ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,758 รายการ
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 9 กรกฎาคม 2560 เวลา 09.00 น. นายนิมิต วันไชยธนวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท และนางจุฬารัตน์ วันไชยธนวงศ์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดชัยนาท พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการและประชาชนชาวชัยนาท ได้ร่วมกันห่มผ้าพระธาตุเจดีย์เนื่องในเทศกาลวันเข้าพรรษา ณ วัดพระบรมธาตุวรวิหาร อำเภอเมืองชัยนาท เป็นการสักการบูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า รวมทั้งสร้างความสามัคคี และเชื่อมโยงพุทธศาสนิกชนให้ใกล้ชิดกับพุทธศาสนาให้มากยิ่งขึ้น
โดยประเพณีนี้ชาวจังหวัดชัยนาทได้จัดต่อเนื่องกันมาเป็นประจำทุกปี และเป็นประเพณีที่ยิ่งใหญ่ของชาวชัยนาทอีกประเพณีหนึ่ง เพราะเชื่อว่า หากทำการห่มผ้าพระธาตุเจดีย์แล้วจะมีความเจริญรุ่งเรืองและเป็นสิริมงคลกับตนเองและครอบครัว ซึ่งวัดพระบรมธาตุวรวิหาร มีพระบรมสารีริกธาตุบรรจุอยู่ในองค์พระเจดีย์ ในอดีตวัดแห่งนี้เคยเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และประกอบพิธีพุทธาภิเษกของพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ โดยถือกันว่าน้ำหน้าวัดเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่นำไปใช้ในพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยาอีกแห่งหนึ่ง และภายในวิหารมีบ่อน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ที่มีน้ำออกมาตามธรรมชาติ
อบรมผู้ใช้งานระบบสัมมนาออนไลน์ ในวันที่ 30 มีนาคม 2556
ตั้งแต่เวลา 9.00 - 16.00 โดยเจ้าหน้าที่บริษัท เอ็มเวิร์ค กรุ๊ป จำกัด
สถานที่ : ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ
ติดต่อ : เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์
โทรศัพท์ 02-2222222
วันเสาร์ที่ ๔ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๓ บุคลากรพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงแสน และ สำนักศิลปากรที่ ๗ เชียงใหม่ สาขาเชียงแสน จัดกิจกรรมรณรงค์การดูแลรักษามรดกทางศิลปวัฒนธรรมของชาติ เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพของ สมเด็จพระกนิษฐาธิราช กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี วันที่ ๒ เมษายน และเนื่องในวันอนุรักษ์มรดกไทย พุทธศักราช ๒๕๖๓ โดยจัดกิจกรรมทำความสะอาดพื้นที่โดยรอบและภายในอาคารพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงแสน สำนักศิลปากรที่ ๗ เชียงใหม่ สาขาเชียงแสน และ โบราณสถานวัดป่าสัก ตามมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (Coronavirus disease ๒๐๑๙) COVID-๑๙
ในการนี้ได้มีการพ่นยาฆ่าเชื้อไวรัสบริเวณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงแสน และสำนักศิลปากรที่ ๗ เชียงใหม่ เนื่องในวันอนุรักษ์มรดกไทย ประจำปี ๒๕๖๓ เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ปฏิบัติงาน และผู้ติดต่อราชการ
อบรมผู้ใช้งานระบบสัมมนาออนไลน์ ในวันที่ 28 มีนาคม 2556
ตั้งแต่เวลา 9.00 - 16.00 โดยเจ้าหน้าที่บริษัท เอ็มเวิร์ค กรุ๊ป จำกัด
ชื่อวัตถุ ชิ้นส่วนกลองมโหระทึก
ทะเบียน ๒๗/๒๘๙/๒๕๓๒
อายุสมัย ๒๐๐ปีก่อนพุทธกาล -พุทธศตวรรษที่ ๕ (๒,๑๐๐-๒,๗๐๐ ปีมาแล้ว)
วัสดุ สำริด
ประวัติ ไม่ปรากฏประวัติเดิม พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ถลาง รับมาจากคลังพิพิธภัณฑ์ เมื่อวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๒
สถานที่เก็บรักษา พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ถลาง
“ชิ้นส่วนกลองมโหระทึก”
ชิ้นส่วนหน้ากลองโหระทึกมีสถาพไม่สมบูรณ์ บนหน้ากลองมีลวดลายต่างๆ มีลายพระอาทิตย์อยู่ตรงกลาง และลายอื่นๆ อาทิ ลายเรขาคณิต อาคารบ้านเรือน ลายสัตว์ อาทิ เสือ และนก บนหน้ากลองยังมีประติมากรรมลอยตัวเป็นรูปหอยติดอยู่อีกด้วย
กลองโหระทึก หมายถึง กลองที่ทำจากโลหะที่ผสมด้วยทองแดง ดีบุก และตะกั่ว สำหรับกลองมโหระทึกชิ้นนี้เป็นกลองที่พบมากในวัฒนธรรมดองซอน ซึ่งเป็นวัฒนธรรมที่เจริญอยู่ทางตอนเหนือของประเทศเวียดนาม ในช่วงสมัยก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลาย ราวก่อนพุทธศตวรรษที่ ๒ – พุทธศตวรรษที่ ๗ (๑,๙๐๐ - ๒,๗๐๐ ปีมาแล้ว) และยังพบมากในทางตอนใต้ของประเทศจีนอีกด้วย ในประเทศเวียดนามได้พบหลักฐานการใช้กลองมโหระทึกขนาดเล็กเป็นเครื่องอุทิศให้กับคนตาย ส่วนกลองขนาดใหญ่มีการศึกษาตีความจากลวดลายว่าอาจใช้ในพิธีกรรมต่างๆ เช่น พิธีเฉลิมฉลอง และเพื่อความอุดมสมบูรณ์ เป็นต้น
กลองมโหระทึกเป็นสิ่งของล้ำค่าในวัฒนธรรมดองซอน ของเวียดนาม ทั้งนี้ ได้พบกลองมโหระทึกกระจายอยู่ในแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงในประเทศไทยและในพื้นที่ภาคใต้ซึ่งพบกลองมโหระทึกแบบ เฮเกอร์ ๑ โดยพบในแหล่งโบราณคดีที่เจริญอยู่ในช่วงสมัยแรกเริ่มประวัติศาสตร์ พุทธศตวรรษที่ ๓ – ๙ (๑,๗๐๐ – ๒,๓๐๐ ปีมาแล้ว) โดยพบมากในฝั่งอ่าวไทยที่จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และสงขลา ส่วนฝั่งอันดามันพบที่แหล่งโบราณคดีควนลูกปัด (คลองท่อม) จังหวัดกระบี่ ซึ่งอาจจะเป็นชิ้นส่วนกบที่ติดอยู่บนหน้ากลองมโหระทึก
ชิ้นส่วนหน้ากลองมโหระทึกชิ้นนี้ไม่ปรากฏแหล่งที่มา แต่ก็เป็นหลักฐานสำคัญทางโบราณคดีโดยเฉพาะลาดลายบนหน้ากลองซึ่งมีรูปบ้านเรือน ซึ่งเป็นข้อมูลที่แสดงให้เห็นถึงอาคารหรือที่พักอาศัยของคนในสมัยก่อนเมื่อ ๑,๙๐๐ - ๒,๗๐๐ ปีมาแล้ว ซึ่งน่าจะเป็นรูปแบบที่พักของผู้คนในวัฒนธรรมดองซอนซึ่งเป็นกลุ่มคนที่ผลิตกลองมโหระทึก ทั้งนี้ ได้พบหลักฐานการผลิตกลองมโหระทึกที่แหล่งโบราณคดีโนนหนองหอ จังหวัดมุกดาหาร ซึ่งเป็นข้อมูลการค้นพบใหม่ที่น่าสนใจศึกษาเพิ่มเติมต่อไป
เอกสารอ้างอิง
- กรมศิลปากร.ศัพทานุกรมโบราณคดี.กรุงเทพ : บริษัท รุ่งศิล์ปการพิมพ์ จำกัด, ๒๕๕๐.
- เขมชาติ เทพไชย.“กลองมโหระทึก : ที่พบในภาคใต้.” สารานุกรมวัฒนธรรมภาคใต้ พ.ศ.๒๕๒๙ เล่ม ๑. กรุงเทพ: อมรินทร์การพิมพ์, ๒๕๔๒.
- ธราพงศ์ ศรีสุชาติ, “เขาสามแก้ว : ชุมชนโบราณ” สารานุกรมวัฒนธรรมภาคใต้ พ.ศ.๒๕๒๙ เล่ม ๑.กรุงเทพ : สถาบันทักษิณคดี,๒๕๒๙: ๓๘๘ - ๓๙๖.
-เมธินี จิระวัฒนา.กลองมโหระทึกในประเทศไทย.กรุงเทพ : บริษัท อาทิตย์ โพรดักส์ กรุ๊ป จำกัด , ๒๕๕๐.
- Tingley, N.. Art of ancient Viet Nam :Fron river plain to open sea. Germany : E&B Engelhardt und Bauer, ๒๐๑๐.
- สุกัญญา เบาเนิด. หลักฐานสำคัญจากแหล่งโบราณคดีเนินหนองหอ จ.มุกดาหาร. สืบค้นเมื่อ 6 ธันวาคม ๒๕๖๐, จาก http://www.finearts.go.th
วันเสาร์ที่ ๒๕ มกราคม พ.ศ.๒๕๖๓ เวลา ๑๐.๔๐ น. นักชั้นประถมศึกษาที่ ๑ ถึงชั้นมัธยมศึกษาที่ ๓ โรงเรียนบ้านหนองแวง ตำบลหนองแวง อำเภอศรีณรงค์ จังหวัดสุรินทร์ นักเรียนจำนวน ๖๕ คน คุณครูจำนวน ๑๐ คน เข้าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุรินทร์ โดยมี นางถนอม หลวงกลาง พนักงานประจำห้อง ให้การต้อนรับและบรรยายนำชม
ประกาศกรมศิลปากร เรื่อง มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบ
วันที่ ๒๔ - ๒๖ กุมภาพันธ์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานระยอง ร่วมกับหอจดหมายเหตุแห่งชาติ จันทบุรี และสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดจันทบุรี ได้จัดงาน "อาหารถิ่นเมืองจันท์" โดยนำอาหารพื้นเมืองมาออกร้านให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวทั่วไปได้เลือกชิม เลือกซื้อรับประทาน โดยมีนายวิทูรัช ศรีนาม ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี เป็นผู้กล่าวและตัดริบบิ้นเปิดงาน
ส่วนด้านบนอาคารหอจดหมายเหตุแห่งชาติ จันทบุรี ได้เปิดให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้าชมนิทรรศการภาพเก่าเมืองจันทบุรี และตามรอยเสด็จฯ รัชกาลที่ ๙ ซึ่งการจัดงานในครั้งนี้ มีประชาชนและนักท่องเที่ยวสนใจเข้ามาจับจ่ายซื้อของกินภายใต้บรรยากาศตัวอาคารเก่าสมัยรัชกาลที่ ๖ ซึ่งประดับตกแต่งด้วยโคมโฟสวยงามกันเป็นจำนวนมาก
อาคารชั้นล่าง จำนวน 8 ห้อง จัดแสดงเรื่องราวและหลักฐานทางศิลปกรรมที่สะท้อนถึงความเจริญรุ่งเรืองด้านพุทธศิลป์ของล้านนา ประกอบด้วยพัฒนาการของพระพุทธรูป 4 ระยะ ได้แก่ การได้รับอิทธิพลจากศิลปะหริภุญไชย ศิลปะอินเดียแบบปาละ และศิลปะพม่าแบบพุกามในพุทธศตวรรษที่ 19 การได้รับอิทธิพลจากศิลปะสุโขทัยในพุทธศตวรรษที่ 20 ลักษณะเฉพาะของศิลปะล้านนาในพุทธศตวรรษที่ 21 และหลังจากปลายพุทธศตวรรษที่ 21 โบราณวัตถุที่สำคัญโดดเด่น เช่น เศียรพระพุทธรูปสำริด ขนาดสูง 182 เซนติเมตร ที่เรียกว่า “พระแสนแซว่” เครื่องพุทธบูชาจำลองที่พบในเขตอำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ ก่อนจะสร้างเขื่อนภูมิพล พระพิมพ์ เครื่องพุทธบูชา และเครื่องสักการะในพระพุทธศาสนาซึ่งส่วนใหญ่เป็นไม้แกะสลักอายุราวพุทธศตวรรษที่ 24-25
นอกจากนี้ ยังจัดแสดงเครื่องถ้วยที่พบจากแหล่งเตา แหล่งโบราณคดีและจากโบราณสถาน ทั้งเครื่องถ้วยล้านนา เครื่องถ้วยสุโขทัย และเครื่องถ้วยต่างประเทศอย่างจีน เวียดนาม สะท้อนถึงการติดต่อระหว่างล้านนากับบ้านเมืองอื่น ๆ จิตรกรรมล้านนาโดยเฉพาะภายในวิหารตามวัดต่าง ๆ และยังคงจัดแสดงศิลปะในประเทศไทยเพื่อให้ผู้สนใจโดยเฉพาะนักเรียน นักศึกษา ได้ใช้ศึกษาเปรียบเทียบกับศิลปะล้านนา
ส่วนจัดแสดงชั้นล่าง จำนวน 8 ห้อง ประกอบด้วย
พัฒนาการพระพุทธรูปศิลปะล้านนา
พระแสนแซว่
พระพิมพ์ล้านนา
เครื่องพุทธบูชา และเครื่องสักการะในพระพุทธศาสนา
โบราณวัตถุพบที่อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่
เครื่องถ้วยล้านนา
จิตรกรรมล้านนา
ศิลปะในประเทศไทย