นางสงกรานต์ เป็นคติความเชื่อที่ปรากฏอยู่ในตำนานสงกรานต์ ซึ่งรัชกาลที่ ๓ โปรดให้จารึกลงในแผ่นศิลาติดไว้ที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เป็นเรื่องเล่าถึงความเป็นมาของวันสงกรานต์ อันเป็นโบราณอุบาย เพื่อให้คนสมัยก่อนผู้ไม่รู้หนังสือได้รู้ว่าวันมหาสงกรานต์ซึ่งถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ตามสุริยคติว่าตรงกับวันใด โดยสมมติผ่านนางสงกรานต์ทั้งเจ็ด มีความสำคัญในด้านคติความเชื่อ ซึ่งเป็นเสมือนตัวแทนผู้พยากรณ์เหตุการณ์และความเป็นไปที่จะเกิดขึ้นในบ้านเมืองในปีนั้นๆ เป็นความเชื่อที่สะท้อนโลกทัศน์ของคนโบราณ ซึ่งการพยากรณ์ในรูปแบบนี้ช่วยให้คนสมัยก่อนได้วางแผนชีวิตล่วงหน้า รู้จักระวังภัย และเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับสิ่งต่างๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น
เปิดตำนานนางสงกรานต์
นางสงกรานต์ มีที่มาจากเรื่องเล่าตามตำนานว่า ท้าวกบิลพรหมได้ท้าปริศนากับธรรมบาลกุมาร หากผู้ใดเป็นฝ่ายแพ้จะต้องถูกตัดศีรษะ ผลปรากฏว่าท้าวกบิลพรหมเป็นฝ่ายแพ้จึงถูกตัดศีรษะ แต่ก่อนจะถูกตัดศีรษะท้าวกบิลพรหมได้สั่งเสียและบอกธิดาทั้งเจ็ดให้นำพานมารองรับศีรษะที่ถูกตัด เพราะหากศีรษะของตนตั้งไว้ในแผ่นดินจะเกิดไฟไหม้ทั่วโลก หากทิ้งในอากาศฝนก็จะแล้ง ถ้าทิ้งในมหาสมุทรน้ำก็จะแห้ง ในทุกๆ ปี เมื่อเวียนถึงวันมหาสงกรานต์ ธิดาทั้งเจ็ดจะผลัดเวียนกันมาเชิญศีรษะของบิดาเพื่อนำไปแห่รอบเขาพระสุเมรุ จากนั้นจึงอัญเชิญไปประดิษฐานที่มณฑป ถ้ำคันธุลี เขาไกรลาส ธิดาทั้งเจ็ด จึงได้มีชื่อว่าเป็น “นางสงกรานต์” โดยนางสงกรานต์แต่ละนางจะมีชื่อ การแต่งกาย อาหาร อาวุธ และพาหนะแตกต่างกัน ดังนี้
วันอาทิตย์ นามว่า “นางทุงษะ” ทัดดอกทับทิม เครื่องประดับปัทมราช (พลอยสีแดง) ภักษาหารมะเดื่อ หัตถ์ขวาถือจักร หัตถ์ซ้ายถือสังข์ มีครุฑเป็นพาหนะ
วันจันทร์ นามว่า “นางโคราคะ” ทัดดอกปีบ เครื่องประดับมุกดา (ไข่มุก) ภักษาหารน้ำมัน หัตถ์ขวาถือพระขรรค์ หัตถ์ซ้ายถือไม้เท้า มีเสือเป็นพาหนะ
วันอังคาร นามว่า “นางรากษส” ทัดดอกบัวหลวง เครื่องประดับโมรา ภักษาหารโลหิต หัตถ์ขวาถือตรีศูล หัตถ์ซ้ายถือธนู มีสุกร (หมู) เป็นพาหนะ
วันพุธ นามว่า “นางมณฑา” ทัดดอกจำปา เครื่องประดับไพฑูรย์ ภักษาหารนมเนย หัตถ์ขวาถือเหล็กแหลม หัตถ์ซ้ายถือไม้เท้า มีคัสพะ (ลา) เป็นพาหนะ
วันพฤหัสบดี นามว่า “นางกิริณี” ทัดดอกมณฑา เครื่องประดับมรกต ภักษาหารถั่วงา หัตถ์ขวาถือขอช้าง หัตถ์ซ้ายถือปืน มีช้างเป็นพาหนะ
วันศุกร์ นามว่า “นางกิมิทา” ทัดดอกจงกลนี เครื่องประดับบุษราคัม ภักษาหารกล้วยน้ำว้า หัตถ์ขวาถือพระขรรค์ หัตถ์ซ้ายถือพิณ มีกระบือ (ควาย) เป็นพาหนะ
วันเสาร์ นามว่า “นางมโหธร” ทัดดอกสามหาว (ผักตบ) เครื่องประดับนิลรัตน์ ภักษาหารเนื้อทราย หัตถ์ขวาถือจักร หัตถ์ซ้ายถือตรีศูล มีนกยูงเป็นพาหนะ
จากตำนานข้างต้น นางสงกรานต์ทั้งเจ็ดจะผลัดเปลี่ยนเวียนกันมาอันเชิญศีรษะของบิดา โดยกำหนดการเวียนจะขึ้นอยู่กับว่าวันมหาสงกรานต์ในปีนั้นตรงกับวันใด และการกำหนดอิริยาบทของนางสงกรานต์จะกำหนดเอาตามเวลาที่พระอาทิตย์ยกขึ้นสู่ราศีเมษเป็นเกณฑ์ ซึ่งช่วงเวลานี้เองที่จะนับว่าเป็นจุดเริ่มต้นของปีใหม่ไทย และอิริยาบทต่างๆ ของนางสงกรานต์จะส่งผลถึงคำทำนายความเป็นไปตามหลักโหราศาสตร์ ดังนี้
๑. ถ้าพระอาทิตย์ยกในระหว่างเวลารุ่งเช้าจนถึงเที่ยง นางสงกรานต์ยืนบนพาหนะ ทำนายว่าจะเกิดความเดือดร้อนเจ็บไข้
๒. ถ้าพระอาทิตย์ยกในระหว่างเที่ยงจนถึงค่ำ นางสงกรานต์นั่งบนพาหนะ ทำนายว่าจะเกิดความเจ็บไข้ ผู้คนล้มตาย และเกิดเหตุเภทภัยต่างๆ
๓. ถ้าพระอาทิตย์ยกในระหว่างค่ำไปจนถึงเที่ยงคืน นางสงกรานต์นอนลืมตาบนพาหนะ ทำนายว่าประชาชนจะอยู่เย็นเป็นสุข
๔. ถ้าพระอาทิตย์ยกในระหว่างเที่ยงคืนไปจนถึงรุ่งเช้า นางสงกรานต์นอนหลับตาบนพาหนะ ทำนายว่าพระมหากษัตริย์จะเจริญรุ่งเรืองดี
ในปีพุทธศักราช ๒๕๖๘ นี้ นางสงกรานต์ทรงนามว่า “ทุงสะเทวี” ทรงพาหุรัด ทัดดอกทับทิม อาภรณ์แก้วปัทมราค (แก้วทับทิม) ภักษาหารอุทุมพร (มะเดื่อ) พระหัตถ์ขวาทรงจักร พระหัตถ์ซ้ายทรงสังข์ เสด็จไสยาสน์หลับเนตรมาเหนือหลังครุฑเป็นพาหนะ คำทำนายกล่าวไว้ว่า พืชพันธุ์ธัญญาหารและผลผลิตทางการเกษตรจะอุดมสมบูรณ์ มีน้ำมากในปีนี้ ประชาชนจะอยู่ดีกินดี มีความสุขสมบูรณ์ บ้านเมืองจะสงบสุข พระมหากษัตริย์จะเจริญรุ่งเรืองดี
เรียบเรียงโดย นางสาวปริศนา ตุ้มชัยพร บรรณารักษ์ชำนาญการ
หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี สำนักศิลปากรที่ ๕ ปราจีนบุรี กรมศิลปากร
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
กระทรวงวัฒนธรรม กรมส่งเสริมวัฒนธรรม. สงกรานต์ ประเพณีไทย. กรุงเทพฯ: กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม, ๒๕๖๐.
กลุ่มศูนย์ข้อมูลมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม สถาบันวัฒนธรรมศึกษา กรมส่งเสริมวัฒนธรรม. ประเพณีสงกรานต์. กรุงเทพฯ:กรมส่งเสริมวัฒนธรรม, ๒๕๖๘.
ประเพณีสงกรานต์ = Songkran Tradition. กรุงเทพฯ: สำนักงานกิจการโรงพิมพ์ องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก, ๒๕๖๔.
พิชญา สุ่มจินดา. ราชประดิษฐพิพิธทรรศนา. นนทบุรี: วัดราชประดิษฐมหาสีมาราม, ๒๕๕๕.
ส. พลายน้อย. ตรุษสงกรานต์. กรุงเทพฯ: น้ำฝน, ๒๕๔๓.
(จำนวนผู้เข้าชม 113 ครั้ง)