ค้นหา


รายการที่พบทั้งหมด 37,075 รายการ

          พระพุทธรูปปางมารวิชัย           แบบศิลปะ : อู่ทองรุ่น 3           ชนิด : สำริด            ขนาด : สูง 46 เซนติเมตร ตักกว้าง 22 เซนติเมตร           อายุสมัย : พุทธศตวรรษที่ 20             ลักษณะ :พระพุทธรูปประทับนั่งขัดสมาธิราบแสดงปางมารวิชัยประทับบนฐานกระดานแอ่นตรงกลางเป็นร่องเข้าด้านในพระรัศมีเป็นเปลว เม็ดพระศกเล็กแบบหนามขนุน ปรากฏกรอบไรพระศก พระพักตร์รูปไข่  พระขนงโก่งต่อเป็นปีกกา พระเนตรเหลือบต่ำ พระนาสิกโด่งงุ้ม พระโอษฐ์บางแย้มพระสรวลเล็กน้อย พระกรรณยาว พระศอเป็นปล้อง ครองจีวรห่มเฉียงยาวจรดพระนาภีปลายแยกเป็นเขี้ยวตะขาบ ปรากฏขอบสบงที่บั้นพระองค์ ศิลปะอู่ทองรุ่น 3 มีลักษณะผสมระหว่างศิลปะแบบอู่ทอง ได้แก่ การปรากฏกรอบไรพระศก และลักษณะของฐานที่เป็นเอกลักษณ์ของศิลปะอู่ทอง และอิทธิพลศิลปะแบบสุโขทัยเข้าไว้ด้วยกัน           ประวัติ : พบที่กรุพระปรางค์ วัดราชบูรณะ จังหวัดอยุธยา เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2501 ย้ายจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2544           สถานที่จัดแสดง : ห้องศาสนศิลป์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี   แสดงภาพวัตถุหมุน คลิกที่นี่ http://www.virtualmuseum.finearts.go.th/suphanburi/360/model/02/   ที่มา: hhttp://www.virtualmuseum.finearts.go.th/suphanburi


องค์ความรู้สุพรรณบุรี เรื่อง แหล่งโบราณคดีหนองราชวัตร ผู้เรียบเรียง : นางอภิญญานุช เผ่าพงษ์คล้าย บรรณารักษ์ชำนาญการ หอสมุดแห่งชาติจังหวัดสุพรรณบุรี เฉลิมพระเกียรติ


-- องค์ความรู้จากเอกสารจดหมายเหตุ : การจัดการโรงพยาบาลใหม่ -- ปีพุทธศักราช 2455 มีการจัดตั้งโรงพยาบาลแห่งใหม่ขึ้นที่จังหวัดสุโขทัย เรื่องราวเกี่ยวกับการจัดตั้งโรงพยาบาลแห่งนี้มีหลักฐานปรากฏอยู่ในเอกสารจดหมายเหตุชุดกรมราชเลขาธิการ รัชกาลที่ 6 กระทรวงมหาดไทย โดยนอกจากจะกล่าวถึงมูลเหตุของการจัดตั้ง การบริจาคทรัพย์ของผู้มีจิตศรัทธา และการก่อสร้างอาคารโรงพยาบาลแล้ว ในเอกสารจดหมายเหตุชุดนี้กล่าวถึงวิธีการจัดการโรงพยาบาลที่ตั้งขึ้นใหม่ ทั้งในเรื่องการบริหาร ข้อบังคับ และหน้าที่ของแพทย์ประจำโรงพยาบาล ซึ่งน่าสนใจว่า คนเมื่อร้อยกว่าปีก่อนมีแนวคิดในการจัดการโรงพยาบาลที่ตั้งขึ้นใหม่อย่างไร. เมื่อเดือนพฤศจิกายน ร.ศ. 131 (พ.ศ. 2455) พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระดำรงราชานุภาพ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย (พระอิสริยยศ-ตำแหน่งในขณะนั้น) ทรงมีลายพระหัตถ์กราบทูลพระเจ้าพี่ยาเธอ กรมหลวงปราจิณกิติบดี ราชเลขานุการ ใจความของลายพระหัตถ์กล่าวถึงการสร้างโรงพยาบาลของเมืองสุโขทัย ซึ่งพระยารามราชภักดี ผู้ว่าราชการเมืองสุโขทัยพร้อมด้วยข้าราชการและราษฎรเมืองสุโขทัย ร่วมกันออกทุนทรัพย์สร้างโรงพยาบาล เพื่อเป็นที่ระลึกในการเสด็จพระราชดำเนินประพาศเมืองสุโขทัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และเพื่อเป็นสาธารณประโยชน์แก่ราษฎรทั่วไป การก่อสร้างโรงพยาบาลเริ่มมาตั้งแต่  ร.ศ. 128 (พ.ศ. 2452) จนแล้วเสร็จเมื่อเดือนตุลาคม ร.ศ. 131 ใช้เงินค่าก่อสร้าง 2,747 บาท 58 สตางค์ และมีกำหนดเปิดให้บริการโรงพยาบาลในวันที่ 2 มกราคม ร.ศ. 131 (เทียบกับปฏิทินปัจจุบันคือปี พ.ศ. 2456) พร้อมกับได้ทรงแนบรายชื่อผู้บริจาคเงิน รายชื่อกรรมการโรงพยาบาล รายการก่อสร้าง บัญชีรายจ่าย วิธีจัดการโรงพยาบาล และแบบแปลนมาพร้อมกับลายพระหัตถ์ฉบับนี้ สำหรับ “วิธีจัดการโรงพยาบาล” ที่แนบมากับลายพระหัตถ์นั้น จำแนกได้เป็นสามส่วนดังนี้. 1. หน้าที่กรรมการและวิธีจัดการกรรมการ กำหนดให้มีสภานายก 1 คน และกรรมการไม่ต่ำกว่า 8 คน ผู้ที่เป็นสภานายกจะต้องเป็นผู้ว่าราชการเมืองโดยตำแหน่ง ส่วนคนที่เป็นกรรมการต้องเป็นผู้มีกำลังทรัพย์เพราะจะมีคนนิยมนับถือ กรรมการมีหน้าที่หลักคือต้องตรวจและแนะนำการงานทุกอย่างของโรงพยาบาล มีอำนาจตรวจสอบบัญชีรายรับรายจ่ายของโรงพยาบาล รวมทั้งเป็นผู้บอกบุญขอรับบริจาคจากราษฎรเพื่ออุดหนุนโรงพยาบาล หากทุนทรัพย์ไม่พอกรรมการต้องออกทุนส่วนตัวคนละไม่ต่ำกว่า 40 บาทต่อปี. 2. ข้อบังคับของโรงพยาบาล เน้นไปที่หมอและคนใช้ของโรงพยาบาล โดยกำหนดให้ต้องมีหมอประจำอยู่โรงพยาบาลไม่ต่ำกว่า 1 คน มีคนพยาบาลหรือคนใช้ไม่ต่ำกว่า 2 คน หมอที่ประจำโรงพยาบาลนั้น ควรเป็นหมอประจำเมืองที่มีหน้าที่รักษาพยาบาลนักโทษและราษฎรอยู่แล้ว (หมอประจำเมืองนี้ต่อมาได้พัฒนามาเป็นนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดในปัจจุบัน - ผู้เขียน) เพื่อจะได้ประหยัดเงิน ส่วนคนใช้ของโรงพยาบาล เสนอให้นำนักโทษที่มีโทษสถานเบามาใช้ในการพยาบาลและรักษาสถานที่ แต่ต้องมีคนใช้ที่ไม่ใช่นักโทษอีก 1 คน เพราะข้อบังคับของเรือนจำไม่อนุญาตให้นักโทษอยู่ตอนกลางคืน. 3. หน้าที่หมอ หมอในโรงพยาบาลแห่งนี้ต้องทำหน้าที่หลายๆ อย่างที่เกี่ยวข้องกับงานสาธารณสุข เช่น ต้องรักษาพยาบาลราษฎรโดยไม่เลือกชาติและภาษา ต้องพิจารณาจัดยาให้แก่ราษฎรตามอาการในปริมาณที่เหมาะสม ต้องปลูกฝีไข้ทรพิษให้กับราษฎร ถ้าเป็นหมอประจำเมืองก็ต้องไปตรวจรักษาในเรือนจำตามข้อบังคับด้วย เป็นต้น. หลังจากที่มีผู้มีจิตศรัทธาจำนวนมากร่วมบริจาคเงินจนสามารถนำเงินไปสร้างโรงพยาบาลให้แล้วเสร็จ และเปิดให้บริการเพื่อเป็นสาธารณประโยชน์แก่ราษฎรแล้ว พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระราชทานโรงพยาบาลประจำเมืองสุโขทัยแห่งนี้ว่า “ศุโขไทยศุขสถาน” (สะกดตามต้นฉบับ) แต่อย่างไรก็ตามในปัจจุบันกลับไม่พบชื่อโรงพยาบาลแห่งนี้อีกแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องสืบค้นเพิ่มเติมกันต่อไปว่าโรงพยาบาลแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ใด และเลิกดำเนินงานหรือย้ายไปที่อื่นเมื่อใด.ผู้เขียน: นายธัชพงศ์ พัตรสงวน (นักจดหมายเหตุปฏิบัติการ หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ พะเยา).เอกสารอ้างอิง: 1. สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ. เอกสารชุดกรมราชเลขาธิการ รัชกาลที่ 6 กระทรวงมหาดไทย ร.6 ม 12.3/2 เรื่อง โรงพยาบาลเมืองศุโขไทย [ 21 พ.ย. 2455 – 7 ส.ค. 2456 ].2. “แจ้งความกระทรวงมหาดไทย เรื่องบริจาคทรัพย์สร้างโรงพยาบาล.” (2456) ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 30, ตอน ง (12 ตุลาคม): 1528-1532.#จดหมายเหตุ #องค์ความรู้จากจากจดหมายเหตุ #หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯพะเยา #เอกสารจดหมายเหตุ


องค์ความรู้เรื่อง ช้างไทย เรียบเรียง : วารุณี วิริยะชูศรี บรรณารักษ์





ข้อมูลของโบราณสถานวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร  เช่น ที่ตั้ง ความสำคัญทางประวัติศาสตร์ สิ่งสำคัญในบริเวณโบราณสถาน ลักษณะและรูปแบบทางสถาปัตยกรรม ฯลฯ



พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง เปิดให้บริการเทศกาลปีใหม่ 2563 พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง เปิดให้เข้าชมฟรี ตั้งแต่วันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๑ ถึงวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๖.๐๐ น.  พร้อมรับโปสการ์ด "พระคเณศ" เทพแห่งศิลปวิทยา เป็นที่ระลึก


วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤษภาคม 2559 เวลา 14.00 น.ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศมรดกศิลปวัฒนธรรม หารือการจัดทำ E-book ร่วมกับกลุ่มจารีตและประเพณี สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ ในการนี้นายอภิญญา รุ่งพิทักษ์มานะ นักจัดการงานทั่วไปร่วมการหารือในครั้งนี้ด้วย




วันพุธที่ ๓ เมษายน ๒๕๖๒ เวลา ๐๙.๐๐ น.  คณะครูและนักเรียนโรงเรียนสุโขทัยวิทยาคม อ. เมือง จ. สุโขทัย จำนวน ๒๑๕ คน  เข้าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ขอนแก่น โดยมีนางแพรว ธนภัทรพรชัย และนายสัมฤทธิ์ ภูดวง (นักศึกษาฝึกประสบการณ์) เป็นวิทยากรนำชม


เพลงพื้นบ้าน     จัดแสดงโดยใช้หุ่นจำลองประกอบสื่อระบบโสตทัศนูปกรณ์ จำลองการเล่นเพลงพื้นบ้าน ซึ่งนิยมเล่นกันในงานรื่นเริงหรือเทศกาลต่างๆ ได้แก่ เพลงอีแซว และเพลงเรือ โดยมีเนื้อหาของเพลงมักเกี่ยวกับชีวิตประจำวันของชาวเกษตรกรรม      จังหวัดสุพรรณบุรีอยู่ในเขตที่ราบภาคกลาง เป็นท้องทุ่งนาผืนใหญ่ ริมลำน้ำสายใหญ่ คือ แม่น้ำสุพรรณบุรี ทั้งในหน้าน้ำและหน้าแล้งชาวสุพรรณนิยมเล่นเพลงพื้นบ้าน เพื่อหย่อนใจสร้างความบันเทิง ความสามัคคีในหมู่คณะระหว่างการประกอบอาชีพ มักเกี่ยวข้องกับเกษตรกรรมเป็นส่วนใหญ่เช่นเดียวกับชาวจังหวัดอื่น ๆ ของภาคกลาง เนื้อหาเพลงจะเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตประจำวันของชาวนา ชาวไร่ ชาวสวน และวิถีชีวิตริมแม่น้ำ เพลงพื้นบ้านเหล่านี้มีหลากหลายจังหวะ ทำนอง ทั้งเพลงระบำบ้านไร่ เพลงเหย่ย เพลงพวงมาลัย เพลงฉ่อย เพลงลำตัด เพลงเรือ เป็นต้น        ชาวสุพรรณเป็นนักเล่นเพลงพื้นบ้านตัวยง เมืองสุพรรณจึงเป็นศูนย์กลางในงานเทศกาลใหญ่ประจำปีสองครั้ง ที่เป็นที่รู้จักทั่วไปว่าเป็นงานชุมนุมนักเล่นเพลงแห่งท้องทุ่งภาคกลาง คืองานไหว้พระ (หลวงพ่อโต) เดือนสิบสอง วัดป่าเลไลย์ ระหว่างวันขึ้น ๗-๙ ค่ำ และงานไหว้พระเดือนห้าวัดป่าเลไลย์ ในวันขึ้น ๗-๙ ค่ำ เช่นกัน เป็นที่ทราบกันดีในเหล่านักเล่นเพลงทั่วภาคกลางเมื่อกว่า ๕๐ ปีที่แล้วว่า งานไหว้พระเดือนสิบสอง วัดป่เลไลย์นี้ เป็นเวทีใหญ่สำหรับการประชันเพลงแห่งท้องทุ่ง เมื่อถึงวันงานนักเล่นเพลงจากทั่วสารทิศจะเดินทางมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง โดยพายเรือมาด เรือพาย ผู้หญิงพาย ผู้ชายถือหิ้วตะเกียงอิ๊ดด้า แจวลัดทุ่งที่เจิ่งนองด้วยน้ำในฤดูน้ำนอง มาจอดเรือที่ท่าน้ำหน้าวัดประตูสาร เมื่อบริเวณนี้เป็นที่ชุมนุมเรือจึงเป็นจุดแรกของการประชันเพลงประเดิมด้วยเพลงเรือกระทั่งดึกดื่นจึงขึ้นบกเดินเท้าไปวัดป่าเลไลย์ ไหว้หลวงพ่อโต จากนั้นนักเล่นเพลงจะมาชุมนุมกันใต้ต้นโพธิ์ บริเวณลานวัดหน้าวิหารหลวงพ่อโต แขวนตะเกียงอิ๊ดดาซึ่งเป็นตะเกียงเจ้าพายุชนิดหนึ่ง พ่อเพลงจะเริ่มด้วยการขยับฉิ่งว่าเพลงเกริ่นหาแม่เพลง เมื่อได้คู่จึงตั้งวงประชันโต้ตอบกันอย่างสนุกสนาน ท่ามกลางกองเชียร์ที่เลือกถือหางแต่ละฝ่าย จนรุ่งสางบ้างเดินทางกลับบ้านพักค้างคืน เพื่ออยู่เที่ยวหรือเล่นเพลงต่อตลอดงาน ๓ เพลงที่นิยมเล่นในงานนี้มีทั้งเพลงพวงมาลัย เพลงระบำบ้านไร่ และที่สำคัญคือ เพลงอีแซว เพลงพื้นบ้านที่กำเนิดในเมืองสุพรรณ   เพลงลูกทุ่ง      จัดแสดงผลงานของศิลปินเพลงลูกทุ่งชาวสุพรรณที่มีชื่อเสียง ประกอบด้วย ก้าน แก้วสุพรรณ สุรพล สมบัติเจริญ ไวพจน์ เพชรสุพรรณ ศรเพชร ศรสุพรรณ สายัณห์ สัญญา พุ่มพวง ดวงจันทร์ โดยใช้สื่อระบบโสตทัศนูปกรณ์เป็นตู้เพลง สำหรับกดฟังผลงานเพลงศิลปินท่านต่างๆ ประกอบป้ายคำบรรยาย       เพลงลูกทุ่งกับเมืองสุพรรณ     เพลงลูกทุ่ง เกิดจากการผสมผสานของดนตรีตะวันตกกับเพลงพื้นบ้าน ลักษณะเด่นคือ มีเนื้อหาและท่วงทำนองตามแบบเพลงพื้นบ้านมีสำเนียงเสียงแบบภาษาถิ่นในภูมิภาคต่างๆ แต่มีจังหวะเร็วขึ้นใช้เครื่องดนตรีหลายชิ้นรวมเป็นวงเครื่องดนตรีไฟฟ้าแบบตะวันตกย่นระยะเวลาจากที่เคยเล่นทั้งคืนเหลือเพียง ๒-๓ ชั่วโมงเมืองสุพรรณ เป็นศูนย์กลางการเล่นเพลงพื้นบ้านภาคกลางที่สำคัญ นักเล่นเพลงพื้นบ้านชาวสุพรรณบุรีหลายคนจึงก้าวขึ้นมาร้องเพลงลูกทุ่งด้วยมีความสามารถในการร้องเพลงพื้นบ้านเป็นพื้นฐาน ส่งผลให้สุพรรณบุรีมีบรรยากาศเป็นเมืองเพลงลูกทุ่ง ที่หล่อหลอมเยาวชนชาวสุพรรณให้ เติบโตขึ้นเป็นนักร้องลูกทุ่งคนสำคัญในทุกยุคสมัยต่างๆ ของพัฒนาการเพลงลูกทุ่งไทย จนเป็นที่กล่าวขานกันทั่วไปว่าสุพรรณบุรีเป็นแหล่งกำเนิดนักร้องเพลงลูกทุ่งและเป็นที่มาของเอกลักษณ์สำคัญของเพลงลูกทุ่ง คือ สำเนียงการร้องแบบ เสียงเหน่อเสียงพูดพื้นถิ่นแถวภาคกลาง ภาคตะวันตก ๑๓นักร้องลูกทุ่งชื่อดังชาวสุพรรณบุรีขับร้องด้วยสำเนียงเสียงเหน่อ จนเป็นที่รู้จักกันทั่วไปว่าเป็นเสียงเหน่อแบบคนสุพรรณ และนิยมร้องตามแบบแม้นักร้องลูกทุ่งผู้นั้นมาจากภูมิภาคอื่นนักร้องเพลงลูกทุ่งชาวสุพรรณบุรีที่มีชื่อเสียงเป็นที่นิยมของประเทศมีจำนวนมาก ได้แก่ ก้าน แก้วสุพรรณ, ดำ แดนสุพรรณ, สุรพล สมบัติเจริญ, ไวพจน์ เพชรสุพรรณ, สังข์ทอง สีใส, ศรเพชร ศรสุพรรณ, เสรี รุ่งสว่าง, สายัณห์ สัญญา, พุ่มพวง ดวงจันทร์ เป็นต้น


พิธีส่งมอบโครงการ PEA LED เพื่อแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมไทย   ณ อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา   วันที่ 26 มกราคม 2561