ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,765 รายการ
คำให้การ ชบ.ส. ๗๔
เจ้าอาวาสวัดเทพประสาท ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
มอบให้หอสมุด ๒๓ ก.ค. ๒๕๓๕
เอกสารโบราณ (สมุดไทย)
สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สังคิณี-มหาปัฎฐาน)
เลขที่ ชบ.บ.28/1-2
เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
ปี้ เบี้ยบ่อน
ปี้ คือสิ่งที่ใช้แทนเงินตราในบ่อนเบี้ย ทำจากวัสดุต่าง ๆ เช่น กระเบื้อง ทองเหลือง แก้ว มีรูปร่างและลวดลายหลากหลายแบบ กล่าวกันว่ามีมากกว่า ๕,๐๐๐ แบบ
ในช่วงปีพ.ศ. ๒๓๑๖ สยามประสบปัญหาการขาดแคลนเงินปลีก ประชาชนได้นำปี้มาใช้แทนเงินปลีก จนกระทั่งในปีพ.ศ.๒๔๑๗ ทางการได้พิมพ์อัฐกระดาษขึ้นใช้แทนเป็นการแก้ปัญหาชั่วคราว
บ่อนเบี้ย เป็นสถานที่สำหรับเล่นถั่วโป ไม่แน่ชัดว่าเริ่มมีในไทยเมื่อใด สันนิษฐานว่าเริ่มมีในชุมชนที่มีชาวจีนอาศัยอยู่มาก เนื่องจากเป็นการพนันประเภทที่ชาวจีนในอดีตนิยมเล่น การเล่นถั่วโปนั้นสามารถเล่นได้เฉพาะผู้ที่รัฐอนุญาตแล้วเท่านั้น โดยผู้ที่ได้รับอนุญาตต้องเสียเงินเข้าท้องพระคลัง จึงเกิดขึ้นเป็นอากรบ่อนเบี้ยขึ้น
ในสมัยอยุธยากำหนดให้สามารถเล่นถั่วโปได้เฉพาะชาวจีนเท่านั้น พบว่ามีการขอตั้งบ่อนเบี้ยขึ้นในพื้นที่ที่มีชาวจีนอาศัยอยู่มาก ต่อมาในสมัยธนบุรีจึงอนุญาตให้คนไทสามารถเล่นถั่วโปได้ อาจเนื่องจากว่าเป็นช่วงศึกสงครามจึงผ่อนปรนให้ไพร่พลได้เล่นเพื่อผ่อนคลาย และอนุญาตให้เล่นต่อมาเรื่อย ๆ
ในสมัยรัชกาลที่ ๒ มีรายได้จากอากรบ่อนเบี้ยเพิ่มขึ้น มีการแบ่งแขวงอากรบ่อนเบี้ย โดยบ่อนเบี้ยได้แพร่หลายออกไปตามหัวเมืองมากขึ้น ในสมัยรัชกาลที่ ๓ การค้าเจริญขึ้นมีการจัดระเบียบภาษีอากรต่าง ๆ และมีการตั้งอากรหวยเพิ่มขึ้น ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๔ มีการตั้งอากรการพนันขึ้นโดยกำหนดประเภทการพนันที่จะต้องเสียภาษีให้แก่อากรบ่อนเบี้ย ในช่วงรัชกาลที่ ๔ จึงมีรายได้จากการจัดเก็บอากรบ่อนเบี้ยในแต่ละปีเพิ่มขึ้น จนกระทั่งในสมัยรัชกาลที่ ๕ ได้โปรดให้ลดจำนวนบ่อนเบี้ยลงตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๓๑ เป็นต้นมา โดยค่อย ๆ ลดจำนวนบ่อนเบี้ยลงเรื่อย ๆ ในปี พ.ศ. ๒๔๔๙ โปรดให้เลิกบ่อนเบี้ยที่อยู่ตามหัวเมืองทั้งหมดทุกมณฑล และค่อย ๆ ลดจำนวนบ่อนที่เหลือในกรุงเทพฯ ลง ต่อมาในปีพ.ศ.๒๔๕๙ ทรงพระกรุณาโปรดฯ ให้เลิกหวยและบ่อนเบี้ยทั้งหมด และทรงตั้งพระราชบัญญัติห้ามเล่นหวยเล่นถั่วโปในพระราชอาณาจักรโดยมีพระราชประสงค์ให้ไพร่บ้านพลเมืองได้มีเงินไว้ประกอบการทำมาหาเลี้ยงชีพให้เป็นประโยชน์แก่ตน
สำหรับการตั้งนายอากรบ่อนเบี้ยนั้น รัฐเป็นผู้กำหนดแขวงสำหรับทำอากร ในช่วงสิ้นปีผู้ที่ประสงค์จะเป็นนายอากรจะต้องยื่นเรื่องต่อเจ้าพนักงานพระคลังมหาสมบัติว่าจะขอผูกอากรในพื้นที่แขวงใด หากแขวงนั้นมีผู้ยื่นหลายรายจะมีการประมูล ผู้ที่ประมูลได้ต้องมีผู้รับรองจากนั้นต้องส่งเงินงวดล่วงหน้า ๒ เดือน หากสิ้นปีไม่มีผู้ใดประมูลต่อนายอากรคนเดิมก็จะได้ทำต่อไป
ในการเปิดบ่อนเบี้ยนายอากรได้ผลิตปี้ขึ้นใช้แทนเงินปลีก ในระยะแรกปี้ผลิตขึ้นจากโลหะหรือแก้ว ต่อมาจึงเริ่มใช้ปี้ที่ผลิตจากกระเบื้องเคลือบซึ่งสั่งผลิตจากจีน โดยนายอากรแต่ละคนใช้ปี้ที่มีลวดลายต่างกันไป แต่กำหนดมูลค่าปี้เป็นมาตรฐานที่ราคาปี้ละ ๑ สลึง ๑ เฟื้อง และ ๒ ไพ เวลาคนเข้าไปเล่นเบี้ยจะต้องนำเงินไปแลกปี้ เมื่อเล่นเสร็จจึงนำเงินที่มีอยู่ไปแลกเป็นเงินกลับไป แต่บางครั้งผู้เล่นยังไม่นำปี้ไปแลกเป็นเงิน เนื่องจากเชื่อว่าจะนำมาแลกเป็นเงินเมื่อไหร่ก็ได้ จึงเริ่มมีการชำระหนี้หรือซื้อสินค้าโดยใช้ปี้แทนเงินตรา เมื่อมีการเปลี่ยนนายอากรหรือมีผู้ทำปี้ปลอมขึ้นนายอากรสามารถยกเลิกปี้แบบเดิม โดยประกาศว่าจะยกเลิกปี้แบบเดิมให้ผู้ที่มีปี้แบบเดิมนำปี้มาแลกเงินคืนในระยะเวลาที่กำหนด นายอากรจึงมักได้กำไรจากปี้ที่ไม่มีผู้นำกลับมาแลกอีกด้วย
เอกสารประกอบ
เบี้ย บาท กษาปณ์ แบงค์ : นวรัตน์ เลขะกุล สนพ.สารคดี, ๒๕๔๗
ประชุมพงศาวดารภาคที่ ๑๗ ตำนานเรื่องเลิกหวยแลบ่อนเบี้ยในกรุงสยาม
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๔ ตอน ๓๖ ประกาศวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๔๓๐ หน้า ๒๘๘
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๕ ตอน ๓๗ ประกาศวันที่ ๒๒ มกราคม ๒๔๓๑ หน้า ๓๑๗
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๖ ตอน ๓๘ ประกาศวันที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๔๓๒ หน้า ๓๓๑
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๖ ตอน ๕๐ ประกาศวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๔๓๒ หน้า ๔๓๖
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๘ ตอน ๔๐ ประกาศวันที่ ๓ มกราคม ๒๔๓๘ หน้า ๓๖๔
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๐ ตอน ๘ ประกาศวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๔๓๖ หน้า ๙๗
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๕ ตอน ๑๒ ประกาศวันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๔๔๑ หน้า ๑๒๗
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๒๑ ตอน ๔๘ ประกาศวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๔๔๗ หน้า ๘๗๕
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๒๖ ตอน ๐ง ประกาศวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๔๕๒ หน้า ๒๔๙๕
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๒๘ ตอน ๐ง ประกาศวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๔๕๔ หน้า ๒๗๓๓
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๓๐ ตอน ๐ง ประกาศวันที่ ๑ มีนาคม ๒๔๕๖ หน้า ๒๘๐๗
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๓๑ ตอน ๐ง ประกาศวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๔๕๗ หน้า ๒๗๙๘
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๓๒ ตอน ๐ง ประกาศวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๔๕๘ หน้า ๓๑๐๖
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๓๔ ตอน ๐ก ประกาศวันที่ ๑ เมษายน ๒๔๖๐ หน้า ๔
"ชวนชม" โบราณวัตถุสวย ๆ งาม ๆ ของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สงขลา
..................................................................................
ชามเบญจรงค์พร้อมฝา
วัสดุ: ดินเผาเคลือบ
ขนาด: ปากกว้าง 20 เซนติเมตร สูง 12.5 เซนติเมตร
ศิลปะรัตนโกสินทร์ พุทธศตวรรษที่ 25
..................................................................................
ชามเบญจรงค์พร้อมฝาลักษณะเป็นเครื่องถ้วยประเภทเนื้อดินเผาเคลือบสีขาว ตัวชามปากกว้าง ขอบปากผาย ก้นลึก ใต้ก้นมีเชิงสั้นตัวฝาปิดมีลักษณะคล้ายชาม และมีขอบเชิงสำหรับจับ เมื่อนำฝามาครอบ ตัวฝาจะต่ำกว่าขอบปากเล็กน้อยด้านในชามสีขาวไม่มีลวดลาย ด้านนอกตกแต่งด้วยการเขียนสีลายน้ำทองรูปดอกเหมยสีชมพู และเขียนอักษรจีนในวงกลม บริเวณด้านข้างของชามและฝา สภาพขอบปากบิ่น และมีรอยร้าว
อักษรจีนดังปรากฏบนชามเบญจรงค์พร้อมฝาชุดนี้ คือตัวอักษรซิ่ว (Shou) เป็นการเขียนลายแบบสัญลักษณ์อักษรภาพโบราณ สื่อถึงการอวยพรให้มีอายุวัฒนะ และลายดอกเหมยที่ปรากฏบนชามฝาเบญจรงค์ตามความเชื่อของชาวจีนนั้น เป็นดอกไม้ที่มีความสวยงามอีกทั้งยังทนต่อสภาพอากาศ เนื่องจากเป็นดอกไม้ที่ผลิบานในช่วงฤดูหนาว จึงถือเป็นสัญลักษณ์ของความคงทน และความยั่งยืน
โดยปกติแล้วตัวอักษรจีนไม่ค่อยเป็นที่นิยมนำมาใช้ตกแต่งบนเครื่องถ้วยเบญจรงค์ กระทั่งราวพุทธศตวรรษที่ 25 เป็นต้นมา เริ่มมีการปรับเปลี่ยนลวดลายให้เหมาะสมตามยุคสมัย ชามจำนวนหนึ่งที่ผลิตในช่วงระยะหลัง ๆ จึงเริ่มปรากฏลายอักษรภาพโบราณตามภาชนะหรือก้นภาชนะ ซึ่งจะเขียนลายในรูปแบบสัญลักษณ์มงคลจีน
..................................................................................
เรียบเรียง/กราฟฟิก : ฝ่ายวิชาการพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สงขลา
..................................................................................
อ้างอิง: ดอว์น เอฟ. รูนีย์. “เครื่องถ้วยเบญจรงค์และลายน้ำทอง.” กรุงเทพฯ : ริเวอร์บุ๊คส์, 2560.
การค้าขายและเงินตราที่ใช้ในล้านนา ตอนที่ ๓
เงินเจียง
เงินตราที่มีการผลิตขึ้นเพื่อใช้เป็นสื่อกลางในการค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้าในดินแดนล้านนาในอดีต มีหลายชนิดมีชื่อเรียกต่างกันไปตามรูปร่างและวัสดุที่ใช้ผลิต นอกจากเงินท๊อกที่เคยกล่าวถึงไปแล้วยังมีเงินเจียง ซึ่งเป็นเงินตราที่ผลิตจากเงินบริสุทธิ์ ลักษณะคล้ายเกือกม้าสองวงที่มีปลายต่อกัน สามารถหักแยกออกจากกันได้เมื่อต้องการลดค่าน้ำหนักของเงินออกครึ่งหนึ่ง ที่ขาทั้งสองข้างประทับตราของผู้มีอำนาจผลิตเงินตรา ประกอบด้วย ตราจักรประจำเมือง ชื่อเมืองที่ผลิต และเลขบอกพิกัดราคา โดยตัวอักษรที่ตอกประทับลงบนเงินเจียงนั้นใช้อักษรสุโขทัย ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นในสมัยของพญากือนาเนื่องจากมีการรับพุทธศาสนาเข้ามาพร้อมกับการนำตัวอักษรสุโขทัยมาใช้ในล้านนา แต่ต่อมาในสมัยหลังใช้อักษรฝักขามซึ่งใช้กันแพร่หลายในล้านนาประทับลงบนเงินเจียงแทน
สำหรับชื่อเมืองที่ปรากฏบนเงินเจียงนั้น พบว่ามีมากกว่า ๖๐ เมือง เช่น แสน(เชียงแสน) หม (เชียงใหม่) กก หาง สบฝางหรือฝาง นาน (น่าน) คอนหรือดอน (ลำปาง) แพร (แพร่) เป็นต้น เงินเจียงที่พบมากเป็นเงินเจียงจากเมืองที่มีขนาดใหญ่มีการค้าขายกับต่างถิ่นมาก เช่น เมืองเชียงใหม่ เมืองเชียงแสน
เอกสารอ้างอิง
เงินตราล้านนา : นวรัตน์ เลขะกุล/ธนาคารแห่งประเทศไทย นพบุรีการพิมพ์ เชียงใหม่, ๒๕๕๕
เงินตราล้านนาและผ้าไท : ธนาคารแห่งประเทศไทย อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน), ๒๕๔๓
เบี้ย บาท กษาปณ์ แบงค์ : นวรัตน์ เลขะกุล สนพ.สารคดี, ๒๕๔๗
เงินเจียง เป็นเงินตราที่ผลิตจากเงินบริสุทธิ์ ลักษณะคล้ายเกือกม้าสองวงที่มีปลายต่อกัน สามารถหักแยกออกจากกันได้เมื่อต้องการลดค่าน้ำหนักของเงินออกครึ่งหนึ่ง
สำหรับชื่อเมืองที่ปรากฏบนเงินเจียงนั้น พบว่ามีมากกว่า ๖๐ เมือง เช่น แสน(เชียงแสน) หม (เชียงใหม่) กก หาง สบฝางหรือฝาง นาน (น่าน) คอนหรือดอน (ลำปาง) แพร (แพร่) เป็นต้น เงินเจียงที่พบมากเป็นเงินเจียงจากเมืองที่มีขนาดใหญ่มีการค้าขายกับต่างถิ่นมาก เช่น เมืองเชียงใหม่ เมืองเชียงแสน
ที่ขาทั้งสองข้างของเงินเจียงประทับตราของผู้มีอำนาจผลิตเงินตรา ประกอบด้วย ตราจักรประจำเมือง ชื่อเมืองที่ผลิต และเลขบอกพิกัดราคา โดยตัวอักษรที่ตอกประทับลงบนเงินเจียงนั้นใช้อักษรสุโขทัย ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นในสมัยของพญากือนาเนื่องจากมีการรับพุทธศาสนาเข้ามาพร้อมกับการนำตัวอักษรสุโขทัยมาใช้ในล้านนา แต่ต่อมาในสมัยหลังใช้อักษรฝักขามซึ่งใช้กันแพร่หลายในล้านนาประทับลงบนเงินเจียงแทน.
องค์ความรู้จากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ รามคำแหง เรื่อง ประติมากรรมรูปบุรุษและสตรี
เลขทะเบียน: กจ.บ.7/1-7:1ก-7ก ชื่อเรื่อง: พระสงฺคิณี พระสมนฺตมหาปฏฐาน เผด็จ ข้อมูลลักษณะ: อักษรขอม ภาษาบาลี-ไทย เส้นจาร ฉบับล่องชาด ประวัติ : ได้มาจากวัดห้วยสะพาน ต.หนองโรง อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2533 จำนวน 1คัมภีร์ 14 ผูก จำนวนหน้า: 62 หน้า
เลขทะเบียน: กจ.บ.6/1-7:1ก-7ก ชื่อเรื่อง: พระอภิธมฺมตฺถสงฺคิณี พระมหาปฏฺฐาน เผด็จ ข้อมูลลักษณะ: อักษรขอม ภาษาบาลี-ไทย เส้นจาร ฉบับล่องชาด ประวัติ : ได้มาจากวัดห้วยสะพาน ต.หนองโรง อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2533 จำนวน 1คัมภีร์ 14 ผูกจำนวนหน้า: 88 หน้า
สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ไทยอีกพระองค์หนึ่ง ที่คนไทยเคารพศรัทธาต่อเนื่องมายาวนานหลายศตวรรต โดยเฉพาะจันทบุรี หัวเมืองชายทะเลตะวันออก ซึ่งตามพงศาวดารได้บันทึกว่าเป็นเมืองที่พระองค์ทรงเลือกที่มาสะสมเสบียงพืชพันธุ์ธัญญาหาร อาวุธยุทโธปกรณ์ เรือรบ 100 ลำ และเหล่าทหารกล้า เพื่อออกไปกอบกู้อยุธยา จนมีชัยชนะเหนือพม่าในที่สุด จากที่กล่าวมา จังหวัดจันทบุรีจึงได้มีแนวทางก่อสร้าง พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ณ บริเวณทุ่งนาเชย แต่ด้วยงบประมาณมีจำกัด คณะกรรมการดำเนินการก่อสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช จึงมีดำริที่จะสร้างเหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เพื่อเป็นที่ระลึก อีกทั้งเพื่อนำเงินรายได้นี้นำไปสมทบเป็นค่าก่อสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ที่ได้ดำเนินการมาหลายปียังไม่แล้วเสร็จ ดังนั้นใน พ.ศ.2517 จึงได้จัดสร้างเหรียญที่ระลึกขึ้น ในส่วนของเอกสารจดหมายเหตุไม่ได้ระบุว่าจำนวนเท่าไร ในพิธีพุทธาภิเษกเหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ใด้จัดขึ้นในวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ.2517 ณ พระอุโบสถวัดพลับ ต.บางกะจะ อ.เมืองจันทบุรี สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณสมเด็จพระสังฆราช ประธานฝ่ายสงฆ์ และนายบุญช่วย ศรีสารคาม ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส และในพิธีอันยิ่งใหญ่และศักดิ์สิทธิ์ในครั้งนั้น มีพระเถราจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องพุทธคุณทั้งระดับประเทศและระดับจังหวัดมากมาย มาร่วมนั่งปรก โดยเฉพาะในส่วนของภาคตะวันออก ได้แก่ -หลวงพ่อทอง วัดเกาะแก้ว จังหวัดฉะเชิงเทรา -หลวงพ่อเหมือน วัดกำแพง จังหวัดชลบุรี -หลวงพ่อหอม วัดชากหมาก จังหวัดระยอง -หลวงพ่อกี๋ วัดแหลมมะขาม จังหวัดตราด -หลวงพ่อสวน วัดบางกระดาน จังหวัดตราด -พระพิศาลธรรมคุณ วัดบูรพาพิทยาราม จังหวัดจันทบุรี -หลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส จังหวัดจันทบุรี -หลวงพ่อสมชาย วัดเขาสุกิม จังหวัดจันทบุรี และต่อมาในวันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ.2524พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช แห่งนี้ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ผสกนิกรในจังหวัดจันทบุรีและผู้ที่มาเยี่ยมเยือนสักการะ ส่วนเหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช รุ่นสร้างอนุสาวรีย์นั้น ผู้เขียนทราบมาว่าในขณะนี้เป็นเหรียญที่ค่อนข้างหายาก และมีราคาสูงพอประมาณเลยทีเดียว-------------------------------------------------------ผู้เขียน : สุมลฑริกาญจณ์ มายะรังสี นักจดหมายเหตุชำนาญการ หอจดหมายเหตุแห่งชาติ จันทบุรี-------------------------------------------------------/// อ้างอิง หอจดหมายเหตุแห่งชาติจันทบุรี. จบ1.1.1.6/49 เอกสารชุดจังหวัดจันทบุรี ส่วนแผนกมหาดไทย. เรื่องพิธีพุทธาภิเษกเหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช (13 – 28 ธันวาคม 2517)
ชื่อเรื่อง ภิกฺขุปาติโมกฺข (ปาติโมกข์)
สพ.บ. 365/1ขประเภทวัสดุมีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 60 หน้า กว้าง 5.5 ซม. ยาว 59.5 ซม.หัวเรื่อง พุทธศาสนา เทศน์มหาชาติ คาถาพัน ชาดก
บทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน ภาษาบาลี เส้นจาร ฉบับทองทึบ-ลานดิบ-ล่องชาด ได้รับบริจาคมาจากวัดลานคา ต.โคกคราม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี
รายการบรรเลง เวลา ๐๙.๐๐ น.
- การบรรเลงโหมโรงเพลงขวัญเมือง วงสำนักการสังคีต- การขับเสภาและการแสดงรำอาศิรวาท วงสำนักการสังคีต - การแสดงรำเชิดจีน วงสำนักการสังคีต- การบรรเลงประเภทเพลงปรบไก่- เพลงสี่บท เถา วงกรมดุริยางค์ทหารบก- เพลงตามกวาง เถา วงสำนักวัฒนธรรม ฯกรุงเทพมหานคร- เพลงแขกลงสรง เถา วงกองดุริยางค์ตำรวจ- เพลงสามัคคีรวมไทย เถา วงกองดุริยางค์ทหารเรือ- เพลงม้าย่อง เถา วงกองดุริยางค์ทหารอากาศ- เพลงหงส์ทอง เถา วงกรมประชาสัมพันธ์ - การบรรเลงเพลงลา - เพลงทยอยนอก สามชั้น วงรวมเหล่า หมายเหตุ - กำหนดการอาจจะมีการปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม- กิจกรรมนี้อยู่ภายใต้มาตรการป้องกันโรคตามแผนมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัยและมาตรการที่ทางราชการกำหนด