ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,743 รายการ

การจัดการพระศาสนาและการศึกษาในมณฑลจันทบุรี ร.ศ.๑๑๘ . >> การศึกษาของคนไทยตั้งแต่อดีตนั้น เริ่มต้นขึ้นที่วัด กล่าวคือ ผู้ที่มีบุตรหลานมักจะนำไปฝากไว้กับพระสงฆ์ตามวัดใกล้บ้านตน และมอบตัวให้เป็นศิษย์ของพระสงฆ์ ด้วยวัดเป็นสถานที่ศึกษาเล่าเรียนแต่เดิมมา เมื่อ ร.ศ.๑๑๗ (พ.ศ.๒๔๔๑) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงได้ทรงปรึกษากับสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ครั้งดำรงพระอิสริยยศเป็นพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นวชิรญาณวโรรส ให้ทรงเป็นพระธุระจัดการศึกษาในวัดตามหัวเมืองทั่วพระราชอาณาจักร โปรดให้ทรงเลือกพระเถระที่มีคุณวุฒิความสามารถออกไปเป็นผู้อำนวยการจัดการศึกษาในหัวเมืองประจำมณฑลต่างๆ . >> จากเอกสารจดหมายเหตุเรื่อง รายงานการศึกษามณฑลจันทบุรี ร.ศ.๑๑๘ พระสุคุณคณาภรณ์ ผู้อำนวยการศึกษามณฑลจันทบุรี ได้รายงานการจัดการศึกษามณฑลจันทบุรี ต่อพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นวชิรญาณวโรรส ผู้จัดการพระศาสนาและการศึกษาในหัวเมืองทั่วพระราชอาณาจักร โดยเมืองจันทบุรีนั้น ระบุว่ามีวัดที่มีพระสงฆ์ ๑๐๕ วัด พระสงฆ์ ๘๕๘ รูป สามเณร ๗ รูป ศิษย์วัด ๙๔๐ คน การฝึกสอนศิษย์ ใช้แบบเรียนเร็ว ๔ วัด แบบมูลบท ๒ วัด นอกนั้นใช้แบบปฐม ก กา ทั้งสิ้น . >> พระสุคุณคณาภรณ์ ได้เสนอความเห็นว่า การศึกษาในเมืองจันทบุรี คงจะเจริญได้เร็วกว่าเมืองอื่นในมณฑล ด้วยมีผู้ที่นิยมในการศึกษาและการพระศาสนา ทั้งฝ่ายบรรพชิตและฆราวาสจำนวนมาก ซึ่งวัดที่เห็นสมควรจะจัดตั้งโรงเรียน มี ๕ แห่ง คือ วัดจันทนาราม, วัดสุวรรณติมพราราม, วัดเขาพลอยแหวน, วัดเขาบายศรี และวัดทองทั่ว “...เพราะวัดเหล่านี้ มีหมู่บ้านใกล้เคียงมาก และเป็นที่นิยมของราษฎร ทั้งสมภารก็เอาใจใส่ในการศึกษา หากจะตั้งโรงเรียนหลวง ควรตั้งที่วัดจันทนารามก่อน ด้วยอยู่ใกล้เมืองและใกล้ตลาด เมื่อตั้งได้แล้วคงจะเจริญได้โดยลำดับ...” . >> เมื่อมีการจัดการศึกษาตามหัวเมืองและตรวจตรากิจการต่างๆ แล้ว จึงได้มีการสอบความรู้นักเรียนในหัวเมืองขึ้นเป็นครั้งแรก ใน ร.ศ.๑๑๘ โดยใช้หลักสูตรของมหามกุฎราชวิทยาลัย ซึ่งเมืองจันทบุรีได้มีการจัดการสอบความรู้นักเรียนขึ้นที่วัดจันทนาราม ในวันที่ ๒๔ มีนาคม ร.ศ.๑๑๘ มีนักเรียนสอบไล่ชั้นที่สาม ๓๗ คน ได้ ๒๗ คน ตก ๑๐ คน (การสอบไล่ชั้นที่สาม เป็นขั้นต่ำสุดจากระดับ ๓ ชั้น โดยมีวิชาที่สอบคือ อ่านหนังสือความพงศาวดาร เขียนตามคำบอกความสามัญ วิชาเลขคณิตขั้นบวกลบคูณหาร ซึ่งผู้เข้าสอบต้องสอบตั้งแต่ขั้นต่ำขึ้นไปโดยลำดับ) . บทความในตอนหน้าจะกล่าวถึงการจัดการพระศาสนาและการศึกษาในมณฑลจันทบุรี ร.ศ.๑๒๔ ผู้สนใจสามารถค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ หอจดหมายเหตุแห่งชาติ จันทบุรี และระบบสืบค้นเอกสารจดหมายเหตุ https://archives.nat.go.th ผู้เรียบเรียง นางสาวสุจิณา พานิชกุล นักจดหมายเหตุปฏิบัติการ หอจดหมายเหตุแห่งชาติ จันทบุรี ------------------------------ อ้างอิง : หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. รายงานศึกษามณฑลจันทบุรี ร.ศ.๑๑๘ (๒๒ - ๓๐ สิงหาคม ๑๑๘). พระมหาเจริญ กตปญฺโญ (กระพิลา) และคณะ. ๒๕๖๓. พระวิสัยทัศน์การศึกษาสงฆ์ : สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส. วารสารปรัชญาและศาสนา ๕ (๒) ก.ค. - ธ.ค. ๒๕๖๓ : ๖๑ – ๙๐. มณฑลจันทบุรีและปกิณณกคดี. ๒๕๑๕. พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพพระเทพสุทธิโมลี




สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 149/1 เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)


สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 178/6คเอกสารโบราณ(คัมภีร์ใบลาน)



ชื่อเรื่อง : นำเที่ยวพิมายและโบราณสถานในจังหวัดนครราชสีมา ของ นายมานิต วัลลิโภดม องค์การค้าของคุรุสภา พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ ขุนคงฤทธิศึกษากร (ปาน ณรงค์ฤทธิ) ป.ม., ป.ช., ม.ว.ม. ณ เมรุหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส วันที่ 16 มีนาคม พุทธศักราช 2513 ชื่อผู้แต่ง : มานิต วัลลิโภดมปีที่พิมพ์ : 2513สถานที่พิมพ์ : กรุงเทพฯ สำนักพิมพ์ : โรงพิมพ์คุรุสภาพระสุเมร จำนวนหน้า : 174 หน้า สาระสังเขป : หนังสือเล่มนี้จัดพิมพ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ ขุนคงฤทธิศึกษากร (ปาน ณรงค์ฤทธิ) ป.ม., ป.ช., ม.ว.ม. ณ เมรุหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส วันที่ 16 มีนาคม พุทธศักราช 2513 เรื่องราวในหนังสือเริ่มจากคำไว้อาลัย ประวัติ การทำงาน ตำแหน่งหน้าที่ต่างๆ ข้อความบางตอนจากหนังสือรายงานการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์เป็นกรณีพิเศษ แด่ ขุนคงฤทธิศึกษากร เมื่อ พ.ศ. 2511 ของ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และเนื้อหาเกี่ยวกับนำเที่ยวพิมายและโบราณสถานในจังหวัดนครราชสีมา เริ่มจากข้อมูลพื้นฐานของจังหวัดนครราชสีมา เมืองเสมา เมืองโคราฆปุระ นิทานเรื่องเมืองขวางทะบุรี นิทานเรื่องเมืองชะวาทะวดีศรีมหานคร ข้อสันนิษฐานเรื่องตำนานโบราณ ตำนานเมืองนครราชสีมา วีรกรรมของชาวเมืองนครราชสีมา สถานที่ควรทัศนาจร ในอำเภอเมืองนครราชสีมา ประวัติย่อของท้าวสุรนารี พิพิธภัณฑสถานมหาวีรวงศ์ ปราสาทหินวัดพนมวัน เมืองพิมาย ปราสาทหินพิมาย พระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ร่มไม้ที่ได้ชื่อว่าไทรงาม


         ตราดินเผารูปสิงห์นั่งชันเข่า จากเมืองโบราณอู่ทอง          ตราดินเผารูปสิงห์นั่งชันเข่า พบบริเวณเมืองโบราณอู่ทอง อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี จัดแสดงห้องบรรพชนคนอู่ทอง พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง           ตราดินเผา กว้าง ๓.๕ เซนติเมตร สูง ๓ เซนติเมตร รูปทรงค่อนข้างกลม ผิวหน้ามีรอยกดประทับเป็นรูปสัตว์ ๔ เท้า อยู่ในท่านั่งชันเข่า ส่วนหัวชำรุดรายละเอียดลบเลือนไป เมื่อศึกษาเปรียบเทียบกับตราดินเผารูปสิงห์นั่งชันเข่าประกอบสัญลักษณ์มงคล พบที่บ้านซับน้อย อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี จัดแสดงที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ จังหวัดลพบุรี พบว่ามีลักษณะคล้ายคลึงกันเป็นอย่างมาก           สิงห์เป็นสัตว์มงคลที่มีความหมายเกี่ยวข้องกับศาสนา ตามคติความเชื่อเนื่องในศาสนาพุทธ สิงห์เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงพระพุทธเจ้า เนื่องจากพระองค์ได้รับการขนานนามว่าเป็นสิงห์แห่งศากยวงศ์ ทั้งยังเป็นสัตว์ที่มีอำนาจและพละกำลัง เป็นตัวแทนของผู้พิทักษ์และความดี ในงานศิลปกรรมสมัยทวารวดีพบรูปสิงห์เป็นจำนวนมากที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับรูปสัตว์ชนิดอื่น รูปสิงห์ที่พบมีหลายอิริยาบถ ที่พบมากคือรูปสิงห์นั่งชันเข่า สันนิษฐานว่าเป็นรูปแบบที่ได้รับอิทธิพลจากศิลปะอินเดีย  นอกจากตราดินเผาที่กล่าวถึงข้างต้นแล้ว ยังพบรูปสิงห์นั่งชันเข่าจากแหล่งโบราณคดีสมัยทวารวดีอื่นๆ เช่น ประติมากรรมรูปสิงห์นั่งชันเข่าประดับศาสนสถาน พบที่เจดีย์จุลประโทน จังหวัดนครปฐม เจดีย์หมายเลข ๑ เมืองโบราณโคกไม้เดน จังหวัดนครสวรรค์ และโบราณสถานที่เมืองคูบัว จังหวัดราชบุรี นอกจากนี้ยังพบบนเศษภาชนะดินเผาที่บ้านคูเมือง จังหวัดสิงห์บุรี และเมืองโบราณจันเสน จังหวัดนครสวรรค์ อีกด้วย          สันนิษฐานว่าตราดินเผารูปสิงห์นี้เป็นของที่ผลิตขึ้นในท้องถิ่นโดยคนพื้นเมืองทวารวดี โดยรับอิทธิพลทางด้านรูปแบบและคติความเชื่อมาจากอินเดีย อาจใช้สำหรับเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวบุคคลหรือกลุ่มคนที่มีความเกี่ยวข้องกับศาสนาหรือเป็นชนชั้นสูง รวมถึงอาจใช้เป็นเครื่องรางเพื่อความเป็นสิริมงคล กำหนดอายุสมัยทวารวดี ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๒ – ๑๔ หรือประมาณ ๑,๒๐๐ – ๑,๔๐๐ ปีมาแล้ว   เอกสารอ้างอิง ดวงกมล อนันต์วัชรกุล. “คติความเชื่อเรื่องสัตว์ที่ปรากฏในวัฒนธรรมทวารวดี”. เอกสารการศึกษาเฉพาะบุคคล ภาควิชาโบราณคดี คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร, ๒๕๕๔. ผาสุข อินทราวุธ. ดรรชนีภาชนะดินเผาสมัยทวารวดี. กรุงเทพฯ : ภาควิชาโบราณคดี คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ, ๒๕๒๘. ศักดิ์ชัย สายสิงห์. ศิลปะทวารวดี : วัฒนธรรมทางศาสนายุคแรกเริ่มในดินแดนไทย.พิมพ์ครั้งที่ ๒. กรุงเทพฯ : เมืองโบราณ, ๒๕๖๒. อนันต์ กลิ่นโพธิ์กลับ. “การศึกษาความหมายและรูปแบบตราประทับสมัยแรกเริ่มประวัติศาสตร์ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี”. วิทยานิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาโบราณคดีสมัยประวัติศาสตร์ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร, ๒๕๔๗.


เลขทะเบียน : นพ.บ.400/10ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 52 หน้า ; 4 x 51 ซ.ม. : ชาดทึบ-ล่องชาด-ล่องรัก ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 145  (48-57) ผูก 10 (2566)หัวเรื่อง : สัมมหาวัคค์--เอกสารโบราณ            คัมภีร์ใบลาน            พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม



องค์ความรู้ : ภาพเก่าจากฟิล์มกระจกOld Picture from Glass Plate Negativesพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญที่ทุ่งพญาไท ซึ่งอยู่ทางทิศใต้ของพระราชวังพญาไท (ปัจจุบันคือโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า)The Royal Ploughing Ceremony at Thung Phaya Thai field, south of Phya Thai Palace (It is now Phra Mongkutklao Hospital)ภาพ/ข้อมูล : หนังสือฟิล์มกระจกฉลองมรดกความทรงจำแห่งโลก



องค์ความรู้ ส่งเสริมการอ่านผ่านออนไลน์ เรื่อง “เงาะ พันธุ์สีชมพู และ เงาะโรงเรียน” เงาะ เป็นผลไม้ปลูกกันมากในจันทบุรี นอกเหนือจากทุเรียน ช่วงนี้กำลังมีผลผลิตออกสู่ท้องตลาด ทั้งเงาะ พันธุ์สีชมพู และเงาะโรงเรียน เราจะมาทำความรู้จักกับ “เงาะ” ผลไม้ที่ชาวสวนจันทบุรีปลูกกัน “เงาะ” เป็นผลไม้ที่ทุกคนรู้จักกันดี ที่ปัตตานีบางคนจะเรียกเงาะว่า “พรวน” อังกฤษเรียก “รัมบูตาน” ตามอินโดนีเซีย (รัมบุท แปลว่า ขน) ฟิลิปปินส์เรียก รัมบูตาน บ้าง ยูซาน (Usan) บ้าง เขมรเรียก “ซาวมาว” เวียดนามเรียก “ไหวทิว” (Vai thieu) เงาะในธรรมชาติเป็นต้นไม้สูงใหญ่ สูงได้กว่า 10 เมตร แต่เงาะปลูกจะสูงได้ประมาณ 4 – 7 เมตร แผ่กิ่งก้านสาขา รัศมีพุ่มประมาณ 4 – 5 เมตร เงาะปลูกส่วนมากมีใบเพียง 3 คู่ ด้านบนเกลี้ยง บางครั้งก็มีขนอ่อนเล็กน้อยที่เส้นกลางใบ ด้านล่าง (ใต้ใบ) มีขนบ้าง ไม่มีขนบ้าง ปลายใบตัดเรียวแหลม เส้นใบเห็นเด่นชัด ยอดอ่อนมีขน ช่อดอก มีทั้งที่แทงออกจากยอดเทียม (ตามด้านข้างกิ่ง) และยอดแท้ (ปลายกิ่ง) ดอกถ้าไม่เป็นดอกเพศผู้ ก็เป็นดอกเพศกระเทย ชาวสวนเรียกเงาะกระเทย หรือเงาะตัวเมีย ชาวสวนจันทบุรีนิยมปลูกเงาะอยู่ 2 พันธุ์ คือ พันธุ์สีชมพู ซึ่งเป็นเงาะพันธุ์พื้นเมืองที่มีแหล่งกำเนิดดั้งเดิมในจันทบุรี เนื้อนุ่มหวาน เมื่อสุกผลจะมีสีชมพูทั้งลูกและขนสวยสดชื่นยิ่งนัก อีกพันธุ์ คือ เงาะโรงเรียน ซึ่งมีถิ่นกำเนิดที่อำเภอบ้านนาสาร จังหวัดสุราษฎร์ธานี และมีผู้นำมาปลูกในจังหวัดจันทบุรี เมื่อราวปี พ.ศ. 2505 – 2510 ลักษณะของผลเงาะโรงเรียน จะใหญ่กว่าเงาะสีชมพู เนื้อนุม กรอบ หวาน หอม เมื่อสุกผลจะมีสีแดงเข้มแซมด้วยขนสีแดงอมเขียว ราคาซื้อขายสูงกว่าพันธุ์เงาะสีชมพู แต่ให้ผลผลิตต่อต้นน้อยกว่าเงาะพันธุ์สีชมพู และการบำรุงรักษาเมื่อติดลูกจนกระทั่งถึงเก็บเกี่ยวค่อนข้างสิ้นเปลืองและยากกว่าพันธุ์สีชมพู อ้างอิง : ที่ระลึกในพิธีเปิดหอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี : อัมรินทร์ พริ้นติ้ง กรุ๊พ. 2533. ไพโรจน์ ผลประสิทธิ์. ผลไม้ไทยๆ : สำนักนายกรัฐมนตรี. 2545 ผู้เรียบเรียง : นายประพนธ์ รอบรู้ นักวิชาการโสตทัศนศึกษาชำนาญการ หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี สำนักศิลปากรที่ 5 ปราจีนบุรี


          วัดห้วยเสือ ตั้งอยู่ ณ บ้านห้วยเสือ หมู่ที่ 5 ตำบลสมอพรือ อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งจากการเข้าไปสำรวจพบว่าวัดแห่งนี้มีการรวบรวมภาพจิตรกรรม โดยเป็นเรื่องราวของ “พระเวสสันดรชาดก” ชาติที่ 10 ของเรื่องราว “ทศชาติชาดก” หรือก็คือ 10 ชาติ ของการเล่าเรื่องราวการที่พระพุทธเจ้าทรงเวียนว่ายตายเกิด จนเป็นพระพุทธเจ้าในชาติสุดท้าย ซึ่งในปัจจุบันภาพดังกล่าวได้ถูกจัดเก็บไว้เป็นอย่างดี ณ วัดห้วยเสือ เพื่อเป็นการดำรงและรักษาภาพจิตรกรรมการแสดงคำสอนอันดีงามและเรื่องราวความเป็นมาทางพุทธศาสนาให้คงอยู่ต่อไป             สำหรับ ทศชาติ เรื่อง “พระเวสสันดรชาดก” ว่าด้วยเรื่อง 13 กัณฑ์ ถือได้ว่าเป็นเรื่องราวที่รู้จักมากที่สุดและมีความสำคัญมากที่สุดในบรรดาทศชาติชาดกทั้ง 10 ตอน และเป็นสาเหตุที่เวสสันดรชาดกถูกยกให้เป็นมหาชาตินั้น ก็เนื่องจากชาดกเรื่องนี้ถือเป็นพระชาติสุดท้ายของพระโพธิสัตว์ก่อนจะได้เป็นพระพุทธเจ้า อีกทั้งยังเป็นพระชาติที่ทรงบำเพ็ญบารมีครบทั้ง 10 ประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ทานบารมี” ที่ทรงบริจาคทุกสิ่งทุกอย่างทุกอย่าง แม้แต่ภรรยาและบุตรของตนเองก็บริจาค ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ทำได้ยากและเป็นการเสียสละที่ยิ่งใหญ่ที่สุด            นอกจากนั้น สาเหตุที่ “พระเวสสันดรชาดก” นั้นเป็นที่ยกย่องและน่าเลื่อมใส เพราะเรื่องเวสสันดรชาดกนั้นมีคุณค่าที่สามารถนำไปประยุกต์เข้ากับชีวิตประจำวันได้ทุกระดับ โดย 13 กัณฑ์ ของเรื่องราว “พระเวสสันดรชาดก” สามารถศึกษาเเละทำความเข้าใจเพิ่มเติมได้ ดังนี้             เอกสารเเละหลักฐานสำหรับการสืบค้น           1. วัดห้วยเสือ, ภาพจิตรกรรม ทศชาติ เรื่อง “พระเวสสันดรชาดก” ว่าด้วยเรื่อง 13 กัณฑ์.           2. เจริญ ไชยชนะ.  (2502),  มหาเวสสันดรชาดก ฉบับ 5 กัณฑ์.  กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์ ไชยวัฒน์.           3. กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม.  (2561),  เทศน์มหาชาติมหากุศล.  กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.           4. ทิวาวรรณ อายุวัฒน์.  (2561).  ““ทศชาติชาดก 101”, ใน สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยี (ผู้รวบรวม), บทความทางวิชาการ สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยี.  (หน้า 1).  นครปฐม :มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม.


ชื่อเรื่อง                         มหานิปาต(เวสฺสนฺตรชาดก)ชาตกปาลิขุทฺทกนิกาย(คาถาพัน)อย.บ.                            170/2กหมวดหมู่                       พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ                  68 หน้า กว้าง 4.5 ซม. ยาว 55 ซม.หัวเรื่อง                         มหาเวสสันดรชาดก                                                               บทคัดย่อ/บันทึก          เป็นคัมภีร์ใบลาน ฉบับทองทึบ ไม้ประกับธรรมดา


black ribbon.