ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,765 รายการ
องค์ความรู้ เรื่อง เสื้อยันต์เรียบเรียงโดย นางวรรณภา ปะวิโน บรรณารักษ์ชำนาญการ หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก เชียงใหม่การสักคาถาอาคมหรือเลขยันต์ต่างๆ ลงบนผิวหนังจึงเป็นที่นิยมอย่างมากในอดีต แต่การสักเป็นเรื่องที่เจ็บปวดและต้องใช้เวลานาน ดังนั้นในสมัยต่อมามีการคิดเปลี่ยนแปลงแทนที่จะสักลงบนผิวหนังมาใช้วิธีการเขียนลงบนผ้าทำเป็น “เสื้อยันต์สวมใส่” จึงได้เกิดมีเสื้อยันต์ขึ้น โดยเฉพาะในสมัยสงครามโลกครั้งที่สองปรากฏว่าเสื้อยันต์เป็นที่นิยมอย่างกว้างขวาง มีทั้งเสื้อยันต์สีแดงและสีขาว (ส. พลายน้อย, ๒๕๓๙, น.๑๓๖) คำว่า “เสื้อยันต์” หมายถึง (น.) แผ่นผ้าลงยันต์ที่ทำเป็นรูปเสื้ออย่างหลวมๆ สวมเพื่อป้องกันอาวุธยามศึก (อุดม รุ่งเรืองศรี, ๒๕๔๗, น.๗๖๔) ผ้ายันต์หรือประเจียดคือการลงอักขระเลขยันต์ต่างๆ บนผืนผ้าใช้เป็นเครื่องรางโดยการโพกศีรษะ ผูกแขน หากลงที่เสื้อจะเรียกว่า “เสื้อยันต์” การทำผ้ายันต์ต้องเป็นผ้าที่บริสุทธิ์ ได้แก่ ผ้าบังสุกุลย้อมด้วยน้ำว่าน ถ้าเป็นยันต์ที่มีคุณทางด้านคงกระพันต้องย้อมด้วยว่านเพชรน้อย ว่านเพชรใหญ่ ถ้าเป็นผ้ายันต์ทางเมตตาต้องย้อมด้วยว่านเสน่ห์จันทร์ แล้วลงอักขระด้วยน้ำหมึกที่ผสมด้วยดีสัตว์ ๕ ชนิด ได้แก่ ดีไก่ดำ ดีงู ดีเต่า ดีวัว และดีเสือ อานุภาพของผ้ายันต์หรือผ้าประเจียดจะมีตามยันต์ที่ลง เช่น ยันต์ตรีนิสิงเหจะมีอานุภาพทางป้องกันภูตผีปีศาจกันคุณไสย ยันต์ปิโยจะมีอานุภาพทางเมตตามหานิยม เมื่อพกไปที่ใดจะเป็นที่รักใคร่เมตตาของคนทั้งหลาย (คลังจดหมายเหตุดิจิทัล สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ, ๒๕๕๓) ดังนั้นเสื้อยันต์และเสื้อยันต์ยันต์ก่าสะท้อน เป็นยันต์ที่ให้ผลทางป้องกันอาวุธ (วิลักษณ์ ศรีป่าซาง, ๒๕๕๘, น.๑๙)*ตัวอย่างเสื้อยันต์ ที่จัดแสดง ณ หอศิลปวัฒนธรรมภาคเหนือ ของหอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก เชียงใหม่**สำนักศิลปากรที่ ๗ เชียงใหม่กลุ่มเผยแพร่ฯ กรมศิลปากร
องค์ความรู้จากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กำแพงเพชร เรื่อง เครื่องถ้วยชิ้นเด่นในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กำแพงเพชร : จานลายครามรูปกระต่ายคาบเห็ดหลินจือที่มาของข้อมูล : พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กำแพงเพชรhttps://web.facebook.com/kamphaengphetnationalmuseum/posts/4805744249551962
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ถลาง สำนักศิลปากรที่ ๑๒ นครศรีธรรมราช จัดโครงการพิเศษเนื่องในวันพิพิธภัณฑ์ไทย ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๕ "ภูมิหลังอันดามัน”ครั้งที่ ๔ ขอเชิญร่วมรับฟังการบรรยายทางวิชาการ ในหัวข้อ ชายฝั่งทะเลอันดามัน จุดยุทธศาสตร์การค้าโบราณ (จากหลักฐานด้านโบราณคดี) โดยมีนายธวัชชัย ชั้นไพศาลศิลป์ นักโบราณคดีชำนาญการ กลุ่มโบราณคดี สำนักศิลปากรที่ ๑๑ สงขลา บรรยาย เรื่อง “มนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์บนคาบสมุทรภาคใต้” และ โดย ดร.สุขกมล วงศ์สวรรค์ ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครศรีธรรมราช สำนักศิลปากรที่ ๑๒ นครศรีธรรมราช บรรยาย เรื่อง “ร่องรอยศาสนากับการเข้ามาของชาวต่างชาติ” ผู้สนใจสามารถติดตามรับฟังการถ่ายทอดสดได้ทาง Facebook Live : Thalang National Museum พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ถลาง ในวันอาทิตย์ที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๖๕ ตั้งแต่เวลา ๑๐.๐๐ น. เป็นต้นไป
กรมศิลปากร กำหนดจัดการเสวนาทางวิชาการประกอบนิทรรศการพิเศษ เรื่อง “เซรามิกแห่งแหลมทองและแดนอาทิตย์อุทัย : สานตำนานสายใยไม่เสื่อมคลายในพาณิชยวัฒนธรรมโลก” ในวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน, ๒๖ พฤศจิกายน, ๓ ธันวาคม ๒๕๖๕ เวลา ๑๓.๐๐ - ๑๖.๐๐ น. ณ ห้องประชุมอาคารดำรงราชานุภาพ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ผู้สนใจลงทะเบียนร่วมกิจกรรมได้โดยแสกนคิวอาร์โค้ด ตามที่กรมศิลปากร จัดนิทรรศการพิเศษ เรื่อง “เซรามิกแห่งแหลมทองและแดนอาทิตย์อุทัย : สานตำนานสายใยไม่เสื่อมคลายในพาณิชยวัฒนธรรมโลก” ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ระหว่างวันที่ ๑๔ กันยายน – ๑๔ ธันวาคม ๒๕๖๕ เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๙๐ พรรษา ๑๒ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ และส่งเสริมความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างราชอาณาจักรไทยและประเทศญี่ปุ่น ในวาระครบรอบ ๑๓๕ ปี ความ สัมพันธ์ทางการทูตไทย – ญี่ปุ่น ได้กำหนดจัดกิจกรรมการเสวนาทางวิชาการประกอบนิทรรศการฯ จำนวน ๓ ครั้ง ครั้งที่ ๑ วันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ หัวข้อ “ไทย - ญี่ปุ่น : ความสัมพันธ์ในสายธารประวัติศาสตร์”, ครั้งที่ ๒ วันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ หัวข้อ "การค้าสำเภาสมัยอยุธยาในพุทธศตวรรษที่ ๑๙ - ๒๒: หลักฐานจากแหล่งเรืออับปางในเอเชียอาคเนย์" และครั้งที่ ๓ วันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๖๕ หัวข้อ "แหล่งผลิตเครื่องปั้นดินเผาสมัยสุโขทัย-อยุธยา จากผลการสืบค้นศึกษาทางโบราณคดี" เวลา ๑๓.๐๐ - ๑๖.๐๐ น. ณ ห้องประชุมอาคารดำรงราชานุภาพ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
ผู้สนใจลงทะเบียนร่วมกิจกรรมได้โดยแสกนคิวอาร์โค้ดในภาพข้างต้น สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่กลุ่มแผนงาน โครงการและวิเทศสัมพันธ์ สำนักบริหารกลาง โทร. ๐ ๒๑๖๔ ๒๕๐๑ - ๒ ต่อ ๔๐๔๘ ทั้งนี้ ผู้ที่ลงทะเบียนเข้าร่วมเสวนาจะได้รับแฟ้มที่ระลึก และเมื่อเข้าร่วมเสวนาครบทั้ง ๓ ครั้ง สามารถสะสมแฟ้มมาแลกรับ "ของที่ระลึกพิเศษ" ได้อีกด้วย
เนื่องในโอกาสครบรอบ 195 ปี เหตุการณ์พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนา คุณหญิงโม เป็นท้าวสุรนารี เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม พุทธศักราช 2370
เรารู้จัก อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ในฐานะอนุสาวรีย์บุคคลธรรมดาแห่งเเรกของประเทศไทย เเละเป็นศูนย์รวมใจของชาวจังหวัดนครราชสีมา โดยทั้ง 32 อำเภอ จะมีการจำลองอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ไปสร้างไว้ ณ ที่ว่าการอำเภอของทุกอำเภอด้วย เพราะเราชาวโคราชทุกคนล้วนมีสำนึกร่วมกันว่าเราคือ "ลูกหลานย่าโม"
โดย เดือนมีนาคม สำหรับชาวนครราชสีมา เป็นเดือนแห่งการระลึก วีรกรรมท่านท้าวสุรนารี หรือเป็นที่รู้จักกันว่า "วีรกรรมทุ่งสัมฤทธิ์" ซึ่งเป็นเหตุการณ์ ขณะท้าวสุรนารีเเละหญิงชาวเมืองนครราชสีมาถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลย เเต่ภายหลังเมื่อพักแรมที่บ้านสัมฤทธิ์ (ปัจจุบันอยู่ในเขตตำบลสัมฤทธิ์ อำเภอพิมาย) สามารถเข้าสู้เเละรอดพ้นภัยจากข้าศึกศัตรูได้สำเร็จ จนภายหลัง พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ได่สถาปนาคุณหญิงโมขึ้นเป็นท้าวสุรนารี ในปี 2370
อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี สร้างขึ้นในปี 2476 โดยมี ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี เเละพระเทวาภินิมมิต ซึ่งพื้นเพเป็นชาวนครราชสีมา ร่วมกันออกแบบ อนุสาวรีย์หล่อด้วยทองแดงรมดำสูง 185 เซนติเมตร หนัก 325 กิโลกรัม ประดิษฐานอยู่บนไพทีสี่เหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสองสูง 250 เซนติเมตร หน้าประตูชุมพล (ประตูเมืองนครราชสีมาด้านทิศตะวันตก) เเละทำพิธีเปิดในช่วงต้นปี 2477 เเละได้มีการซ่อมแซมส่วนฐานอนุสาวรีย์เพื่อบรรจุอัฐิของท่าน ในปี 2510 โดยมีสภาพดังปรากฏให้เห็นในปัจจุบัน
กรมศิลปากร ได้กำหนดให้ อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี เเละประตูชุมพล พร้อมด้วยแนวกำแพงเมืองนครราชสีมาใบเสมาข้างละ 10 ใบ ที่ยืดออกจากประตูชุมพล เป็นโบราณสถานสำหรับชาติ ในปี 2480 ในเขตพื้นที่เมืองเก่านครราชสีมา ยังมีโบราณสถานที่กรมศิลปากร ประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานอีก 3 แห่ง ได้แก่ วัดพระนารายณ์มหาราชวรวิหาร สถานพระนารายณ์ เเละศาลหลักเมือง ครับ
"...เป็นแสงสว่างอยู่กลางเมือง
รุ่งเรืองสตรีวีรชน
ใครไหว้ใครบน
ได้ดังอธิษฐาน..."
เผยโฉมหน้าประวัติศาสตร์เมืองพิษณุโลก ด้วยภาพภูมิทัศน์วัฒนธรรมโบราณอันงดงามโดดเด่นของวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก……………………………………………………………………………………….โบราณสถานวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร เรียกอีกชื่อว่า “วัดใหญ่” หรือ “วัดพระพุทธชินราช” ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกของแม่น้ำน่าน และอยู่ภายในพื้นที่ด้านตะวันออกของเมืองพิษณุโลก ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานสำคัญของชาติในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๕๓ หน้า ๑๕๓๑ ลงวันที่ ๒๗ กันยายน ๒๔๗๙ และประกาศขอบเขตที่ดินในราชกิจจานุเบกษาเล่ม ๑๐๖ ตอน ๒๖ ลงวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๒ มีเนื้อที่ประมาณ ๑๕ ไร่ ๓ งาน ๘๓ ตารางวา.จากหลักฐานทางโบราณคดีประเภทต่าง ๆ ทั้งเอกสารทางประวัติศาสตร์ตลอดจนโบราณสถานและโบราณวัตถุที่พบ ทำให้ทราบว่า โบราณสถานวัดพระศรีรัตนมหาธาตุฯ น่าจะสร้างขึ้นในสมัยสุโขทัย ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๙ - ๒๐ โดยมีลักษณะการสร้างตามคติการสร้างพระบรมธาตุเป็นหลักของเมืองที่แพร่หลายในดินแดนแถบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาและดินแดนใกล้เคียง ในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๑๗ - ๑๘ ลงมา เช่นเดียวกับที่วัดมหาธาตุในเมืองสุโขทัยและเมืองต่าง ๆ ที่อยู่ใกล้เคียง สัมพันธ์กับรูปแบบสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมที่มักพบในสมัยสุโขทัย ประกอบด้วยเจดีย์ประธาน และมีวิหารอยู่ทางด้านทิศตะวันออก โดยวิหารนี้เป็นที่ประดิษฐานพระอัฏฐารส ซึ่งคติการสร้างพระอัฏฐารสนี้ เป็นคติการสร้างที่นิยมในสมัยสุโขทัย.ต่อมาสมัยอยุธยา ในรัชกาลของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ เมื่อครั้งเสด็จมาประทับที่เมืองพิษณุโลก โบราณสถานวัดพระศรีรัตนมหาธาตุฯ จึงได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ พร้อมทั้งซ่อมแซมดัดแปลงมหาธาตุให้เป็นพระปรางค์แบบอยุธยา มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบแผนผังของวัดที่มีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย ซึ่งหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ให้หันลงแม่น้ำตามคติการสร้างวัดของกลุ่มคนในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา และเพื่อความเหมาะสมกับสภาพเมืองที่มีแม่น้ำผ่ากลาง จากนั้นคงได้มีการบูรณะและก่อสร้างพระวิหาร ระเบียงคด และพระอุโบสถให้เสร็จสมบูรณ์ในช่วงนี้ด้วย.วิหารด้านทิศตะวันตกของวัดเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธชินราช ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศิลปะสุโขทัยสร้างขึ้นในสมัยพระมหาธรรมราชาที่ ๑ (ลิไท) ทั้งยังเป็นพระพุทธรูปสำคัญยิ่งที่พระมหากษัตริย์ตั้งแต่สมัยอยุธยาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ เสด็จมาทำการสักการะบูชา ดังปรากฏหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของพระพุทธชินราชที่มีต่อพระมหากษัตริย์ไทย ในพระราชนิพนธ์เรื่อง เที่ยวเมืองพระร่วง ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ เมื่อครั้งที่พระองค์ทรงเสด็จไปเมืองพิษณุโลกว่า “เป็นธรรมเนียมเจ้านายไปถึงเมืองพิษณุโลกแล้ว ก็ต้องกระทำการสมโภชพระพุทธชินราช” . สำนักศิลปากรที่ ๖ สุโขทัย กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ขอขอบพระคุณวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร ที่ร่วมส่งเสริมการอนุรักษ์ภูมิทัศน์วัฒนธรรมโบราณ เผยความเป็นของแท้ดั้งเดิมให้มากสุดปรากฎสู่สายตาประชาชน และมีส่วนสำคัญให้แหล่งมรดกทางศิลปวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าแห่งนี้คงอยู่อย่างสง่างามคู่กับประเทศไทยสืบไป.#พี่โข่ทั๋ยมี๋เรื๋องเล๋า #องค์ความรู้ออนไลน์#วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร #วัดใหญ่ #วัดพระพุทธชินราช#โบราณคดีจังหวัดพิษณุโลก#โบราณคดีภาคเหนือตอนล่าง.……………………………………………………………………………………….☆ ช่องทางออนไลน์ : สำนักศิลปากรที่ ๖ สุโขทัย ☆กดไลก์ กดแชร์ กดกระดิ่ง และกดติดตาม เพื่อไม่พลาดข่าวสารกันได้ที่Facebook Fanpage https://www.facebook.com/fad6sukhothaiYoutube https://www.youtube.com/c/สํานักศิลปากรที่6สุโขทัย
ชื่อเรื่อง สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฏฺฐาน) อย.บ. 33/5ประเภทวัดุ/มีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 48 หน้า : กว้าง 5 ซม. ยาว 54 ซม.หัวเรื่อง พุทธศาสนาบทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ไม้ประกับธรรมดา ได้รับบริจาคมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา
สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 128/2
เอกสารโบราณ
(คัมภีร์ใบลาน)
สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 164/1เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
ชื่อเรื่อง สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฏฺฐาน) อย.บ. 18/3ประเภทวัดุ/มีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 28 หน้า : กว้าง 5 ซม. ยาว 56 ซม.หัวเรื่อง พุทธศาสนาบทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ไม้ประกับธรรมดา ได้รับบริจาคมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา
ชื่อผู้แต่ง เสถียรโกเศศ
ชื่อเรื่อง เล่าเรื่องในไตรภูมิพระร่วง
ครั้งที่พิมพ์ -
สถานที่พิมพ์ พระนคร
สำนักพิมพ์ โรงพิมพ์อุดม
ปีที่พิมพ์ ๒๔๙๗
จำนวนหน้า ๒๑๓ หน้า
หนังสือเรื่องนี้ เป็นของพระเจ้ากรุงศรีสัชนาลัยสุโขทัย เป็นหนังสือเก่า น่าเชื่อว่าหนังสือไตรภูมินี้ ฉบับเดิมจะได้แต่ครั้งสุโขทัย บางที่ได้มีผู้ดัดแปลงสำนวนและแทรกเติมข้อความเข้าเมื่อในครั้งกรุงเก่าก็อาจเป็นได้ถึงกระนั้นโวหารในหนังสือเรื่องนี้เห็นว่าเก่าแก่กว่าหนังสือเรื่องใดใด ในภาษาไทยผู้แต่งหนังสือเรื่องไตรภูมินี้ พรเจ้าแผ่นดินสยามที่ได้ครอบครองราชสมบัติครั้งกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี ตามที่สอบในศิลาจารึกประกอบหนังสืออื่นๆ มี ๖ พระองค์ คือ ขุนอินทรทิตย์ ขุนบาลเมือง ขุนรามคำแหง พระยาเลลิไทยหรือเสือไทย พระญาลิไทยหรือไทยราช พระเจ้าศรีสุริยพงษ์รามมหาธรรมปิกราชาธิราช
ชื่อผู้แต่ง -
ชื่อเรื่อง อนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพมหาเสวกตรี พระยาพิทักษ์เทพมณเฑียร (กระจ่าง หงสกุล )
ครั้งที่พิมพ์ -
สถานที่พิมพ์ กรุงเทพฯ
สำนักพิมพ์ บัณฑิตการพิมพ์
ปีที่พิมพ์ ๒๕๑๘
จำนวนหน้า ๑๐๖ หน้า
หมายเหตุ อนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพมหาเสวกตรี พระยาพิทักษ์เทพมณเฑียร ( กระจ่าง หงสกุล )
รายละเอียด
หนังสือที่ระลึกงานศพมหาเสวกตรี พระยาพิทักษ์ดทพมณเฑียร (กระจ่าง หงสกุล ) เนื้อหาประกอบด้วยเรื่องระเบียบสำนักพระราชวังที่เกี่ยวกับข้อราชการและประชาชนการพระราชพิธีส่วนภูมิภาคและกิริยามารยาทและการใช้ถ้อยคำ ระเบียบการศพ ระเบียบปฏิบัติในงานสมรส ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ประกอบพิธีพระราชทาน พระราชพิธีส่วนภูมิภาค คำพังเพย-ทำเปรียบเทียบของโบราณ
เลขทะเบียน : นพ.บ.442/5ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 42 หน้า ; 5 x 55 ซ.ม. : ล่องชาด-ล่องรัก-ลานดิบ ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 158 (149-162) ผูก 5 (2566)หัวเรื่อง : สัมสมาส--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม