ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,758 รายการ



ชื่อเรื่อง                                สตฺตปฺปกรณาภิธมฺมเทสนา (เทศนาสังคิณี-มหาปัฏฐาน)สพ.บ.                                  160/2ประเภทวัสดุมีเดีย                    คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                               พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ                           30 หน้า กว้าง 4.5 ซ.ม. ยาว 56.5 ซ.ม. หัวเรื่อง                                 พุทธศาสนา                                           บทสวดมนต์                                           พระอภิธรรม บทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรขอม เส้นจาร ฉบับทองทึบ ได้รับบริจาคมาจากวัดน้อยชมภู่ ต.บ้านกร่าง อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี


          วันนี้ (วันศุกร์ที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔) เวลา ๐๗.๐๐ น. นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ตักบาตรและเวียนเทียน เนื่องในวันมาฆบูชา พุทธศักราช ๒๕๖๔ โดยมีผู้บริหารระดับสูงกระทรวงวัฒนธรรมร่วมพิธี ในการนี้ อธิบดีกรมศิลปากรได้มอบหมายให้ นางสาวพิมพ์พรรณ ไพบูลย์หวังเจริญ นักอักษรศาสตร์ทรงคุณวุฒิ กรมศิลปากร เข้าร่วมพิธีในครั้งนี้ ณ วัดสระเกศ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย


ตำรายาแผนโบราณและเวทมนต์คาถา ชบ.ส. ๘๔ เจ้าอาวาสวัดเทพประสาท ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี มอบให้หอสมุด ๒๓ ก.ค. ๒๕๓๕ เอกสารโบราณ (สมุดไทย)


สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สังคิณี-มหาปัฎฐาน) เลขที่ ชบ.บ.29/1-5 เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)



เจริญชัย พุทธรัต. ประวัติสังเขปพระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราชกับเรื่องเมืองนคร. พิมพ์ครั้งที่ 3. นครศรีธรรมราช : โรงพิมพ์ศิริสวัสดิ์, 2519.           กล่าวถึงพระบรมธาตุจากกุสินารา พระทันตธาตุมาสู่สุวรรณภูมิ รูปทรงสัณฐานองค์พระมหาเจดีย์ เริ่มเป็นวัดพระบรมธาตุ โบราณวิหารและวัตถุสำคัญจำนวน 35 รายการ ประวัติเมืองละคร เมืองนครเป็นธัมมาโศก เมืองนครชื่อปาฏลีบุตร สร้างพระแก้วมรกต เมืองนครชื่อนครศิริธรรม บทบาทพระราชาครองเมืองนคร และลำดับกษัตริย์ผู้ครองเมือง


          จากตำนานอุรังคธาตุ ประกอบกับหลักฐานการขุดค้นทางโบราณคดี บ่งถึงกำเนิดขององค์พระธาตุพนมว่า เมื่อระยะเวลาประมาณ พ.ศ.๑๒๐๐ – ๑๔๐๐ บริเวณอำเภอธาตุพนมเคยเป็นศูนย์รวมของกลุ่มชนเผ่าพันธุ์ต่างๆ เพราะอยู่ในชัยภูมิที่เป็นศูนย์กลางของทางคมนาคม ศาสนสถาน จึงได้ถูกสร้างขึ้น ณ ที่แห่งนี้ ซึ่งแต่เดิมเป็นบริเวณที่ราบเสมอกัน อยู่ห่างจากลำน้ำโขงเก่าที่เปลี่ยนทางเดินประมาณ ๕๐.๐๐ เมตร (ลำน้ำโขงเก่าอยู่ทางทิศตะวันออกขององค์พระธาตุ ปัจจุบันเรียกว่าบึง บึงยาว หรือบึงธาตุ) โดยได้มีการขุดคู ๓ ด้าน คือด้านทิศตะวันตก ทิศเหนือและทิศใต้ คูด้านทิศเหนือและทิศใต้น่าจะถูกขุดยาวออกไปทางทิศตะวันออกจดลำน้ำโขง ใช้ลำน้ำโขงเดิมเป็นคูด้านทิศตะวันออก แต่ปัจจุบันคูน้ำด้านทิศเหนือและทิศใต้ที่ขุดยาวออกไปทางทิศตะวันออกไม่ปรากฏร่องรอย เพราะมีถนนสายนครพนม – อุบลราชธานี ตัดทับผ่านมาเป็นเวลานานแล้ว ในการขุดคูทั้งสามด้านนั้น ได้นำเอาดินที่ขุดได้เข้ามาถมที่ตรงกลางกลายเป็นเนินดินสูงจากพื้นที่โดยรอบประมาณ ๒.๐๐ เมตร เรียกตามตำนานว่า ภูกำพร้า และเนื่องจากการขุดคูเพียงสามด้าน ด้านทิศตะวันออกไม่ได้ขุด ในการถมดินจึงทำให้ภูกำพร้าสูงทางด้านทิศตะวันตก และลาดต่ำไปทางทิศตะวันออก            เมื่อได้สร้างภูกำพร้าเสร็จแล้ว จึงสร้างศาสนสถานขึ้นที่ยอดเนินของภูกำพร้า การสถาปนาองค์พระธาตุพนมครั้งนี้ ได้ปรากฏอยู่ในการเขียนตำนานอุรังคธาตุ ที่พยายามอ้างอิงไปถึงสมัยพุทธกาล อันเป็นวิธีการเขียนประวัติศาสตร์ของคนโบราณในแถบนี้ ซึ่งมีภูมิหลังทางด้านพุทธศาสนา ว่า พระมหากัสสปะ ผู้รู้พุทธทำนายได้นำกระดูกหน้าอกของพระพุทธเจ้าหรือที่เรียกกันว่า พระอุรังคธาตุ มายังภูกำพร้า ตามตำนานกล่าวว่า สมัยนั้นเป็นเวลา พ.ศ. ๘ และเหตุที่พระเถรเจ้ามาที่ภูกำพร้านี้ เพราะพระพุทธองค์ได้ทรงทำนายไว้ว่า พระอุรังคธาตุของพระองค์จะได้มาประดิษฐานอยู่ ณ ที่แห่งนี้ เพื่อรอเวลาผู้มีบุญมาสถาปนาในภายหลัง เรื่องที่พระมหากัสสปะนำพระอุรังคธาตุมาที่ภูกำพร้านี้ ทราบไปถึงพญา ๕ ตน ซึ่งมีบ้านเมืองครอบครองอยู่ในบริเวณใกล้เคียงโดยรอบคือ พญาสุวรรณภิงคาร เมืองหนองหานหลวง พญาคำแดง เมืองหนองหานน้อย พญาอินทปัตฐ เมืองอินทปัตฐนคร พญานันทเสน เมืองศรีโคตรบูร พญาจุฬนีพรหมทัต แคว้นจุฬนี จึงเมาร่วมกันก่อสร้าง “อูบมุง” เพื่อประดิษฐานพระอุรังคธาตุ และตำนานได้กล่าวเป็นทำนองอิทธิปฎิหาริย์ว่า พระบรมสารีริกธาตุได้แสดงปฏิหาริย์ให้ทราบว่า ยังมิใช่เวลาที่สมควรจะบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พญา ๕ ตน จึงเพียงประดิษฐานพระอุรังคธาตุไว้ ณ ที่นั้น โดยยังมิได้ทำการสถาปนา           พระธาตุพนม ประดิษฐานที่วัดพระธาตุพนมวรวิหาร อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม พระธาตุพนมเป็นที่เคารพสักการะของพุทธศาสนิกชนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และประชาชนลาว เมื่อถึงวันเพ็ญ เดือน ๓ ของทุกปี พุทธศาสนิกชนจะหลั่งไหลมาจากทุกสารทิศ มาสมโภชและนมัสการพระธาตุพนม           วัดพระธาตุพนมเป็นวัดวรมหาวิหาร พระอารามหลวง ถือเป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ เมื่อถึงคราว พระราชพิธีราชาภิเษกทุกรัชกาลมา จะต้องนำน้ำจากสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ไปร่วมพิธีด้วยเพื่อประกอบพิธีมุรธาภิเษก และเมื่อถึงเทศกาลสงกรานต์ซึ่งถือว่าเป็นวันขึ้นปีใหม่ตามประเพณีเดิม พระมหากษัตริย์จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานต้นไม้ ทอง เงิน น้ำอบและผ้าคลุมส่งไปนมัสการพระธาตุพนมทุกปี และเมื่อถึงเทศกาลเข้าปุริมพรรษา ก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเทียนพรรษาเป็นพุทธบูชาทุกปีมา งานนมัสการพระธาตุพนมประจำปี ถือเอาวันขึ้น ๑๐ ค่ำ เดือน ๓ ของ ทุกปีเป็นวันแรกของงานไปสิ้นสุดเอาวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๓           พระธรรมไตรโลกาจารย์ (รักษ์ เรวโต) อดีตเจ้าอาวาสวัดศรีเมือง อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย พร้อมด้วยชาวบ้านจากจังหวัดหนองคาย เดินทางไปนมัสการพระธาตุพนม เมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๑๒ ภาพชุดนี้ทำให้เห็นความศรัทธาของพระสงฆ์และชาวบ้านที่มีต่อองค์พระธาตุพนม นอกจากนี้ยังทำให้เห็นภาพองค์พระธาตุพนมในช่วงปีพ.ศ.๒๕๑๒ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความศรัทธาของประชาชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่มีต่อองค์พระธาตุพนมนั้นมีมาตั้งแต่อดีตจนกระทั่งถึงปัจจุบัน เป็นความศรัทธาต่อพระพุทธศาสนาอย่างเหนียวแน่นไม่เสื่อมคลาย----------------------------------------------------------เรียบเรียงโดย นางสาวอุไรวรรณ แสงทอง นักจดหมายเหตุชำนาญการ----------------------------------------------------------เอกสารอ้างอิง :จดหมายเหตุการบูรณะปฏิสังขรณ์องค์พระธาตุพนม ณ วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อำเภอธาตพนม จังหวัดนครพนม พ.ศ.๒๕๑๘ – ๒๕๒๒ หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ อุบลราชธานี , ภาพถ่ายส่วนบุคคลพระธรรม ไตรโลกาจารย์ (รักษ์ เรวโต) (๒) ภ สบ ๘.๒/๒/๑


บางส่วนจากนิราศเมืองหลวงพระบาง กล่าวถึงวัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร     เที่ยงแวดชมนิคมเขตประเทศสถาน   ป้อมปราการก่อตั้งเป็นฝั่งฝา มีเชิงเทินเนินใส่ใบเสมา  ทวาราเรือนยอดตลอดแล เป็นดอนดอยลอยพื้นดูรื่นเรียบ  แต่ไม่เทียบท่าห่างทางกระแส สักสี่เส้นเห็นไกลอาลัยแล  ใช้เรือแต่ชะล่าล้วนควรระคาง ชาวประชาผาสุกทุกคาเมศ  อยู่ตามเพศพวกพรรคไม่มักหมาง จีนพ่อค้าที่อาศัยก็ไว้วาง   ให้อยู่ทางแถวขนัดเขาจัดการ เห็นวัดหนึ่งจึ่งพินิจพิศวง  ดูมั่นคงขอบโขดโบสถ์วิหาร กำแพงแก้วแถวกั้นเป็นชั้นชาน  แลละลานเอกสำอางกลางนคร บันไดนาคหลากล้ำทำสะดุ้ง  เป็นคันคุ้งคดคู้เชิดชูหงอน เกล็ดระบายลายขนดดูชดชอน  ดังนาคนอนแนบทางข้างบันได เข้าในโบสถ์บงพระพุทธวิสุทธิ์ศรี  อัญชลีลานจิตพิสมัย ยลรูปเขียนเพี้ยนภาพให้ปลาบใจ  ยักษ์อะไรนุ่งซิ่นจินตนา จึ่งแจ้งจิตคิดเห็นเป็นกำหนด  ภาพทั้งหมดหมายงามตามภาษา ภาพจีนจามพราหมณ์ฝรั่งแขกลังกา  ลายเลขาคงเป็นเช่นตระกูล ออกเดินดาลชานชาลาที่หน้าโบสถ์  เห็นสูงโสตทรงเจดีย์จับสีศูนย์ ดูสมควรส่วนสัดพิพัฒน์พูน  เรืองจรูญแลขาวราวสำลี ที่เชิงชานฐานทำช่างขำคิด  ประดับประดิษฐ์คชลักษณ์เป็นศักดิ์ศรี ยลแต่เศียรตัวแสกแบกเจดีย์  ดั่งจะรี่ร่อนไปในโพยม จึ่งให้นามตามคชาที่คล้าคล่ำ  วัดช้างค้ำคู่พาราสง่าโฉม พระทรงศิลป์แสนสุขไม่ทุกข์โทรม  ไม่ครื้นโครมเคร่งครัดระมัดองค์ ทุกวัดวาน่าเคารพนบนอบไหว้  รักษาไตรวรวัตรขนัดสงฆ์ ภิกขาจารใบตาลตั้งบังอนงค์  ยืนดำรงให้ยถาแล้วคลาคลาย ประชาราษฎร์ดาษดื่นดูรื่นเรียบ  ได้ระเบียบแบบบทในกฎหมาย ไม่ฝ่าฝืนขืนคำทำหยาบคาย  สุขสบายสมบูรณ์พูนทวี ฯ ที่มา : นิราศเมืองหลวงพระบาง แต่งโดยนายร้อยเอกหลวงทวยหาญรักษา (เพิ่ม) เมื่อปีร.ศ. ๑๐๔ (พ.ศ.๒๔๒๘) ในคราวที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จอมพล เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี (เจิม แสง-ชูโต) ขณะเป็นจมื่นไวยวรนารถเป็นแม่ทัพใหญ่ยกทัพไทยไปปราบฮ่อที่เมืองหลวงพระบาง ภาพ : วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร ไม่ทราบปีที่ถ่าย


อนุสรณ์ในงานงานฌาปนกิจศพ นางบาง การสุทธิ์ ณ เมรุวัดธาตุทอง วันจันทร์ที่ ๒๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๑๑ 



          กิจการอุตสาหกรรมหล่อปืนในสวีเดนที่มีชื่อมากตั้งอยู่ที่เมือง Finspang มณฑล Ostergotland ลงทุนโดยนักค้าแร่ชาวฮอลันดาชื่อนายหลุยส์ เดอ เกียร์ ที่มองเห็นผลกำไรจากการค้าปืนใหญ่กับบริษัท V.O.C. ในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๒๑ โรงหล่อปืนแห่งเมืองนี้ดำเนินงานโดยชาวสวีเดนชื่อนายวัลลูน และนายวิลเลียม เดอ เบซ ปืนใหญ่ที่หล่อขึ้นที่ Finspang ถูกนำเข้าประเทศฮอลันดาโดยนายหน้าค้าอาวุธสองคนที่เมือง Amsterdam ชื่อนายอีลาส ทริป ซึ่งเป็นพี่เขยของนายหลุยส์ เดอ เกียร์ และนายควินจัน ไบรอัน โดยขายให้กับหอการค้าของบริษัท V.O.C. (Vereenigde Oostindische Compagnie) เมือง Amsterdam           ทั้งนี้ปืนเหล็กที่ส่งมาจำหน่ายที่บริษัท V.O.C. มักพบจารึกรูปตัว F ที่เพลาปืนด้านซ้ายและขวา และเมื่อบริษัท V.O.C. เมือง Amsterdam ได้รับปืนแล้วจะมีการทดสอบการยิง เมื่อปืนกระบอกใดผ่านการยิงทดสอบจะมีการจารึกสัญลักษณ์รูปประภาคารหรือที่เรียกว่า Amsterdam light house เพื่อเป็นการรับรองในการผ่านการทดสอบการยิงของปืนแต่ละกระบอก (proof firing) ส่วนน้ำหนักของปืน มักพบจารึกอยู่บนแหวนเสริมความแข็งแรงของปืนท้ายกระบอกในรูปของตัวเลขอารบิคและตัวอักษร A เช่น 2306A หมายถึงปืนกระบอกนี้หนัก 2610 Amsterdam Pound (1 Amsterdam Pound เท่ากับ 0.49409 กิโลกรัม) ปืนกระบอกนี้จึงหนักราว 1,139.371 กิโลกรัม ปืนใหญ่พบที่เมืองพัทลุงที่เขาชัยบุรี           สันนิษฐานว่าทางราชการน่าจะเป็นผู้จัดหามาประจำการที่เมืองแห่งนี้ตั้งแต่สมัยอยุธยาและเรียกชื่อปืนเหล่านี้ว่า ปืนบะเรียม ปืนมะเรียม ปืนเปรียม ปืนเบรียม หรือ ปืนบ้าเหลี่ยม ซึ่งมีความหมายอย่างกว้างสำหรับเรียกปืนใหญ่ที่หล่อด้วยเหล็กหรือสำริด ซึ่งนำเข้ามาจากประเทศตามแถบยุโรป เมื่อเมืองพัทลุงที่เขาชัยบุรีร้างไปในช่วงหลังเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ ๒ ปืนเหล่านี้ก็ถูกทิ้งไว้จนกระทั่งพ.ศ.๒๔๐๓ พระยาพัทลุง (ทับ ณ พัทลุง) มีบัญชาให้รื้ออิฐกำแพงเมืองชัยบุรี และย้ายปืนประจำเมืองมาไว้ที่เมืองพัทลุง ครั้นถึงพ.ศ.๒๔๗๗ นายถัด พรหมมานพ ครูใหญ่โรงเรียนพัทลุงในขณะนั้น ให้นักเรียนลูกเสือลากปืนใหญ่ทั้งสองกระบอกนี้มาไว้ที่โรงเรียนพัทลุง และคงตั้งอยู่ที่โรงเรียนแห่งนี้มาจนถึงปัจจุบันปืนใหญ่กระบอกที่ ๑ ขนาด ยาว ๒๕๘ เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลางปากกระบอกปืน ๒๓ เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลางปากกระบอกปืน(ด้านใน) ๑๑.๕ เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง(แหวนเสริมความแข็งแรงวงที่๑) ๒๕ เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง(แหวนเสริมความแข็งแรงวงที่๒) ๓๑ เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง(แหวนเสริมความแข็งแรงวงที่๓) ๓๕ เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง(แหวนเสริมความแข็งแรงวงที่๔) ๔๐ เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง(แหวนเสริมความแข็งแรงวงที่๕ : ท้ายปืน) ๔๓ เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลางเพลาปืน ๙ เซนติเมตร ความยาวเพลาปืน ๙ เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลางรูชนวน ๑.๕ เซนติเมตร ตราประทับ Amsterdam light house น้ำหนักปืน 2322 Amsterdam Pound ที่เก็บรักษา หน้าเสาธงโรงเรียนพัทลุง (ฝั่งตะวันตก) อำเภอเมืองพัทลุง จังหวัดพัทลุงปืนใหญ่กระบอกที่ ๒ ขนาด ยาว ๒๕๘ เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลางปากกระบอกปืน ๒๓ เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลางปากกระบอกปืน(ด้านใน) ๑๑.๕ เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง(แหวนเสริมความแข็งแรงวงที่๑) ๒๕ เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง(แหวนเสริมความแข็งแรงวงที่๒) ๓๑ เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง(แหวนเสริมความแข็งแรงวงที่๓) ๓๕ เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง(แหวนเสริมความแข็งแรงวงที่๔) ๔๐ เซนติเมตรเส้นผ่านศูนย์กลาง(แหวนเสริมความแข็งแรงวงที่๕ : ท้ายปืน) ๔๓ เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลางเพลาปืน ๙ เซนติเมตร ความยาวเพลาปืน ๙ เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลางรูชนวน ๑.๕ เซนติเมตร ตราประทับ Amsterdam light house น้ำหนักปืน 2306 Amsterdam Pound ที่เก็บรักษา หน้าเสาธงโรงเรียนพัทลุง (ฝั่งตะวันออก) อำเภอเมืองพัทลุง จังหวัดพัทลุง------------------------------------------------------------------------------------- เรียบเรียงโดย นายสารัท ชลอสันติสกุล นักโบราณคดีชำนาญการ l กลุ่มโบราณคดี สำนักศิลปากรที่ ๑๑ สงขลา -------------------------------------------------------------------------------------ขอบคุณข้อมูลจาก ๑.ศิริรัจน์ วังศพ่าห์, ปืนใหญ่โบราณในประวัติศาสตร์ไทย, กรุงเทพฯ : สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม, ๒๕๕๐


สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ โดยกลุ่มส่งเสริมและพัฒนาพิพิธภัณฑ์ ได้จัดกิจกรรมพิพิธภัณฑ์เสวนา ประจำปี 2564 ครั้งที่ 4“โลหกรรมในพื้นที่ราบสูงโคราช” เมื่อวันจันทร์ที่ 16 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไป ในรูปแบบออนไลน์ผ่าน Facebook Live :Office of National Museums, Thailand ช่วงที่ 1 การบรรยายพิเศษ หัวข้อ : ภูมิปัญญาการทำสำริดสมัยโบราณ           โดย รองศาสตราจารย์ ดร. สุรพล นาถะพินถุ หัวข้อ : โบราณวัตถุประเภทสำริดที่น่าสนใจในแอ่งโคราช           โดย นายสมชาย ณ นครพนม  ช่วงที่ 2 การเสวนาในหัวข้อ : การศึกษาประติมากรรมพระโพธิสัตว์บ้านโตนด ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ผู้ร่วมเสวนา     นางสาววิภารัตน์ ประดิษฐอาชีพ       ภัณฑารักษ์ชำนาญการพิเศษ     นายสรรินทร์ จรัลนภา                   นักวิทยาศาสตร์ชำนาญการ     นายพจศกร ศรีจันทร์กาศ               นายช่างศิลปกรรมอาวุโส ดำเนินรายการ โดย     นายศรัญ กลิ่นสุคนธ์ ภัณฑารักษ์ #MuseumTalk #พิพิธภัณฑ์เสวนา #สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ #กรมศิลปากร------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ติดตามข่าวสารและกิจกรรมเพิ่มเติมได้ที่Facebook Page : Office of National Museums, ThailandYouTube : Office of National Museums, Thailand


ชื่อเรื่อง                                นิพฺพานสุตฺต (นิพพานสูตร)  สพ.บ.                                  370/1ขประเภทวัสดุมีเดีย                    คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                               พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ                           38 หน้า กว้าง 5 ซม. ยาว 57 ซม.หัวเรื่อง                                 พุทธศาสนา                                           เทศน์มหาชาติ                                           คาถาพัน                                           ชาดก บทคัดย่อ/บันทึก          เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน ภาษาบาลี-ไทยอีสาน เส้นจาร ฉบับลานดิบ-ล่องชาด  ได้รับบริจาคมาจากวัดลานคา ต.โคกคราม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี


black ribbon.