือ ห้องบริการ 1 หอสมุดแห่งชาติจังหวัดสุพรรณบุรี เฉลิมพระเกียรติ เลขหมู่ :  895.913 น631บ


          หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร อุบลราชธานี ขอเชิญร่วมสนุกกับกิจกรรม Q&A หัวข้อ การขอทำลายเอกสารจากหน่วยงานภาครัฐ คำถามประจำเดือนสิงหาคม ๒๕๖๖  ____________________________________________        Q : ข้อใดไม่ใช่ประโยชน์ของการจัดทำตารางการกำหนดอายุการเก็บเอกสาร         A : ลดภาระหน้าที่ในการจัดเก็บเอกสาร     AA : ประหยัดงบประมาณในการดูแลรักษาเอกสาร  AAA : ก่อให้เกิดความยุ่งยากในการจัดเก็บเอกสาร ____________________________________________ ผู้สนใจสามารถร่วมสนุกได้ทาง Facebook Page หอจดหมายเหตุแห่งชาติฯ อุบลราชธานี  ____________________________________________ ร่วมลุ้นรับของที่ระลึกจากหอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร อุบลราชธานี จำนวน ๑ รางวัล ตั้งแต่วันนี้จนถึง ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๖


           วันจันทร์ที่ ๔ กันยายน ๒๕๖๖ เวลา ๑๐.๓๐ น. ตำรวจสอบสวนกลาง ร่วมกับกรมศิลปากร แถลงข่าวผลการทลายแก๊งนักล่าสมบัติโบราณ พบโบราณวัตถุกว่า ๑,๐๐๐ ชิ้น โดยมี พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง, พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปราม, พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุปผาสุวรรณ รองผู้บังคับการกองบังคับการปราบปราม และพ.ต.อ.เอกสิทธิ์ ปานสีทา ผู้กำกับการ ๔ กองบังคับการปราบปราม พร้อมด้วยนายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร, นายสหวัฒน์ แน่นหนา อดีตอธิบดีกรมศิลปากร, นายชิณวุฒิ วิลยาลัย ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ ๗ เชียงใหม่ และนางสาวมาลีภรณ์ คุ้มเกษม ผู้อำนวยการกลุ่มนิติการ กรมศิลปากร ร่วมแถลงข่าวในครั้งนี้ ณ กองบังคับการปราบปราม เบื้องต้นถูกแจ้งข้อหาว่าเป็นผู้เก็บได้ ซื้อโบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุ และเบียดบังเอาโบราณวัตถุเป็นของตนเอง และจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย สำหรับของกลางที่ตรวจยึดได้ มีทั้งภาชนะดินเผา เข็มสักโบราณ เงินเหรียญลักษณะเกือกม้า ๒ ชิ้น และมีตราประทับ เครื่องประดับโบราณ สะท้อนให้เห็นเส้นทางการค้า ระหว่างจีนตอนใต้และอินเดีย


           พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี ขอเชิญสักการะ พระคเณศ ๑,๔๐๐ ปี เนื่องในเทศกาล "วันคเณศจตุรถี" ตั้งแต่วันที่ ๒๐ - ๒๘ กันยายน ๒๕๖๖ ซึ่งวันคเณศจตุรถี เป็นเทศกาลเฉลิมฉลองวันประสูติของพระคเณศ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นวันที่พระคเณศจะทรงเสด็จลงมายังโลกมนุษย์ เพื่ออวยพรแก่ผู้เลื่อมใสที่ทำพิธีบูชาพระองค์            สำหรับพระคเณศแห่งเมืองศรีมโหสถนี้ พบที่โบราณสถานหมายเลข ๒๒ กลางเมืองศรีโหสถ อายุกว่า ๑,๔๐๐ ปี พระคเณศ เป็นเทพเจ้าซึ่งเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมนับถือมากในศาสนาฮินดูในฐานะเทพแห่งอุปสรรค ที่ชาวฮินดูเมื่อจะประกอบพิธีทางศาสนา จะต้องบูชาพระคเณศก่อน พระคเณศ จึงกลายเป็นเทพแห่งความรู้และความเฉลียวฉลาด เทพอักษรศาสตร์และวรรณคดี และเทพแห่งศิลปวิทยา            พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี เปิดให้เข้าชม วันพุธ ถึงวันอาทิตย์ เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๖.๐๐ น. (หยุด วันจันทร์ วันอังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. ๐๓๗ ๒๑๑ ๕๘๖


วารสารเครือข่ายกรมศิลปากรเป็นวารสารรายไตรมาสออกทุก ๓ เดือน


         พระพุทธรูปปางมารวิชัย หล่อด้วยสัมฤทธิ์ ศิลปะอยุธยาตอนกลาง พุทธศตวรรษที่  ๒๑-๒๒ และพระพุทธรูปทองคำฐานบุด้วยเงิน ศิลปะรัตนโกสินทร์ตอนต้น พุทธศตวรรษที่ ๒๔ ได้จากกรุภายในพระอุโบสถวัดบวรสถานสุทธาวาส (วัดพระแก้ววังหน้า)          วัดบวรสถานสุทธาวาส อยู่ในพื้นที่ของพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) เดิมบริเวณนี้สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท กรมพระราชวังบวรสถานมงคล ในรัชกาลที่ ๑ โปรดให้สร้างวัดประทานแก่หลวงชีนักนางแม้น ผู้เป็นมารดาของนักองค์อีและนักองค์ภาพระสนมเอกของพระองค์ เรียกว่า “วัดหลวงชี”           ต่อมาวัดนี้ชำรุดทรุดโทรมลง สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาเสนานุรักษ์ กรมพระราชวังบวรสถานมงคล ในรัชกาลที่ ๒ จึงโปรดให้รื้อวัดหลวงชีทำเป็นสวนเลี้ยงกระต่าย และสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ กรมพระราชวังบวรสถานมงคล ในรัชกาลที่ ๓ ทรงอุทิศบริเวณสวนกระต่ายโปรดให้สร้างวัดขึ้นใหม่ พระราชทานนามว่า “วัดบวรสถานสุทธาวาส” เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา และเพื่อทรงแก้บน หรือเฉลิมพระเกียรติเมื่อครั้งได้เสด็จยกกองทัพไปปราบกบฏเวียงจันทน์ในปีพุทธศักราช ๒๓๖๘            ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวการก่อสร้างได้แล้วเสร็จ มีการเขียนจิตรกรรมเรื่องตำนานพระพุทธสิหิงค์ล้อมรอบ โดยมีพระราชดำริให้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์จากพระที่นั่งพุทไธสวรรย์ให้มาประดิษฐาน แต่ก็ได้ล้มเลิกไป          “กรุ” หมายถึง ช่องว่างหรือห้องเล็ก ๆ ภายในสถูปเจดีย์ พระปรางค์ หรือพระอุโบสถ ทำไว้เพื่อบรรจุพระพุทธรูป พระพิมพ์ เครื่องราชูปโภค หรือพระบรมสารีริกธาตุ  คติการสร้างกรุบรรจุพระบรมสารีริกธาตุพร้อมพระพุทธปฏิมาและเครื่องบูชาต่างๆ นั้น มีหลักฐานกล่าวถึงจำนวนมาก ทั้งตำนานการอัญเชิญพระบรมธาตุจากลังกามาบรรจุยังสถานที่ต่างๆ อาทิ ตำนานพระปฐมเจดีย์ และจารึกวัดบูรพาราม แสดงให้เห็นความเชื่อการรับพุทธศาสนาแบบลังกาวงศ์ผ่านการบูชาพระบรมสารีริกธาตุ สอดคล้องกับคติพระมหาธาตุประจำเมือง ความศักดิ์สิทธิ์ และการอุทิศถวายเป็นพุทธบูชา           จากคัมภีร์ปฐมสมโพธิกถาเรื่อง “ธาตุนิธานกรรม” (การบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ) กล่าวว่า “ครั้งพระมหากัสสปะรวบรวมและบรรจุพระบรมสารีริกธาตุในมหาสถูปกรุงราชคฤห์ ให้ขุดดินฝังพระธาตุลึกลงไป ๘๐ ศอก ...ทำรูปพระบรมโพธิสัตว์ ๕๕๐ ชาติ รูปพระอสีติ ๗ องค์ รูปพระเจ้าสุทโธทนะ พระนางสิริมหามายา และสหชาติทั้ง ๗ พร้องเครื่องราชปสาธนอลังการาภรณ์ อันพระเจ้าอชาตศัตรูถวายภายในเป็นการสัการบูชา แล้วปิดทวารห้องพระบรมธาตุอย่างมั่นคง”          ในคัมภีร์มหาวงศ์พงศาวดารลังกา กล่าวถึง “...สมัยพระเจ้าทุฏฐคามณีอภัยโปรดให้สร้างธาตุคัพภจรนะ (ห้องพระบรมสารีริกธาตุ) เป็นห้องสี่เหลี่ยมขาวเหมือนก้อนเมฆตกแต่งอย่างวิจิตร ...ตั้งพระพุทธรูปทองคำประดับรัตนะบนบัลลังก์แวดล้อมด้วยพระพรหมถือฉัตร ท้าวสักกะถือสังข์ พระปัญจสิขรถือพิณ พญากาฬนาค และพญามารพันมือขี่ช้างพร้อมบริวาร สร้างรูปพุทธประวัติ รูปชาดก ท้าวมหาราชประจำ ๔ ทิศ รูปยักษ์ เทวดาประนมมือ ฟ้อนรำ ประโคมเครื่องดนตรี ถือสิ่งของเครื่องบูชาต่างๆ มีแถวตะเกียงสว่างไสว มุมทั้งสี่กองด้วยทอง แก้วมณี กองไข่มุก และกองเพชร จากนั้นกระทำธาตุนิธานะ แล้วก่อปิดสถูปไว้...”          จากหลักฐานข้างต้น ทำให้เห็นว่าคติความเชื่อการสร้างกรุบรรจุพระบรมสารีริกธาตุและเครื่องอุทิศถวายฯ ยังได้ส่งต่อมายังสมัยอยุธยาด้วยทั้งจากพระปรางค์วัดพระศรีสรรเพชญ์ วัดพระศรีมหาธาตุ วัดราชบูรณะ และการบรรจุพระพุทธรูปภายในพระอุระของพระมงคลบพิตร          ต่อมาในสมัยรัตนโกสินทร์ยังมีการพบกรุบรรจุพระบรมสารีริกธาตุพร้อมพระพุทธรูปและเครื่องบูชาต่างๆ ทั้งภายในสถูปเจดีย์และเพดานพระอุโบสถด้วย เดือนเมษายน พุทธศักราช ๒๕๐๗ ได้มีการสำรวจพระอุโบสถวัดบวรสถานสุทธาวาส และได้พบพระพุทธรูปพร้อมเครื่องอุทิศถวายต่างๆ จำนวนหนึ่งภายในเพดานของพระอุโบสถ ซึ่งสร้างมาจากแก้วผลึกหรือหินมีค่า ทองคำ และสัมฤทธิ์ สามารถกำหนดอายุได้ตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนกลางถึงรัตนโกสินทร์ตอนต้น           โดยนำไปจัดแสดงอยู่ภายในส่วนของมุขกระสันด้านหลังพระที่นั่งอิศราวินิจฉัย เรียกว่า “ห้องมหรรฆภัณฑ์” เป็นห้องนิรภัยสำหรับเก็บรักษาเครื่องทองหลวง และของมีค่าหายาก อันเป็นสมบัติเดิมของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติและได้จากการขุดค้นหรือสำรวจทางโบราณคดี ต่อมามีการปรับปรุงพื้นที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร จึงได้ย้ายมาเก็บรักษา ณ คลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ แต่ได้มีการนำพระพุทธรูปแก้วผลึกส่วนหนึ่งออกมาให้ประชาชนได้สักการะบูชาตามโอกาสสำคัญด้วย     อ้างอิง กรมศิลปากร. โบราณวัตถุ กรุพระเจดีย์ วัดพระศรีสรรเพชญ์. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร ๒๕๖๔ กรมศิลปากร. วัดบวรสถานสุทธาวาส “วัด”ในเขตพระราชวังบวรสถานมงคล เข้าถึงเมื่อ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๖. เข้าถึงได้จาก https://shorturl.asia/T5ezS กรมศิลปากร. สักการะพระพุทธรูป ณ วังหน้า พระปฏิมาแห่งแผ่นดิน : ทศพุทธปฏิมาวังหน้า. เข้าถึงเมื่อ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๖. เข้าถึงได้จาก https://shorturl.asia/OhEQ2 กรมศิลปากร. พระพุทธรูปและพระพิมพ์จากกรุพระปรางค์วัดราชบูรณะ พระนครศรีอยุธยา : วิเคราะห์รูปแบบ แนวคิดและคติความเชื่อในการบรรจุในกรุเจดีย์. เข้าถึงเมื่อ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๖. เข้าถึงได้จาก https://shorturl.asia/BukAO


            นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า เนื่องในโอกาสขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๖๗ กระทรวงวัฒนธรรม ได้จัดกิจกรรมของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน โดยกรมศิลปากร ร่วมจัดกิจกรรม ดังนี้             ๑. เปิดให้บริการและงดเก็บค่าธรรมเนียมเข้าชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อุทยานประวัติศาสตร์ และโบราณสถานที่อยู่ในความดูแลของกรมศิลปากร ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ตั้งแต่วันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๖๖ ถึงวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๖๗ นอกจากนี้ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระพุทธชินราช จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งได้ปรับปรุงการจัดแสดงนิทรรศการใหม่แล้วเสร็จ ยังถือฤกษ์ดีเปิดให้เข้าชมตั้งแต่เดือนมกราคม ๒๕๖๗ เป็นต้นไป             ๒. พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติทั่วประเทศอัญเชิญพระพุทธรูปสำคัญออกให้พุทธศาสนิกชนสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคลในเทศกาลปีใหม่ อาทิ พระพุทธรูปลีลา ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ รามคำแหง จังหวัด สุโขทัย พระนาคปรกศิลา ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ จ.ลพบุรี พระมหากัจจายนเถระ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน             ๓. กิจกรรมสักการะพระพุทธรูป “พุทธบูชานาคสัมพัจฉร์ ๒๕๖๗” (คำอ่าน พุด–ทะ–บู–ชา – นา–คะ–สำ–พัด) สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร อัญเชิญพระพุทธรูปที่มีคติการสร้างเกี่ยวข้องกับพญานาค โดยมีพระพุทธสิหิงค์ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) ตามตำนานปั้นหล่อจากต้นแบบนาคแปลงนิมิตสำแดงพระพุทธลักษณะ เป็นประธาน พร้อมด้วยพระพุทธรูปอีก  ๙ องค์ ที่จัดแสดงและสงวนรักษา ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร จำนวน ๗ องค์ คลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จังหวัดปทุมธานี ๑ องค์ และวัดชนะสงคราม ราชวรมหาวิหาร กรุงเทพฯ จำนวน ๑ องค์ มาประดิษฐานให้ประชาชนได้สักการบูชา ระหว่างวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๖ ถึงวันที่ ๗ มกราคม ๒๕๖๗ เวลา ๐๙.๐๐ น. – ๑๖.๐๐ น. ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร             ๓. ชมพิพิธภัณฑ์ยามค่ำ (Night at the Museum) ระหว่างวันที่ ๒๙ – ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๖ ตั้งแต่เวลา ๑๖.๐๐ – ๒๐.๐๐ น. พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร เปิดให้เข้าชมความงามของอาคารโบราณสถานพระราชวังบวรสถานมงคล หรือวังหน้า และการจัดแสดงนิทรรศการภายในพระที่นั่งต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนได้สัมผัสมนต์เสน่ห์สถาปัตยกรรมวังหน้า และความเป็นมาแห่งอารยธรรมไทยในช่วงเวลาค่ำ นอกจากนี้ ได้จัดกิจกรรมนำชม เป็นกรณีพิเศษ ในหัวข้อ “มะโรงนักษัตรทัวร์” ให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้เรียนรู้เกี่ยวกับสัตว์ในตำนานทั้งงูหงอน นาค มกร มังกร และเหรา ในความเหมือนและแตกต่างซึ่งมีความสัมพันธ์กับปีมะโรงที่กำลังจะมาถึง ผ่านโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร วันละ ๑ รอบ โดยเปิดรับลงทะเบียนเวลา ๑๗.๐๐ น.  บริเวณศาลาลงสรง และเริ่มนำชมเวลา ๑๘.๐๐ น. โดยภัณฑารักษ์และเจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์     นอกจากนี้ กรมศิลปากร ได้เตรียมเปิดศักราชใหม่ด้วยการแสดงโครงการดนตรีสำหรับประชาชน ปีที่ ๖๗ “เหมันต์สุขศรี สุนทรีย์สังคีต” อาทิ โขน เรื่องรามเกียรติ์ ละครใน เรื่องอุณรุท ละคร เรื่องรถเสน ละครพันทาง เรื่องราชาธิราช ไฮไลท์อยู่ที่การแสดงตำนานเทวะนิยาย เรื่องนารายณ์สิบปาง ซึ่งนำมาจัดแสดงอย่างต่อเนื่องทุกสัปดาห์ แสดงโดยศิลปินของสำนักการสังคีต กรมศิลปากร กำหนดจัดแสดงในทุกวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา ๑๗.๓๐ น. ถึงเวลา ๑๙.๓๐ น. ระหว่างเดือนมกราคม - มีนาคม ๒๕๖๗ รวม ๙ ครั้ง เริ่มเปิดการแสดงในวันที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๖๗ ค่าเข้าชมการแสดงคนละ ๒๐ บาท นำส่งเป็นเงินรายได้แผ่นดิน           กรมศิลปากรจึงขอเชิญชวนประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมของขวัญปีใหม่ เพื่อสร้างความสุข เสริมสิริมงคลให้กับชีวิตในวาระแห่งการเริ่มต้นศักราชใหม่ ในปีมะโรง พุทธศักราช ๒๕๖๗ ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์กรมศิลปากร www.finearts.go.th  


ชื่อเรื่อง                    สพ.ส.83 เวชศาสตร์_ตำรายาแผนโบราณประเภทวัสดุ/มีเดีย       สมุดไทยขาวISBN/ISSN                 -หมวดหมู่                  เวชศาสตร์ลักษณะวัสดุ              35; หน้า : ไม่มีภาพประกอบหัวเรื่อง                    เวชศาสตร์                  ภาษา                       ไทยบทคัดย่อ/บันทึก                   ประวัติวัดพยัคฆาราม ต.ศรีประจันต์  อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี มอบให้หอสมุดฯ วันที่ 15 ส.ค..2538



ข้อมูลองค์ความรู้ประจำเดือนกันยายน ศิลาจารึกกฎหมายลักษณะโจรอักษร ไทยสุโขทัยภาษา ไทย ศักราช พุทธศักราช ๑๙๔๐จารึกอักษร จำนวน ๒ ด้าน ด้านที่ ๑ มี ๔๕ บรรทัด ด้านที่ ๒ มี ๕๔ บรรทัดวัสดุจารึก         หินชนวน ลักษณะวัตถุ แผ่นรูปใบเสมาขนาด กว้าง ๖๕ เซนติเมตร สูง ๑๐๘ เซนติเมตร หนา ๑๔ เซนติเมตร ปัจจุบันอยู่ที่ อาคารคลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ  ศิลาจารึกหลักนี้ กรมทางหลวงแผ่นดินขุดพบขณะที่สร้างถนนจรดวิถีถ่อง ระหว่างกิโลเมตรที่ ๕๐ - ๕๑ ทางเลี้ยวเข้าวัดมหาธาตุและวัดสระศรี อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ในเขตตำบลเมืองเก่า อำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย เมื่อพุทธศักราช ๒๔๗๓ เหตุที่ศิลาจารึกหลักนี้มีชื่อเรียกว่า “ศิลาจารึกกฎหมายลักษณะโจร” เพราะเป็นจารึกที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับกฎหมายที่บัญญัติเกี่ยวกับการกระทำความผิดทางอาญา ในสมัยโบราณนั้นผู้กระทำความผิดอาญาล้วนเรียกว่า “โจร” เช่น โจรปล้น โจรฆ่าคน เป็นต้น ศิลาจารึกกฎหมายลักษณะโจร มีเนื้อความกล่าวถึงกษัตริย์พระองค์หนึ่งซึ่งไม่ทราบพระนามแน่ชัด ผู้ทรงขึ้นเสวยราชย์ใหม่ ต้องตราพระราชบัญญัติขึ้น จึงมีพระบรมราชโองการให้ตราพระราชบัญญัติกฎหมายลักษณะลักพาหรือลักษณะโจร ประกอบด้วยตัวบทกฎหมาย ๘ มาตรา เนื้อหามีรูปแบบบทบัญญัติกฎหมายอย่างชัดเจนแตกต่างกับศิลาจารึกสมัยสุโขทัยหลักอื่น ๆ สันนิษฐานว่าตราขึ้นโดยกษัตริย์ของกรุงศรีอยุธยา แล้วนำมาปักบังคับใช้ที่สุโขทัยซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศราช โดยตัวบทกฎหมาย ๘ มาตรา มีเนื้อหาบทบัญญัติกฎหมายอย่างชัดเจน ดังนี้ มาตรา ๑ กรณีถ้าข้ารับใช้หรือบริวารของผู้อื่นหนีมาอยู่ด้วยกับตน และตนไม่จัดส่งคืนให้เจ้านายของข้ารับใช้คนนั้น จะต้องถูกปรับเต็มอัตราตามที่กำหนดไว้ในพระราชศาสตร์และพระธรรมศาสตร์ โดยจะถูกปรับเสมือนไปขโมยลักพาหรือช่วยให้ข้าทาสบริวารของผู้อื่นหนีไปแต่ยังไปได้ไม่พ้นเขตเมือง มาตรา ๒ กรณีถ้าข้ารับใช้หรือบริวารของผู้อื่นหนีมาอยู่ด้วยกับตน และตนไม่จัดส่งคืนให้เจ้านายของข้ารับใช้คนนั้นภายใน ๓ วัน (กรณีภายในเขตเมือง) และ ๕ วัน (กรณีภายนอกเขตเมือง) จะต้องถูกปรับตามที่กำหนดไว้ในพระราชศาสตร์และพระธรรมศาสตร์ และหากเกิน ๘ วัน (นับตั้งแต่วันที่ ๙ เป็นต้นไป) จะถูกปรับเสมือนกรณีลักทรัพย์ผู้อื่น มาตรา ๓ กรณีถ้าเห็นคนมาทำลับ ๆ ล่อ ๆ น่าสงสัยและพิจารณาดูแล้วว่าเป็นโจรจริง ให้ช่วยจับโจรไว้ ผู้ที่ช่วยจับโจรไว้ได้จะได้รับบำเหน็จรางวัล แต่หากผู้ใดพบเห็นโจรแล้วเพิกเฉย ไม่ช่วยจับกุมไว้ ทั้ง ๆ ที่สามารถทำได้ กลับรอให้เจ้าทรัพย์ถึงก่อนแล้วจึงค่อยเข้าไปช่วยจับตัวโจรส่งให้เพราะหวังรางวัล คนผู้นั้นจะไม่ได้รับบำเหน็จรางวัลใด ๆ เพราะถือว่าเป็นพวกเดียวกับโจร และมีความผิดฐานวางเฉย และถ้าต่อไปพิจารณาพบว่าเป็นพวกเดียวกับขโมยจริงจะต้องถูกลงโทษด้วย มาตรา ๔ กรณีถ้ามีผู้จับโจรได้พร้อมทรัพย์สินที่ถูกขโมยไป แต่ไม่นำส่งคืนแก่เจ้าของ กลับเก็บทรัพย์สินนั้นไว้กับตัวเกือบทั้งวัน กำหนดให้ลงโทษขั้นสูงสุดตามพระราชศาสตร์ มาตรา ๕ กรณีถ้ามีผู้นำสิ่งของที่ถูกขโมยไปส่งคืนแก่เจ้าของ ผู้นั้นจะได้รับรางวัล ส่วนผู้ใดที่วางเฉย ไม่ช่วยจับกุมหรือจับได้แล้วแต่ปล่อยตัวโจรไป ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ผู้นั้นจะมีความผิดเสมือนเป็นขโมยเสียเอง มาตรา ๖ ประเสริฐ ณ นคร กล่าวว่า กรณีมีผู้ไปขโมยของในบ้านผู้อื่น หรือไปล่า ฆ่าฟันผู้อื่น มีผู้ชวนตนไปลักของผู้อื่นก็ดี ไปลักของด้วยกันก็ดี และรู้ว่าผู้ใดลักทรัพย์สินท่านนานประมาณภายในสิบปี ไม่มีผู้รู้เห็นขโมยผู้นี้ หากผู้นั้นจับขโมยได้ แต่ไม่บอกเจ้าหน้าที่และเจ้าของ ท่านให้ปรับมันเหมือนดังมันเป็นขโมย และปรับสถานเดียวกับคนมาพาลูกเมียท่านไป ส่วนเทพี จรัสจรุงเกียรติและเสาวรส มนต์วิเศษ กล่าวว่า กรณีมีผู้ไปลักทรัพย์ ชักชวนให้ไปลักทรัพย์ หรือไปด้วยกันกับผู้ชักชวน ผู้ที่รู้เห็นเหตุการณ์ดังกล่าวแม้ว่าเหตุการณ์นั้นจะผ่านไปนานพ้น ๑๐ ปีแล้วก็ตาม แล้วไม่แจ้งความ แต่กลับนำความนั้นไปข่มขู่เจ้าทรัพย์เพื่อขอรับสินจ้างรางวัล กฎหมายกำหนดให้ปรับเสมือนเป็นขโมยและได้ข่มขู่เจ้าทรัพย์ อนึ่งผู้ที่นำผู้คนหรือทรัพย์สินที่ถูกขโมยไปมาส่งคืนเจ้าของ จะได้รับรางวัลตามที่กำหนดไว้ในพระราชศาสตร์และพระธรรมศาสตร์ และได้รับการยกย่องเชิดชูด้วย  มาตรา ๗ กรณีถ้ามีการขโมยแย่งชิงของซึ่งหน้า ต้องเข้าไปช่วยจับกุม หากไม่ช่วยจับกุมจะต้องถูกปรับและต้องชดใช้ค่าเสียหายเท่ากับสิ่งที่ถูกขโมยไปแก่ผู้เสียหายด้วยมาตรา ๘ กรณีถ้าจะมีการฆ่าวัวควาย ให้นำวัวควายนั้นมาแสดงให้ผู้อื่นรู้เห็นเป็นพยานก่อน จึงจะสามารถฆ่าวัวควายนั้นได้ หากไม่นำวัวควายมาแสดงให้ผู้อื่นรู้เห็นก่อนจะมีความผิด ทั้งนี้เพื่อป้องกันผู้ขโมยวัวควายของผู้อื่นมา ศิลาจารึกหลักนี้ตัวอักษรลบเลือนไปมาก สันนิษฐานได้ว่ายังมีกฎหมายในมาตราอื่น ๆ อยู่อีก แต่ไม่สามารถจะจับความมาผูกต่อกันให้ได้ความชัดเจนได้ทั้งหมด ซึ่งศิลาจารึกหลักนี้เป็นบทบัญญัติเกี่ยวกับกฎหมายที่อยู่ในรูปแบบดั้งเดิมโดยไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ มาจนถึงปัจจุบันเป็นฉบับแรกของไทยและเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าในสมัยนั้นมีการใช้คัมภีร์พระธรรมศาสตร์ เป็นรากฐานในการบัญญัติกฎหมายขึ้นมา นับเป็นศิลาจารึกด้านกฎหมายที่สำคัญของไทยเอกสารอ้างอิงกรมศิลปากร. ประชุมจารึก ภาคที่ ๘ จารึกสุโขทัย. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, ๒๕๔๘. (พิมพ์ในงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัววันพระบรมราชสมภพครบ ๒๐๐ ปี วันที่ ๑๘ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๔๗)ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร. ฐานข้อมูลจารึกในประเทศไทย, เข้าถึงเมื่อ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๖๖. เข้าถึงได้จาก https://db.sac.or.th/inscriptions/ประเสริฐ ณ นคร. กฎหมายลักษณะโจร พ.ศ. ๑๙๔๐. ใน: สารนิพนธ์ ประเสริฐ ณ นคร. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์; ๒๕๔๑. หน้า ๕๓๖ - ๕๔๓.Debi Jaratjarungkiat and Saowarose Monwiset. “The Representations of ‘offenders’ in Legal Inscription on Thief’s Characters.” Journal of Arts and Thai Studies 44, 2 (May – August 2022): 58 – 79.


black ribbon.