ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,757 รายการ


           สำนักการสังคีต กรมศิลปากร ขอเชิญชมรายการแสดงงานสัปดาห์วันอนุรักษ์มรดกไทย พุทธศักราช ๒๕๖๘ วันพุธที่ ๒ - ๘ เมษายน ๒๕๖๘ เวลา ๑๘.๐๐ น. ณ เวทีกลางแจ้ง พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม (วันและเวลาราชการ) โทร. ๐ ๒๒๒๔ ๑๓๔๒ และ โทร. ๐ ๒๒๒๑ ๖๕๓๓


เซเดส์,ยอร์ช.  ตำนานอักษรไทย ตำนานพระพิมพ์ การขุดค้นที่พงตึกและความสำคัญต่อประวัติศาสตร์ สมัยโบราณแห่งประเทศไทย ศิลปไทยสมัยสุโขทัยราชธานีรุ่นแรกของไทย.  พระนคร: โรงพิมพ์คุรุสภา, 2507.เลขทะเบียน 0747



ชื่อเรื่อง : หลักกรรม หัวเรื่อง : กรรม             กรรม -- แง่ศาสนา -- พุทธศาสนา คำค้น : - รายละเอียด : คุณลิ้นจี่ อมาตยกุล พิมพ์ให้สภาการศึกษา มหามกุฏราชวิทยาลัย มหาวิทยาลัยพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ผู้แต่ง : พระศรีวิสุทธิญาณ (ประยูร สนฺตงฺกุโร ป.9) แหล่งที่มา : หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี สำนักพิมพ์/โรงพิมพ์ : โรงพิมพ์มหามกุฏราชวิทยาลัย ปีที่พิมพ์ : 2496 วันที่เผยแพร่ : 26 มิถุนายน 2568           ผู้ร่วมสร้างสรรค์ผลงาน : - ลิขสิทธิ์ :  - รูปแบบ : PDF. ภาษา : ภาษาไทย ประเภททรัพยากร : หนังสือหายาก ตัวบ่งชี้ : - รายละเอียดเนื้อหา : เนื้อหาว่าด้วยเรื่องของกรรม และการรักษาศีล 5 เลขทะเบียน : น. 68 บ. 79464 จบ. (ร.) เลขหมู่ :     ห          294.3144            พ394ห      


               กรมสาธารณสุข.  คำแนะนำการปลูกฝีดาษเพื่อป้องกันไข้ทรพิษ.  พระนคร:โรงพิมพ์โสภณพิพรรณธนากร,  ๒๔๖๖               เสนาบดีกระทรวงมหาดไทยพิมพ์แจกในงานถวายบังคมพระบรมรูปสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๕ ปิยะมหาราชเมื่อวันที่  ๒๓ ตุลาคม ๒๔๖๖  เป็นหนังสือที่ระลึกเนื่องในวันถวายบังคมพระบรมรูป สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในวันปิยะมหาราชในโอกาสนี้กระทรวงมหาดไทยได้จัดพิมพ์หนังสือเชิญชวนให้ประประชาชนปลูกฝีเพื่อป้องกันไข้ทรพิษ


ชื่อแบบฉบับ : ตำนานพระบาทธาตุ (ผูก 3) ชื่อเรื่อง : ตำนานธาตุพระบาท (ผูก 3) เลขทะเบียน : นน.บ.200/3 ผู้แต่ง : ไม่ปรากฏ                        ผู้สร้าง : ไม่ปรากฏ                   ปีที่สร้าง : ไม่ปรากฏ จำนวน : 1 คัมภีร์  2 ผูก (หอสมุดแห่งชาติฯ เชียงใหม่ มีผูก 3, 9)                จำนวนบรรทัด : 5 บรรทัด             จำนวนหน้า : 32 หน้า อักษร : ธรรมล้านนา                     ภาษา : บาลี-ไทยล้านนา           เส้น : จาร ฉบับ : ชาดทึบ                            ไม้ประกับ : ไม่มี                     ประเภทเอกสารโบราณ : คัมภีร์ใบลาน            ประวัติ : ได้มาจากวัดพาน  ต.แงง  อ.ปัว จ.น่าน   โครงการ : พัฒนาระบบบริการห้องสมุดดิจิทัล หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก เชียงใหม่  ปี พ.ศ. 2568               


       พระมโหสถ เล่ม 5.  กรุงเทพฯ:  โรงพิมพ์พานิช ศุภผล, 2468.


          กรมศิลปากร โดยสำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ขอเชิญผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมการเสวนาทางวิชาการ เรื่อง “อยุทธยามหายุทธ : วิวัฒนาการเครื่องศัสตราวุธและประวัติศาสตร์การศึกสงครามของกรุงศรีอยุธยา” วันเสาร์ที่ ๖ กันยายน ๒๕๖๘ เวลา ๑๓.๐๐ น. - ๑๖.๐๐ น. ณ ห้องประชุม อาคารดำรงราชานุภาพพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร พบกับนายภาสพันธ์ ปานสีดา ผู้เขียนหนังสือเรื่อง “อยุทธยามหายุทธ” และผู้ก่อตั้งเพจ “ประวัติศาสตร์ฮาเฮ” ดำเนินรายการโดย นายพนมกร นวเสลา ภัณฑารักษ์ สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรมศิลปากร สำรองที่นั่งทางโทรศัพท์เท่านั้น (รับจำนวนจำกัด) สอบถามเพิ่มเติม โทร. ๐ ๒๒๒๔ ๑๔๐๒ และ ๐ ๒๒๒๔ ๑๓๓๓ เปิดทำการวันพุธ - วันอาทิตย์ เวลา ๐๘.๓๐ น. - ๑๖.๓๐ น.  *จอดรถที่สนามหลวง  


ชื่อเรื่อง                     อู่ทอง ต้นทางประวัติศาสตร์ไทยผู้แต่ง                       สำนักศิลปากรที่ 2 สุพรรณบุรี  กรมศิลปากรประเภทวัสดุ/มีเดีย       หนังสือท้องถิ่น / หนังสือกรมศิลปากรISBN/ISSN                 -หมวดหมู่                   ประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์เลขหมู่                      959.373 ศ528อสถานที่พิมพ์               สุพรรณบุรีสำนักพิมพ์                 สำนักศิลปากรที่ 2 สุพรรณบุรีปีที่พิมพ์                    2556ลักษณะวัสดุ               23 หน้า : ภาพประกอบ, แผนที่ ; 29 ซม.หัวเรื่อง                     เพลงไทยสากล                               ลิเก -- ไทย                               สุพรรณบุรี -- ประวัติศาสตร์                               สุพรรณบุรี -- ความเป็นอยู่และประเพณี                               สุพรรณบุรี -- โบราณสถาน                               สุพรรณบุรี -- การเมืองการปกครอง                               อู่ทอง -- ประวัติศาสตร์ ภาษา                       ไทย บทคัดย่อ/บันทึก         เอกสารแจกประกอบกิจกรรม กรมศิลปากร แบ่งปันความรู้สู่ชุมชน เรื่อง อู่ทอง ต้นทางประวัติศาสตร์ไทย ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี วันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ.2556


กรมศิลปากร ร่วมกับมูลนิธิสุทธิรัตน์ อยู่วิทยา ขอเชิญคุณครูที่สอนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นขึ้นไป สมัครเข้าร่วมกิจกรรม Goal Together เรียนรู้มรดกวัฒนธรรมไทย ครั้งที่ 4 ในหัวข้อ “รุ่งอรุณอารยธรรมไทย รุ่งวิไลอารยธรรมโลก : ศรีสัชนาลัย กำแพงเพชร” เพื่อเรียนรู้เรื่องราวพัฒนาการทางสังคมและวัฒนธรรมของชุมชนเมืองสมัยแรกเริ่มประวัติศาสตร์ไทย อันมีคุณค่าความสำคัญหนึ่งในอารยธรรมของโลก ผ่านร่องรอยหลักฐานทางโบราณคดีและประวัติศาสตร์ของเมืองมรดกโลกสุโขทัย ศรีสัชนาลัย และกำแพงเพชร    ถ่ายทอดองค์ความรู้โดยคณะวิทยากรของกรมศิลปากร ประกอบด้วย กองโบราณคดี สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ และสำนักศิลปากรที่ 6 สุโขทัย ระหว่างวันที่ 28-30 พฤศจิกายน 2568 ณ จังหวัดกำแพงเพชร และจังหวัดสุโขทัย   รายละเอียดเพิ่มเติมและสมัครเข้าร่วมกิจกรรมได้ที่ > https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLScGHTqW3OadsHflo_P2v3Z4GmP_7FE7nnIOzuM7vHuHBmYlYQ/viewform ตั้งแต่วันนี้ - 16 พฤศจิกายน 2568 สอบถามเพิ่มเติม 098-249-9143 (จันทร์ - ศุกร์ เวลา 08.30 – 17.30 น.) Line id @syf2546   ประกาศรายชื่อผู้ได้รับคัดเลือกทาง www.suthiratfoundation.or.th วันที่ 18 พฤศจิกายน 2568




อยากทราบว่ารับนักศึกษาฝึกงานหรือเปล่าครับ ผมเรียน วัฒนธรรม สาขา ประวัติศาสตร์ศิลปะและโบราณดคี มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ครับ 


ความเป็นมาของอาเซียน              สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  (Association  of  Southeast  Asian  Nations  หรือ  ASEAN)  ก่อตั้งขึ้นโดยปฏิญญากรุงเทพ  (Bangkok  Declaration)  หรือ  ปฏิญญาอาเซียน  (ASEAN  Declaration)  เมื่อวันที่  8  สิงหาคม  2510  โดยมีประเทศสมาชิก  5  ประเทศ  ประกอบด้วย  อินโดนีเซีย  มาเลเซีย  ฟิลิปปินส์  สิงคโปร์  และไทยเพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางด้านการเมือง  เศรษฐกิจและสังคม  ของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้   ต่อมามีประเทศสมาชิกเพิ่มเติม  ได้แก่  บรูไนดารุส-ซาลาม   เวียดนาม   ลาว   เมียนมาร์  และกัมพูชา  ตามลำดับ   จึงทำให้ปัจจุบันอาเซียน   มีสมาชิก  10  ประเทศ “อาเซียน” สู่การเป็นประชาคมอาเซียน  ในปี 2558               ปัจจุบัน  บริบททางการเมือง  เศรษฐกิจ  และสังคม   รวมทั้งความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก      ทำให้อาเซียนต้องเผชิญ สิ่งท้าทายใหม่ๆ    อาทิ    โรคระบาด    การก่อการร้าย   ยาเสพติด  การค้ามนุษย์  สิ่งแวดล้อม  ภัยพิบัติ  อีกทั้ง  ยังมีความจำเป็นต้องรวมตัวกันเพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองและขีดความสามารถทางการแข่งขันกับประเทศในภูมิภาคใกล้เคียง  และในเวทีระหว่างประเทศ  ผู้นำอาเซียนจึงเห็นพ้องกันว่า  อาเซียนควรจะร่วมมือกันให้เหนียวแน่น  เข้มแข็ง  และมั่นคงยิ่งขึ้น  จึงได้ประกาศ  “ปฏิญญาว่าด้วยความร่วมมือในอาเซียน  ฉบับที่ 2”  (Declaration  of  ASEAN  Concord  II)  ซึ่งกำหนดให้มีการสร้างประชาคมอาเซียนที่ประกอบไปด้วย  3  เสาหลัก ได้แก่                -  ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน (ASEAN Political and Security Community - APSC) มุ่งให้ประเทศกลุ่มสมาชิกอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข แก้ไขปัญหาระหว่างกันโดยสันติวิธี มีเสถียรภาพและความมั่นคงรอบด้าน เพื่อความมั่นคงปลอดภัยของเหล่าประชาชน              -  ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community - AEC) มุ่งเน้นให้เกิดการรวมตัวกันทางเศรษฐกิจ และความสะดวกในการติดต่อค้าขายระหว่างกัน เพื่อให้ประเทศสมาชิกสามารถแข่งขันกับภูมิภาคอื่นๆได้โดย               -   ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (ASEAN Socio - Cultural Community - ASCC) มุ่งหวังให้ประชากรอาเซียนมีสภาพความเป็นอยู่ที่ดี มีความมั่นคงทางสังคม มีการพัฒนาในทุกๆ ด้าน และมีสังคมแบบเอื้ออาร โดยจะมีแผนงานสร้างความร่วมมือ 6 ด้าน คือ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การคุ้มครองและสวัสดิการสังคม สิทธิและความยุติธรรมทางสังคม ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม การสร้างอัตลักษณ์อาเซียน การลดช่องว่างทางการพัฒนา              ซึ่งต่อมาผู้นำอาเซียนได้ตกลงให้มีการจัดตั้งประชาคมอาเซียนให้แล้วเสร็จเร็วขึ้นมาเป็นภายในปี 2558 ประชาคมอาเซียน คือ               ประชาคมอาเซียน  (ASEAN  Community)  คือ  การรวมตัวของกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนให้เป็นชุมชนที่มีความแข็งแกร่ง  สามารถสร้างโอกาสและรับมือส่งท้าท้าย  ทั้งด้านการเมืองความมั่นคง  เศรษฐกิจ  และภัยคุกคามรูปแบบใหม่  โดยสมาชิกในชุมชนมีสภาพความเป็นอยู่ที่ดี  สามารถประกอบกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น  และสมาชิก  ในชุมชนมีความรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน   จุดประสงค์หลักของอาเซียน              ปฏิญญากรุงเทพฯ ได้ระบุวัตถุประสงค์สำคัญ 7 ประการของการจัดตั้งอาเซียน ได้แก่               1.  ส่งเสริมความร่วมมือและความช่วยเหลือซึ่งกันและกันในทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม เทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ และการบริหาร               2.  ส่งเสริมสันติภาพและความมั่นคงส่วนภูมิภาค               3.  เสริมสร้างความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจพัฒนาการทางวัฒนธรรมในภูมิภาค               4.  ส่งเสริมให้ประชาชนในอาเซียนมีความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตที่ดี               5. ให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ในรูปของการฝึกอบรมและการวิจัย และส่งเสริมการศึกษาด้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้              6. เพิ่มประสิทธิภาพของการเกษตรและอุตสาหกรรม การขยายการค้า ตลอดจนการปรับปรุงการขนส่งและการคมนาคม              7. เสริมสร้างความร่วมมืออาเซียนกับประเทศภายนอก องค์การ ความร่วมมือแห่งภูมิภาคอื่นๆ  และองค์การระหว่างประเทศ ภาษาอาเซียน               ภาษาทางการที่ใช้ในการติดต่อประสานงานระหว่างประเทศสมาชิก  คือ  ภาษาอังกฤษ คำขวัญของอาเซียน                                                        "หนึ่งวิสัยทัศน์ หนึ่งเอกลักษณ์ หนึ่งประชาคม”                                           (One Vision, One Identity, One Community) อัตลักษณ์อาเซียน             อาเซียนจะต้องส่งเสริมอัตลักษณ์ร่วมกันของตนและความรู้สึกเป็นเจ้าของในหมู่ประชาชนของตน  เพื่อให้บรรลุชะตา  เป้าหมาย  และคุณค่าร่วมกันของอาเซียน   สัญลักษณ์อาเซียน               คือ   ดวงตราอาเซียนเป็น               รูปมัดรวงข้าว สีเหลืองบนพื้นวงกลม               สีแดงล้อมรอบด้วยวงกลมสีขาว  และสีน้ำเงิน               รวงข้าวสีเหลือง 10 ต้น หมายถึง ความใฝ่ฝันของบรรดาสมาชิกในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ทั้ง 10 ประเทศ  ให้มีอาเซียนที่ผูกพันกันอย่างมีมิตรภาพและเป็นหนึ่งเดียว              วงกลม  เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงเอกภาพของอาเซียน              ตัวอักษรคำว่า  asean  สีน้ำเงิน  อยู่ใต้ภาพรวงข้าว  แสดงถึงความมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกันเพื่อความมั่นคง  สันติภพ  เอกภาพ  และความก้าวหน้าของประเทศสมาชิกอาเซียน              สีเหลือง    :   หมายถึง ความเจริญรุ่งเรือง               สีแดง       :    หมายถึง ความกล้าหาญและการมีพลวัติ               สีขาว       :    หมายถึง ความบริสุทธิ์               สีน้ำเงิน    :    หมายถึง สันติภาพและความมั่นคง ธงอาเซียน               ธงอาเซียนเป็นธงพื้นสีน้ำเงิน  มีดวงตราอาเซียนอยู่ตรงกลาง  แสดงถึงเสถียรภาพ  สันติภาพ  ความสามัคคี  และพลวัตของอาเซียน สีของธงประกอบด้วย  สีน้ำเงิน  สีแดง  สีขาว  และสีเหลือง  ซึ่งเป็นสีหลักในธงชาติของบรรดาประเทศสมาชิกของอาเซียนทั้งหมด วันอาเซียน               ให้วันที่  8  สิงหาคม ของทุกปี เป็นวันอาเซียน เพลงประจำอาเซียน (ASEAN  Anthem)               คือ  เพลง  ASEAN  WAY กฎบัตรอาเซียน               กฎบัตรอาเซียน  กำหนดให้อาเซียนและประเทศสมาชิกปฏิบัติตามหลักการดังต่อไปนี้               1.  เคารพเอกราช  อธิปไตย  ความเสมอภาค  บูรณภาพแห่งดินแดน  และอัตลักษณ์แห่งชาติของรัฐสมาชิกอาเซียนทั้งปวง              2.  ผูกพันและรับผิดชอบร่วมกันในการเพิ่มพูนสันติภาพ  ความมั่นคง  และความมั่งคั่งของภูมิภาค              3.  ไม่รุกรานหรือข่มขู่ว่าจะใช้กำลังหรือการกระทำอื่นใดในลักษณะที่ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ              4.  ระงับข้อพิพาทโดยสันติ              5.  ไม่แทรกแซงกิจการภายในของรัฐสมาชิกอาเซียน              6.  เคารพสิทธิของรัฐสมาชิกทุกรัฐในการธำรงประชาชาติของตนโดยปราศจากการแทรกแซง  การบ่อนทำลาย  และการบังคับจากภายนอก              7.  ปรึกษาหารือที่เพิ่มพูนขึ้นในเรื่องที่มีผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อผลประโยชน์ร่วมกันของอาเซียน              8.  ยึดมั่นต่อหลักนิติธรรม  ธรรมาภิบาล  หลักการประชาธิปไตยและรัฐบาลตามรัฐธรรมนูญ              9.  เคารพเสรีภาพพื้นฐาน  การส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน  และการส่งเสริมความยุติธรรมทางสังคม              10.  ยึดถือกฎบัตรสหประชาชาติและกฎหมายระหว่างประเทศ    รวมถึงกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ  ที่  รัฐสมาชิกอาเซียนยอมรับ              11.  ละเว้นจากการมีส่วนร่วมในการคุกคามอธิปไตย  บูรณภาพแห่งดินแดนหรือเสถียรภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจของรัฐสมาชิกอาเซียน              12. เคารพในวัฒนธรรม  ภาษา  และศาสนาที่แตกต่างของประชาชนอาเซียน              13.  มีส่วนร่วมกับอาเซียนในการสร้างความสัมพันธ์กับภายนอกทั้งในด้านการเมือง  เศรษฐกิจ  และสังคม  โดยไม่ปิดกั้นและไม่เลือกปฏิบัติ              14. ยึดมั่นในกฎการค้าพหุภาคีและระบอบของอาเซียน                                          กฎบัตรอาเซียน.....(คลิกรายละเอียดเพิ่มเติม)   ประเทศไทยจะได้ประโยชน์อะไรจาก AEC (ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน)           ประชาคมอาเซียนที่จะถือกำเนิดในปี 2558 นั้น คนไทยจะได้ประโยชน์อะไร แน่นอนเราคงอยากทราบ แต่ในชั้นนี้ขอจำกัดเฉพาะทางเศรษฐกิจก่อน               ประการแรก ไทยจะ “มีหน้ามีตาและฐานะ” เด่นขึ้นประชาคมอาเซียนจะทำให้เศรษฐกิจ “ของเรา” มีมูลค่ารวมกัน 1.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีขนาดใหญ่อันดับ 9 ของโลก ยังประโยชน์แก่คนไทยทุกคนที่จะได้ยืนอย่างสง่างาม “ยิ้มสยาม” จะคมชัดขึ้น               ประการที่สอง การค้าระหว่างไทยกับประเทศอาเซียนจะคล่องและขยายตัวมากขึ้น กำแพงภาษีจะลดลงจนเกือบจะหมดไป เพราะ 10 ตลาดกลายเป็นตลาดเดียว ผู้ผลิตจะส่งสินค้าไปขายในตลาดนี้และขยับขยายธุรกิจของตนง่ายขึ้น ขณะเดียวกันผู้บริโภคก็จะมีทางเลือกมากขึ้นราคาสินค้าจะถูกลง               ประการที่สาม ตลาดของเราจะใหญ่ขึ้น แทนที่จะเป็นตลาดของคน 67 ล้านคน ก็จะกลายเป็นตลาดของคน 590 ล้านคน ซึ่งจะทำให้ไทยกลายเป็นแหล่งลงทุนที่น่าสนใจ เพราะสินค้าที่ผลิตในประเทศไทยสามารถส่งออกไปยังอีกเก้าประเทศได้ราวกับส่งไปขายต่างจังหวัด ซึ่งก็จะช่วยให้เราสามารถแข่งขันกับจีนและอินเดียในการดึงดูดการลงทุนได้มากขึ้น               ประการที่สี่ความเป็นประชาคมจะทำให้มีการพัฒนาเครือข่ายการสื่อสารคมนาคมระหว่างกันเพื่อประโยชน์ด้านการค้าและการลงทุน แต่ก็ยังผลพลอยได้ในแง่การไปมาหาสู่กัน ซึ่งก็จะช่วยให้คนในอาเซียนมีปฏิสัมพันธ์กัน รู้จักกัน และสนิทแน่นแฟ้นกันมากขึ้น เป็นผลดีต่อสันติสุข ความเข้าใจอันดีและความร่วมมือกันโดยรวม นับเป็นผลทางสร้างสรรค์ในหลายมิติด้วยกัน               ประการที่ห้า โดยที่ ไทยตั้งอยู่ในจุดกึ่งกลางบนภาคพื้นแผ่นดินใหญ่อาเซียน ประเทศไทยย่อมได้รับประโยชน์จากปริมาณการคมนาคมขนส่งที่จะเพิ่มขึ้นในอาเซียนและระหว่างอาเซียนกับจีน (และอินเดีย) มากยิ่งกว่าประเทศอื่นๆบริษัทด้านขนส่ง คลังสินค้า ปั๊มน้ำมัน ฯลฯ จะได้รับประโยชน์อย่างชัดเจน จริงอยู่ ประชาคมอาเซียนจะยังผลทั้งด้านบวกและลบต่อประเทศไทย ขึ้นอยู่กับพวกเราคนไทยจะเตรียมตัวอย่างไร แต่ผลทางบวกนั้นจะชัดเจน เป็นรูปธรรมและจับต้องได้ ที่มา : มติชน


 พิพิธิภัณฑสถานแห่งชาติเสมือนจริง พระนครคีรี: www.virtualmuseum.finearts.go.th/phranakhonkhiri     พระนครคีรีหรือ เขาวัง เดิมเป็นพระราชวังในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว อยู่ที่ตำบลคลองกระแชง อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี ตั้งอยู่บนยอดเขา 3 ยอดติดต่อกัน ยอดสูงที่สุดสูง 95 เมตร เดิมเรียกว่า “เขาสมน” (เขาสะหมน) ไหล่เขาทางด้านทิศตะวันออก มีวัดอยู่วัดหนึ่งชื่อ “วัดสมณ” สมณ พ.ศ. 2404 พระองค์ได้พระราชทานนามว่าเขามหาสวรรค์ ต่อมาเปลี่ยนเป็น เขามไหสวรรย์      พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้สร้างพระราชวังบนเขามไหสวรรย์ ใน พ.ศ. 2402 โดยมีเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง  บุนนาค) ต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ เป็นแม่กองในการก่อสร้าง และ พระเพชรพิไสยศรีสวัสดิ์ ( ท้วม  บุนนาค ) เป็นนายงานก่อสร้าง เมื่อสร้างเสร็จแล้วพระราชทานนามว่า “ พระนครคีรี ” พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดอากาศและภูมิทัศน์ที่มีความสวยงามของเมืองเพชรบุรีมาก พระองค์ได้เสด็จมาประทับที่พระนครคีรีหลายครั้งตลอดรัชกาลในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงโปรดเกล้าให้ปรับปรุงพระนครคีรีเพื่อใช้สำหรับเป็นที่รับรองพระราชอาคันตุกะจากเยอรมันนี      ภายหลังรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็มิได้มีพระมหากษัตริย์เสด็จมาประทับที่พระนครคีรีอีก จนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบันมีพระราชดำริ  ให้บูรณะปฏิสังขรณ์ กรมศิลปากรจึงได้ประกาศขึ้นทะเบียนพระนครคีรีเป็นโบราณสถานสำคัญของชาติ ดำเนินการบูรณะอาคารหมู่พระที่นั่งต่างๆ และได้ประกาศจัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนครคีรี เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2522 เป็นพิพิธภัณฑ์ประเภทอนุสรณ์สถาน โดยได้นำเครื่องราชูปโภคทั้งหมดที่ได้รับมอบกลับคืนมาจากสำนักพระราชวัง และกระทรวงมหาดไทย นำมาขึ้นทะเบียนเป็นโบราณวัตถุ อนุรักษ์และนำออกจัดแสดงภายในพระที่นั่งเพชรภูมิไพโรจน์ และพระที่นั่งปราโมทย์มไหสวรรย์


black ribbon.