หอสมุดแห่งชาติปัจจุบันของไทย สถาปนาขึ้นด้วยพระมหากรุณาธิคุณสมเด็จพระมหากษัตราธิราชในพระบรมราชจักรีวงศ์ โดยการรวมหอพระมณเฑียรธรรม หอพระสมุดวชิรญาณ และหอพุทธสาสนสังคหะเข้าด้วยกัน ในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีพระบรมราชโองการประกาศจัดการ หอพระสมุดวชิรญาณ ให้เป็น หอสมุดสำหรับพระนคร เมื่อ วันที่ ๑๒ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๔๔๘ และได้วิวัฒนาการเป็นสำนักหอสมุดแห่งชาติปัจจุบัน
หอพระสมุดวชิรญาณ เดิมตั้งอยู่ในพระบรมมหาราชวัง ต่อมาได้ย้ายมาตั้งอยู่ข้างนอกประตูพิมานไชยศรี คือศาลาสหทัยสมาคม แต่การบริหารและการให้บริการของหอพระสมุดเป็นสมาคม และเป็นสโมสรสำหรับสมาชิกเท่านั้น ในปีพุทธศักราช ๒๔๔๐ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสยุโรปได้เสด็จทอดพระเนตรกิจการหอสมุดแห่งชาติอังกฤษและหอสมุดแห่งชาติฝรั่งเศส เมื่อเสด็จนิวัติพระนคร มีพระราชดำริว่า หอพระสมุดวชิรญาณที่ทรงร่วมกันจัดตั้งขึ้นนั้นเป็นหอพระสมุดสำหรับราชสกุล แม้จะก่อให้เกิดประโยชน์ในทางวิชาการความรู้ยังไม่กว้างขวาง เพราะส่วนมากเป็นสมาชิกและอยู่ในวงแคบ หากขยายกิจการหอพระสมุดออกไปให้เป็น หอสมุดสำหรับพระนคร เพื่อพสกนิกรจะได้แสวงหา ประโยชน์ต่างๆจะได้จากการอ่านหนังสือ คงจะเป็นประโยชน์มากยิ่งขึ้นสมตามพระราชประสงค์ที่จะทรงเฉลิมพระเกียรติยศสนองพระเดชพระคุณ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้จัดตั้งหอพระสมุดวชิรญาณ เป็นหอสมุดสำหรับพระนครขึ้นเมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๔๔๘ และพระราชทานนามว่า หอพระสมุดวชิรญาณสำหรับพระนคร ตามพระสมณนามาภิไธยในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ต่อมา พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ขณะดำรงพระอิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร เป็นสภานายกหอพระสมุดวชิรญาณสำหรับพระนครได้พัฒนาและเจริญรุ่งเรืองตามลำดับ เมื่อพระองค์เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติบรมราชาภิเษกแล้ว จึงโปรดเกล้าฯให้ย้ายหอพระสมุดวชิรญาณสำหรับพระนคร มาไว้ที่ ตึกใหญ่ริมถนนหน้าพระธาตุซึ่งเรียกว่าตึกถาวรวัตถุ และพระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีเปิด เมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๒๔๕๙
กิจการของหอพระสมุดวชิรญาณสำหรับพระนครเจริญก้าวหน้าขึ้นเป็นลำดับได้มีการรวบรวมหนังสืออันมีค่ายิ่งของประเทศไว้ได้เป็นจำนวนมาก และยังได้วางรากฐานการจัดห้องสมุดตามมาตรฐานสากลหลายประการ เช่น การจัดหมวดหมู่หนังสือ ทำบัตรรายการค้นหนังสือ ทำบรรณานุกรม และการจัดพิมพ์หนังสือที่มีคุณค่าต่างๆ จำนวนมาก เป็นต้น
ใน ปีพุทธศักราช ๒๔๖๙ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ โปรดเกล้าฯให้แยกหอพระสมุด วชิรญาณสำหรับพระนครออกเป็น ๒ หอ คือ หอพระสมุดวชิราวุธ ตั้งอยู่ที่ตึกถาวรวัตถุเช่นเดิมให้เป็นที่เก็บหนังสือฉบับพิมพ์และ หอพระสมุดวชิรญาณ ให้ใช้เป็นที่เก็บหนังสือตัวเขียนและตู้พระธรรม
ปีพุทธศักราช ๒๔๗๖ รัฐบาลจัดตั้งกรมศิลปากรขึ้นและมีพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการกำหนดให้หอพระสมุดสำหรับพระนคร มีฐานะเป็นกองหนึ่งในกรมศิลปากรเรียกว่า กองหอสมุดและได้มีการเปลี่ยนแปลงชื่อหอพระสมุดสำหรับพระนครเป็นหอสมุดแห่งชาติในเวลาต่อมา หอสมุดแห่งชาติได้พัฒนากิจการเจริญรุ่งเรืองขึ้นตามลำดับมี ผู้ใช้บริการจำนวนมากจนถึง พุทธศักราช ๒๕๐๕ รัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณก่อสร้างอาคารหอสมุดแห่งชาติเป็นอาคารทรงไทย สูง ๕ ชั้นขึ้น ที่บริเวณท่าวาสุกรี ถนนสามเสน และได้มีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๐๙ สำนักหอสมุดแห่งชาติ เป็นอาคารทรงไทย ๕ ชั้น บนเนื้อที่ประมาณ ๑๗ ไร่ ปัจจุบันตั้งอยู่ที่ท่าวาสุกรี ถนนสามเสน เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร สังกัดกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม
หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรีเกิดขึ้นจากดำริของ ฯพณฯ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ เมื่อครั้งยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ประสงค์จะให้มีการจัดตั้หอสมุดแห่งชาติประจำภาคตะวันออกขึ้น เพื่อถวายเป็นราชสดุดีแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมฉลองปีรัชมังคลาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๓๑ จึงได้มอบหมายให้กองทัพภาคที่ ๑ จังหวัดจันทบุรี รวมทั้งหน่วยราชการอื่นที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันดำเนินการวางแนวนโยบายจัดหาทุนในการก่อสร้างอาคารหอสมุดฯ และกรมศิลปากรเป็นผู้ดำเนินการ จัดทำโครงการ ออกแบบอาคาร ควบคุมการก่อสร้าง จนแล้วเสร็จสมบูรณ์ และรับผิดชอบดำเนินงาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ใช้ชื่อว่า “หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษกจันทบุรี”
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าเสด็จเป็นองค์ประธานเปิดอาคารหอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี ในวันพฤหัสที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๓๓
อาคารหอสมุดฯ มีลักษณะแบบทรงไทยประยุกต์ รูปสี่เหลี่ยมจตุรัส กว้าง ๗๕ เมตร ยาว ๗๖ เมตร เป็นอาคาร ๒ ชั้น ๔ หลังเชื่อมติดกัน โดยมีที่ว่างตรงกลางจัดเป็นสวน รวมพื้นที่ใช้สอยประมาณ ๒,๕๕๓ ตารางเมตร และมีเนื้อที่ทั้งหมด ๒ ไร่ ๖๔ ตารางวา
เดิมหอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักหอสมุดแห่งชาติ แต่มาวันที่ ๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ กรมศิลปากรได้ปรับปรุงโครงสร้างของกรมใหม่ ให้หอสมุดแห่งชาติฯ จันทบุรี ไปอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักศิลปากรที่ ๕ ปราจีนบุรี กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม
ภารกิจและหน้าที่
1. ดำเนินการ สำรวจ รวบรวม จัดหา จัดเก็บทรัพยากรสารนิเทศ วิเคราะห์หมวดหมู่ จัดทำรายการ บันทึกในฐานข้อมูล จัดการข้อมูลท้องถิ่น/เอกสารโบราณ และอนุรักษ์และสงวนรักษาทรัพยากรสารสนเทศ
2. ศึกษา ค้นคว้า วิจัย ทางวิชาการด้านบรรณารักษศาสตร์และสารนิเทศศาสตร์ หนังสือ อักษรและเอกสารโบราณในเขตพื้นที่ที่รับผิดชอบ
3. ดำเนินการให้บริการการอ่าน ศึกษา ค้นคว้าและสนับสนุนการจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านแก่เด็ก นักเรียน นักศึกษา นักวิชาการและประชาชนทั่วไป
4. ให้คำปรึกษา แนะนำ ฝึกอบรมงานวิชาการด้านบรรณารักษศาสตร์และสารนิเทศศาสตร์ แก่บุคลากรห้องสมุดและหน่วยงานต่างๆในเขตพื้นที่ที่รับผิดชอบ
5. ติดต่อประสานงานกับสำนักหอสมุดแห่งชาติในด้านการให้ความรู้ ตามมาตรฐานวิชาการ บรรณารักษศาสตร์และสารสนเทศศาสตร์
6. ติดต่อประสานงานกับสำนักหอสมุดแห่งชาติ เพื่อขอหมายเลขมาตรฐานสากลประจำหนังสือ(ISBN) และเลขมาตรฐานสากลประจำวารสาร (ISSN) ในเขตพื้นที่ที่รับผิดชอบ
7. ดำเนินงานเกี่ยวกับเครือข่ายเพื่อการดูแลรักษามรดกทางศิลปวัฒนธรรมของชาติในเขตพื้นที่ที่รับผิดชอบ
8. ปฏิบัติงานร่วมกับ หรือสนับสนุนการปฏิบัติงานหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือตามที่ได้รับมอบหมาย
(จำนวนผู้เข้าชม 544 ครั้ง)
วิสัยทัศน์
เป็นแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลาย เป้าหมายคือผู้นำทางวิชาการ พร้อมให้บริการที่เป็นเลิศ
พันธกิจ
1. ดำเนินการ สำรวจ รวบรวม จัดหา จัดเก็บทรัพยากรสารนิเทศ วิเคราะห์หมวดหมู่ จัดทำรายการ บันทึกในฐานข้อมูล จัดการข้อมูลท้องถิ่น/เอกสารโบราณ และอนุรักษ์และสงวนรักษาทรัพยากรสารสนเทศ
2. ศึกษา ค้นคว้า วิจัย ทางวิชาการด้านบรรณารักษศาสตร์และสารนิเทศศาสตร์ หนังสือ อักษรและเอกสารโบราณในเขตพื้นที่ที่รับผิดชอบ
3. ดำเนินการให้บริการการอ่าน ศึกษา ค้นคว้าและสนับสนุนการจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านแก่เด็ก นักเรียน นักศึกษา นักวิชาการและประชาชนทั่วไป
4. ให้คำปรึกษา แนะนำ ฝึกอบรมงานวิชาการด้านบรรณารักษศาสตร์และสารนิเทศศาสตร์ แก่บุคลากรห้องสมุดและหน่วยงานต่างๆในเขตพื้นที่ที่รับผิดชอบ
5. ติดต่อประสานงานกับสำนักหอสมุดแห่งชาติในด้านการให้ความรู้ ตามมาตรฐานวิชาการ บรรณารักษศาสตร์และสารสนเทศศาสตร์
6. ติดต่อประสานงานกับสำนักหอสมุดแห่งชาติ เพื่อขอหมายเลขมาตรฐานสากลประจำหนังสือ(ISBN) และเลขมาตรฐานสากลประจำวารสาร (ISSN) ในเขตพื้นที่ที่รับผิดชอบ
7. ดำเนินงานเกี่ยวกับเครือข่ายเพื่อการดูแลรักษามรดกทางศิลปวัฒนธรรมของชาติในเขตพื้นที่ที่รับผิดชอบ
8. ปฏิบัติงานร่วมกับ หรือสนับสนุนการปฏิบัติงานหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือตามที่ได้รับมอบหมาย
(จำนวนผู้เข้าชม 195 ครั้ง)