ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,758 รายการ

วันที่ ๒๓-๒๖ มกราคม ๒๕๖๘ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุรินทร์ โดยนายกรภัทร์ สุขใหญ่ พนักงานประจำพิพิธภัณฑ์ นายธนากร วงศ์สิริพัฒนะ นักวิชาการวัฒนธรรม และเจ้าหน้าที่สนามลงพื้นที่ดูแลทำความสะอาดโบราณสถานในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ ได้แก่ โบราณสถานปราสาทบ้านปราสาท อำเภอห้วยทับทัน จังหวัดศรีสะเกษ โบราณสถานปราสาทปรางค์กู่ อำเภอปรางค์กู่ จังหวัดศรีสะเกษ และโบราณสถานในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ได้แก่ โบราณสถานปราสาทหมื่นศรีน้อย อำเภอสำโรงทาบ จังหวัดสุรินทร์ เพื่อให้โบราณสถานสะอาดเรียบร้อยสวยงามไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่จะมาเที่ยวชม


วันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๖๘ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุรินทร์ ร่วมกิจกรรมพิธีสมโภชน์พระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ ๕ หน้าศาลากลางจังหวัดสุรินทร์ โดยจัดอาหารว่างแจกผู้เขาร่วมกิจกรรม และหัวหน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุรินทร์ ร่วมรำบวงสรวง มีผู้รำ ทั้งสิ้น ๒,๕๖๘ คน


วันพฤหัสบดีที่ ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๘ เวลา ๑๐.๐๐ น. นักศึกษาจากศูนย์กรมส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอโนนนารายณ์ จังหวัดสุรินทร์ จำนวน ๑๐๐ คน คุณครู ๑๐ คน เข้าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุรินทร์ โดยมีนายนพรัศม์ เมธีวราธนานันท์ ภัณฑารักษ์ปฏิบัติการ และนางถนอม หลวงกลาง พนักงานประจำห้อง ให้การต้อนรับและบรรยายนำชม


วันศุกร์ที่ ๓๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๘ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุรินทร์ นายกรภัทร์ สุขใหญ่ พนักงานประจำพิพิธภัณฑ์ ร่วมงาน "หวัวบุญเบิกฟ้า ขึ้น ๓ ค่ำ มหัศจรรย์เดือน ๓ ประจำปี ๒๕๖๘" ณ โบราณสถานปราสาทปรางค์กู่ อำเภอปรางค์กู่ จังหวัดศรีสะเกษ จัดโดยองค์การบริหารส่วนตำบลกู่ พร้อมนี้ได้ควบคุมและตรวจสอบการใช้สถานที่เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อโบราณสถาน


วันเสาร์ที่ ๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๘ เวลา ๑๓.๐๐ น. นักศึกษาคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ จำนวน ๓๐ คน อาจารย์ ๑ คน เข้าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุรินทร์ โดยมีนายธนากร วงศ์สิริพัฒนะ นักวิชาการวัฒนธรรม ให้การต้อนรับและบรรยายนำชม


วันอาทิตย์ที่ ๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๘ เวลา ๐๙.๐๐ น. นักศึกษาชั้นปีที่ ๓ สาขาวิชาสังคมศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม จำนวน ๒๗ คน อาจารย์ ๔ คน เข้าเยี่ยมชมโบราณสถานปราสาทศีขรภูมิ อำเภอศีขรภูมิ จังหวัด สุรินทร์ โดยมีนายกรภัทร์ สุขใหญ่ พนักงานประจำพิพิธภัณฑ์ ให้การต้อนรับและบรรยายนำชม


พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุรินทร์ เปิดให้บริการแก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว ระหว่างวันที่ ๒๙ มกราคม ถึง ๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๘ มีผู้เข้าชมทั้งสิ้น ๒๓๗ คน


              พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา ขอเชิญผู้ประกอบอาชีพมัคคุเทศก์ ร่วมอบรมเชิงปฏิบัติการในโครงการเผยแพร่องค์ความรู้ทางด้านประวัติศาสตร์ โบราณคดีและงานด้านศิลปวัฒนธรรม ประจำปี ๒๕๖๘ เรื่อง “การเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับโบราณวัตถุที่จัดแสดงภายในอาคารเครื่องทองอยุธยาสำหรับมัคคุเทศก์มืออาชีพ รุ่นที่ ๒” ในวันพุธที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ตั้งแต่เวลา ๐๘.๓๐ – ๑๗.๐๐ น. ณ อาคารเครื่องทอง พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา               ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมฯ ทาง Qr-code หรือกดลิ้งค์นี้ https://qr.me-qr.com/ksQ3Nj6w (ฟรี) รับจำนวนจำกัด โดยเมื่อจบการอบรมผู้เข้าร่วมอบรมทุกท่านจะได้รับใบประกาศนียบัตรจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา" ทั้งนี้ ทางพิพิธภัณฑ์จะตอบรับผู้สมัครที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมผ่านทางอีเมลที่ผู้สมัครระบุไว้ สอบถามเพิ่มเติม โทร ๐ ๓๕๒๔ ๑๕๘๗ ทุกวันเวลาราชการ


วันพุธที่​ ๕​ กุมภาพันธ์​ ๒๕๖๘ นายภัทรพงษ์​ เก่าเงิน​ ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ ๑๒ นครศรีธรรมราช เป็นประธานในที่ประชุมตรวจรับพัสดุโครงการปรับปรุงและพัฒนาอาคารจัดแสดงนิทรรศการพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ถลาง​ ตำบลศรีสุนทร​ อำเภอถลาง​ จังหวัดภูเก็ต (งานงวดที่​ ๒)​ พร้อมด้วยคณะกรรมการ มัณฑนากร สถาปนิก​ วิศวกรโยธา​ วิศวกรไฟฟ้า จากสำนักสถาปัตยกรรม กรมศิลปากร หัวหน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ไชยา​ หัวหน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ​ ถลาง และผู้ควบคุมงาน​ เข้าร่วมประชุมตรวจรับพัสดุโครงการดังกล่าว


พิพิธภัณฑสถาน​แห่งชาติ​ ถลาง​ ให้การต้อนรับ​นายภัทรพงษ์​ เก่าเงิน ​เข้าสักการะพระวิษณุ​มัธยม​โย​ค​ส​ถ​า​นก​มู​รติ​ โบราณวัตถุชิ้นเด่น​ ประจำพิพิธภัณฑ์​ และเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์​สำคัญบนพื้นที่จังหวัดชายฝั่งทะเลอันดามัน​ เนื่องในโอกาสเข้าดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนัก​ศิลปากร​ที่​ ๑๒​ นครศรี​ธรรมราช​ เพื่อความเป็นสิริมงคล






            สำนักศิลปากรที่ ๑๒ นครศรีธรรมราช แจ้งข่าวประชาสัมพันธ์เวลาเปิด - ปิดโบราณสถาน ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๘ ได้แก่ หอพระสิหิงค์ หอพระสูง หอพระอิศวร หอพระนารายณ์ และโบสถ์พราหมณ์ อำเภอเมืองฯ จังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ วันจันทร์ - อาทิตย์ เวลา ๐๘.๓๐ - ๑๖.๐๐ น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางกล่องข้อความ facebook สำนักศิลปากรที่ ๑๒ นครศรีธรรมราช หรือ โทร. ๐ ๗๕๓๕ ๖๔๕๘              - หอพระสิหิงค์ หรือหอพระพุทธสิหิงค์ เป็นสถานที่ประดิษฐาน “พระพุทธสิหิงค์” พระพุทธรูปสำคัญคู่เมืองนครศรีธรรมราช กำหนดอายุในสมัยอยุธยา (ราวพุทธศตวรรษที่ ๒๑) หอพระสิหิงค์ตั้งอยู่บนถนนราชดำเนิน ตำบลในเมือง อำเภอเมืองฯ จังหวัดนครศรีธรรมราช เดิมเป็นหอพระตั้งอยู่บริเวณจวนเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งปัจจุบันคือที่ตั้งศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช “พระพุทธสิหิงค์” ถือเป็นพระพุทธรูปสำคัญของบ้านเมือง ซึ่งในประเทศไทยปรากฏพระพุทธสิหิงค์เพียง ๓ องค์ องค์แรกประดิษฐานในพระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร องค์ที่ ๒ ประดิษฐานในวิหารลายคำ วัดพระสิงห์ จังหวัดเชียงใหม่ และองค์ที่ ๓ ประดิษฐานในหอพระพุทธสิหิงค์ จังหวัดพระนครศรีธรรมราช               - หอพระสูง หรือ พระวิหารสูง เป็นสถานที่ประดิษฐานพระพุทธรูปประธานปางมารวิชัย ศิลปะสมัยอยุธยาตอนปลายหรือรัตนโกสินทร์ตอนต้น (ราวพุทธศตวรรษที่ ๒๓ - ๒๔) หอพระสูงถือเป็นโบราณสถานสำคัญแห่งหนึ่งในเมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ตั้งอยู่ที่ตำบลคลัง อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยตั้งอยู่บนเนินดินขนาดใหญ่ นอกกำแพงเมืองนครศรีธรรมราชด้านทิศเหนือ มีข้อสันนิษฐานหลายประการเกี่ยวกับประวัติการสร้างหอพระสูงและที่มาของเนินดิน เช่น เชื่อว่าเนินดินนี้เกิดจากชาวเมืองนครศรีธรรมราชช่วยกันขุดดินจากบริเวณคลองหน้าเมืองมาถมจนเป็นเนินใหญ่ เพื่อใช้ตั้งปืนใหญ่ในการสกัดกั้นทัพพม่าในคราวที่มีการยกทัพมาตีหัวเมืองภาคใต้ตั้งแต่มะริด ถลาง ไชยา เรื่อยมาจนถึงนครศรีธรรมราช เมื่อครั้งสงคราม ๙ ทัพใน พ.ศ. ๒๓๒๘ ภายหลังเนินดินแห่งนี้ได้กลายเป็นที่รกร้าง มีต้นไม้ขึ้นปกคลุมหนาแน่น ราว พ.ศ.๒๓๗๗ เจ้าพระยานคร (น้อย) เห็นว่าควรจะสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ชาวเมือง จึงให้สร้างพระพุทธรูปขนาดหน้าตักประมาณ ๕ ศอก สูงประมาณ ๘ ศอกขึ้นบนเนินนั้น และสร้างวิหารสำหรับประดิษฐานพระพุทธรูปด้วยหลังหนึ่ง เรียกว่า “หอพระสูง” และเรียกสถานที่แห่งนี้ว่าหอพระสูงมาตั้งแต่บัดนั้น              - หอพระอิศวร ตั้งอยู่บนถนนราชดำเนิน ตำบลในเมือง อำเภอเมืองฯ จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นศาสนสถานในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ลัทธิไศวนิกาย ซึ่งบูชาพระอิศวรหรือพระศิวะเป็นใหญ่เหนือเทพองค์อื่น สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประดิษฐานศิวลึงค์ศิลา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพระองค์ สันนิษฐานว่าหอพระอิศวรสร้างขึ้นในสมัยอยุธยา โดยสร้างขึ้นพร้อมกับหอพระนารายณ์ และโบสถ์พราหมณ์ ตามความเชื่อในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ที่เจริญควบคู่มากับการตั้งถิ่นฐานของเมืองนครศรีธรรมราช นอกจากนั้นภายในหอพระอิศวรยังเคยเป็นที่ประดิษฐานเทวรูปสำริดอื่นๆ ได้แก่ พระศิวนาฏราช พระอุมา พระคเณศ และรูปหงส์ ปัจจุบันได้นำไปเก็บรักษาและจัดแสดงไว้ ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครศรีธรรมราช                - หอพระนารายณ์ ตั้งอยู่ตรงข้ามกับหอพระอิศวร เป็นโบราณสถานในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ลัทธิไวษณพนิกาย บูชาพระนารายณ์เป็นใหญ่เหนือเทพองค์อื่น สร้างขึ้นเพื่อใช้ประกอบพิธีกรรมเนื่องในลัทธิศาสนาและประดิษฐานเทวรูปพระนารายณ์ หอพระนารายณ์ มีการบูรณะมาแล้วหลายครั้ง การบูรณะครั้งใหญ่ที่สุดเกิดขึ้นในสมัยพระยารัษฎานุประดิษฐ์ฯ (สิน เทพหัสดิน ณ อยุธยา) เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งข้าหลวงประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช (พ.ศ. ๒๕๖๒ – ๒๔๗๕) หลักฐานสำคัญที่พบในหอพระนารายณ์ ได้แก่ เทวรูปพระนารายณ์ สี่กร ทำด้วยหินทรายลักษณะเป็นเทวรูปรุ่นเก่า อายุราวพุทธศตวรรษที่ ๑๐ – ๑๑ ปัจจุบันนำมาเก็บรักษาและจัดแสดง ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครศรีธรรมราช ส่วนเทวรูปพระนารายณ์ที่ประดิษฐานอยู่ภายในหอนั้น กรมศิลปากรได้จำลองแบบตามภาพถ่ายเก่า ลักษณะเป็นเทวรูปในศิลปะอยุธยา จากการขุดค้นทางโบราณคดีเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๘ พบว่าอาคารหอพระนารายณ์หลังปัจจุบัน สร้างทับอาคารหลังเก่าที่สร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยา โดยอาคารปัจจุบันมีขนาดเล็กกว่า               - โบสถ์พราหมณ์ เป็นเทวสถานสำคัญประจำเมืองนครศรีธรรมราช สร้างขึ้นในสมัยอยุธยา ใช้สำหรับประกอบพิธีกรรมสำคัญของพราหมณ์ โดยเฉพาะพิธีตรียัมปวาย และตรีปวาย ภายในเคยเป็นที่ประดิษฐานรูปเคารพเนื่องในศาสนาพราหมณ์ที่สำคัญหลายองค์ ได้แก่ พระศิวนาฏราชสำริด พระอุมาสำริด พระวิษณุสำริด พระหริหระสำริด พระคเณศสำริด และหงส์สำริด ภายหลังโบสถ์พราหมณ์หลังที่สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยอยุธยามีสภาพชำรุดมาก จึงถูกรื้อลงใน พ.ศ. ๒๕๐๕ กระทั่งใน พ.ศ.๒๕๕๗ สำนักศิลปากรที่ ๑๒ นครศรีธรรมราช ดำเนินการขุดค้นทางโบราณคดี พบฐานรากอาคารของโบสถ์พราหมณ์ห่างจากหอพระอิศวรมาทางทิศใต้ ๕ เมตร ลักษณะเป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า หันหน้าไปทางด้านทิศตะวันออก ขนาดกว้าง ๖.๕๐ เมตร ยาว ๒๒ เมตร ภายในอาคารด้านในสุดมีห้องคูหาก่ออิฐทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสและมีแท่นสำหรับประดิษฐานรูปเคารพอยู่ภายใน ในครั้งนั้นได้มีการนำตัวอย่างอิฐที่พบจากการขุดค้นทางโบราณคดีไปกำหนดอายุด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์ด้วยเทคนิคเรืองแสงความร้อน (TL) ได้ค่าอายุประมาณ ๔๕๐ - ๕๐๐ ปีมาแล้ว ซึ่งตรงกับสมัยอยุธยา จากการดำเนินงานทางโบราณคดีครั้งดังกล่าว ใน พ.ศ. ๒๕๖๒ สำนักศิลปากรที่ ๑๒ นครศรีธรรมราช จึงดำเนินการบูรณปฏิสังขรณ์โบสถ์พราหมณ์ขึ้นใหม่ เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์ในการประกอบพิธีกรรมตามความเชื่อทางศาสนาพราหมณ์ และเพื่อเป็นการคงคุณค่าความสำคัญของโบสถ์พราหมณ์ในฐานะโบราณสถานเนื่องในศาสนาพราหมณ์แห่งเมืองนครศรีธรรมราช


black ribbon.