Search
Thai
English
กรมศิลปากร
The Fine Arts Department
หน้าหลัก
กรมศิลปากร
ประวัติและบทบาทหน้าที่
วิสัยทัศน์และพันธกิจ
ผู้บริหารกรมศิลปากร
โครงสร้างองค์กร
บุคลากรดีเด่น
ยุทธศาสตร์/แผนปฏิบัติราชการ
แผนงาน/โครงการ/งบประมาณ
หน่วยงานในสังกัด
บริการประชาชน
พิพิธภัณฑ์เสมือนจริง
อุทยานเสมือนจริง
GIS (ระบบภูมิสารสนเทศแหล่งมรดกศิลปวัฒนธรรม)
NSW (ขอนำเข้า/ส่งออก โบราณวัตถุศิลปวัตถุ)
e-service (จดแจ้งการพิมพ์, ขอเลข ISSN, ISBN, CIP)
คลังข้อมูลดิจิทัล
จำหน่ายบัตรการแสดงออนไลน์
จำหน่ายหนังสือกรมศิลปากร
ศูนย์ข้อมูลงานศิลปกรรม
ระบบสืบค้นเอกสารจดหมายเหตุ
ศูนย์ข้อมูลข่าวสารฯ
อื่นๆ
แหล่งเรียนรู้
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ
อุทยานประวัติศาสตร์
หอสมุดแห่งชาติ
หอจดหมายเหตุแห่งชาติ
ข่าวและกิจกรรม
ข่าวประชาสัมพันธ์
ข่าวกิจกรรม
ปฏิทินกิจกรรม
ข่าวรับสมัครงาน
จัดซื้อจัดจ้าง
ข่าว Feed
นิทรรศการ
คลังวิชาการ
องค์ความรู้
ความรู้ทั่วไป
วีดิทัศน์
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์.
คลังภาพทรงคุณค่า
กฏระเบียบ
กฎหมายและระเบียบ
ITA
ช่องทางแจ้งเรื่องร้องเรียนการทุจริตและประพฤติมิชอบ
องค์กรคุณธรรม
กระดานถาม-ตอบ
ติดต่อ
ITA.
หน้าแรก
คลังวิชาการ
ความรู้ทั่วไป
จดหมายเหตุเล่าเรื่อง ตอน สลากกินแบ่งเป็นเหตุ...สังเกตุได้
‘รางวัลเลขท้ายสองตัวประจำวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ เลขที่ออกคือ…’ หลายคนน่าจะคุ้นเคยกับประโยคข้างต้น เพราะทุกวันที่ ๑ และ ๑๖ ของเดือนถือเป็นช่วงเวลาทองของนักเสี่ยงโชคจากรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล และมักปรากฏผู้โชคดีได้รับรางวัลที่ ๑ ผ่านสื่อต่าง ๆ กันอยู่เนือง ๆ แต่การถูกรางวัลนั้นจะเรียกว่าน่าจะขึ้นอยู่กับดวงชะตาของแต่ละบุคคลหรือบางครั้งอาจมีวิธีการหาตัวเลขนำโชคในรูปแบบความเชื่อและวิธีการต่าง ๆ ดังเช่นเมื่อ ๖๐ ปีที่ผ่านมา จากข้อมูลเอกสารจดหมายเหตุจังหวัดนครพนม แผนกมหาดไทย เรื่อง กระทรวงมหาดไทยสั่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสืบสวนข่าวที่ลงในหนังสือพิมพ์เรื่องราษฎรในภาคอิสานปั่นป่วนเพราะการหาซื้อเงินเหรียญรัชกาลที่ ๑ และ ๔ เพื่อดูเลขท้ายลอตเตอรี่ ระบุว่า
วันที่ ๒๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๙๙ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ได้รับรายงานวิทยุสื่อสารจากกระทรวงมหาดไทย สั่งการ เรื่อง หนังสือพิมพ์ลงข่าวว่าขณะนี้ราษฎรภาคอีสานปั่นป่วน เนื่องจากการหาซื้อเงินเหรียญรัชกาลที่ ๑ และ ๔ ถึงกับขายบ้าน ขายนา ไม่เป็นอันทำมาหากิน โดยให้ดำเนินการสอบสวนและหาแนวทางป้องกันเหตุการณ์ดังกล่าว ขณะนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม จึงดำเนินการแจ้งเวียนไปยังนายอำเภอทุกอำเภอเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่า มีราษฎรจังหวัดอุบลราชธานีและจังหวัดสกลนครบางคนลักลอบไปหาซื้อเหรียญในราคาเหรียญละ ๔๐๐ บาทขึ้นไป ในบางพื้นที่ อาทิ อำเภอเมืองนครพนม กำหนดให้เหรียญรัชกาลที่ ๑ ราคาสูงถึงราคาเหรียญละ ๑๐,๐๐๐ บาท และเหรียญรัชกาลที่ ๔ ราคาเหรียญละ ๑,๐๐๐ บาท สืบเนื่องจากมีการโฆษณาจากคนรับซื้อว่าหากนำเหรียญดังกล่าวไปให้อาจารย์ปลุกเสกจะสามารถบอกเลขท้ายลอตเตอรี่รางวัลที่ ๑ ได้อย่างแม่นยำ
แต่ทั้งนี้ เมื่อดำเนินการสอบถามจากราษฎรในจังหวัดนครพนม พบว่า ราษฎรในพื้นที่บางแห่งมีการตื่นตัวและรับรู้เหตุการณ์นี้แต่ยังไม่มีการซื้อขายเกิดขึ้นเนื่องจากไม่มีเหรียญลักษณะดังกล่าวขายและยังไม่มีผู้ใดขายบ้านขายนาหาซื้อเงินเหรียญ เจ้าหน้าที่จึงดำเนินการแก้ปัญหาด้วยการชี้แจงให้ราษฎรทราบว่า เงินเหรียญกษาปณ์เริ่มมีใช้ในรัชกาลที่ ๔ ดังนั้นจึงไม่อาจเป็นไปได้ว่าจะมีเหรียญในลักษณะดังกล่าวออกมาจำหน่าย
------------------------------------------------------
เรียงเรียงโดย :
นางสาวพัชราภรณ์ สุวรรณะ นักจดหมายเหตุปฏิบัติการ หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ อุบลราชธานี
------------------------------------------------------
เอกสารอ้างอิง
กองกษาปณ์. (๒๕๕๗). เงินตรา. ค้นข้อมูลเมื่อวันที่ ๑ ก.พ. ๒๕๖๔ จากhttp://www.royalthaimint.net/ ewtadmin/ewt/mint_web/ewt_newsphp?nid=46&filename=index) หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร อุบลราชธานี. นพ ๑.๒/๔๔ กระทรวงมหาดไทยสั่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสืบสวนข่าวที่ลงในหนังสือพิมพ์ เรื่อง ราษฎรในภาคอิสานปั่นป่วนเพราะการหาซื้อเงินเหรียญรัชกาลที่ ๑ และ ๔ เพื่อดูเลขท้ายลอตเตอรี่ (๒๘ มิ.ย. - ๑๐ ก.ค. ๒๔๙๙)
สงวนลิขสิทธิ์ © 2563 กรมศิลปากร. กระทรวงวัฒนธรรม -
นโยบายเว็บไซต์
|
มาตรฐาน