ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,758 รายการ

ร่องรอยการใช้วัสดุประเภทปูนที่โบราณสถานวัดสิงห์ปูน ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญในงานสถาปัตยกรรมโบราณที่นำมาใช้ในกระบวนการก่อสร้าง เช่น ใช้เป็นวัสดุเชื่อมประสานในการก่อหรือสอให้วัสดุ เช่น อิฐ ศิลาแลง เชื่อมติดกัน เพื่อเป็นสิ่งก่อสร้าง เช่น ผนัง กำแพง ให้มีความมั่นคงของโครงสร้างมากขึ้น หรือใช้เป็นวัสดุสำหรับการฉาบวัสดุอื่นเพื่อให้ผิวชั้นนอกเกิดความเรียบ หรือใช้สำหรับเป็นวัสดุสรรค์สร้างลวดลายต่าง ๆ ประดับตกแต่งอาคาร.คำว่า “ปูน” ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานพุทธศักราช 2554 หมายถึง หินปูน หรือเปลือกหอยเมื่อถูกเผาจนสลายตัว ตัวอย่างคำที่เกี่ยวข้อง เช่น ปูนดิบ หมายถึง ปูนที่ได้จากการเผาหินปูนหรือเปลือกหอยจนสลายตัว ปูนสุก หมายถึง ปูนดิบที่ถูกความชื้นในอากาศหรือพรมน้ำแล้วแตกละเอียดเป็นผงขาวสำหรับฉาบทาฝาผนัง ปูนปั้น ใช้เรียกลวดลายประดับตามอาคารหรือสิ่งก่อสร้างที่ทำจากปูน เป็นต้น.วัดสิงห์เป็นโบราณสถานที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือนอกเมืองกำแพงเพชร ภายในวัดพบหลักฐานการนำปูนมาใช้ประกอบงานสถาปัตยกรรมจากภาพถ่ายสมัยรัชกาลที่ 5 จากรายงานการดำเนินการขุดแต่งทางโบราณคดี และการสำรวจเก็บข้อมูลในปัจจุบัน.. จากการดำเนินการขุดแต่งทางโบราณคดีเมื่อปีพุทธศักราช 2525 พบโกลนศิลาแลงรูปนาค ลักษณะเป็นนาคห้าเศียรแบ่งได้สองแบบ คือ นาคห้าเศียรมีหงอนด้านบน และนาคห้าเศียรแผ่แม่เบี้ยไม่มีหงอน พบโกลนศิลาแลงรูปทวารบาล ลักษณะเป็นส่วนขาและส่วนฐาน โกลนที่ด้านล่างของทั้งรูปนาคและทวารบาลนั้นมีลักษณะทำเป็นเดือยเพื่อสวมกับแท่นรองรับ นอกจากนี้ยังพบชิ้นส่วนปูนปั้นส่วนต่าง ๆของสิงห์ เช่น เล็บเท้า และเครื่องประดับข้อเท้า และ ปูนปั้นบัวหัวเสา .. จากการสำรวจภายในพื้นที่พบปูนฉาบหรือปูนตกแต่งที่เสาอาคาร และบริเวณโดยรอบเจดีย์ประธาน ปูนฉาบอาคารมีลักษณะเป็นปูนผสมทรายขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 0.1-0.5 เซนติเมตร ความหนาโดยรวมประมาณ 1-3 เซนติเมตร และ ปูนตกแต่งเจดีย์ประธานลักษณะเป็นปูนผสมทรายเม็ดละเอียดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 0.1 เซนติเมตร มีรายละเอียด ดังนี้ - อุโบสถ พบปูนฉาบบริเวณเสารองรับหลังคา และเสาบริเวณบันไดทางขึ้นอาคาร มีความหนาประมาณ 2 เซนติเมตร - เจดีย์ประธาน พบปูนฉาบบริเวณผนังด้านทิศตะวันตกของซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูปทางด้านทิศเหนือปรากฏร่องรอยการฉาบผนังด้านนอกมากกว่าหนึ่งครั้ง โดยปูนฉาบที่หลงเหลืออยู่มีความหนาประมาณ 1 เซนติเมตร บริเวณฐานบัวส่วนหน้ากระดานมีความหนา 2 เซนติเมตร ส่วนบัวคว่ำหนาประมาณ 7-9 เซนติเมตร และฐานเขียงมีความหนา 3 เซนติเมตร - ศาลาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของกำแพงแก้ว พบปูนฉาบบริเวณเสารองรับหลังคา ปรากฏร่องรอยการฉาบมากกว่าหนึ่งครั้ง โดยปูนฉาบที่หลงเหลืออยู่มีความหนาประมาณ 0.3-1 เซนติเมตร  - ศาลาทางทิศตะวันออกเฉียงใต้นอกเขตกำแพงวัด พบปูนฉาบบริเวณเสารองรับหลังคา มีความหนาประมาณ 0.5-2 เซนติเมตร.ปูนปั้นที่พบในวัดสิงห์นั้นเป็นชิ้นส่วนขาของสิงห์พร้อมเครื่องประดับข้อเท้าลายเม็ดไข่ปลา มีความหนาประมาณ 2 เซนติเมตร นอกจากนี้ยังพบโกลนศิลาแลงรูปทวารบาล และนาคห้าเศียร โดยปรากฏภาพประติมากรรมประเภทเดียวกันนี้ในภาพถ่ายเก่าครั้งสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสหัวเมืองเหนือ (เสด็จประพาสต้น) ในปี พุทธศักราช 2449 อีกทั้งยังพบชิ้นส่วนปูนปั้นรูปใบหน้าสิงห์ และโกลนรูปนาคจากการดำเนินการขุดแต่งทางโบราณคดีที่วัดสิงห์ดังกล่าว อันเป็นหลักฐานแสดงถึงการมีอยู่ของประติมากรรมปูนปั้นบริเวณด้านหน้าอุโบสถ..ทวารบาล หมายถึง นายประตูหรือผู้ปกปักรักษาประตู ไม่ให้สิ่งที่เป็นอันตรายหรือสิ่งชั่วร้ายผ่านไปสู่พื้นที่ด้านหลังบานประตูนั้นได้ ศาสนสถานเปรียบเสมือนที่ประทับแห่งเทพหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นจึงต้องมีการสร้างรูปทวารบาลของศาสนสถานที่ดูน่าเกรงขามหรือทำให้เชื่อว่าป้องกันสิ่งที่ชั่วร้ายได้ และอำนวยพรแก่ผู้มาสักการะให้รู้สึกปลอดภัย จึงปรากฏการสร้างประติมากรรมรูปบุคคล และรูปสัตว์ บริเวณทางเข้าหรือประตูเพื่อเป็นทวารบาลในการปกป้องและคุ้มครองศาสนสถานแห่งต่าง ๆ.สิงห์ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานพุทธศักราช 2554 หมายถึง สัตว์ในนิยาย ถือว่ามีความดุร้าย และมีกำลังมาก มีที่มาจากสิงโตซึ่งเป็นสัตว์ในท้องถิ่นของประเทศอินเดีย เป็นตัวแทนของราชาแห่งสรรพสัตว์ทั้งหลาย อันเป็นสัญลักษณ์แห่งกษัตริย์ เนื่องจากพระพุทธเจ้าเคยเป็นบุคคลในวรรณะกษัตริย์ สิงห์จึงถูกนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์ในทางพระพุทธศาสนาอีกทางหนึ่ง ดังนั้นจึงปรากฏประติมากรรมรูปสิงห์ในฐานะทวารบาลบริเวณทางเข้าของศาสนสถาน.นาค ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานพุทธศักราช 2554 หมายถึง สัตว์ในนิยายโบราณ รูปร่างคล้ายงูแต่หัวมีหงอน ปรากฏในคัมภีร์ทางศาสนาทั้งศาสนาฮินดูและศาสนาพุทธ ในคัมภีร์ทางศาสนาฮินดูได้กล่าวว่า นาคมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับเหล่าเทพเจ้า เช่น นาคเป็นสายยัญชโยปวีตของพระอิศวร นาคเป็นแท่นบรรทมของพระนารายณ์ เป็นต้น ส่วนความสัมพันธ์ของนาคกับศาสนาพุทธนั้น มีที่มาจากเรื่องราวในพุทธประวัติ เช่น พญานาคราชหรือพญามุจลินทร์นาคราชแผ่พังพานปกป้องพระพุทธเจ้า .. จากหลักฐานที่พบจึงสามารถระบุได้ว่าสถาปัตยกรรมของวัดสิงห์มีการฉาบปูน โดยการก่อสร้างอาคาร เจดีย์ สถาปัตยกรรมต่างๆ ด้วยอิฐและศิลาแลงก่อน แล้วจึงใช้ปูนฉาบประดับตกแต่ง และปั้นรูปทรงประติมากรรมประกอบอาคาร________________________________________เอกสารอ้างอิง มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร. (2549). ครบ ๑๐๐ ปี พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสต้นเมืองกำแพงเพชร วันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2549. กรุงเทพฯ: จังหวัดกำแพงเพชร.ศิลปากร,กรม. (ม.ป.ป.). รายงานการสำรวจ ขุดแต่งและบูรณะโบราณสถานเมืองสุโขทัย ศรีสัชนาลัย และ กำแพงเพชร  พ.ศ. 2512. สุโขทัยและกำแพงเพชร: กรมการปรับปรุงบูรณะโบราณสถานจังหวัดกำแพงเพชรและสุโขทัย. เอกสารอัดสำเนา.ศิลปากร,กรม. (2546). ทวารบาลผู้รักษาศาสนสถาน (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ : บริษัท อัมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง.สำนักงานราชบัณฑิตยสภา. (2554). พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานพุทธศักราช 2554. กรุงเทพฯ: สำนักงานราช บัณฑิตยสภา.อนันต์ ชูโชติ. (2525). รายงานการขุดแต่งโบราณสถานวัดสิงห์. ม.ป.ท..


ชื่อเรื่อง                    โบราณวิทยาเรื่องเมืองอู่ทองผู้แต่ง                      กรมศิลปากรประเภทวัสดุ/มีเดีย      หนังสือท้องถิ่นISBN/ISSN                -หมวดหมู่                  ประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์เลขหมู่                     915.9303 ศ528บสถานที่พิมพ์              พระนครสำนักพิมพ์                กรมศิลปากรปีที่พิมพ์                   2509ลักษณะวัสดุ              232 หน้า : ภาพประกอบ, ผังแสดง, แผนที่ ; 24 ซม.หัวเรื่อง                    โบราณวัตถุ -- ไทย                             ไทย -- โบราณสถาน                             อู่ทอง -- ประวัติ ภาษา                      ไทยหมายเหตุ                 ฉบับสำเนาบทคัดย่อ/บันทึก          ประวัติและลักษณะของเมืองอู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี รายละเอียดเกี่ยวกับการจัดตั้งพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง ทั้งในด้านโบราณคดี ประติมากรรมพื้นบ้านของอู่ทอง พร้อมทั้งแผนที่ แผนผัง และภาพประกอบ


ส่งเสริมการอ่านกับหอสมุดแห่งชาติชลบุรี เรื่อง ประเพณีลอยกระทง ประเพณีลอยกระทงเป็นประเพณีของไทยอย่างหนึ่ง จัดขึ้นในเดือน ๑๒ เริ่มขึ้นตั้งแต่สมัยสุโขทัย เดิมทีเป็นพิธีของพราหมณ์เพื่อบูชาพระผู้เป็นเจ้าทั้ง ๓ คือ พระอิศวร พระนารายณ์ และพระพรหม ต่อมาได้ถือตามหลักพุทธศาสนา กล่าวคือ เพื่อบูชาพระบรมสารีริกธาตุ พระจุฬามณีในชั้นดาวดึงส์ และลอยโคมเพื่อบูชาพระพุทธบาท อีกทั้งการลอยกระทงยังถือเป็นการแสดงออกถึงความกตัญญู เพื่อขอขมาที่ได้ล่วงล้ำโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ด้วยการใช้วัสดุที่ลอยน้ำได้ อาทิ ต้นกล้วย กระบอกไม้ไผ่ กะลามะพร้าว ปักธูปเทียน ดอกไม้ รวมทั้งใส่เครื่องเซ่นไหว้ลอยไปตามสายน้ำ การทำกระทงปรากฏในตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๓) ความว่า นางนพมาศ สนมเอกของพระร่วงเจ้า ได้คิดอ่านทำกระทงถวายเป็นรูปดอกบัวกมุท ซึ่งเป็นดอกบัวพิเศษที่บานในเวลากลางคืนเพียงปีละครั้งเท่านั้น พระร่วงเจ้าได้ทอดพระเนตรและรับรู้ในความหมาย ก็พอพระทัยเป็นอย่างมาก จึงมีพระราชดำรัสว่า “แต่นี้สืบไปเบื้องหน้าโดยลำดับกษัตริย์ในสยามประเทศ ถึงกาลนักขัตฤกษ์วันเพ็ญเดือน ๑๒ ให้ทำโคมเป็นรูปดอกบัวอุทิศสักการบูชาพระพุทธบาทนัมมทานที ตราบเท่ากัลปวสาน” ที่มา กรมส่งเสริมวัฒนธรรม. ลอยกระทง. [ออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ 3 ตุลาคม 2565. จาก http://164.115.27.97/digital/items/show/17735 แปลก สนธิรักษ์. พิธีกรรมและประเพณี. [ออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ 3 ตุลาคม 2565. จาก http://164.115.27.97/digital/items/show/19450





ชื่อผู้แต่ง       สมาคมคหเศรษฐศาสตร์แห่งประเทศไทย  ชื่อเรื่อง         วารสารคหเศรษฐศาสตร์  (ปีที่ ๓  ฉบับที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๐๑) ครั้งที่พิมพ์     - สถานที่พิมพ์   ธนบุรี สำนักพิมพ์     บรรหาร ปีที่พิมพ์        ๒๕๐๑ จำนวนหน้า    ๗๙ หน้า รายละเอียด                   วารสารวิชาการสำหรับชาวคหกรรมศาสตร์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ความรู้ แนวคิดทางคหกรรมศาสตร์และผลงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ภายในเล่มประกอบด้วย ๑๐ บทความ เช่น ความสุขจากนักล่าต้นไม้ (ตอน ๒) , สีกับชีวิตประจำวัน , ทำอย่างไรจึงมีเพื่อนมาก , ตาต่อตา ฯลฯ


สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 148/4เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)


สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 178/5ฌ เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)


ชื่อผู้แต่ง          กรมศิลปากร ชื่อเรื่อง           บรรณานุกรมของศูนย์นราธิปเพื่อการวิจัยทางสังคมศาสตร์ เล่ม ๑ พร้อมด้วยพระประวัติและผลงานของศาตราจารย์ พลตรีพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ ครั้งที่พิมพ์       - สถานที่พิมพ์     กรุงเทพฯ สำนักพิมพ์       กรมศิลปากร ปีที่พิมพ์          ๒๕๒๒ จำนวนหน้า     ๔๓๘  หน้า รายละเอียด                     เป็นหนังสือที่รวบรวมพระประวัติ รายชื่อหนังสือภาษาไทยที่ได้รับจากห้องสมุดส่วนพระองค์ของศาสตราจารย์ พลตรี พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์และผู้บริจาครายย่อย   ประกอบด้วย คำนำ คำอนุโมทนา พระประวัติของศาตราจารย์ พลตรีพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพระนราธิปพงศ์ประพันธ์ รายละเอียดการจัดหมวดหมู่บรรณานุกรม นอกจากนี้ยังมีดรรชนีผู้แต่งและดรรชนีชื่อเรื่องประกอบไว้ท้ายเล่มอีกด้วย


อนุสรณ์ในงานเสด็จพระราชดำเนินพระราชทานเพลิงศพหลวงพิสูจน์พาณิชยลักษณ์ (หม่อมหลวงเพิ่มยศ  อิศรเสนา) ม.ว.ม., ป.ช., ท.จ.ว. ชื่อผู้แต่ง           อนุสรณ์ในงานเสด็จพระราชดำเนินพระราชทานเพลิงศพหลวงพิสูจน์พาณิชยลักษณ์ (หม่อมหลวงเพิ่มยศ  อิศรเสนา) ม.ว.ม., ป.ช., ท.จ.ว. ชื่อเรื่อง            อนุสรณ์ในงานเสด็จพระราชดำเนินพระราชทานเพลิงศพหลวงพิสูจน์พาณิชยลักษณ์ (หม่อมหลวงเพิ่มยศ  อิศรเสนา) ม.ว.ม., ป.ช., ท.จ.ว. ครั้งที่พิมพ์        พิมพ์ครั้งที่ ๑ สถานที่พิมพ์      กรุงเทพมหานคร สำนักพิมพ์        โรงพิมพ์อักษรไทย ปีที่พิมพ์           ๒๕๒๘ จำนวนหน้า       ๑๗๔ หน้า : ภาพประกอบ. หมายเหตุ         อนุสรณ์ในงานเสด็จพระราชดำเนินพระราชทานเพลิงศพหลวงพิสูจน์พาณิชยลักษณ์ (หม่อมหลวงเพิ่มยศ  อิศรเสนา) ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศฺรินทราวาส                      วันเสาร์ที่ ๒๖ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๒๘                      เป็นหนังสือเกี่ยวกับประวัติของคุณหลวงพิสูจน์พาณิชยลักษณ์ ตั้งแต่วัยเยาว์ จนกระทั่งท่านถึงแก่อนิจกรรม รวมอายุได้ ๘๑ ปี ๖ เดือน ท่านเป็นคนชอบสงบรักบ้าน ท่านจะมีความสุขเมื่อลูกหลานอยู่พร้อมกัน


ชื่อเรื่อง : ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 63 เรื่องกรุงเก่า พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ นายพิมล บุญอาภา ณ เมรุวัดเทพศิรินทราวาส วันที่ 23 มิถุนายน พุทธศักราช 2511ชื่อผู้แต่ง : - ปีที่พิมพ์ : 2511 สถานที่พิมพ์ : พระนครสำนักพิมพ์ : โรงพิมพ์การศาสนา จำนวนหน้า : 246 หน้า สาระสังเขป : เรื่องที่ตีพิมพ์อยู่ในหนังสือประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 63 นี่ คือ 1. เรื่องแก้คดีพระเจ้าปราสาททอง ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ว่าด้วยพระราชอัธยาศัยของสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง ซึ่งโปรดเกล้าฯ ให้พระยาโบราณราชธานินทร์ (พร เดชะคุปต์) แก้ถวายตามความคิดเห็น 2. เรื่องตำนานกรุงเก่า ซึ่งพระยาโบราณราชธานินทร์เรียบเรียงพิมพ์ทูลเกล้าฯ ถวายในงานพระราชพิธีรัชมงคล เมื่อ ร.ศ.123 (พ.ศ.2450) 3. เพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยุธยา สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ 4. พรรณนาภูมิสถานพระนครศรีอยุธยา สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ


ชื่อผู้แต่ง         วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์.ชื่อเรื่อง           วิศวกรรมสาร (ปีที่ ๓๐ ฉบับที่ ๑  กุมภาพันธ์ ๒๕๒๐)ครั้งที่พิมพ์       -สถานที่พิมพ์     กรุงเทพฯสำนักพิมพ์       วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ปีที่พิมพ์          ๒๕๒๐จำนวนหน้า      ๕๖ หน้ารายละเอียด                     วิศวกรรมสาร เป็นวารสารส่งเสริมความรู้ทางวิชาการในด้านวิศวกรรมศาสตร์ และเป็นสื่อกลางในการแสดงความคิดเห็นทางวิชาการเกี่ยวกับวิศวกรรมศาสตร์ อันจะนำไปสู่ความริเริ่มเพื่อขยายงานที่กระทำอยู่ให้กว้างขวาง และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ฉบับที่ ๑  กุมภาพันธ์ ๒๕๒๐ นี้ มีบทความให้ความรู้เกี่ยวกับทฤษฎีบางประการของไซโคลนขนาดเล็ก โดย เรืองศักดิ์ วัชรพงศ์ น้ำหนักบรรทุกของเสาเข็ม โดย DUTCH CONE PENETRATION TEST โดย เรืองวิทย์ โชติวิทยธานินทร์ : อดุลย์ รื่นใจชน : เดชา สิงห์ชินสุข เป็นต้น


         ต้นแบบพระบรมรูป รัชกาลที่ 6          ของ ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี          100 ปี ศิลปสู่สยาม สุนทรียศิลปแห่งนวสมัย          พ.ศ. 2482 รัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม มีดำริให้จัดสร้างพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) ณ สวนลุมพินี เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ได้พระราชทานที่ดินอันเป็นทรัพย์สินส่วนพระองค์ ณ ตำบลศาลาแดง จํานวน 360 ไร่ เพื่อเป็น “วนสาธารณ์” หรือสวนสาธารณะให้แก่ประชาชน รัฐบาลได้มอบหมายให้กรมศิลปากร ซึ่งมี ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี เป็นผู้ออกแบบและปั้นหล่อพระบรมรูป          ศาสตราจารย์ศิลป์ปั้นต้นแบบพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ในรูปแบบเหมือนจริงอย่างศิลปะตะวันตกตามหลักวิชาการ (Western Academic Art) ซึ่งเป็นรูปแบบการสร้างสรรค์งานประติมากรรมที่ท่านถนัดและมีความเชี่ยวชาญสูง ซึ่งอาศัยความรู้และความแม่นยำในเรื่องกายวิภาค ประกอบกับฝีไม้ลายมือทางด้านศิลปะในการขึ้นรูปดินเหนียวให้เป็นรูปมนุษย์ได้อย่างสมจริงประหนึ่งบุคคลต้นแบบ โดยศาสตราจารย์ศิลป์ได้แสดงฝีมือจนเป็นที่ประจักษ์มาแล้ว จากผลงานการปั้นพระรูปสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ และได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้ปั้นพระบรมรูปจากพระองค์จริงเมื่อ พ.ศ. 2468 ‘ต้นแบบพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว’ ที่จัดแสดงในนิทรรศการพิเศษ “100 ปี ศิลปสู่สยาม สุนทรียศิลปแห่งนวสมัย” ฉลองพระองค์ชุดนายพลเสือป่าพรานหลวง ประทับยืนพักพระชานุขวาบนฐานประดับตราพระครุฑพ่าห์ น่าจะเป็นหนึ่งในต้นแบบพระบรมรูปที่ศาสตราจารย์ศิลป์สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการอำนวยการจัดสร้างพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นที่น่าเสียดายว่าต้นแบบนี้มิได้นำไปสร้างจริง เนื่องจากมีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดบางอย่างเพื่อให้สอดคล้องกับข้อคิดเห็นของคณะกรรมการฯ พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว สร้างแล้วเสร็จในปี 2485 และยังประดิษฐานเป็นศูนย์กลางของสวนลุมพินีจนถึงปัจจุบัน          นิทรรศการพิเศษ “100 ปี ศิลปสู่สยาม สุนทรียศิลปแห่งนวสมัย” จัดแสดงระหว่างวันที่ 18 มกราคม – 9 เมษายน 2566 ณ อาคารนิทรรศการ 4 พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป เปิดให้เข้าชมวันพุธ – วันอาทิตย์ เวลา 9.00 – 16.00 น. (ปิดวันจันทร์ – วันอังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์)


เลขทะเบียน : นพ.บ.397/2ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 46 หน้า ; 4.5 x 53 ซ.ม. : ชาดทึบ-ล่องชาด-ล่องรัก ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 145  (48-57) ผูก 2 (2566)หัวเรื่อง : มไลยโจท--เอกสารโบราณ            คัมภีร์ใบลาน            พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


เลขทะเบียน : นพ.บ.531/5ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 24 หน้า ; 4.5 x 52 ซ.ม. : ชาดทึบ-ล่องชาด-ล่องรัก ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 178  (281-290) ผูก 5 (2566)หัวเรื่อง : ธัมมสังคิณี--เอกสารโบราณ            คัมภีร์ใบลาน            พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


black ribbon.