ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,755 รายการ

          จากประวัติศาสตร์ไทยในเรื่องเหตุการณ์ ร.ศ.112 ที่ท่านผู้อ่านทราบกันดีอยู่แล้วว่า ไทยเรามีกรณีพิพาทกับฝรั่งเศส จนถึงขนาดยึดเมืองสำคัญหลายเมืองเป็นประกันเพื่อให้ไทยมอบดินแดนที่ต้องการ ในจำนวนเมืองชายทะเลตะวันออกที่ฝรั่งเศสได้ยึดเป็นเมืองประกัน ได้แก่เมืองจันทบุรีในคราวแรก และเมื่อคืนจันทบุรีแล้วก็ไปยึดตราดต่อถึงเกือบ 3 ปี(22 มกราคม 2447- 23 มีนาคม 2449)          ผู้เขียนพบเอกสารจดหมายเหตุที่พระยาวิชาธิบดี ข้าหลวงเทศาภิบาลมณฑลจันทบุรี กราบทูลรายงาน พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงดำรงราชานุภาพ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย เรื่องการรับมอบเมืองตราด และการฉลองเมืองตราด ในวันที่ 6-9 กรกฎาคม 2450 ในการรับมอบเมืองตราดคืนในครั้งนี้ ตัวแทนของฝรั่งเศสคือ มองสิเออร์รุซโซ เรสิดังของเมืองกำปอด และตัวแทนฝ่ายไทยคือ พระยาศรีสหเทพ ราชปลัดทูลฉลอง           วันที่ 6 กรกฎาคม เป็นวันรับมอบเมืองตราด ผู้แทนทั้งสองฝ่ายพร้อมคณะพร้อมกัน ณ บริเวณเสาธงที่ว่าการเมืองตราดหลังเก่า มองสิเออร์รุซโซได้อ่านคำมอบเมืองและให้ล่ามแปลเป็นภาษาไทย และพระยาศรีสหเทพได้อ่านตอบและมิสเตอร์รอบินเป็นผู้แปล ต่อจากนั้นพระยาศรีสหเทพได้ชักธงราชธวัชขึ้นสู่ยอดเสา เหล่าทหารและตำรวจทำวันทยาวุธ พร้อมเป่าแตรเพลงสรรเสริญพระบารมี ทหารและตำรวจบนเรือมกุฎราชกุมาร ที่จอดหน้าเกาะช้างยิงสลุด เป็นจบพิธีแบบเรียบง่ายในวันแรก เป็นที่น่าสังเกตุว่า...เสาธงเป็นเสาเปล่า ไม่มีการชักแลกเปลี่ยนเหมือนในครั้งแรกที่ส่งมอบเมือง...ซึ่งหลวงสาครคชเขตต์ ได้บันทึกในจดหมายเหตุความทรงจำสมัยฝรั่งเศสยึดจันทบุรีในส่วนเมืองตราดว่าด้วยความสัมพันธ์ที่ดีของฝ่ายไทยไม่ให้ต้องขมขื่นต่อกัน กระทรวงมหาดไทยจึงให้เปลี่ยนวิธีปฏิบัติ           วันที่ 7 กรกฎาคม เว้นไป 1 วัน เนื่องจากพระยาศรีสหเทพ ประธานในพิธีป่วย           วันที่ 8 กรกฎาคม เป็นวันฉลองเมือง จัดพิธีบริเวณรอบเสาธง ในช่วงบ่าย 4 โมงเป็นต้นไป โดยเริ่มพิธีสงฆ์ อาราธนาพระสงฆ์ในเมืองตราด จำนวนเท่าพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประธานฝ่ายสงฆ์คือพระครูสังฆปาโมก เจ้าคณะเมืองจันทบุรี (เจ้าอาวาสวัดเขาพลอยแหวน : ผู้เขียน) หลังจากเสร็จพิธีสงฆ์ เวลาทุ่มตรงมีดินเนอร์ ณ ที่ว่าการเมืองตราดเก่า มีทั้งข้าราชการฝ่ายไทยและฝรั่งเศส พร้อมทั้งมีการจุดประทีปโคมไฟและมีมหรสพบรรเลง           วันที่ 9 กรกฎาคม ราษฎรเมืองตราดร่วมถวายภัตตาหารเช้าพระสงฆ์ที่ร่วมในพิธีเมื่อวาน เมื่อถึงเวลาบ่ายได้จัดพิธีแสดงความจงรักภักดี พระสงฆ์สวดถวายไชยมงคล ชักธงราชวัตรขึ้นสู่ยอดเสา ยิงสลุด แล้วอ่านคำถวายไชยมงคลต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระเจ้าอยู่หัวทั้งฝ่ายสงฆ์และฆราวาส แล้วเดินเรียงแถวถวายความเคารพทั้งในส่วนราษฎรและข้าราชการ เป็นอันเสร็จพิธีและค่ำนี้มีมหรสพและจุดประทีปโคมไฟอีก 1 คืน           ดังนั้นจะเห็นได้ว่าหลังจากทำสัญญาคืนดินแดนเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2449 แล้วก็จริง แต่ความเป็นไทของชาวเมืองตราดยังไม่เกิดอย่างแท้จริง เพราะยังมีทหารฝรั่งเศสอยู่ร่วมเมืองด้วยบางส่วน จวบจนถึงวันที่ 6 กรกฎาคม 2450 ทหารลงเรือกลับออกไป นั่นคือ"อิสรภาพที่แท้จริงของชาวเมืองตราด"-----------------------------------------------------------------ผู้เขียน สุมลฑริกาญจณ์ มายะรังษี นักจดหมายเหตุชำนาญการ หอจดหมายเหตุแห่งชาติ จันทบุรี-----------------------------------------------------------------อ้างอิง หอจดหมายเหตุแห่งชาติ จันทบุรี. เอกสารกระทรวงมหาดไทย ชุดมณฑลจันทบุรี (13)มท 2.1/186 เรื่อง หลวงนาถนรารักษ์ เสมียนตรามณฑลขอต่ออายุราชการให้ติดต่อกัน(26 กันยายน 2472- 5 กันยายน 2473)




ชื่อเรื่อง                     จดหมายเหตุพระราชกิจรายวันในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ภาค 18ผู้แต่ง                       พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวประเภทวัสดุ/มีเดีย       หนังสือหายากหมวดหมู่                   ประวัติศาสตร์เลขหมู่                      959.3057 จ657จพสถานที่พิมพ์               พระนคร  สำนักพิมพ์                 โสภณพิพรรฒธนากรปีที่พิมพ์                    2483ลักษณะวัสดุ               120 หน้าหัวเรื่อง                     ไทย – ประวัติศาสตร์                              กรุงรัตนโกสินทร์ -- รัชกาลที่ 5               ภาษา                       ไทยบทคัดย่อ/บันทึกเนื้อหาภายในประกอบด้วยอธิบายจดหมายเหตุพระราชกิจรายวัน พระราชนิพนธ์ ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ปีวอก ฉศก จุลศักราช 1246 (พ.ศ. 2427) คุณค่าของหนังสือเล่มนี้เป็นต้นเรื่องให้รู้ถึงการออกพระราชบัญญัติกฎหมาย หรือราชการแผ่นดินอื่นๆ ปรากฏอยู่ในราชกิจจานุเบกษา เช่นในปีมะโรง จุลศักราช 1242 และปีมะเมีย จุลศักราช 1244 ก็ไม่อาจทราบได้ว่าใน 2 ปี นั้นได้มีราชการงานเมืองอะไรบ้าง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชนิพนธ์ในเรื่องที่เกี่ยวกับต่างประเทศและเป็นการภายใน


เรื่อง “พระพุทธรูปปางอุ้มบาตร จากวัดท่าปลา เหนือเขื่อนสิริกิติ์”--- พระพุทธรูปปางอุ้มบาตรองค์นี้ ได้จากโบสถ์วัดท่าปลา อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ ในรายงานการสำรวจและขุดค้นโบราณวัตถุสถานเหนือเขื่อนสิริกิติ์ กล่าวว่า “ภายในโบสถ์มีพระประธานหน้าตักกว้าง ๑.๘๐ เมตร เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นพระหัตถ์ถือตาลปัตร ด้านขวาของพระประธานเป็นพระพุทธรูปยืนอุ้มบาตร....”--- สืบเนื่องจากในปีพุทธศักราช ๒๕๑๓ กรมศิลปากรได้รับแจ้งว่า พระอุโบสถและวิหารวัดจริม วัดท่าปลา และวัดนาโฮ่ง อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์จะถูกน้ำท่วมเมื่อเปิดใช้งานเขื่อนสิริกิติ์ ตามกำหนดที่จะทำการปิดกั้นกระแสน้ำ ในประมาณกลางปีพุทธศักราช ๒๕๑๔ จึงขอให้จัดส่งเจ้าหน้าที่ไปสำรวจตรวจค้นโบราณวัตถุที่อาจถูกฝังอยู่ใต้พระอุโบสถและพระวิหาร  ในพื้นที่ดังกล่าว  ในระยะแรกหน่วยศิลปากรที่ ๓ สุโขทัย (ในขณะนั้น) ได้เริ่มสำรวจและขุดค้น วัดทั้งสามแห่งดังกล่าวมา ตั้งแต่วันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๑๓ - ๑๑ มกราคม ๒๕๑๔  ต่อมาพบว่ามีวัดที่ควรดำเนินการขุดค้นอีก ๓ แห่ง ได้แก่ วัดท่าแฝก วัดหาดลั้ง และวัดห้วยอ้อย จึงดำเนินการขุดค้นในระยะที่ ๒ ตั้งแต่วันที่ ๑๙  - ๓๑ มกราคม ๒๕๖๔  และหลังจากการขุดค้น จึงได้มีการสำรวจถ่ายภาพและทำแผนผังวัดอื่นๆ ในเขตพื้นที่น้ำท่วมเพิ่มเติมอีก ๑๒ แห่ง ตั้งแต่วันที่ ๑ - ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๔  ครอบคลุมพื้นที่ ๔ ตำบล ได้แก่ ตำบลท่าปลา ตำบลจริม ตำบลหาดหล้า และตำบลท่าแฝก--- วัดท่าปลาในอดีตตั้งอยู่บนฝั่งขวาของแม่น้ำน่าน มีสิ่งก่อสร้างสำคัญ คือ อุโบสถ ๑ หลัง ลักษณะเป็นอาคารทรงเตี้ย เสา ๘ ต้น ๓ ห้อง หลังคาชั้นเดียว มุงด้วยสังกะสี มีลดหลังคายื่นตรงส่วนหน้าของตัวโบสถ์  มีประตูทางเข้าด้านทิศตะวันออก ขนาดกว้าง ๑.๘๕ เมตร สูง ๑.๘๕ เมตร ผนังโบสถ์ก่ออิฐ ถือปูน มีหน้าต่างและลูกกรงไม้ จำนวน ๔ ช่อง มีเสมารอบโบสถ์ทั้ง ๘ ทิศ  จากการขุดค้นภายในโบสถ์ที่ใต้แท่นฐานพระประธาน พบเงินตรา เช่น เงินพดด้วง เงินเหรียญต่างๆ และขุดพบลูกนิมิต ๔ ลูก วางซ้อนกันอยู่กลางพระอุโบสถ--- พระพุทธรูปปางอุ้มบาตร ศิลปะอยุธยา กำหนดอายุราวครึ่งแรกของพุทธศตวรรษที่ ๒๑ ทำจากไม้ ลงรักปิดทอง ขนาดกว้าง ๔๖ เซนติเมตร สูง ๑๖๘ เซนติเมตร  องค์พระพุทธรูปประทับยืน ยื่นพระหัตถ์ทั้งสองประคองบาตรไว้ทางด้านหน้า พระพักตร์รูปไข่ พระขนงโก่งเป็นสัน พระเนตรเหลือบลงต่ำ พระนาสิกโด่ง ขมวดพระเกศาเป็นเม็ดเล็ก พระรัศมีเป็นเปลวสูง พระอังสาผาย บั้นพระองค์เล็ก ครองจีวรห่มคลุม  แลเห็นแนวเส้นรัดประคดและชายพับขอบสบงขนาดใหญ่ทางด้านหน้า--- ปางอุ้มบาตร เป็นชื่อเรียกลักษณะของพระพุทธรูป ในท่ายืน และพระหัตถ์ทั้งสองประคองถือบาตร และพระพุทธรูปปางอุ้มบาตรยังเป็น ๑ ในพระพุทธรูปประจำวันเกิด วันพุธ (กลางวัน) อีกด้วย   --- ความเป็นมาตามพุทธประวัติของพระพุทธรูปปางนี้ คือ เมื่อพระพุทธเจ้าได้สำแดงอิทธิปาฏิหาริย์  เหาะขึ้นไปในอากาศต่อหน้าพระประยูรญาติทั้งหลาย เพื่อให้พระญาติผู้ใหญ่ได้เห็น และละทิฐิถวายบังคมแล้วจึงได้ตรัสเทศนาเรื่องพระมหาเวสสันดรชาดก ครั้นแล้วพระญาติทั้งหลายก็แยกย้ายกันกลับโดยไม่มีใครทูลอาราธนาฉันพระกระยาหารเช้าในวันรุ่งขึ้น ด้วยเข้าใจผิดคิดว่า พระองค์เป็นราชโอรสและพระสงฆ์ก็เป็นศิษย์ คงต้องฉันภัตตาหารที่จัดเตรียมไว้ในพระราชนิเวศน์เอง แต่พระพุทธองค์กลับพาพระภิกษุสงฆ์สาวกเสด็จจาริกไป ตามถนนหลวงในเมืองเพื่อโปรดเวไนยสัตว์ (ผู้ที่พึงสั่งสอนได้) อันเป็นกิจของสงฆ์ และนับเป็นครั้งแรกที่ชาวเมืองกบิลพัสดุ์ได้มีโอกาสชมพระพุทธจริยาวัตรขณะทรงอุ้มบาตรโปรดสัตว์ ประชาชนจึงต่างแซ่ซ้องอภิวาทอย่างสุดซึ้ง แต่พระเจ้าสุทโธทนะ พุทธบิดาทรงทราบเข้า ก็เข้าใจผิดและโกรธพระพุทธองค์หาว่าออกไปขอทานชาวบ้าน ไม่ฉันภัตตาหารที่เตรียมไว้ พระพุทธเจ้าจึงต้องทรงอธิบายว่าการออกบิณฑบาตเป็นการไปโปรดสัตว์  มิใช่การขอทาน จึงเป็นที่เข้าใจกันในที่สุด --- ปัจจุบัน พระพุทธรูปปางอุ้มบาตร จากวัดท่าปลา เหนือเขื่อนสิริกิติ์ จังหวัดอุตรดิตถ์องค์นี้ ได้จัดแสดง ณ ห้องนิทรรศการชั้นบนของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน อ้างอิง- กรมศิลปากร. พระพุทธรูปปางต่างๆ. นครปฐม: รุ่งศิลป์การพิมพ์, ๒๕๕๘.- พัชรินทร์ ศุขประมูล และคณะ. นำชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่านและจังหวัดน่าน. กรมศิลปากร, ๒๕๔๗. - สมพร อยู่โพธิ์. พระพุทธรูปปางต่างๆ. กรมศิลปากร, ๒๕๓๕.- หน่วยศิลปากรที่ ๓ สุโขทัย. รายงานการสำรวจและขุดค้นโบราณวัตถุสถานเหนือเขื่อนสิริกิติ์.เอกสารอัดสำเนา, ๒๕๑๔.


เลขทะเบียน : นพ.บ.180/5ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ :  34 หน้า ; 5 x 58 ซ.ม. : ล่องรัก ; ไม้ประกับธรรมดา, มีฉลากไม้ชื่อชุด : มัดที่ 102 (86-90) ผูก 5 (2565)หัวเรื่อง : แปดหมื่นสี่พันธ์ขันธ์ --เอกสารโบราณ            คัมภีร์ใบลาน            พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


อภิธมฺมตฺถสงฺคห (อภิธมฺมตฺถส)  ชบ.บ.59/1-1  เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)


ชื่อเรื่อง                                สลากริวิชาสุตฺต (สลากวิชาสูตร) สพ.บ.                                  319/13 ประเภทวัสดุมีเดีย                    คัมภีร์ใบลาน หมวดหมู่                               พุทธศาสนา ลักษณะวัสดุ                           26 หน้า กว้าง 5 ซม. ยาว 54.7 ซม. หัวเรื่อง                                 พุทธศาสนา                                            บทคัดย่อ/บันทึก           เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน ภาษาบาลี-ไทยอีสาน เส้นจาร ฉบับลานดิบ ได้รับบริจาคมาจาก วัดลานคา ต.โคกคราม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี


เลขทะเบียน : นพ.บ.278/1ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 50 หน้า ; 4.5 x 50 ซ.ม. : ชาดทึบ-ล่องชาด ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 118  (240-247) ผูก 1 (2565)หัวเรื่อง : นิปุณสงฺคห(บาลีนิปุณสังคหะ)--เอกสารโบราณ            คัมภีร์ใบลาน            พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


องค์ความรู้จากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ รามคำแหง เรื่อง การเดินทางของขอมดำดิน







black ribbon.