ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,652 รายการ
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม ฉบับจำลองรัฐธรรมนูญไทยเริ่มมีใช้ครั้งแรกหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. ๒๔๗๕ คือ พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว หลังจากนั้นถูกยกเลิกแล้วเปลี่ยนมาใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พ.ศ. ๒๔๗๕ ซึ่งรัฐบาลระบอบใหม่พยายามประชาสัมพันธ์เรื่องรัฐธรรมนูญและการปกครองระบอบใหม่ เพื่อสร้างความเข้าใจแก่ประชาชน เช่น การส่งเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครจากสภาผู้แทนราษฎรออกไปทำการประชาสัมพันธ์ในที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ การใช้วิทยุกระจายเสียง การให้ผู้แทนราษฎรทำการประชาสัมพันธ์เรื่องกิจการของรัฐ การจัดตั้งคณะกรรมาธิการพิจารณาหาทางว่าจะทำอย่างไรจึงจะให้รัฐธรรมนูญมีความมั่นคงอยู่ได้ การก่อตั้งสมาคมคณะรัฐธรรมนูญ เป็นต้น ใน พ.ศ. ๒๔๗๗ นายจำรัส มหาวงศ์นันทน์ ผู้แทนราษฎรจังหวัดน่าน มีจดหมายถึงคณะรัฐมนตรี จำนวน ๒ ฉบับ ฉบับแรกเสนอว่ารัฐบาลควรให้ผู้แทนราษฎรแต่ละคนอัญเชิญรัฐธรรมนูญไปสู่จังหวัดของตนเมื่อหมดสมัยประชุม และฉบับที่ ๒ ขอให้จัดทำ “รัฐธรรมนูญจำลอง” เป็นสมุดข่อย อัญเชิญไปยังศาลากลางจังหวัด เพื่อให้ประชาชนใช้ยึดเหนี่ยวเป็นหลักที่พึ่ง ทั้งยังเป็นการเผยแพร่รัฐธรรมนูญด้วย รัฐบาลจึงเห็นควรให้สร้างรัฐธรรมนูญจำลองขึ้น สำหรับนำไปประดิษฐานไว้ทุกจังหวัด โดยมีหลวงวิจิตรวาทการเป็นผู้ควบคุมดูแล ในฐานะเลขาธิการสมาคมคณะรัฐธรรมนูญและอธิบดีกรมศิลปากร ได้มีการประสานงานกับหลวงประดิษฐมนูธรรมเกี่ยวกับการออกแบบ ซึ่งได้จัดทำออกมาเป็นสมุดไทยลงรักปิดทอง วางบนพาน ๒ ชั้น โดยช่างฝีมือของกรมศิลปากร จำนวน ๗๐ ชุด แจกจ่ายไปตามจังหวัดต่าง ๆ จำนวน ๖๙ ชุด เพื่อนำไปประดิษฐาน ณ ศาลากลางแต่ละจังหวัด อีก ๑ ชุด สำหรับประดิษฐาน ณ ที่ทำการใหญ่ของสมาคมคณะรัฐธรรมนูญ พระราชอุทยานสราญรมย์วันที่ ๒๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ รัฐบาลจัดพิธีส่งมอบพานรัฐธรรมนูญให้กับผู้แทนราษฎรแต่ละจังหวัด ณ พระราชอุทยานสราญรมย์ โดยสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นประธานในพิธี ทรงเจิมพานรัฐธรรมนูญแต่ละฉบับ มีพิธีเวียนเทียนสมโภช และนำไปประดิษฐานร่วมกับพระพุทธสิหิงค์ ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ ระหว่างรอการส่งมอบให้แต่ละจังหวัดรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยามฉบับจำลอง ที่ถูกอัญเชิญมาประดิษฐานที่จังหวัดเชียงใหม่ รับมอบโดยพระพินิจธนากร (บุญเพ็ง ยุกตะนันทน์) และหลวงศรีประกาศ (ฉันท์ วิชยาภัย) ผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงใหม่ในขณะนั้น ปัจจุบันถูกเก็บรักษาไว้ที่หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เชียงใหม่ โดยนายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ได้มอบให้หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เชียงใหม่ ในวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๓ เพื่อเก็บรักษาไว้เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของจังหวัดเชียงใหม่และใช้เป็นข้อมูลในการศึกษาอ้างอิงต่อไปผู้เรียบเรียง : นางเกษราภรณ์ กุณรักษ์ นักจดหมายเหตุชำนาญการภาพ : หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เชียงใหม่อ้างอิง : ๑. ชาญคณิต อาวรณ์. ๒๕๕๒. “สัญลักษณ์พานรัฐธรรมนูญกับประติมานวิทยาทางการเมืองในเขตวัฒนธรรมล้านนา พ.ศ. ๒๔๗๕-๒๔๙๐” หน้าจั่ว ว่าด้วยประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรมและสถาปัตยกรรมไทย ฉบับที่ ๖ (กันยายน ๒๕๕๒-สิงหาคม ๒๕๕๓): ๕๓-๖๘. ๒. นครินทร์ เมฆไตรรัตน์. ๒๕๔๐. การปฎิวัติสยาม พ.ศ.๒๔๗๕. พิมพ์ครั้งที่ ๒. กรุงเทพมหานคร: อมรินทร์วิชาการ. ๓. นิตยสารศิลปวัฒนธรรม. ๒๕๖๓. พานรัฐธรรมนูญ : การช่วงชิงอำนาจหลังปฏิวัติบนสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ (Online). https://www.silpa-mag.com/history/article_51893, ๕ สิงหาคม ๒๕๖๔.
เลขทะเบียน : นพ.บ.181/4กห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 54 หน้า ; 4 x 48.5 ซ.ม. : ล่องรัก ; ไม้ประกับธรรมดาชื่อชุด : มัดที่ 103 (91-100) ผูก 4ก (2565)หัวเรื่อง : แปดหมื่นสี่พันธ์ขันธ์ --เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
ปิตุคุณสุตฺต (ปิตุคุณสูตร)
ชบ.บ.62/1-1
เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
ชื่อเรื่อง มิลินฺทปญฺหาสงฺเขป (มิลินทปัญหา)สพ.บ. 322/5ประเภทวัสดุ/มีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 52 หน้า : กว้าง 4.7 ซม. ยาว 56.9 ซม.หัวเรื่อง พุทธศาสนา ชาดก บทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน ภาษาบาลี-ไทยอีสาน เส้นจาร ฉบับลานดิบ ได้รับบริจาคมาจาก วัดลานคา ต.โคกคราม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี
เลขทะเบียน : นพ.บ.283/4ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 54 หน้า ; 4.5 x 55.5 ซ.ม. : ทองทึบ ; ไม้ประกับธรรมดาชื่อชุด : มัดที่ 119 (248-252) ผูก 4 (2565)หัวเรื่อง : สังฮอมธาตุ--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
วัดวังเป็นวัดโบราณ และเป็นวัดประจำเมืองพัทลุงในช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ภายในอุโบสถวัดวังประดิษฐานหมู่พระพุทธรูปลงรักปิดทอง และมีภาพจิตรกรรมฝาผนังเขียนขึ้นราวสมัยรัชกาลที่ ๓-๔ เขียนเรื่องพุทธประวัติและเทพชุมนุมอย่างสวยงาม
---------------
เรียบเรียง/ภาพถ่าย: นายสารัท ชลอสันติสกุล นักโบราณคดีชำนาญการ
ละครเสภา เรื่องขุนช้างขุนแผน ตอนพระไวยแตกทัพ รอบพิเศษชุดศิลปินชาย วันเสาร์ที่ ๕ มีนาคม ๒๕๖๕ ชุดศิลปินหญิง วันอาทิตย์ที่ ๖ มีนาคม ๒๕๖๕เวลา ๑๔.๐๐ น. ณ โรงละครแห่งชาติกำกับการแสดงโดย ปกรณ์ พรพิสุทธิ์ บัตรราคา ๒๐๐, ๑๕๐, ๑๐๐ บาท เริ่มจำหน่ายบัตรตั้งแต่วันนี้ ณ ห้องจำหน่ายบัตร โรงละครแห่งชาติ (เวลา ๐๙.๐๐ – ๑๕.๓๐ น.) และจำหน่ายบัตรออนไลน์ที่ https://ntt.finearts.go.th (เปิดด้วยโปรแกรมเว็บเบราเซอร์ อาทิ Safari, Google Chrome, Firefox, Internet Explorer)***ท่านที่ซื้อบัตรชมการแสดงทั้งสองรอบจะได้รับของที่ระลึกสุดพิเศษจากศิลปิน กรมศิลปากรหมายเหตุ บัตรชมการแสดงที่ซื้อไปแล้วยังสามารถใช้ได้ดังเดิม หรือจะนำมาเปลี่ยนที่ได้ในวันแสดง หากประสงค์จะคืนบัตร สามารถคืนและรับเงิน ณ ห้องจำหน่ายบัตร โรงละครแห่งชาติ ในวันจันทร์ที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๖๕ - วันศุกร์ที่ ๔ มีนาคม ๒๕๖๕ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม (วันและเวลาราชการ) โทร. ๐ ๒๒๒๔ ๑๓๔๒ และ ๐ ๒๒๒๑ ๐๑๗๑#การจัดการแสดงอยู่ภายใต้มาตรการป้องกันโรคตามแผนมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัยและมาตรการที่ทางราชการกำหนด
บทความวิชาการจดหมายเหตุเรื่อง ภาพเก่าเล่าอดีต : พระราชพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยาผู้แต่ง : สาลินี ชุ่มวรรณ์ ข้าราชการบำนาญ สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศิลปากรตีพิมพ์ลงนิตยสารศิลปากร ปีที่ ๔๙ ฉบับที่ ๓ (เดือนพฤษภาคม-มิถุนายน ๒๕๔๙)หน้า ๙๗-๙๘
บริบาลบุรีภัณฑ์, หลวง, ยอช เซเดย์ และสุภัทรดิศ ดิศกลุ, ม.จ. ตำนานพระพิมพ์ พระพุทธรูปสมัยต่าง ๆ ในประเทศไทย และพุทธศิลปในประเทศไทย. พิมพ์ครั้งที่ 19. พระนคร : กรมศิลปากร, 2510. ตำนานพระพิมพ์ พระพุทธรูปสมัยต่าง ๆ ในประเทศไทย และพุทธศิลปในประเทศไทย นี้ เนื้อหากล่าวถึงมูลเหตุในการสร้างพระพิมพ์ ของศาสตราจารย์ยอช เซเดส์ ส่วนเรื่องพระพุทธรูปสมัยต่าง ๆ ในประเทศไทย ของหลวงบริบาลบุรีภัณฑ์ จะให้ความรู้ในด้านการศึกษาค้นคว้าทางโบราณคดี ประวัติศาสตร์ของชาติไทย เรื่องศาสนาของคนไทยกับวัฒนธรรมไทยที่เกี่ยวเนื่องในพระพุทธศาสนา
วัดบ้านนาควาย ตั้งอยู่ที่ถนนสุขาสงเคราะห์ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี สร้างขึ้นหลังจากก่อตั้งเมืองอุบลราชธานี ซึ่งอยู่ในสมัยรัตนโกสินทร์ ประมาณกลางพุทธศตวรรษ ๒๔ ถึงต้นพุทธศตวรรษที่ ๒๕ โดยมีสิ่งสำคัญ คือ อุโบสถ (สิม) วัดบ้านนาควาย
. อุโบสถ (สิม) วัดบ้านนาควาย สร้างขึ้นในสมัยญาคูทา เป็นเจ้าอาวาสลำดับที่ ๒ มีรูปแบบเป็นสิมทึบแบบพื้นถิ่นอีสาน ตัวอาคารก่ออิฐถือปูนตั้งบนฐานบัว (ฐานเอวขัน) ในผังสี่เหลี่ยมผืนผ้า หันหน้าอาคารไปทางทิศตะวันออก ขนาด ๔ ห้อง ห้องหน้าเป็นโถง มีบันไดทางขึ้นตอนกลางด้านหน้า โครงสร้างอาคารใช้เสาไม้กลมและผนังรับน้ำหนักหลังคาจั่ว มีพาไลด้านหน้ามุงสังกะสีเพื่อคลุมบันไดทางขึ้น น่าจะทำในชั้นหลัง ส่วนหลังคาจั่วมุงกระเบื้องเคลือบ หลังคาประดับช่อฟ้า (โหง่) ใบระกา และหางหงส์ หน้าบันตีไม้ในแนวตั้งตกแต่งด้วยไม้ระแนงที่ตีเป็นแนวทะแยง ๒ เส้น และตรงกลาง ๑ เส้น มีประตูทางเข้าด้านหน้า ๑ ช่อง มีหน้าต่างด้านละ ๑ ช่องในตอนกลางของผนัง ด้านหลังก่อทึบ คันทวยไม้รูปเสาแบบบัวตัดให้เห็นโครงสร้างเพียงครึ่งเดียว ผนังด้านนอกเฉพาะด้านทิศตะวันออกเขียนภาพตอนมารผจญ ผนังด้านในทั้ง ๔ ด้าน เขียนภาพตอนประสูติ ปรินิพพาน ภาพชาดกเรื่องปาจิตต์กุมารชาดก และมหาเวสสันดรชาดก นอกจากนี้ยังสอดแทรกภาพสะท้อนชีวิตความเป็นอยู่ของชาวอีสานที่มีชาวจีน แขก ฝรั่งร่วมอยู่ในสังคมเดียวกันอีกด้วย โดยใช้สีแดง เขียว ตัดเส้นด้วยสีดำบนพื้นขาว โบราณสถานสิมวัดบ้านนาควายได้รับการบูรณะครั้งหลังสุดใน พ.ศ. ๒๕๕๔
. กรมศิลปากรประกาศขึ้นทะเบียนและกำหนดพื้นที่โบราณสถานสิมวัดบ้านนาควาย ในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๑ ตอนที่ ๘๕ง วันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๓๗ พื้นที่โบราณสถานประมาณ ๑ ไร่ ๖๙ ตารางวา
---------------------------------------
++++อ้างอิงจาก++++
. คณะกรรมการฝ่ายประมวลเอกสารและจดหมายเหตุฯ. วัฒนธรรม พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ เอกลักษณ์
และภูมิปัญญาจังหวัดอุบลราชธานี. หนังสือเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องใน โอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๔๒, ๒๕๔๔.หน้า ๑๓๖
. สำนักศิลปากรที่ ๑๑ อุบลราชธานี. รายงานการบูรณะอุโบสถ (สิม) วัดบ้านนาควาย ตำบลในเมือง
อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี. เอกสารอัดสำเนา, ๒๕๕๔.
ข้อมูล : กลุ่มโบราณคดี สำนักศิลปากรที่ ๙ อุบลราชธานี
วันศุกร์ที่ ๑๐ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ เวลา ๑๐.๐๐ น. นายกิตติพันธ์ พานสุวรรณ อธิบดีกรมศิลปากร พร้อมด้วยกรรมการ สถาปนิก วิศวกร และผู้ควบคุมงาน ร่วมประชุมคณะกรรมการในโครงการบูรณะพระวิหาร วัดนางนอง วรวิหาร แขวงบางค้อ เขตจอมทอง กรุงเทพมหานคร จากนั้นลงพื้นที่ตรวจงานการบูรณะในส่วนต่างๆ เพื่อเตรียมความพร้อม และหาแนวทางร่วมกัน ก่อนการบูรณะต่อไป
ในสมัยอยุธยามีการประกอบพระราชพิธีสนามต่างๆ ซึ่งกระทำในเดือน 5 (เมษายน) นับเป็นเดือนขึ้นปีใหม่ที่พระมหากษัตริย์ต้องเสด็จออกทอดพระเนตรคล้ายการตรวจกำลังพลสวนสนาม เพื่อเป็นสิริมงคลแก่แผ่นดิน ในพระราชกำหนดกฎมนเทียรบาลจะมีการพระราชพิทธีเผดจ์ศกลดแจตรออกสนาม ซึ่งเป็นพระราชพิธีออกสนามใหญ่ มีกระบวนกองทัพช้าง ม้า กองกำลังทุกหน่วยทั้งหัวเมือง พลเรือน และไพร่ จุดประสงค์ของการประกอบพิธีเพื่อให้ทหาร และพลเรือนแสดงความจงรักภักดี และเป็นการแสดงความพร้อมหรือแสนยานุภาพของกองทหารให้ปรากฏแก่ขุนนางข้าราชการ และเจ้าประเทศราช มีการประกอบพระราชพิธีออกสนามคือพระราชพิธีคเชนทรัศวสนานเป็นพระราชพิธีทอดเชือกดามเชือก และพระราชพิธีศรีสัจจปานกาลหรือ พระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา บางครั้งเรียกต่อกันว่า “พระราชพิธีศรีสัจจปานกาลคเชนทรัศวสนาน” ทำในเดือนห้า และเดือนสิบ เป็นการแสดงพระบรมเดชานุภาพของกษัตริย์และความเข้มแข็งของกองทัพ ขบวนช้าง ม้า และทหาร พระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตย์หรือเดิมเรียกว่า พระราชพิธีศรีสัจจปานกาลเป็นพระราชพิธีที่ยิ่งใหญ่สืบเนื่องมาแต่โบราณ ด้วยคติความเชื่อเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์เป็นผู้มีพระราชอำนาจสูงสุดและเป็นศูนย์กลางของพระราชอาณาจักร มีรูปแบบที่จัดขึ้นเพื่อให้พระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการดื่มน้ำสาบานว่าจะจงรักภักดีและซื่อตรงต่อพระมหากษัตริย์ เป็นการให้สัตย์สาบานประเภทหนึ่งที่ใช้น้ำเป็นสื่อกลาง ส่วนในทางปฏิบัติของการถือน้ำนั้นเป็นการเอาคมศาสตราวุธต่างๆ มาทำพิธีสวดหรือสาปแช่ง โดยการอ่านลิลิตโองการแช่งน้ำแล้วเสียบลงในน้ำที่จะนำไปพระราชทานให้ดื่มเป็นหลักสำคัญ พระราชพิธีนี้เชื่อว่ามีมาก่อนการก่อตั้งกรุงศรีอยุธยา และยังเป็นที่แพร่หลายในดินแดนภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในสมัยอยุธยามีหลักฐานวรรณกรรมเรื่อง ลิลิตโองการแช่งน้ำใช้เป็นประกาศคำถวายสัตย์ในพระราชพิธีถือน้ำ พระราชพิธีดังกล่าวนี้ยังประกอบในโอกาสต่างๆ เช่น พระราชพิธีถือน้ำเมื่อพระมหากษัตริย์เสด็จขึ้นครองราชย์ พระราชพิธีถือน้ำเมื่อออกสงคราม นอกเหนือไปจากที่กระทำเป็นประจำทุกปีๆ ละสองครั้ง ในสมัยอยุธยาข้าราชการถือน้ำที่วัดพระศรีสรรเพชญ์ ต่อมาย้ายไปที่พระวิหารมงคลบพิตร เมื่อถือน้ำแล้วใช้ดอกไม้ธูปเทียนไปถวายบังคมพระเชษฐบิดร เป็นรูปเทวดาฉลองพระองค์พระเจ้าอู่ทอง หรือสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 แล้วจึงเข้าไปถวายบังคมพระเจ้าแผ่นดินพร้อมกัน สำหรับในสมัยรัตนโกสินทร์สถานที่ใช้ประกอบพระราชพิธี คือ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หลังจากนั้นจึงนำดอกไม้ธูปเทียนมาถวายบังคมพระบรมอัฐิของรัชกาลที่ 1 และถวายบังคมพระอัฐิสมเด็จพระปฐมบรมมหาปัยกาธิบดีแทนพระเชษฐบิดร ในรัชกาลต่อๆ มา ยังมีการถวายบังคมพระอัฐิพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ก่อนๆ ซึ่งเสด็จสวรรคตล่วงไปแล้วโดยลำดับ พระราชพิธีคเชนทรัศวสนาน เป็นพระราชพิธีออกสนามใหญ่กระทำในเดือนห้า พระราชพิธีนี้เกิดขึ้นจากความต้องการทำพิธีทอดเชือกดามเชือกของพราหมณ์พฤฒิบาศ เป็นส่วนหนึ่งของพิธีทางคชกรรม เพื่อสร้างความเป็นสิริมงคลแก่ช้าง ม้า ให้พระเจ้าแผ่นดินทอดพระเนตร เพื่อเป็นการตรวจกำลังพล ความเข้มแข็งของกองทัพภาพ จิตรกรรมพระราชพิธีสิบสองเดือนที่พระอุโบสถวัดเสนาสนาราม ภาพจิตรกรรมพระราชพิธีสงกรานต์เป็นภาพที่เขียนขึ้นใหม่ ด้านบนของภาพเป็นพระราชพิธีสรงมุธาภิเษก เพื่อความเป็นสิริมงคลของบ้านเมือง โดยพระมหากษัตริย์จะประทับที่พระแท่นนพปฎลเศวตรฉัตร มีท่อไขสหัสธาราสำหรับสรงน้ำตั้งที่ข้างพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยฯ ตอนล่างเป็นภาพพระราชพิธีคเชนทรัศวสนาน มีการแห่ช้างต้น ม้าต้น ผ่านหน้าพระที่นั่งชัยชุมพล ซึ่งเป็นพระที่นั่งพลับพลาบนกำแพงพระบรมมหาราชวัง เพื่อให้พราหมณ์รดน้ำเพื่อเป็นสิริมงคล เสมือนกับเป็นการแสดงความพร้อมเพรียงด้านแสนยานุภาพของบ้านเมืองภาพพระราชพิธีคเชนทรัศวสนาน มีการแห่ช้างต้น ม้าต้น ผ่านหน้าพระที่นั่งชัยชุมพล ซึ่งเป็นพระที่นั่งพลับพลาบนกำแพงพระบรมมหาราชวัง เพื่อให้พราหมณ์รดน้ำเพื่อเป็นสิริมงคล เสมือนกับเป็นการแสดงความพร้อมเพรียงด้านแสนยานุภาพของบ้านเมืองภาพพระราชพิธีคเชนทรัศวสนาน ในภาพจิตรกรรมมีชะนีสีดำอยู่ที่ด้านหลังขบวน แต่ตามความเป็นจริงควรจะเป็นลิงเผือกอันเป็นสหชาติกับช้างอันเป็นสัตว์คู่พระบารมีภาพพระราชพิธีสรงมุธาภิเษก เพื่อความเป็นสิริมงคลของบ้านเมือง โดยพระมหากษัตริย์จะประทับที่พระแท่นนพปฎลเศวตรฉัตร มีท่อไขสหัสธาราสำหรับสรงน้ำตั้งที่ข้างพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยฯเอกสารอ้างอิง 1) ฉัตรบงกช ศรีวัฒนสาร. “การพระราชพิธีสิบสองเดือนในจิตกรรมฝาผนัง วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม กรุงเทพมหานคร”. สาระนิพนธ์ภาควิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ บัณฑิตวิทยาลัย.มหาวิทยาลัยศิลปากร. 2546. 2) ทศพร ทองคำ. “จิตกรรมพระราชพิธีสิบสองเดือน วัดเสนาสนาราม ต.หัวรอ อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา”. การศึกษาเฉพาะบุคคลในประวัติศาสตร์ศิลปะ ภาควิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร. 2556. 3) จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, พระบาทสมเด็จพระ. พระราชพิธีสิบสองเดือน. กรุงเทพฯ : บรรณกิจ 1991, 2553. -------------------------------------------------------ที่มาของข้อมูล : พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จันทรเกษม:Chantharakasem National Museum https://www.facebook.com/294696457254757/posts/5232819673442386/
กระทรวงศึกษาธิการ, กรมวิชาการ. ทิฏฐธัมมิกัตถประโยชน์ 4 ประการ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6. พระนคร: ครุสภาลาดพร้าว, 2513.
เป็นหนังสือสอนพระพุทธศาสนาแก่เด็ก ทิฏฐธัมมิกัตถประโยชน์ 4 ประการ อธิบายหลักธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนา คือ ประโยชน์ปัจจุบัน เป็นหลักธรรมอันอำนวยประโยชน์สุขขั้นต้น เพื่อประโยชน์สุขสามัญที่มองเห็นกันในชาตินี้ที่คนทั่วไปปรารถนา มี ทรัพย์ ยศ เกียรติ ไมตรี เป็นต้น อันจะสำเร็จด้วยธรรม 4 ประการคือ 1) อุฎฐานสัมปทา ถึงพร้อมด้วยความขยันหมั่นเพียร 2) อารักขสัมปทา ถึงพร้อมด้วยการรักษาโภคทรัพย์ 3) กัลยาณมิตตตา การคบคนดีเป็นเพื่อน และ 4) สมชีวิตา การเลี้ยงชีวิตตามกำลังทรัพย์ อยู่อย่างพอเพียง เลี้ยงชีพพอเหมาะ
อนุมานราชธน (ยง เสฐียรโกเศศ), พระยา. เรื่องกินโต๊ะจีนและนำเที่ยวจังหวัดเชียงราย. พระนคร : กรมศิลปากร, 2506. กล่าวถึงวิธีการรับประทานอาหารแบบโต๊ะจีน และการนำเที่ยวจังหวัดเชียงราย ด้านภูมิประเทศและสภาพทั่วไป ตลอดจนประวัติความเป็นมาและสถานที่สำคัญ ๆ ของจังหวัดเชียงราย