ตราดินเผารูปเรือ
ตราดินเผารูปเรือ
จากเมืองโบราณอู่ทอง
ตราดินเผารูปเรือ พบบริเวณเมืองโบราณอู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี จัดแสดงห้องบรรพชนคนอู่ทอง พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง
ตราดินเผาทรงกลม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๓.๕ เซนติเมตร มีรอยประทับเป็นเส้นโค้งและเส้นตรงตัดไขว้กัน สันนิษฐานว่าเป็นสัญลักษณ์รูปเรือ โดยเส้นโค้ง ๒ เส้นด้านล่างเป็นกราบเรือและท้องเรือ เส้นตรงที่กึ่งกลางเป็นเสากระโดง ๑ ต้น เส้นทแยงอาจเป็นเชือกผูกเสากระโดง หรือใบเรือ ด้านหลังของตราดินเผามีที่จับทรงกรวยซึ่งชำรุดส่วนปลายหักหายไป
ตราดินเผานี้ เป็นหลักฐานหนึ่งที่แสดงถึงรูปแบบของเรือ และการเดินเรือเข้ามาติดต่อแลกเปลี่ยนของชาวต่างชาติจากดินแดนห่างไกล ซึ่งสันนิษฐานว่ามีมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลายเรื่อยมาจนถึงสมัยทวารวดี นอกจากตราดินเผาชิ้นนี้แล้ว ยังพบหลักฐานงานศิลปกรรมสมัยทวารวดีที่เกี่ยวข้องกับเรือและการเดินเรือ ได้แก่
๑. ตราดินเผารูปเรือ พบจากเมืองนครปฐมโบราณ จังหวัดนครปฐม แสดงภาพเรือแบบมีเสากระโดง ๑ ต้น เชือกผูกเสากระโดง ๒ เส้น บนยอดเสากระโดงมีธง ใบเรือรูปโค้งตรงหัวเรือ ๑ ใบ และมีคนดึงเชือกที่หัวเรือและถือหางเสือที่ท้ายเรือ ลายคลื่นที่ใต้ท้องเรือ แสดงถึงการที่เรือกำลังเดินทางในทะเล
๒. ภาพปูนปั้นเล่าเรื่องชาดก พบจากเจดีย์จุลประโทน จังหวัดนครปฐม แสดงภาพบุคคลนั่งภายในเรือที่มีเสากระโดงอยู่ตรงกลาง อาจเป็นเรื่องสุปปารกชาดกหรือสมุททวาณิชชาดก ซึ่งชาดกทั้ง ๒ เรื่อง มีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับการเดินทางโดยเรือ
รูปแบบของเรือที่มีเสากระโดง ๑ ต้น ซึ่งปรากฏบนตราดินเผาจากเมืองโบราณอู่ทอง ตราดินเผาจากเมืองนครปฐมโบราณและภาพปูนปั้นจากเจดีย์จุลประโทนนี้ น่าจะเป็นเรือรูปแบบหนึ่ง ที่พ่อค้าและนักเดินทางชาวต่างชาติใช้เป็นพาหนะเดินทางเข้ามาติดต่อแลกเปลี่ยนกับคนพื้นเมืองในสมัยทวารวดี
ตราดินเผารูปเรือนี้ กำหนดอายุราวพุทธศตวรรษที่ ๑๒ – ๑๔ หรือประมาณ ๑,๒๐๐ – ๑,๔๐๐ ปีมาแล้ว สันนิษฐานว่าอาจเป็นตราที่ผลิตขึ้นในท้องถิ่นโดยคนพื้นเมืองทวารวดี โดยใช้เรือที่พบเห็นเป็นต้นแบบและนำมาผลิตเป็นตราดินเผาในรูปอย่างง่าย เพื่อเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวของบุคคลหรือกลุ่มคนที่เกี่ยวข้องกับการค้าหรือการเดินเรือก็เป็นได้
เอกสารอ้างอิง
รุ่งโรจน์ ธรรมรุ่งเรือง. มรดก ๑,๐๐๐ ปี เก่าที่สุดในสยาม. นนทบุรี : มิวเซียมเพรส, ๒๕๕๖.
อนันต์ กลิ่นโพธิ์กลับ. “การศึกษาความหมายและรูปแบบตราประทับสมัยแรกเริ่มประวัติศาสตร์ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี”. วิทยานิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาโบราณคดีสมัยประวัติศาสตร์ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร, ๒๕๔๗.
(จำนวนผู้เข้าชม 1656 ครั้ง)