...

ด้านโบราณคดีและพิพิธภัณฑ์
พระพุทธรูปทรงเครื่องปางมารวิชัย

แบบศิลปะ / สมัย ศิลปะล้านนา ราวพุทธศตวรรษที่ ๒๑ – ๒๒ วัสดุ (ชนิด) สำริด ขนาด หน้าตักกว้าง ๑๘.๕ เซนติเมตร สูง ๕๖ เซนติเมตร ประวัติความเป็นมา เดิมเป็นสมบัติส่วนพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร มอบให้ ความสำคัญ ลักษณะและสภาพของโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ พระพุทธรูปทรงเครื่อง พระพักตร์ค่อนข้างกลม พระขนงโก่งต่อกันเป็นปีกกา พระเนตรเซาะร่องลึก พระนาสิกโด่ง พระหนุเป็นปม พระอังสากว้าง พระวรกายเพรียวบาง ทรงมงกุฎ กุณฑล สังวาล พาหุรัด ทองพระกรและพระธำมรงค์ ทับทรวงประดับพลอยสีแดง มีการตกแต่งจีวรด้วยลายลูกประคำ ประทับนั่งขัดสมาธิเพชร บนฐาน ๒ ชั้น โดยฐานตอนบนเป็นฐานปัทม์มีเกสร ตกแต่งส่วนบัวคว่ำด้วยลวดลายที่ได้รับแรงบันดาลใจจากศิลปะจีน ตอนล่างเป็นฐานหน้ากระดานหกเหลี่ยม ฐานล่างสุดมีขา หรือส่วนของสายชนวนสำหรับเททอง ๓ ด้าน พระพุทธรูปทรงเครื่องพบในศิลปะล้านนาค่อนข้างน้อย คติการสร้างพระพุทธรูปทรงเครื่องมีที่มาจากความเชื่อเรื่องพระอนาคตพุทธเจ้า หรือพุทธประวัติ ตอนทรงทรมานพญาชมภูก็เป็นได้ จากรูปแบบเครื่องประดับ สันนิษฐานว่าพระพุทธรูปองค์นี้สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ ๒๑ – ๒๒ ซึ่งเป็นเวลาที่ศิลปะภาคเหนือได้รับอิทธิพลจากศิลปะสมัยอยุธยา ส่งผลให้รูปแบบศิลปกรรมมีความหลากหลายยิ่งขึ้น

พระพุทธรูปปางมารวิชัย ประทับนั่งบนฐานหน้ากระดานซ้อนด้านบนด้วยฐานบัวคว่ำ

แบบศิลปะ / สมัย ศิลปะล้านนา สกุลช่างฝาง ราวพุทธศตวรรษที่ ๒๑ – ๒๒ วัสดุ (ชนิด) สำริด ขนาด ฐานกว้าง ๔๖ เซนติเมตร สูง ๖๗.๕ เซนติเมตร ประวัติความเป็นมา พระครูพิพัฒน์ สุตะกิจ วัดสันทรายมูล อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ มอบให้ ความสำคัญ ลักษณะและสภาพของโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ พระพุทธรูปปางมารวิชัย ประทับนั่งบนฐานหน้ากระดานซ้อนด้านบนด้วยฐานบัวคว่ำ บัวหงาย มีเกสรบัวยาว ปลายเกสรบัวทำเป็นต่อมกลม ระหว่างบัวคว่ำกับบัวหงายทำคอดเข้าไปมากและไม่มีท้องไม้คั่น ส่วนบัวคว่ำทำส่วนปลายกลีบบัวงอนขึ้นคล้ายกับฐานบัวงอนในศิลปะล้านช้าง พระพุทธรูปประทับนั่งขัดสมาธิราบ แสดงปางมารวิชัยโดยวางพระหัตถ์ขวาที่กึ่งกลางพระชานุ ครองจีวรเรียบ มีขอบจีวรคาดที่ใต้พระชานุซ้าย ส่วนขอบสบงปรากฏที่ข้อพระบาท พาดสังฆาฏิแผ่นใหญ่ ชายสังฆาฏิยาวลงมาจนถึงพระนาภี พระวรกายเพรียวบาง พระศอเป็นปล้อง ส่วนพระพักตร์ทรงผลมะตูม พระหนุเป็นต่อมกลมนูน สัดส่วนพระพักตร์เมื่อเทียบกับองค์ประกอบของพระพักตร์ เช่น พระเนตร พระนาสิก พระโอษฐ์ สัดส่วนพระพักตร์จะเล็กกว่าอย่างเห็นได้ชัด มีไรพระศก ขมวดพระเกศาขนาดเล็กเรียวแหลม อุษณีษะนูนสูงรับกับพระรัศมีทรงเปลว หรือบางครั้งพบว่ามีการทำพระรัศมีเป็นรูปหยดน้ำ ลักษณะของพระพุทธรูปสกุลช่างฝาง อาจจะให้อิทธิพลแก่ศิลปะล้านช้าง

พระพุทธรูปปางมารวิชัย รูปแบบศิลปกรรมผสมผสานระหว่างศิลปะสุโขทัยกับศิลปะล้านนา

แบบศิลปะ / สมัย ศิลปะล้านนา พุทธศตวรรษที่ ๒๑ – ๒๒ วัสดุ (ชนิด) สำริด ขนาด หน้าตักกว้าง ๓๕ เซนติเมตร สูงพร้อมฐาน ๖๖.๕ เซนติเมตร ประวัติความเป็นมา ได้จากวัดศรีโขง อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร มอบให้ ความสำคัญ ลักษณะและสภาพของโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ พระพุทธรูปปางมารวิชัย รูปแบบศิลปกรรมผสมผสานระหว่างศิลปะสุโขทัยกับศิลปะล้านนา เช่น พระวรกายเพรียวบาง ครองสังฆาฏิที่ทำเป็นแผ่นขนาดใหญ่ พระรัศมีเป็นเปลว และชายจีวรที่คาดอยู่ใต้พระชานุ เป็นต้น รูปแบบศิลปกรรมพระพุทธรูปนี้คล้ายคลึงกับพระพุทธรูปพระเจ้าเก้าตื้อ พระเมืองแก้วโปรดฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๐๔๗ แล้วเสร็จในปี พ.ศ. ๒๐๕๓ ส่วนฐานขององค์พระพุทธรูปเป็นฐานปัทม์ เกสรบัวมีต่อมกลม และส่วนปลายกลีบบัวงอนออก สันนิษฐานว่าพระพุทธรูปนี้ถูกสร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ ๒๑ ภายหลังมีการสลักตัวอักษรเพิ่มเติมที่ฐานด้านหน้า ความว่า “พระครูคำภิระ ให้นายจีนแม่ชื่นไว้เป็นที่รฤก เชียงใหม่”

พระพุทธรูปปางมารวิชัย 2

แบบศิลปะ / สมัย ศิลปะล้านนา พุทธศตวรรษที่ ๑๘ – ๒๐ วัสดุ (ชนิด) สำริด ขนาด ตักกว้าง ๙๕ เซนติเมตร สูง ๑๑๔ เซนติเมตร ประวัติความเป็นมา พระธรรมราชานุวัตร เจ้าอาวาสวัดพระสิงห์วรวิหาร อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ให้ยืมจัดแสดง ความสำคัญ ลักษณะและสภาพของโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ พระพุทธรูปปางมารวิชัย ประทับนั่งขัดสมาธิเพชร บนฐานหน้ากระดานเตี้ย รูปแบบศิลปกรรมเป็นพระพุทธรูปล้านนาที่เรียกว่า พระพุทธรูปแบบสิงห์ คือ มีพระพักตร์กลม พระเนตรเหลือบต่ำ พระขนงโก่งโค้งไม่ติดกัน พระนาสิกโด่ง พระโอษฐ์แย้ม พระหนุเป็นปมขนาดใหญ่ ขมวดพระเกศาใหญ่ พระรัศมีทำด้วยไม้สามารถถอดแยกออกจากส่วนพระเศียรได้ พระวรกายอวบอ้วน พระอังสากว้าง พระอุระนูน ครองจีวรห่มเฉียงเปิดพระอังสาขวา ชายสังฆาฏิสั้นเหนือพระถัน ปลายหยักคล้ายเขี้ยวตะขาบ พระหัตถ์ขวาวางเหนือพระชานุ ปลายนิ้วพระหัตถ์ยาวไม่เท่ากัน พระพุทธรูปปางมารวิชัยมีร่องรอยของสลัก (แซว่) เชื่อมต่อระหว่างส่วนพระเศียรกับพระวรกายเข้าด้วยกัน เทคนิคการปั้นหล่อนี้ปรากฏหลักฐานในชินกาลมาลีปกรณ์ว่าพระพุทธรูปที่พระเจ้าติโลกราชโปรดฯ ให้หล่อขึ้นเพื่อประดิษฐานในวัดบุปผารามในพุทธศักราช ๒๐๔๘ มีที่ต่อถึง ๘ แห่ง อย่างไรก็ดีเทคนิคที่ปรากฏอยู่ในชินกาลมาลีปกรณ์อาจเป็นที่นิยมทำแพร่หลายอยู่ในล้านนามาก่อนก็เป็นได้

พระพุทธรูปปางมารวิชัย ประทับนั่งขัดสมาธิราบบนฐานบัวหงายมีเกสร

แบบศิลปะ / สมัย ศิลปะล้านนา ราวพุทธศตวรรษที่ ๒๑ – ๒๒ วัสดุ (ชนิด) สำริด ขนาด หน้าตักกว้าง ๔๐.๕ เซนติเมตร สูง ๗๘ เซนติเมตร ประวัติความเป็นมา ได้จากวัดศรีโขง อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร มอบให้ ความสำคัญ ลักษณะและสภาพของโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ พระพุทธรูปปางมารวิชัย ประทับนั่งขัดสมาธิราบบนฐานบัวหงายมีเกสร พระพักตร์มีไรพระศกเป็นเส้นขอบเล็ก ๆ พระขนงโก่ง พระเนตรเหลือบต่ำ พระนาสิกโด่ง พระโอษฐ์บาง พระหนุเป็นปม ขมวดพระเกศาค่อนข้างเล็ก พระรัศมีรูปเปลวไฟ พระวรกายเพรียวบาง ครองจีวรห่มเฉียง สังฆาฏิยาวมาจรดพระนาภี ส่วนปลายสังฆาฏิแยกออกเป็นเขี้ยวตะขาบ พระหัตถ์วางบนพระชานุ ปลายนิ้วพระหัตถ์ยาวเสมอกันทั้ง ๔ นิ้ว พระพุทธรูปปางมารวิชัยองค์นี้แสดงให้เห็นอิทธิพลศิลปะสุโขทัยที่มีต่อศิลปะล้านนา อาจเปรียบเทียบได้กับพระพุทธรูปที่วัดมณเฑียร อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ที่มีจารึกระบุว่าสร้างขึ้นในพุทธศักราช ๒๐๓๕ จากรูปแบบที่คล้ายกันดังกล่าว จึงสันนิษฐานว่าพระพุทธรูปนี้สร้างขึ้นในเวลาใกล้เคียงกัน คือช่วงพุทธศตวรรษที่ ๒๑