พระบรมสาทิสลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ประทับเหนือพระที่นั่งพุดตานกาญจนสิงหาสน์ ภายใต้พระนพปฎลมหาเศวตฉัตร
พระบรมสาทิสลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ประทับเหนือพระที่นั่งพุดตานกาญจนสิงหาสน์ ภายใต้พระนพปฎลมหาเศวตฉัตร
เทคนิค : สีฝุ่นบนภาพพระบฎ
ศิลปิน : นายธรรมรัตน์ กังวาลก้อง ตำแหน่ง : จิตรกรปฏิบัติการ
กลุ่มงาน : กลุ่มจิตรกรรม สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร
ขนาด : กว้าง ๕๐ เซนติเมตร ยาว ๑๓๐ เซนติเมตร
ผลงานศิลปกรรมออกแบบและจัดสร้างโดย กลุ่มจิตรกรรม สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร จัดแสดงในนิทรรศการพิเศษ “เถลิงรัชช์หัตถศิลป์” ณ พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ระหว่างวันที่ ๙ มิถุนายน – ๑๗ กันยายน ๒๕๖๖ เวลา ๐๙.๐๐ – ๑๖.๐๐ น. วันพุธ – วันอาทิตย์ (ปิดวันจันทร์ – วันอังคาร)
การเขียนพระบรมสาทิสลักษณ์ด้วยเทคนิคการเขียนสีฝุ่นบนภาพพระบฏชิ้นนี้ จิตรกรได้บันทึกประวัติศาสตร์เหตุการณ์สำคัญในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ในวันเสาร์ที่ ๔ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒ ช่วงเวลา ๑๔.๕๒ น. พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเครื่องบรมขัตติยราชภูษิตาภรณ์ ฉลองพระองค์ครุยสายสะพายนพรัตนราชวราภรณ์ สายสร้อยจุลจอมเกล้า เสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ประทับเหนือพระที่นั่งพระที่นั่งพุดตานกาญจนสิงหาสน์บนพระราชบัลลังก์ภายใต้พระนพปฎลมหาเศวตฉัตร ทรงมหาพิชัยมงกุฎ
ฉลองพระองค์บรมขัตติยราชภูษิตาภรณ์
เป็นฉลองพระองค์สำหรับพระมหากษัตริย์ทรงในพระราชพิธีสำคัญ เช่น พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระราชพิธีเสด็จเลียบพระนคร พระราชพิธีถวายผ้าพระกฐิน เดิมฉลองพระองค์สำหรับพระราชพิธีบรมราชาภิเษกแต่ครั้งสมัยอยุธยาถึงสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นออกนามแต่เพียงว่า “ฉลองพระองค์เครื่องต้นอย่างบรมราชาภิเษก”
ถึงสมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงปรากฏในหมายกำหนดการออกนามฉลองพระองค์สำรับนี้เป็นครั้งแรกว่า “เครื่องพระราชภูษิตาภรณ์อย่างวันบรมราชาภิเษก” เมื่อเสด็จเลียบพระนคร และเปลี่ยนเป็นใช้ว่า “เครื่องบรมราชภูษิตาภรณ์” เมื่อเสด็จพระราชดำเนินไปทรงถวายผ้าพระกฐิน ถึงรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เมื่อทรงฉลองพระองค์สำรับนี้ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกออกนามว่า "ฉลองพระองค์บรมขัตติยราชภูษิตาภรณ์”
ฉลองพระองค์ครุย ของพระมหากษัตริย์มีมาแต่สมัยอยุธยา ทรงใช้สวมทับเป็นฉลองพระองค์ชั้นนอก ใช้เส้นทอง เส้นเงิน ที่เรียกว่า ทองแล่ง เงินแล่งปักเป็นลวดลายบนผ้าโปร่ง ลวดลายที่ปักจะเป็นอย่างใดนั้นไม่ได้มีการบันทึกไว้เป็นหลักฐานฉลองพระองค์ครุยของพระมหากษัตริย์แต่ละรัชกาลไม่มีชื่อเรียกเฉพาะ พบแต่เรียกตามวัสดุที่ใช้ทำเป็นฉลองพระองค์ครุยและวัสดุที่ใช้ปัก เช่น สมัยรัตนโกสินทร์เรียกฉลองพระองค์ครุยของรัชกาลที่ ๑ ว่า ฉลองพระองค์ครุยปักทองแล่ง ของรัชกาลที่ ๒ เรียกว่า ฉลองพระองค์ครุยพื้นแดงกรองทอง ของรัชกาลที่ ๓ เรียกว่า ฉลองพระองค์ครุยปักทองแล่ง ของรัชกาลที่ ๖ เรียกว่า ฉลองพระองค์ครุยกรองทองริ้วปัตหล่า ส่วนฉลองพระองค์ครุยของรัชกาลที่ ๔ และรัชกาลที่ ๕ เรียกเพียง ฉลองพระองค์ครุยเท่านั้น ในแต่ละรัชกาลทรงใช้ฉลองพระองค์ครุยหลายองค์มิได้ทรงใช้ฉลองพระองค์ครุยเพียงองค์เดียว
ฉลองพระองค์ครุยของพระมหากษัตริย์นั้น แต่เดิมไม่ทราบว่าลวดลายเป็นอย่างไร จนเมื่อมีการถ่ายภาพในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และโปรดให้ฉายพระบรมฉายาลักษณ์ ขณะทรงฉลองพระองค์ครุยไว้ แต่ไม่มีชื่อเรียกเฉพาะ ยังคงเรียกตามวัสดุและลวดลายที่ปักลงบนฉลองพระองค์ครุย เช่น ฉลองพระองค์ครุยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ทรงสวมใน พระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมโภช ปักเป็นรูปเพชราวุธอยู่ในกรอบพุ่มข้าวบิณฑ์ทั้งองค์ ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ฉลองพระองค์ครุยที่ทรงสวมในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ทรงใช้ฉลองพระองค์ครุยกรองทอง ซึ่งมีลักษณะเช่นเดียวกับฉลองพระองค์ครุยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ทรงสวมในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกองค์หนึ่งแต่ลวดลายต่างกัน ต่อมาโปรดให้สร้างฉลองพระองค์ครุยขึ้นใหม่ ปักลวดลายเป็นรูปจักรกับตรีอยู่ในกรอบพุ่มข้าวบิณฑ์ทั้งองค์ วัสดุที่ใช้ปักคือ “ทองแล่ง”
อ้างอิง
----------
คณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์งานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก. คำเกี่ยวกับพระราชพิธีบรมราชาภิเษก. [ออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ ๒๐ มกราคม ๒๕๖๔, จาก http://www.phralan.in.th/coronation/vocab.php?ispage=10
-----------
ผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมสื่อวีดิทัศน์ : ขั้นตอนการเขียนสีฝุ่นบนภาพพระบฏ ได้จากระบบศูนย์ข้อมูลงานศิลปกรรม สำนักช่างสิบหมู่ ทางลิ้งค์ด้านล่าง
-------------------------------------
https://datasipmu.finearts.go.th/knowledge/26
-------------------------------------
(จำนวนผู้เข้าชม 389 ครั้ง)