ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 42,994 รายการ
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุพรรณบุรี ขอเชิญชมนิทรรศการหมุนเวียน "Object of the Month" วัตถุจากคลังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุพรรณบุรี ประจำเดือน "สิงหาคม" เชิญพบกับ "มีดตัดหวายลูกนิมิต" จัดแสดงให้ชมระหว่างวันที่ ๑ - ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๖
“มีดตัดหวายลูกนิมิต” มีดสำคัญที่ในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ทรงใช้ประกอบพิธีตัดหวายลูกนิมิต ณ อุโบสถวัดดอนเจดีย์ อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๑๖
ผู้สนใจสามารถเข้าชมนิทรรศการ "มีดตัดหวายลูกนิมิต" ได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๖ (ปิดวันจันทร์ วันอังคาร) ณ ห้องโถงพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุพรรณบุรี สอบถามเพิ่มเติม โทร. ๐ ๓๕๕๓ ๕๓๓๐ หรือเฟสบุ๊ก: พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุพรรณบุรี
กรมศิลปากร ชวนร่วมประกวดผลงานภาพถ่าย หัวข้อ "แต่งไทย ชมวัดไชยฯ ยามราตรี" ชิงเงินรางวัลรวม 40,000 บาท
กรมศิลปากร ขอเชิญร่วมประกวดผลงานภาพถ่ายภายใต้หัวข้อ "แต่งไทย ชมวัดไชยฯ ยามราตรี" ชิงเงินรางวัลรวม 40,000 บาท ในงาน
"ราตรีนี้...ที่วัดไชยวัฒนาราม Ayutthaya Sundown"
- รางวัลชนะเลิศ เงินรางวัล 20,000 บาท จำนวน 1 รางวัล
- รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 เงินรางวัล 10,000 บาท จำนวน 1 รางวัล
- รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 เงินรางวัล 5,000 บาท จำนวน 1 รางวัล
- รางวัลพิเศษสำหรับภาพถ่ายวัยเกษียณสำราญ (นายแบบ/นางแบบ อายุมากกว่า 65 ปี )
- เงินรางวัล 5,000 บาท จำนวน 1 รางวัล
ผู้สนใจร่วมกิจกรรม สามารถติดตามรายละเอียดของกติกาการประกวด ได้ทาง Facebook : อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา Ayutthaya Historical Park (www.facebook/AY.HI.PARK)
องค์ความรู้ ส่งเสริมการอ่านผ่านออนไลน์ เรื่อง “วันปิยมหาราช 23 ตุลาคม”
วันปิยมหาราช ตรงกับวันที่ 23 ตุลาคม ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องจากพระองค์ทรงเป็นที่รักใคร่อย่างล้นเหลือของพสกนิกรทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ พระองค์จึงได้รับการถวายพระราชสมัญญานามว่า “สมเด็จพระปิยมหาราช” ซึ่งมีความหมายว่า “พระมหากษัตริย์ที่ทรงเป็นที่รักยิ่งของปวงชน” ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ รัฐบาลจึงได้ประกาศให้วันที่ 23 ตุลาคม เป็น “วันปิยมหาราช”
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ และสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี ประสูติเมื่อวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2396 พระนามเดิมว่า “สมเด็จ เจ้าฟ้าชายจุฬาลงกรณ์” เมื่อพระชนม์ 9 พรรษาได้รับสถาปนาเป็นกรมหมื่นพิฆเนศวรสุรสังกาศ ต่อมาอีก 4 ปี ได้เลื่อนเป็น “กรมขุนพินิตประชานาถ”
เสด็จขึ้นครองราชย์ มีพระราชพิธีบรมราชาภิเษกครั้งแรกเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2411 ทรงพระนามว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องจากขณะนั้นมีพระชนมายุเพียง 16 ปี ยังไม่ทรงบรรลุนิติภาวะ สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ จึงเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน และสถาปนากรมหมื่นบวรวิชัยชาญ พระโอรสองค์ใหญ่ของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ พระมหาอุปราช
เมื่อมีพระชนมายุใกล้บรรลุนิติภาวะได้ทรงผนวชเป็นภิกษุ เมื่อวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2416 และลาผนวช เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2416 แล้วโปรดให้มีกสารราชาภิเษกอีกครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2416 เพื่อแสดงให้ประชาชนและชาวต่างชาติทราบว่าพระองค์ทรงรับผิดชอบในการปกครองบ้านเมืองด้วยพระองค์เองแล้ว
พระราชกรณียกิจที่สำคัญ ได้แก่ การเลิกทาส การปฏิรูประเบียบบริหารราชการ การศึกษา การศาล การคมนาคม การสุขาภิบาล ฯลฯ
การเลิกทาส พระองค์ทรงมีพระราชประสงค์ให้มีการเลิกทาสให้เป็นไทตั้งแต่พระองค์เสด็จขึ้นครองราชย์ ด้วยทรงไม่ต้องการให้มีการกดขี่เหยียดหยามคนไทยด้วยกันเอง และทรงเห็นว่าการมีทาสเป็นสิ่งที่ล้าสมัย ไม่เหมาะกับประเทศที่เจริญแล้ว พระองค์ได้ทำการปรึกษาราชการแผ่นดินในหลายฝ่ายเพื่อหาวิธีไม่ให้มีเหตุกระทบกระเทือนต่อตัวทาสและเจ้าของทาส ดังนั้นในปี พ.ศ. 2416 พระองค์ได้ทรงตราพระราชบัญญัติทาส ห้ามคนที่เกิดในรัชกาลปัจจุบันเป็นทาส และต่อมาพระองค์ทรงตราพระราชบัญญัติพิกัดเกษียณอายุลูกทาสลูกไท ณ วันที่ 18 ตุลาคม 2417 ด้วยพระวิริยะอุตสาหะทำให้ทรงประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีในการปลดปล่อยทาสให้เป็นไทโดยไม่ต้องสูญเสียเลือดเนื้อแม้แต่หยดเดียว
นอกจากนี้ การเสด็จประพาสต้น ก็เป็นพระราชกรณียกิจที่สำคัญของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องจากพระองค์มีพระราชประสงค์ที่จะดูแลทุกข์สุขของราษฎรอย่างใกล้ชิด ดังนั้น จึงทรงโปรดเกล้าฯ ให้จัดการเสด็จพระราชดำเนินเป็นการลับทางรถไฟหรือไม่ก็ทางเรือ ทรงแต่งพระองค์อย่างสามัญชน เพื่อทอดพระเนตรชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎร
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453 สิริรวมพระชนมายุได้ 58 พรรษา ครองราชสมบัตินานถึง 42 ปี นับเป็นความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ ด้วยทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่พระปรีชาสามารถ และเป็นที่รักยิ่งของพสกนิกรไทย สมกับพระราชสมัญญา "พระปิยมหาราช” ซึ่งแปลความหมายว่า "พระมหากษัตริย์ที่ทรงเป็นที่รักยิ่งของปวงชน”
อ้างอิง : บุญเติม แสงดิษฐ์. วันสำคัญ. กรุงเทพฯ : พัชรการพิมพ์. 2541.
ผู้เรียบเรียง : นายประพนธ์ รอบรู้ นักวิชาการโสตทัศนศึกษาชำนาญการ หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี สำนักศิลปากรที่ 5 ปราจีนบุรี
ชื่อเรื่อง หอสมุดแห่งชาติสาขาประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ผู้แต่ง กรมศิลปากรประเภทวัสดุ/มีเดีย หนังสือหายากISBN/ISSN 974-7920-68-9หมวดหมู่ บรรณารักษศาสตร์และสารนิเทศศาสตร์เลขหมู่ 027.5593 ศ528หสถานที่พิมพ์ กรุงเทพฯสำนักพิมพ์ สหประชาพาณิชย์ปีที่พิมพ์ 2528ลักษณะวัสดุ 84 หน้าหัวเรื่อง บุรีรัมย์ – ความเป็นอยู่และประเพณี บุรีรัมย์ – หอสมุดแห่งชาติสาขาภาษา ไทยบทคัดย่อ/บันทึกหอสมุดแห่งชาติสาขาประโคนชัย เปิดให้เป็นแหล่งศึกษาค้นคว้าและให้บริการด้านวิชาการแก่นักเรียน นักศึกษา ประชาชนในชนบทเพื่อเพิ่มพูนความรู้ ความสามารถ และเพื่อประชาชนจะได้นำความรู้ที่ได้รับไปพัฒนาท้องถิ่นให้เจริญก้าวหน้า
ชื่อเรื่อง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถผู้แต่ง ประยูร พิศนาคะประเภทวัสดุ/มีเดีย หนังสือหายากหมวดหมู่ ชีวประวัติ ประวัติบุคคลเลขหมู่ 923.1593 ป365สสถานที่พิมพ์ พระนครสำนักพิมพ์ สำนักงานหอสมุดกลางปีที่พิมพ์ ม.ป.ป.ลักษณะวัสดุ 508 หน้าหัวเรื่อง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชกรณียกิจภาษา ไทยบทคัดย่อ/บันทึกรวบรวมพระราชกรณียกิจต่างๆ ที่ทรงบำเพ็ญ และทรงบำเพ็ญต่อไปด้วยพระราชศรัทธาอันหาที่สุดมิได้
-- องค์ความรู้จากเอกสารจดหมายเหตุ : ป่าน้ำว้า ตำบลขึ่ง ตำบลไหล่น่าน -- เมื่อหลายสิบปีก่อน อุตสาหกรรมป่าไม้ของไทยได้รับความนิยม ป่าไม้ในภาคเหนือเช่นที่จังหวัดน่านมีพันธุ์ไม้ชั้นดีมากมาย รัฐได้กำหนดผืนป่าบางส่วนสำหรับสัมปทานทำไม้หรือเรียกกันทั่วไปว่า " เปิดป่า " . เอกสารจดหมายเหตุของสำนักงานป่าไม้จังหวัดน่านฉบับหนึ่ง คือแผนที่ป่าไม้นอกโครงการน้ำน่านฝั่งซ้าย แสดงบริเวณป่าน้ำว้า ตำบลขึ่งและตำบลไหล่น่าน ที่เจ้าหน้าที่หรือเอกชนร่างการสำรวจไว้เพื่อขอทำไม้. ลักษณะแผนที่ถูกจัดทำในขนาดมาตราส่วน 1: 50,000 ภายในพื้นที่มีแม่น้ำว้าไหล่ผ่านกลางจากทิศตะวันตกสู่ทิศตะวันออก ลำห้วยต่างๆ แตกสาขาจากแม่น้ำออกไปดั่งเส้นเลือดฝอย เช่น ห้วยเดีย ห้วยปง ห้วยหนวน ห้วยสะลื่น ห้วยสวน และห้วยผายาว ฯลฯ ริมแม่น้ำประกอบไปด้วยหมู่บ้านเป็นระยะ ได้แก่ บ้านขึ่ง บ้านท่าลี่ บ้านห้วยสวน บ้านห้วยเม้น และบ้านหาดไร่ ถึงแม้แผนที่จะไม่แสดงความเขียวครึ้มของผืนป่า หากผู้สำรวจได้ระบายสีม่วงบริเวณพื้นที่ขอทำไม้ไว้ แสดงว่าจุดนั้นต้องอุดมสมบูรณ์ มีพันธุ์ไม้ต่างๆ แน่นขนัด ที่สำคัญมันอยู่เลียบแม่น้ำว้าทั้งสองฝั่งและกว้างเกือบ 3 ใน 4 ของแผนที่ ทั้งมิต้องกล่าวถึงพันธุ์สัตว์ชนิดต่างๆ ที่อาศัยอยู่ด้วย คงจะมีปริมาณมากเช่นกัน. อย่างไรก็ดี นอกจากองค์ประกอบทางกายภาพแล้ว แผนที่ยังสะท้อนนัยให้เราทราบอีกบางประการ เช่น. 1. คนอยู่กับป่า ทั้งดำรงชีพหรือพึ่งพาอาศัยกันและกันมาแต่แรก 2. ระบบนิเวศน์อุดมสมบูรณ์ ไม่เช่นนั้นไม่ถูกสำรวจเพื่อขอทำไม้ 3. ชื่อแผนที่คือ " ป่านอกโครงการ ... " สันนิษฐานว่าอาจเคยถูกกันเอาไว้ไม่ให้รับสัมปทาน เพื่อสงวนพันธุ์พืชพันธุ์สัตว์. น่าเสียดายที่แผนที่ไม่ได้ระบุรายละเอียดใดๆ เพิ่มเติม แม้กระทั่งวันเวลาที่จัดทำ มิฉะนั้น เราจะเข้าใจผืนป่าแห่งนี้มากขึ้น และตอบคำถามหนึ่งได้ว่า สุดท้ายผืนป่าน้ำว้า ตำบลขึ่ง ตำบลไหล่น่าน ถูกสัมปทานหรือไม่ ??.ผู้เขียน: นายธานินทร์ ทิพยางค์ (นักจดหมายเหตุ หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ พะเยา).เอกสารอ้างอิง: หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ พะเยา. เอกสารสำนักงานป่าไม้จังหวัดน่าน ผจ นน 1.6/11 แผนที่ป่านอกโครงการน้ำน่านฝั่งซ้าย แสดงบริเวณป่าน้ำว้า ตำบลขึ่ง ตำบลไหล่น่าน อำเภอสา จังหวัดน่าน [ ม.ท. ].#จดหมายเหตุ #องค์ความรู้จากจากจดหมายเหตุ #หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯพะเยา #เอกสารจดหมายเหตุ
วันเด็กแห่งชาติ
เรียบเรียงโดย : ภควรรณ คุณากรวงศ์ บรรณารักษ์ชำนาญการ
ชื่อเรื่อง สพ.ส.70 ตำรายาแผนโบราณประเภทวัสดุ/มีเดีย สมุดไทยขาวISBN/ISSN -หมวดหมู่ เวชศาสตร์ลักษณะวัสดุ 160; หน้า : ไม่มีภาพประกอบหัวเรื่อง ตำรายาแผนโบราณ ภาษา ไทยบทคัดย่อ/บันทึก ประวัติวัดอู่ทอง ต.โคกคราม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี มอบให้หอสมุดฯ
พระพิมพ์ดินเผา
แบบศิลปะ : ทวารวดี
ชนิด : ดินเผา
ขนาด : กว้าง 6 เซนติเมตร สูง 9.5 เซนติเมตร
อายุสมัย : ประมาณพุทธศตวรรษที่ 12 - 13 (หรือราว 1,300 - 1,400 ปีมาแล้ว)
ลักษณะ : พระพิมพ์ดินเผารูปพระสาวก เป็นรูปพระภิกษุนั่งขัดสมาธิราบในท่าสมาธิ ครองจีวรห่มเฉียงไม่มีรัศมี สิ่งสำคัญคือด้านหลังองค์พระพิมพ์ มีจารึก อักษรปัลลวะ ภาษาสันสกฤต
ประวัติ : ได้จากเจดีย์หมายเลข 11 อำเภออู่ทอง
สถานที่จัดแสดง : พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี
แสดงภาพวัตถุหมุน คลิกที่นี่ http://www.virtualmuseum.finearts.go.th/uthong/360/model/03/
ที่มา: http://www.virtualmuseum.finearts.go.th/uthong
ภาพปูนปั้นรูปบุรุษขี่ม้า (อัศวิน หรือ เสด็จออกมหาภิเษกกรมณ์ ) และรูปสิงห์
- ทวารวดี (พุทธศตวรรษที่ ๑๒ - ๑๔)
- ปูนปั้น
- ขนาด กว้าง ๙๔.๕ ซม. ยาว ๘๖ ซม. หนา ๙ ซม.
เดิมประดับที่ฐานลานประทักษิณด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ ของเจดีย์จุลประโทน อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม ได้จากการขุดค้นทางโบราณคดี เมื่อ พ.ศ.๒๕๑๑ ภาพปูนปั้นทั้งสองนี้ ขณะขุดค้นพบ เห็นเป็นภาพสิงห์ ต่อมาขณะที่นายช่างของกรมศิลปากร คือ นายอาภรณ์ ณ สงขลา ทำการอนุรักษ์ จึงพบว่ามีภาพบุคคลขี่ม้าถูกครอบไว้ด้านใน รูปบุคคลขี่ม้าอาจจะมาจากชาดกตอนพระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นม้า หรืออาจเป็นภาพพุทธประวัติตอนเสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์(ออกผนวช)
แสดงภาพวัตถุหมุน คลิกที่นี่ https://smartmuseum-v2.finearts.go.th/3d_object/?obj=40108
ที่มา: https://smartmuseum.finearts.go.th
ปริวารปาลิ (ปริวารปาลิ)อย.บ. 298/9หมวดหมู่ พุทธศาสนาประเภทวัสดุ/มีเดีย คัมภีร์ใบลานลักษณะวัสดุ 52 หน้า : กว้าง 4.7 ซม. ยาว 53.4 ซม. บทคัดย่อ เป็นคัมภีร์ใบลาน ฉบับล่องชาด ได้รับบริจาคจากวัดประดู่ทรงธรรม อำเภอเมืองพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กำแพงเพชร ขอเชิญชมการถ่ายทอดสด Facebook Live การบรรยายทางวิชาการออนไลน์ ประจำปี ๒๕๖๗ ภายใต้โครงการจัดกิจกรรมเสริมสร้างให้พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเป็นแหล่งเรียนรู้ วันที่ ๒๘ - ๒๙ สิงหาคม และ ๖ กันยายน ๒๕๖๗ ผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กำแพงเพชร : Kamphaeng Phet National Museum (https://www.facebook.com/kamphaengphetnationalmuseum) พบกับการบรรยายที่น่าสนใจ ดังต่อไปนี้
วันพุธที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๖๗
- เวลา ๐๙.๓๐ - ๑๐.๓๐ น. การบรรยาย เรื่อง “บ่อสามแสน แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งเมืองกำแพงเพชร” โดย นางสาวเมลดา มณีโชติ นักโบราณคดีปฏิบัติการ อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร สำนักศิลปากรที่ ๖ สุโขทัย
- เวลา ๑๐.๓๐ - ๑๑.๓๐ น. การบรรยาย เรื่อง “ศิลาแลงแกร่ง แหล่งตัดศิลาแลงเมืองกำแพงเพชร” โดย นางสาวจินต์จุฑา เขนย นักโบราณคดีชำนาญการ อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร สำนักศิลปากรที่ ๖ สุโขทัย
- เวลา ๑๓.๐๐ - ๑๔.๐๐ น. การบรรยาย เรื่อง “บันทึกจากรุ่นสู่รุ่น : สายตระกูลพระยากำแพงเพชร” โดย นางสาวนพรัตน์ รามสูต กุลทายาทเจ้าเมืองกำแพงเพชร
วันพฤหัสบดีที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๖๗
- เวลา ๐๙.๓๐ - ๑๐.๓๐ น. การบรรยาย เรื่อง “เครือข่ายการค้าโบราณ : กำแพงเพชร” โดย นายมนตรี ธนภัทรพรชัย ผู้อำนวยการกลุ่มโบราณคดี สำนักศิลปากรที่ ๖ สุโขทัย
- เวลา ๑๐.๓๐ - ๑๑.๓๐ น. การบรรยาย เรื่อง “เครื่องถ้วยลายครามที่พบจากวัดอาวาสใหญ่” โดย นางสาวพรรณลักษณ์ พันธ์วนิชดำรง ภัณฑารักษ์ชำนาญการ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กำแพงเพชร สำนักศิลปากรที่ ๖ สุโขทัย
วันศุกร์ที่ ๖ กันยายน ๒๕๖๗
- เวลา ๐๙.๓๐ - ๑๐.๓๐ น. การบรรยาย เรื่อง “ฟิล์มกระจก มรดกความทรงจำแห่งโลก” โดย นางภาวิดา สมวงศ์ นักจดหมายเหตุชำนาญการ กลุ่มอนุรักษ์เอกสาร สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ
- เวลา ๑๐.๓๐ - ๑๑.๓๐ น. การบรรยาย เรื่อง “คุณค่าและการอนุรักษ์เอกสารจดหมายเหตุประเภทภาพถ่าย” โดย นางสาวอุไรวรรณ แสงทอง หัวหน้าหอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมฯ สยามมกุฎราชกุมาร พะเยา สำนักศิลปากรที่ ๗ เชียงใหม่
- เวลา ๑๓.๐๐ - ๑๔.๐๐ น. การบรรยาย เรื่อง “บันทึกความทรงจำ : ภาพถ่ายแห่งเมืองกำแพงเพชร” โดย นางสาวเบญจวรรณ จันทราช หัวหน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กำแพงเพชร สำนักศิลปากรที่ ๖ สุโขทัย ทั้งนี้ กำหนดการอาจเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. ๐ ๕๕๗๑ ๑๕๗๐ หรือทางกล่องข้อความ เพจเฟซบุ๊ก พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กำแพงเพชร : Kamphaeng Phet National Museum
ชื่อเรื่อง เมืองโบราณอู่ทอง : รายงานสรุปผลการศึกษาโบราณสถานที่เนินพลับพลา ในปี 2560ผู้แต่ง สฤษดิ์พงศ์ ขุนทรงประเภทวัสดุ/มีเดีย หนังสือท้องถิ่นหมวดหมู่ ประวัติศาสตร์เอเชีย เลขหมู่ 959.373 ส363มสถานที่พิมพ์ กรุงเทพฯสำนักพิมพ์ เปเปอร์เมท(ประเทษไทย)จำกัดปีที่พิมพ์ 2560ลักษณะวัสดุ 146 หน้า หัวเรื่อง โบราณคดีอู่ทองภาษา ไทยบทคัดย่อ/บันทึก เป็นหนังสือรายงานการสำรวจและการขุดค้นเมืองโบราณอู่ทอง อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี ที่เนินพลับพลาปี 2560 เนื้อหาภายในเล่ม คือ ที่ตั้งและสภาพภูมิศาสตร์เมืองโบราณอู่ทอง การศึกษาเปรียบเทียบลักษณะที่ตั้งและสภาพภูมิศาสตร์ระหว่างเมืองอู่ทอง เมืองคูบัว และเมืองนครปฐม ศึกษาโบราณสถานสมัยทราวดีที่เมืองอู่ทอง ได้แก่ โบราณสถานทางพุทธศาสนา โบราณสถานที่เกี่ยวข้องกับระบบจัดการน้ำและเทวาลัยในศาสนาพราหมณ์ การขุดศึกษาโบราณสถานที่เนินพลับพลา ในปี 2558 หลักฐานที่ค้นพบ เช่น ลูกปัดหิน หินบด ต่างหูโลหะ เป็นต้น พร้อมทั้งสรุปและข้อเสนอแนะ ภาคผนวก1 - 3 รายการโบราณวัตถุชิ้นพิเศษ รายงานผลการกำหนดอายุทางวิทยาศาสตร์ แผนผังท้ายเล่ม ตามลำดับ