ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,714 รายการ

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดอาคารคลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เนื่องในวันอนุรักษ์มรดกไทย พุทธศักราช ๒๕๖๖           วันจันทร์ที่ ๒๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ เวลา ๐๘.๕๒ น. สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดอาคารคลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ตำบลคลองห้า อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี โดยมี นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นายอดิเทพ กมลเวชช์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ผู้บริหารและข้าราชการกระทรวงวัฒนธรรม กรมศิลปากร ผู้แทนหน่วยงานและประชาชนในจังหวัดปทุมธานี เฝ้าฯ รับเสด็จ           โอกาสนี้ นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร กราบบังคมทูลเบิกผู้อนุรักษ์มรดกไทยดีเด่นและผู้สนับสนุนการดำเนินงานด้านศิลปวัฒนธรรมของชาติ พุทธศักราช ๒๕๖๖ เข้ารับพระราชทานเข็มเกียรติคุณวันอนุรักษ์มรดกไทย จำนวน ๒๒ ราย จากนั้นเสด็จพระราชดำเนินไปทรงกดปุ่มเปิดแพรคลุมป้ายอาคารคลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ และทอดพระเนตรนิทรรศการประวัติความเป็นมาของอาคารคลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ และห้องคลังโบราณวัตถุภายในอาคาร           กรมศิลปากรได้น้อมนำแนวพระราชดำริในสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ได้พระราชทานไว้ในหลายโอกาสเกี่ยวกับการจัดสร้างคลังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ให้มีพื้นที่เพียงพอต่อปริมาณโบราณวัตถุที่เพิ่มมากขึ้นทุกปี ปรับปรุงพัฒนาให้เป็นสถานที่เก็บรวบรวมโบราณวัตถุอย่างเป็นระบบตามมาตรฐานพิพิธภัณฑ์วิทยา เพื่อการอนุรักษ์โบราณวัตถุของชาติ และใช้ประโยชน์ได้มากขึ้นด้วยการเปิดให้บริการศึกษา ค้นคว้า วิจัย พุทธศักราช ๒๕๔๕ กรมศิลปากรจึงได้ย้ายโบราณวัตถุจากคลังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ซึ่งเดิมใช้พื้นที่อาคารจัดแสดงภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร มาจัดเก็บ ณ อาคารพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กาญจนาภิเษก จังหวัดปทุมธานี โดยจัดวางตามหมวดหมู่ประเภทวัสดุตามหลักการอนุรักษ์โบราณวัตถุ ออกแบบห้องคลังต่างๆ ให้เป็นคลังเปิดเพื่อการศึกษา หรือ Visible Storage ที่เปิดให้ผู้เข้าเยี่ยมชมมองเห็นได้จากภายนอกผ่านผนังกระจก              ต่อมาเมื่อ พุทธศักราช ๒๕๕๙ รัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมศิลปากรก่อสร้างอาคารคลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติหลังใหม่ในพื้นที่ว่างของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กาญจนาภิเษก ออกแบบให้เป็นอาคารคลังโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุโดยเฉพาะ ตั้งแต่รูปแบบอาคารที่คำนึงถึงการควบคุมความร้อน ความชื้นจากภายนอกอาคาร ติดตั้งระบบควบคุมสภาพแวดล้อมภายในอาคารเพื่อปกป้องและรักษาโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ให้มีความยั่งยืนและปลอดภัยตามมาตรฐานคลังพิพิธภัณฑ์สากล ได้แก่ ระบบจัดเก็บตามประเภทวัสดุของโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ระบบตรวจสอบและควบคุมอุณหภูมิความชื้น ระบบปรับอากาศ ระบบป้องกันอัคคีภัย ป้องกันภัยธรรมชาติ และการโจรกรรม โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงวางศิลาฤกษ์อาคารคลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙          อาคารคลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กขนาดใหญ่พิเศษ ความสูง ๔ ชั้น ตัวอาคารมีพื้นที่ใช้สอยภายนอกและภายในรวม ๓๐,๐๐๐ ตารางเมตร สามารถรองรับโบราณวัตถุได้มากถึง ๒๐๐,๐๐๐ รายการ รูปทรงอาคารเป็นทรงไทยประยุกต์ ออกแบบโดยนำเส้นสายฐานบัวอันเป็นเอกลักษณ์ในงานสถาปัตยกรรมไทยเข้ามาใช้เป็นกรอบโครงด้านนอกของอาคาร เพื่อสร้างเอกลักษณ์ไทยด้วยวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่  มีการระบายอากาศที่ดี สามารถนำแสงธรรมชาติเข้ามาใช้ในอาคาร และเหมาะสมกับสถานที่ตั้งที่มีภูมิอากาศร้อนชื้น  วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในอาคารเป็นวัสดุประเภทเหล็ก คอนกรีต อลูมิเนียมและกระจกเป็นหลัก ไม่ใช้วัสดุประเภทไม้เพื่อลดโอกาสที่จะมีแมลงเข้ามาอยู่อาศัย ซึ่งอาจทำลายโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ที่จัดเก็บอยู่ภายในอาคาร ปัจจุบันมีโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ เก็บรักษาในคลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จำนวนรวม ๑๑๓,๘๔๙ รายการ จัดเก็บในห้องคลังขนาดใหญ่ รวม ๑๐ ห้อง แบ่งห้องคลังในแต่ละชั้นตามน้ำหนักโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และประเภทวัสดุเพื่อความปลอดภัยในการเก็บรักษา การเคลื่อนย้าย และการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ประกอบด้วย ห้องคลังโบราณวัตถุประเภทหินและปูนปั้น ห้องคลังโบราณวัตถุประเภทโลหะ ๓ ห้อง ห้องคลังโบราณวัตถุประเภทเครื่องปั้นดินเผาและแก้ว ๒ ห้อง ห้องคลังโบราณวัตถุประเภทไม้ ๒ ห้อง และห้องคลังโบราณวัตถุประเภทหนังสัตว์ ผ้า กระดาษ กระดูก งา และเขาสัตว์ ๒ ห้อง           คลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติได้ถูกออกแบบและวางระบบการบริหารจัดการให้เป็นคลังเปิด (Visible Storage) เพื่อให้บริการในรูปแบบของคลังเพื่อการศึกษา (Study Collection) ตามแนวพระราชดำริสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ให้บริการใน ๒ รูปแบบ คือการเข้าศึกษาตามอัธยาศัยในพื้นที่บริการทั่วไป ได้แก่ ห้องสมุด ห้องสอบค้นฐานข้อมูลโบราณวัตถุ และใช้บริการสำเนาไฟล์ภาพถ่ายโบราณวัตถุ การบริการอีกรูปแบบหนึ่งคือ การศึกษาชิ้นงานโบราณวัตถุ ซึ่งต้องยื่นคำร้องขออนุญาต เมื่อได้รับอนุญาต เจ้าหน้าที่จะอำนวยความสะดวกนำเข้าศึกษาโบราณวัตถุในพื้นที่ควบคุมชั้นใน โดยจะเปิดให้บริการแก่นักศึกษา นักวิจัย และประชาชน เข้าศึกษาโบราณวัตถุในคลังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จังหวัดปทุมธานี ได้ตั้งแต่วันที่ ๑๙ กันยายน ศกนี้ ซึ่งตรงกับวันพิพิธภัณฑ์ไทย            นอกจากนี้ กรมศิลปากรยังมีบริการบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ให้สามารถชมบรรยากาศห้องคลังโบราณวัตถุ และโบราณวัตถุชิ้นสำคัญในมุมมอง ๓๖๐ องศา ผ่านทางแอพพลิเคชั่น Virtual Smart Museum และ FA Discovery เพื่อให้โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ที่เก็บรักษาในคลังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ยังประโยชน์แก่ประชาชนทุกคนให้สามารถเรียนรู้และมีส่วนร่วมในการปกป้องคุ้มครองมรดกทางวัฒนธรรมของชาติให้คงคุณค่าต่อไป


-ขอเชิญร่วมกิจกรรม Chocolate Fondue ช็อกโกแลต ฟองดูว์-ในโครงการKidsเรียนรู้@หอสมุดแห่งชาติฯ กาญจนบุรี-ในวันเสาร์ที่ 27 มกราคม 2567 เวลา 13.00 - 16.00 น. -เข้าร่วมกิจกรรมฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น -สามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้โดยไม่ต้องลงทะเบียน


         ชื่อพระพุทธรูป พระประธานในพระอุโบสถวัดเกาะ          สถานที่ประดิษฐาน วัดเกาะแก้วสุทธาราม ตำบลท่าราบ อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี          ประวัติ ความเป็นมาขององค์พระประธานนั้นสันนิษฐานว่าน่าจะร่วมสมัยกับภาพจิตรกรรมฝาผนัง ซึ่งเขียนขึ้นในปี ๒๒๗๗ ตรงกับปีที่ ๒ ในรัชสมัยของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ โดยลักษณะทางพุทธศิลป์ขององค์พระประธานเป็นศิลปะอยุธยา พระพุทธรูปปางขัดสมาธิราบ พระพักตร์อิ่มเรียว พระปรางเปล่ง พระโอษฐ์ยิ้มเห็นเส้นไรพระโอษฐ์ พระขนงโค้ง พระนาสิกคมเป็นสัน พระเนตรเหลือบต่ำ เม็ดพระศกเล็กมีกรอบไรพระศก พระรัศมีรูปเปลวไฟอ่อนช้อย พระกรรณยาวขอบพระกรรณด้านบนแหลม ครองจีวรห่มเฉวียงบ่าแบบมหานิกาย สังฆาฏิซ้อนทับกันสองชั้นเฉลียงจากไหล่ซ้ายพาดลงมากลางพระอุระยาวจรดพระนาภี ปลายสังฆาฏิโค้งเล็กน้อย ขอบสบงทำเป็นแถบหนาหน้านาง องค์พระประธานประดิษฐานบนฐานรัตนบัลลังก์ไม้แกะสลักประดับกระจกสี ไม่มีผ้าทิพย์ ลวดลายงดงามด้วยงานสกุลช่างวัดเกาะ          อีกหนึ่งลักษณะเด่นของวัดเกาะแก้วสุทธาราม คือ จิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถ ซึ่งลักษณะของฝีมือเป็นแบบงานช่างพื้นบ้าน การสร้างสรรค์ภาพจึงมีความเป็นอิสระกว่างานช่างหลวง โดยลักษณะพิเศษของงานจิตรกรรมฝาผนังวัดเกาะอยู่ที่การออกแบบองค์ประกอบภาพที่เหมาะสมกับพื้นที่ของผนัง และการแสดงออกที่ไม่ยึดติดกับความงามจนเกินไป ทำให้ช่างสามารถแสดงอารมณ์ความรู้สึกออกมาได้ชัดเจน          โดยจิตรกรรมเขียนเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติและไตรภูมิโลกสัณฐานตามแบบจิตรกรรมไทยประเพณี แต่มีความน่าสนใจคือ การสลับตำแหน่งของเหตุการณ์ในภาพจิตรกรรม ซึ่งโดยมักจะพบว่านิยมเขียนภาพไตรภูมิโลกสัณฐานอยู่เบื้องหลังพระประธาน และเบื้องหน้าจะเขียนภาพมารผจญ ทว่าจิตรกรรมภายในอุโบสถวัดเกาะนี้ช่างได้เขียนภาพเบื้องหลังพระประธานเป็นภาพมารผจญ และเบื้องหน้าเป็นภาพจักรวาล


          โขนเรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ (ของเดิม): โขนเรือที่เห็นนี้เป็นโขนเดิมที่ยกเลิกใช้งานและนำมาจัดแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธี ซึ่งตั้งอยู่ริมคลองบางกอกน้อย              เลขที่ 80/1 ถนนอรุณอัมรินทร์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ 10700   โขนเรืออันเดิมที่จัดแสดงที่เห็นนี้จัดแสดงอยู่ด้วยกันกับเรือพระราชพิธีอีกหลายลำ  ผู้สนใจสามารถศึกษาหรือเปรียบเทียบลักษณะของโขนเรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ (ของเดิม) กับโขนเรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9 ที่จอดแสดงอยู่ได้ด้วยตนเอง ที่มา: http://www.virtualmuseum.finearts.go.th/royalbarges


          สำนักศิลปากรที่ 7 เชียงใหม่ ขอเรียนเชิญทุกท่าน ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเสนอแนวทาง ความคิดเห็น การกำหนดเฉดสีอาคาร ในการดำเนินงานอนุรักษ์รื้อฟื้นอาคารศูนย์การเรียนรู้การป่าไม้ฯ สวนรุกขชาติเชตวัน จังหวัดแพร่ (บ้านเขียว) โดยสามารถแสดงความคิดเห็นใน Facebook Page : สวนรุกขชาติเชตวัน Cheatawan Arboretum ตามลิ้งนี้ https://www.facebook.com/share/p/soWMpieoTWDV982h/?mibextid=ZbWKwL  ทุกความคิดเห็นของท่านจะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานต่อไป


ส่งเสริมการอ่านผ่าน Facebook กับหอสมุดแห่งชาติชลบุรี เรื่อง กินต้านเบาหวาน กินต้านเบาหวาน. กรุงเทพฯ: มายิก, 2555. ห้องหนังสือทั่วไป 2 เลขเรียกหนังสือ 641.5631 ก677 โรคเบาหวาน เป็นโรคเรื้อรังที่ถือว่ามีความรุนแรง และคาดการณ์ว่าในปี พ.ศ.2568 จะมีจำนวนผู้ป่วยเบาหวานเพิ่มสูงขึ้นถึง 300 ล้านคนจากประชากรทั่วโลก เมื่อปี พ.ศ.2566 ที่ผ่านมา พบว่าประเทศไทยมีผู้ป่วยเบาหวานประมาณ 4.8 ล้านคน ส่วนใหญ่อยู่ในวัยกลางคน และข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขรายงานว่าโรคเบาหวานในประเทศไทยยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง กินต้านเบาหวาน เล่มนี้ ผู้เขียนพาเราไปพบกับ โรคเบาหวานภัยร้ายใกล้ตัวที่เกิดขึ้นได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ ซึ่งหลายคนยังเข้าใจผิดว่าโรคเบาหวานเกิดจากการกินของหวานมากเกินไป แต่แท้จริงแล้วสาเหตุมาจากความผิดปกติในการผลิตหรือการทำงานของฮอร์โมนอินซูลิน ทำให้ร่างกายไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลได้ จนเกิดการสะสมอยู่ในกระแสเลือดมากเกินกว่าปกติ เบาหวานแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ เบาหวานที่เกิดจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม และประเภทที่ 2 คือ เกิดจากการที่ร่างกายผลิตอินซูลินออกมาน้อย ซึ่งสาเหตุมาจากพฤติกรรมการกินที่ไม่เหมาะสม ขาดการออกกำลังกาย หรือมีภาวะเครียดสะสม เบาหวานถือเป็นโรคเรื้อรังและไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ อีกทั้งยังก่อให้เกิดโรคแทรกซ้อนตามมาอีกมายมาย อาทิ โรคหัวใจ ไตวาย เป็นต้น ทั้งนี้เราสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ เหล่านี้ได้ เมื่อเรามีความรู้เกี่ยวกับโรคมากเพียงพอและหากสงสัยว่าจะเป็นโรคเบาหวานให้รีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจสอบหาเบาหวาน โดยแพทย์จะใช้วิธีตรวจปัสสาวะเพื่อให้ทราบถึงปริมาณของสารที่เกี่ยวข้องกับเบาหวานว่ามีความผิดปกติหรือไม่ และสิ่งสำคัญที่สุดเมื่อพบว่าเป็นโรคเบาหวาน ควรระมัดระวังเรื่องการกินอาหาร โดยหลีกเลี่ยงอาหารรสจัดและรสหวาน ทั้งนี้องค์การอาหารและยาของอเมริกาได้จัดทำปิรามิดอาหารสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน เพื่อแนะนำปริมาณอาหารที่ควรกินต่อวัน โดยแบ่งเป็น 6 กลุ่ม คือ 1) ข้าว แป้ง และธัญพืช 2) ผลไม้ 3) ผัก 4) นม 5) เนื้อสัตว์ 6) ไขมัน ของหวาน และแอลกอฮอล์ ร่วมกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมออย่างน้อย 30-45 นาทีต่อวัน เพื่อช่วยให้อินซูลินทำงานดีขึ้น และยังช่วยลดระดับน้ำตาล ความดันโลหิต และคอเลสเตอรอลในกระแสเลือดได้อีกด้วย ยังมีคำแนะนำอีกมากมายภายในหนังสือเล่มนี้ ที่จะช่วยให้ผู้ป่วยรู้วิธีรับมือกับโรคและสามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติ ผู้สนใจสามารถหาอ่านได้ที่หอสมุดแห่งชาติชลบุรี (วันอังคาร – วันเสาร์ เวลา 09.00 - 17.00 น.)


กู่บ้านปราสาท อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา   แผนผังกู่ปราสาทเป็นปราสาทอิฐ 3 หลัง ตั้งอยู่บนฐานเดียวกัน ทำจากศิลาแลง ในแนวทิศเหนือ-ใต้ ล้อมรอบด้วยกำแพงแก้วโดยมีซุ้มประตูทางเข้าทางทิศตะวันออกด้านเดียว นอกกำแพงสันนิษฐานว่า เดิมล้อมรอบด้วยคูน้ำรูปตัว U ภายในกำแพงแก้วมีอาคารอิฐ 1 หลัง ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ สร้างขึ้นในสมัยหลังแทนวิหารหรือบรรณาลัย และอาคารอิฐหลังเล็กอีก 1 หลัง ซึ่งอาคารอิฐทั้งสองถูกสร้างเพิ่มเติมในสมัยหลัง




-- องค์ความรู้จากเอกสารจดหมายเหตุ : ประชุมวาระเดียว -- วันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2528 สำนักงานการประถมศึกษาอำเภอเมืองพะเยา จัดการประชุมบุคลากรครั้งที่ 2 โดยใช้เวลา 2 ชั่วโมง . . . เป็น 2 ชั่วโมงที่มีวาระเดียว จากเอกสารจดหมายเหตุเรื่องบันทึกการประชุมเจ้าหน้าที่สำนักงานการประถมศึกษาอำเภอเมืองพะเยา ระบุว่า มีผู้มาประชุม 15 คน เริ่มเวลา 10 นาฬิกา ถึง 12 นาฬิกา โดยหัวหน้าสำนักงานเป็นประธาน ส่วนวาระการประชุมกำหนดเพียง " เรื่องที่ประธานแจ้งให้ทราบ " เท่านั้น หากมีเรื่องย่อย 11 เรื่อง ได้แก่ 1. การสอบเลื่อนระดับเป็นผู้ช่วยหัวหน้าสำนักงานการประถมศึกษาอำเภอ 2. การปรับปรุงคุณภาพการศึกษา 3. การย้ายข้าราชการครู 4. การอบรมลูกเสือ 5. อัตรากำลังลูกจ้างประจำที่ได้มาใหม่ 6. บัตรประจำตัวข้าราชการใหม่ 7. การเป็นอาจารย์ 3 ต้องเป็นอาจารย์ 2 ระดับ 6 มาก่อน 8. การดำเนินการเกี่ยวกับเหรียญพ่อขุน 9. การเบิกค่าเช่าบ้าน 10. ให้ผู้ช่วยหัวหน้าสำนักงานรับทราบเรื่องต่างๆที่ส่งมาก่อน 11. การทำบุญและเปิดป้ายสำนักงาน ทั้งนี้ รายงานการประชุมถูกเขียนด้วยลายมือไว้ในสมุดรวมบันทึกการประชุมตลอดปีงบประมาณ น่าสนใจว่า การประชุมครั้งที่ 2 ประจำเดือนมีนาคม พ.ศ. 2528 ไม่มีแผนงาน โครงการใดๆ จำเป็นต้องหารือหรือติดตามความก้าวหน้าครึ่งปีงบประมาณที่จะตั้งเป็นวาระอื่นๆ อีกอย่างนั้นหรือ ต่อมา เหตุใดไม่จัดพิมพ์บันทึกการประชุมอย่างเป็นทางการ สันนิษฐานได้ไหมว่า เอกสารฉบับนี้เป็นต้นฉบับ ผู้บันทึกจดลงในสมุดบันทึกทันทีทันใดขณะดำเนินการประชุม ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น ถือได้ว่าเป็นเอกสารแบบ " Manuscript " หรือหลักฐานชั้นต้นร่วมเหตุการณ์ มีความน่าเชื่อถืออย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม อีกปัจจัยหนึ่งที่ตั้งเป็นข้อสังเกตไว้คือ ความจำเป็น ณ ขณะนั้น ที่การประชุมมีวาระเดียวและบันทึกด้วยลายมือก่อน เพราะ " มีความเร่งด่วน " ต้องดำเนินการประชุม แต่สิ่งสำคัญกว่าใดๆ นั้น บันทึกการประชุมครั้งนี้สะท้อนภารกิจของหน่วยงานชัดเจน เป็นความชัดเจนตั้งแต่แจ้งเรื่องผลประโยชน์ส่วนรวมและส่วนตัวให้บุคลากรแบบวาระเดียวจบในตัว.ผู้เขียน: นายธานินทร์ ทิพยางค์ (นักจดหมายเหตุ หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ พะเยา)เอกสารอ้างอิง: หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ พะเยา. เอกสารสำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดพะเยา (5) ศธ 3.1.2/10 เรื่อง บันทึกการประชุมเจ้าหน้าที่สำนักงานการประถมศึกษาอำเภอเมืองพะเยา [ 4 ก.พ. - 22 ธ.ค. 2532 ].#จดหมายเหตุ #องค์ความรู้จากจากจดหมายเหตุ #หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯพะเยา #เอกสารจดหมายเหตุ


ที่ระลึกศาลหลักเมืองจันทบุรี จังหวัดจันทบุรี ผู้แต่ง : ศาลหลักเมืองจันทบุรี จังหวัดจันทบุรี ต้นฉบับอยู่ที่ : หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี (ห้องจันทบุรี) ผู้พิมพ์ : โรงพิมพ์ชัยสยามพริ้นติ้ง กรุ๊ป (1993) ปีที่พิมพ์ : 2536 รูปแบบ : PDF ภาษา : ไทย เลขทะเบียน : น. 39 บ. 12429 จบ. (ร) เลขหมู่ : ท. 294.31211 ท539 สาระสังเขป : หนังสือจัดพิมพ์เนื่องในวาระเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ในวโรกาสเจริญพระชนมพรรษา 5 รอบ พุทธศักราช 2535 เนื้อหาประกอบด้วยประวัติความเป็นมาของการสร้างศาลหลักเมืองจันทบุรี จังหวัดจันทบุรี ประวัติเสาพระหลักเมืองจันทบุรี พื้นฐานทางประวัติและโบราณคดีเมืองจันทบุรี จันทบุรีก่อนประวัติศาสตร์และในยุคสมัยต่างๆ และตำนานเมืองจันทบุรี   


ชื่อเรื่อง                     พญาคันคาก (พญาคันคาก)                                                  สพ.บ.                       485/1หมวดหมู่                   พุทธศาสนาภาษา                       ไทยอีสานหัวเรื่อง                     พุทธศาสนา     ประเภทวัสดุ/มีเดีย        คัมภีร์ใบลานลักษณะวัสดุ                156 หน้า : กว้าง 5 ซม. ยาว 57 ซม.บทคัดย่อ/บันทึก          เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรไทยน้อย เส้นจาร ฉบับลานดิบ มีไม้ประกับ ได้รับบริจาคมาจากวัดด่านช้าง ต.ด่านช้าง อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี


เมื่อวันที่ ๑๗ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๔๒ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จออก ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้คณะหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงพิเศษ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ในการนี้ได้พระราชทานตำราฝนหลวง เพื่อนำไปถ่ายทอดแก่ทุกฝ่าย รหัสเอกสาร ภ หจภ กษ ๑๒.๑/๑๖




black ribbon.