ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,796 รายการ
ชื่อเรื่อง มหานิปาตวณฺณนา (ทสชาติ) ชาตกฏฐกถา ขุทฺทกนิกายฏฐกถา (วิธูรบัณฑิต)สพ.บ. 407-5หมวดหมู่ พุทธศาสนาภาษา บาลี/ไทยอีสานหัวเรื่อง พุทธศาสนา ธรรมเทศนาประเภทวัสดุ/มีเดีย คัมภีร์ใบลานลักษณะวัสดุ 66 หน้า : กว้าง 5 ซม. ยาว 56 ซม. บทคัดย่อเป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน เส้นจาร ฉบับลานดิบ ภาษาบาลี-ไทยอีสาน ได้รับบริจาคมาจากวัดลานคา ต.โคกคราม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี
ชื่อเรื่อง นิสัยพุทธา (นิไสพุทธา)
สพ.บ. 409/1
หมวดหมู่ พุทธศาสนา
ภาษา บาลี/ไทยอีสาน
หัวเรื่อง พุทธศาสนาประเภทวัสดุ/มีเดีย คัมภีร์ใบลาน
ลักษณะวัสดุ 52 หน้า : กว้าง 5 ซม. ยาว 58.8 ซม.
บทคัดย่อ
เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน เส้นจาร ฉบับลานดิบ ได้รับบริจาคมาจากวัดลานคา ต.โคกคราม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี
วิทยากร : นายยุทธนาวรากร แสงอร่าม ภัณฑารักษ์ชำนาญการ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
ชื่อเรื่อง ภิกฺขฺปติโมกฺข (ปาติโมกข์)
สพ.บ. 381/1ประเภทวัสดุมีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 40 หน้า กว้าง 5 ซม. ยาว 57 ซม.หัวเรื่อง การสวดมนต์
บทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน ภาษาบาลี เส้นจาร ฉบับล่องชาด ได้รับบริจาคมาจากวัดลานคาต.โคกคราม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี
องค์ความรู้ทางประวัติศาสตร์ เรื่อง “แหล่งฝังศพสมัยก่อนประวัติศาสตร์ริมแม่น้ำอิงที่เมืองโบราณเวียงลอ จังหวัดพะเยา”โดย นายพลพยุหะ ไชยรส นักโบราณคดีปฏิบัติการ กลุ่มโบราณคดี สำนักศิลปากรที่ ๗ เชียงใหม่. ก่อนการสร้างเมืองโบราณเวียงลอในพุทธศตวรรษที่ 19 พื้นที่บริเวณดังกล่าวปรากฏการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์มาก่อนโดยพบแหล่งฝังศพบริเวณใต้ชั้นกำแพงเมืองเวียงลอในชั้นคันดินสันดอนริมแม่น้ำอิงเก่า จากการขุดค้นทางโบราณคดี โครงการขุดค้นทางโบราณคดีสมัยก่อนประวัติศาสตร์เมืองโบราณเวียงลอ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2560 พบหลุมฝังศพจำนวน 6 ตำแหน่ง ในพื้นที่ดังกล่าว ในที่นี้จะกล่าวถึงหลุมขุดค้นที่ 1 เนื่องจากเป็นหลุมที่มีชั้นดินอยู่ระดับเดียวกันกับชั้นดินที่มีการเก็บตะกอนดินไปกำหนดหาค่าอายุทางวิทยาศาสตร์ จากการขุดค้น พบร่องรอยการประกอบกิจกรรมการฝังศพในชั้นดินวัฒนธรรมที่ 3 ซึ่งเป็นชั้นดินก่อนการก่อสร้างกำแพงเมืองเวียงลอ โดยเริ่มปรากฏหลักฐานกระดูกขาและกรามของสัตว์ขนาดใหญ่ ต่อมาพบหลักฐานกลุ่มกองเปลือกหอย 2 ฝา ลักษณะคล้ายหอยน้ำจืดที่ปรากฏในท้องถิ่นปัจจุบัน วางตัวทางด้านทิศตะวันตกของกลุ่มกระดูกสัตว์ ในแนวเดียวกัน และในระดับนี้ได้ปรากฏร่องรอยของขอบหลุมฝังศพรูปสี่เหลี่ยมขนาดกว้างตั้งแต่ 22-45 ซม. วางตัวในแนวตะวันออก – ตะวันตก โดยปรากฏเป็นกลุ่มดินร่วนเหนียวสีน้ำตาลดำมีเศษถ่านและเศษภาชนะดินเผาปะปน . นอกจากนี้ยังพบกลุ่มเศษภาชนะดินเผาเนื้อดินวางตัวเรียงกันในแนวทิศตะวันออก – ทิศตะวันตก กลุ่มโบราณวัตถุซึ่งประกอบด้วยกระดูกท่อนขา ซึ่งวางตัวในแนวทิศตะวันออก – ตะวันตก ใกล้กับตำแหน่งกลุ่มภาชนะดินเผา นอกจากนั้นใต้กลุ่มภาชนะดินเผาดังกล่าวยังปรากฏเครื่องมือเหล็กไม่ทราบหน้าที่ใช้งาน 1 ชิ้น ถัดจากกลุ่มภาชนะไปทางตะวันออก พบเครื่องมือเหล็กคล้ายมีด 1 ชิ้น ใต้เครื่องมือเหล็กเป็นกลุ่มของห่วงสำริดขนาดต่าง ๆ วางเรียงซ้อนเหลื่อมกันในแนวตะวันออก – ตะวันตก ภายในห่วงพบโครงกระดูกแขนอยู่ในสภาพเริ่มผุสลายอย่างมาก ถัดจากกลุ่มกำไลสำริดไปทางตะวันออก พบเครื่องมือเหล็กอีก 1 ชิ้น ถัดจากเครื่องมือเหล็กชิ้นดังกล่าวไปทางทิศใต้ พบห่วงสำริดขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 8.4 ซม. 1 วง และถัดไปทางด้านทิศใต้พบห่วงสำริดขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 4.1-1.3 ซม.วางซ้อนกันอยู่อีก 2 วง. จากการศึกษาพบว่าโบราณวัตถุทั้งหมดวางตัวเรียงกันในแนวทิศตะวันออก – ตะวันตก จากร่องรอยของชิ้นส่วนกระดูกท่อนแขนที่พบสอดอยู่ในกำไล และกระดูกท่อนขาที่พบอยู่บริเวณด้านตะวันตกของกลุ่มภาชนะดินเผา สันนิษฐานว่าโครงกระดูกนี้ มีการปลงศพ โดยวางตัวในแนวตะวันออก – ตะวันตก หันส่วนศีรษะไปทางทิศตะวันออก โดยกลุ่มเครื่องกำไลสำริดและเครื่องมือเครื่องใช้เหล็กจำนวน 3 ชิ้นที่พบบริเวณส่วนตะวันออกหรือส่วนบนของโครงนั้นพบบริเวณฝั่งเหนือหรือด้านขวาของโครงกระดูก ยกเว้นต่างหู (?) จำนวน 2 ชิ้น ซึ่งพบในตำแหน่งกึ่งกลางค่อนไปทางด้านซ้ายของโครงกระดูก. เนื่องจากสภาพที่ตั้งของแหล่งโบราณคดีอยู่ใกล้กับแม่น้ำอิงดินจึงมีความชื้นสูงมากทำให้กระดูกเสื่อมสภาพและถูกย่อยสลายไปมากกว่าร้อยละ 80 และหลุมศพถูกรบกวนไปแล้วครั้งหนึ่ง (โครงกระดูกพบเพียงบางอวัยวะเช่นแขนและต้นขา อีกทั้งมีการวางของอุทิศกระจัดกระจาย) ไม่สามารถจำแนกเพศหรืออายุได้ โครงกระดูกที่หลงเหลือบ่งชี้ว่า การฝังศพแบบแนวราบ ของอุทิศเช่นเครื่องประดับจะวางไว้กับตำแหน่งของอวัยวะที่ใช้งานของนั้นๆ เช่น กำไลสำริดใส่ไว้ที่แขน เครื่องมือเหล็กวางไว้ที่แขน เป็นต้น อีกส่วนหนึ่งวางที่บริเวณปลายเท้า ได้แก่ เศษภาชนะดินเผาที่มีการทุบให้แตกและเครื่องมือเหล็ก สำหรับเครื่องมือเหล็กไม่มีรูปแบบการวางในทิศทางที่แน่นอน . จากตรวจสอบชั้นดินด้านตัด (Section) พบว่ามีการขุดหลุมฝังลึกประมาณ 60 เซนติเมตร จากพื้นผิวดิน หลุมฝังมีลักษณะสอบเข้าคล้ายรูปตัววี (V shape) ปรากฏร่องรอยการฝังกลบปากหลุมอย่างตื้นๆ ส่วนด้านแปลน (Plan) ในระดับชั้นดิน พบว่าหลุมฝังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีความกว้างประมาณ 25 เซนติเมตร ยาว 180 เซนติเมตร สันนิษฐานว่ามิใช่ขนาดและดินฝังกลบหลุมเดิม ร่องร่อยผิดวิสัยดังกล่าวอาจเกิดขึ้นจากการขุดรบกวนในสมัยหลัง ชั้นดินดังกล่าวอยู่ในระดับความลึกของชั้นดินและองค์ประกอบดินเทียบเคียงได้กับชั้นดินทางโบราณคดี 3 ในหลุมขุดค้นที่ 13 ที่กำหนดค่าอายุสัมบูรณ์ด้วยวิธีเรืองแสงความร้อนอยู่ที่ 788±24 ปีมาแล้ว (หรือระหว่าง พ.ศ.1752 - 1800) หรือมีการรบกวนหลุมฝังศพดังกล่าวในราวพุทธศตวรรษที่ 18 – 19 จึงสามารถกำหนดอายุหลุมฝังศพไว้ก่อนพุทธศตวรรษที่ 18 . ในบริบททางประวัติศาสตร์ ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 17 - 18 เกิดบ้านแปงเมืองขึ้นแล้วบนที่ราบพะเยาและลุ่มน้ำอิงดังปรากฏในตำนานพื้นเมืองพะเยาที่ขุนจอมธรรมผู้สถาปนาเมืองพะเยาเรียกประชุมเมืองต่างๆ เพื่อจัดตั้งพันนา ความว่า “...ทั้งหัวเมืองนอกมีต้นว่า เมืองงาว กวาว ชะเอิบ เชียงม่วน สะปง ภาน ควา ออย งิม สะลาว ครอบ เชียงแลง หงาว ลอ เธิง...” หรือในเหตุการณ์ที่ขุนเจืองรวบรวมทัพเพื่อตีเมืองแกวก็มีการเกณฑ์ไพร่พลจากเมืองลอด้วย ความว่า “...ส่วนท้าวก็ตีกลองเชยยะพละเภรี ป่าวริพลเมืองพยาว แล ซะลาว ลอ เธิง กวาว หงาว...” อย่างไรก็ตามบ้านเมืองที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลานี้เป็นบ้านเมืองที่ยังคงมีความเชื่อเรื่องผีแบบความเชื่อดั้งเดิมดังนั้นจึงยังพบการปลงศพดังข้างต้นอยู่ การค้นพบหลุมฝังศพที่เวียงลอจึงสะท้อนให้เห็นถึงการตั้งถิ่นฐานของกลุ่มคนที่มีการรวมตัวกันเป็นบ้านเมืองขนาดเล็กหรือเป็นสังคมหมู่บ้านเกษตรกรรมขนาดใหญ่ที่มีผู้นำ และมีโครงสร้างและชั้นชนทางสังคม มีการติดต่อกับกลุ่มชนหรือเมืองอื่นๆ รวมถึงมีความเชื่อของตนเองที่เชื่อเรื่องผีอันเป็นศาสนาเก่าแก่ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งต่อมาในราวพุทธศตวรรษที่ 18 - 19 จึ่งเริ่มมีการเผยแพร่พระพุทธศาสนาเข้ามาในแอ่งที่ราบพะเยา ————————————————
สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สังคิณี-มหาปัฎฐาน)
ชบ.บ.43/1-5
เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
ทุกขฺอริยสจฺจ (ทุกขฺอริยสจฺจ)
ชบ.บ.86/1-1
เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
มหานิปาตวณฺณนา(เวสฺสนฺตรชาตก) ชาตกฎฺฐกถา ขุทฺทกนิกายฎฺฐกถา (ทสพร-กุมาร)
ชบ.บ.106ก/1-7ฆ
เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
เลขทะเบียน : นพ.บ.334/2ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 44 หน้า ; 4 x 55 ซ.ม. : รักทึบ-ล่องรัก-ลานดิบ ; ไม้ประกับธรรมดาชื่อชุด : มัดที่ 133 (359-369) ผูก 2 (2565)หัวเรื่อง : แปดหมื่นสี่พันขันธ์(8หมื่น)--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดี ศรีสินทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช รัชกาลที่ ๔ แห่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒ และสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี เสด็จพระราชสมภพ เมื่อวันพฤหัสบดี ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีชวด ฉศก จุลศักราช ๑๑๖๖ ตรงกับวันที่ ๑๘ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๓๔๗ ณ พระราชวังเดิม กรุงธนบุรี
ทรงได้รับการเฉลิมพระนามตามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า “สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามงกุฎ สมมุติเทวาวงศ์ พงอิศรกระษัตริย์ ขัติยราชกุมาร” ทรงผนวชอยู่ในสมณเพศเป็นเวลา ๒๗ ปี จึงเสด็จขึ้นครองราชย์สมบัติสืบราชสันตติวงศ์ เมื่อวันที่ ๒ เมษายน พุทธศักราช ๒๓๙๔ เฉลิมพระปรมาภิไธย ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกว่า “พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหามกุฎฯ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว”
รัชสมัยของพระองค์ ทรงครองแผ่นดินด้วยทศพิธราชธรรม ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจล้วนเป็นคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติ และบวรพระพุทธศาสนา ด้วยพระปรีชาอันสุขุมคัมภีรภาพ ทรงทราบในสรรพวิทยาอย่างแตกฉาน มีด้านอักษรศาสตร์ ดาราศาสตร์ เป็นอาทิ ทรงดำเนินวิเทโศบายอย่างแยบคาย กับนานาอารยประเทศทั้งหลาย ด้วยการเจริญทางพระราชไมตรี ให้เสรีในด้านพาณิชย์ ก่อเกิดความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ในทางรัฐประศาสโนบาย ทรงออกกฎหมาย และประกาศนับร้อยฉบับ เพื่อปรับปรุง เปลี่ยนแปลงสังคมให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น พระราชทานเสรีภาพแก่ประชาราษฎร ยังประโยชน์สุขและความเจริญเป็นอเนกประการ
ครั้นวันพฤหัสบดีขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๑๑ ปีมะโรง สัมฤทธิศก ตรงกับวันที่ ๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๔๑๑ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต สิริพระชนมายุได้ ๖๔ พรรษา เสด็จดำรงสิริราชสมบัติ ได้ ๑๗ พรรษา ๕ เดือน ๒๙ วัน
ภาพ : พระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช พร้อมด้วยพระราชโอรสและพระราชธิดา