ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,796 รายการ
วัดสุริโย หรือ วัดสุริโยกำแมด หมู่ที่ ๑ บ้านกำแมด ตำบลกำแมด อำเภอกุดชุม จังหวัดยโสธร ตามประวัติระบุว่าตั้งขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๔๕๔ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๖๓ ภายในวัดมีโบราณสถานสำคัญ ได้แก่ อุโบสถ (สิม) หลังเก่า
อุโบสถ (สิม) หลังเก่า ตามประวัติระบุว่าสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๒ โดยพระปลัดสี ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสในขณะนั้น พร้อมคณะศิษย์และชาวบ้าน ลักษณะทางสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมได้รับอิทธิพลญวน ดังจะเห็นได้จากเป็นอาคารก่ออิฐถือปูน ทำวงโค้งประดับระหว่างช่วงเสาและเหนือขอบหน้าต่าง ระหว่างช่วงเสาผนังด้านนอกทำปูนปั้นลายท่อนพวงมาลัยห้อยอุบะประดับ ทาสีน้ำเงิน สีเหลืองสีแดง ตกแต่งปูนปั้นเป็นหลัก
ตัวอาคารมีขนาด ๓ ห้อง ทำมุขด้านหน้าทางทิศตะวันออก มีบันไดทางขึ้นที่กึ่งกลางด้านผายออก หัวเสาประดับด้านหน้าทำเป็นบัวแวงทาสี ถัดขึ้นไปเป็นขอบหน้าบันมีข้อความเขียนด้วยสีน้ำเงินว่า “ต่อมา (อ.จ.ท พันธ์) ทำลาย พ.ศ. ๒๔๙๐ สิมานี้ (พระปลัดสี) พร้อมศิษย์และชาวบ้าน สร้าง พ.ศ. ๒๔๘๒” ถัดขึ้นไปเป็นหน้าบันประดับปูนปั้นรูปเทพเทวาผุดจากดอกบัว มือทั้งสองข้างถือเครื่องสูง และทำลายเครือเถาประดับทั้งสองข้าง หน้าบันด้านหลังทำเป็นปูนปั้นรูปหนุมาน ไม่มีลายอื่นใดประกอบ ในอดีตน่าจะมุงด้วยแป้นเกล็ดหรือกระเบื้องดินเผา ปัจจุบันมุงด้วยสังกะสี
กรมศิลปากรประกาศขึ้นทะเบียนและกำหนดเขตที่ดินโบราณสถานวัดสุริโย (วัดกำแมด) ในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๐ ตอนที่ ๒๒๐ ฉบับพิเศษ หน้า ๑๗ วันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๓๖ พื้นที่โบราณสถานประมาณ ๒ ไร่ ๑ งาน ๒๐ ตารางวา
------------------------------------------------------------------
อ้างอิงจาก
กองพุทธศาสนสถาน, กรมการศาสนา. ประวัติวัดทั่วราชอาณาจักร เล่ม ๑๔. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์การศาสนา,
๒๕๓๘. หน้า ๔๕๒
------------------------------------------------------------------
ที่มาของข้อมูล : กลุ่มโบราณคดี สำนักศิลปากรที่ ๙ อุบลราชธานี
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ ขอเชิญชมนิทรรศการพิเศษ และร่วมฟังการเสวนาวิชาการ เนื่องในวันพิพิธภัณฑ์ไทย ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๕ เรื่อง "จารึกศาลสูง : บันทึก ๑,๐๐๐ ปี เมืองลพบุรี" โดยมีพิธีเปิดนิทรรศการและงานเสวนาในวันพฤหัสบดีที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๖๕ เวลา ๑๓.๐๐ ณ หมู่พระที่นั่งพิมานมงกุฎ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ วิทยากรโดย รศ.ดร.ศานติ ภักดีคำ รองเลขาธิการราชบัณฑิตยสภา นายเจตน์กมล วงษ์ท้าว นักโบราณคดีชำนาญการ สำนักศิลปากรที่ ๔ ลพบุรี และพันเอกปราโมทย์ เกตุอำไพ ผู้จัดการศาลพระกาฬ ดำเนินรายการโดย นางสาวนันทลักษณ์ คีรีมา ภัณฑารักษ์ชำนาญการ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์
นิทรรศการพิเศษ "จารึกศาลสูง : บันทึก ๑,๐๐๐ ปี เมืองลพบุรี" จัดแสดงตั้งแต่วันที่ ๒๙ กันยายน - ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ ณ หมู่พระที่นั่งพิมานมงกุฎ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ เปิดให้เข้าชมวันพุธ - วันอาทิตย์ ๐๙.๐๐ - ๑๖.๐๐ น. ปิดวันจันทร์ - วันอังคาร
สำนักหอสมุดแห่งชาติ ขอเชิญชมนิทรรศการออนไลน์ เรื่อง "ทีฆายุวัฒนมงคล 100 ปี ศาสตราจารย์พิเศษคุณหญิงแม้นมาส ชวลิต" ซึ่งจัดขึ้นเนื่องในวาระครบรอบอายุ 100 ปี ศาสตราจารย์พิเศษ คุณหญิงแม้นมาส โดยเนื้อหานิทรรศการประกอบด้วย ประวัติชีวิตและการทำงาน รางวัลและเกียรติคุณ คุณูปการที่มีต่องานสำคัญ ๆ ของประเทศชาติและนานาชาติ ทั้งด้านวิชาชีพบรรณารักษศาสตร์และห้องสมุด ด้านการศึกษา ด้านการประพันธ์และแปลหนังสือ
ผู้สนใจสามารถเข้าชมนิทรรศการออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ของสำนักหอสมุดแห่งชาติ https://www.nlt.go.th/service/1552
ชื่อเรื่อง สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฏฺฐาน) อย.บ. 25/5ประเภทวัสดุ/มีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 44 หน้า : กว้าง 4.6 ซมง ยาว 55.8 ม.หัวเรื่อง พุทธศาสนาบทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ไม้ประกับธรรมดา ได้รับบริจาคมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา
พระพุทธรูปประทับยืนเหนือพนัสบดีที่สุโขทัย.พระพุทธรูปประทับยืนเหนือพนัสบดีองค์นี้พบที่วัดตระพังมะพลับ (วัดตระพังพลับ, โบราณสถานร้าง ก.38, AT.C4) ตั้งอยู่ห่างจากประตูอ้อมาทางทิศตะวันออกประมาณ 300 เมตร โบราณสถานภายในวัดประกอบด้วยฐานวิหารก่ออิฐ และฐานเจดีย์รายขนาดเล็กก่ออิฐจำนวน 6 ฐาน โดยประติมากรรมที่พบมีลักษณะเป็นพระพุทธเจ้าประทับยืนยกพระหัตถ์ทั้งสองข้างแสดงปางแสดงธรรม ครองจีวรห่มคลุมแนบพระวรกาย พระพักตร์แบน พระขนงทั้งสองต่อกันเป็นรูปปีกกา พระเนตรโปน พระนาสิกโด่ง พระโอษฐ์หนา มีบุคคลยืนขนาบทั้งสองข้าง ด้านล่างคือ พนัสบดีที่ทำหน้าที่เป็นฐานรองพระพุทธเจ้า ซึ่งเชื่อว่าเป็นการรวมกันของสัตว์ทั้งสามคือ หงส์ โค และครุฑ ทั้งนี้ประติมากรรมพระพุทธรูประทับยืนเหนือพนัสบดีนั้นเป็นเอกลักษณ์พิเศษของศิลปะทวารวดี ซึ่งเหตุที่ประติมากรรมชิ้นนี้มาพบที่โบราณสถานในเมืองสุโขทัยนั้น สันนิษฐานได้ว่าอาจมีการเคลื่อนย้ายมา เนื่องด้วยขนาดของประติมากรรมมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก.คำว่า พนัสบดี นี้ มีที่มาจากคำว่า Vanaspati สันนิษฐานว่าหมายถึง เจ้าป่า ซึ่งการทำพระพุทธเจ้าประทับเหนือพนัสบดีอาจเป็นการสื่อความหมายว่า พระพุทธเจ้าได้รับการยอมรับในหมู่สรรพสัตว์ ทั้งนี้ พนัสบดีนั้นมีลักษณะเป็น สัตว์ที่มีเขาและหูแบบโค มีปากคล้ายครุฑ และมีปีกเป็นหงส์ และยังมีการพบเป็นสัตว์ผสมชนิดอื่นๆ อีกเช่น สิงห์มีปีกและเขา ครุฑ หน้ากาล และรูปบุคคล เป็นต้น และองค์ประกอบโดยรวมของพระพุทธรูปปางนี้จะเหมือนกันคือ พระพุทธเจ้าประทับยืนอยู่ตรงกลาง มีบุคคลถือแส้ประกบอยู่ทั้งสองข้าง หรืออาจประทับยืนองค์เดียวเหนือพนัสบดี เช่นที่พบที่เมืองพระรถ จังหวัดชลบุรี.ที่มาหรือนัยยะของการสร้างประติมากรรมพนัสบดีนี้ มีผู้สันนิษฐานว่าอาจมาจากพระพุทธประวัติตอนเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ทั้งนี้ ศ.ฌอง บวสเซอลิเยร์ ไม่เชื่อว่าเป็นตอนเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพราะในคัมภีร์หรืองานศิลปกรรมตั้งแต่สมัยอินเดียโบราณ ไม่เคยปรากฏภาพพระพุทธเจ้าเสด็จจากดาวดึงส์โดยประทับเหนือสัตว์เหล่านี้เลย หรืออาจเป็นการแสดงเชิงสัญลักษณ์ว่าศาสนาพุทธอยู่เหนือศาสนาพราหมณ์ เพราะเชื่อว่าเป็นการนำเอาพาหนะของเทพเจ้าสูงสุดในศาสนาพราหมณ์มาผสมกัน คือ ปากเป็นครุฑ (พาหนะของพระนารายณ์) หูและเขาเหมือนโค (พาหนะของพระศิวะ) และปีกเป็นหงส์ (พาหนะของพระพรหม) ซึ่งแนวความคิดการสร้างประติมากรรมแสดงความยิ่งใหญ่เหนือศาสนาพราหมณ์นั้น ได้พบที่ถ้ำพระโพธิสัตว์ จังหวัดสระบุรี หรืออินเดียในช่วงพุทธศตวรรษที่ 14-17 ก็ปรากฏงานศิลปะที่พยายามแสดงถึงการข่มกันของศาสนาพุทธและศาสนาพราหมณ์ ซึ่งอาจมีการแพร่แนวคิดนี้เข้ามาในทวารวดีก็เป็นได้ นอกจากนี้ ดร.พิริยะ ไกรฤกษ์ ได้เสนอว่า ประติมากรรมนี้อาจสร้างขึ้นในลัทธิมหายาน นิกายสุขาวดี ที่พบในประเทศจีน โดยภาพบุคคลที่ปรากฏทั้งสองข้างของพระพุทธเจ้าก็คือ พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร กับพระโพธิสัตว์สถามาปราปตะ โดยพระพุทธเจ้าจะประทับอยู่เหนือครุฑเพื่อเสด็จลงมานับดวงวิญญาณของผู้ที่พ้นทุกข์ แต่ทั้งนี้ นิกายสุขาววดีไม่เคยปรากฏว่าพระพุทธเจ้าประทับอยู่เหนือสัตว์ที่เป็นพาหนะใดๆ ส่วนใหญ่จะประทับอยู่เหนือก้อนเมฆ รวมทั้งยังไม่เคยพบหลักฐานว่าศิลปะทวารวดีมีความเกี่ยวข้องกับลัทธิสุขาวดีที่นิยมในจีน เกาหลี และญี่ปุ่นเลย หลักฐานที่พบโดยส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นลัทธิเถรวาทที่มีความใกล้เคียงอินเดียเป็นอย่างมาก.เอกสารอ้างอิง1) กรมศิลปากร. พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ รามคำแหง. กรุงเทพ : บริษัท ประชาชน จำกัด.2) ศักดิ์ชัย สายสิงห์. ทวารวดี ศิลปกรรมยุคเริ่มแรกในดินแดนไทย. เอกสารคำสอน รายวิชา 317 403 ศิลปะในประเทศไทยตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 6-14. ภาควิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร. (อัดสำเนา)3) ผาสุข อินทราวุธ. ทวารวดี การศึกษาเชิงวิเคราะห์จากหลักฐานทางโบราณคดี. กรุงเทพฯ : คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2542.4) อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย. ทำเนียบโบราณสถาน อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช 2561. พิมพ์ครั้งที่ 2. สุโขทัย : อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย กรมศิลปากร, 2561.
สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 128/4
เอกสารโบราณ
(คัมภีร์ใบลาน)
สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 164/3 เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
ชื่อเรื่อง สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฏฺฐาน) อย.บ. 18/5ประเภทวัดุ/มีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 34 หน้า : กว้าง 5 ซม. ยาว 56 ซม.หัวเรื่อง พุทธศาสนาบทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ไม้ประกับธรรมดา ได้รับบริจาคมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพาณิชย์นาวี จันทบุรี นำเสนอ องค์ความรู้ เตาเผาบ้านเตาหม้อ
ชื่อผู้แต่ง ธนิต อยู่โพธิ์
ชื่อเรื่อง อุดมคติอันแตกต่างกัน
ครั้งที่พิมพ์ -
สถานที่พิมพ์ พระนคร
สำนักพิมพ์ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ศิวพร
ปีที่พิมพ์ ๒๕๑๑
จำนวนหน้า ๔๙ หน้า
อุดมคติอันแตกต่างกัน เป็นความรู้หลักธรรมในพระพุทธศาสนาทั้งฝ่ายหินยานและมหายาน พระพุทธศาสนาซึ่งเป็นพระธรรมคำสอนของพระโคดมศากยมุนีที่เกิดขึ้นในอินเดีย เมื่อ ๒,๕๐๐ กว่าปีมาแล้ว อาจแบ่งเป็น ๔ สมัย คือ ก.พระพุทธศาสนาแบบแรกเริ่ม ข.พระพุทธศาสนาแบบหินยาน ตั้งแต่ราว พ.ศ. ๑๐๐ ถึงราว พ.ศ. ๖๐๐ ค.พระพุทธศาสนาทั้งแบบหินยานและแบบมหายาน ต่างกำลังรุ่งเรืองด้วยกัน ง.พระพุทธศาสนาแบบมหายานสมัยรุ่งเรืองที่สุด
เลขทะเบียน : นพ.บ.444/4ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 76 หน้า ; 5 x 59 ซ.ม. : ล่องชาด-ล่องรัก-ลานดิบ ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 158 (149-162) ผูก 4 (2566)หัวเรื่อง : พระธาตุวิภังคกถา--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม