...

ภาชนะดินเผาในวัฒนธรรมเขมร

ภาชนะดินเผาในวัฒนธรรมเขมร

ความเป็นมาของภาชนะดินเผา

ภาชนะดินเผา (Pottery) เป็นภาชนะสำหรับบรรจุของเหลวหรือของแข็ง สำหรับใช้บริโภคหรือเก็บสะสมอาหาร เช่น หม้อ ไห จาน ชาม ถ้วย ผลิตขึ้นโดยนำดิน หรือ ดิน หิน ทราย แร่ธาตุต่างๆ มาผสมกับน้ำ ปั้นตามรูปร่างที่ต้องการแล้วเผาให้แข็งตัวคงรูปร่างอยู่ได้

ความสำคัญของภาชนะดินเผา

ภาชนะดินเผาเป็นหลักฐานที่มีประโยชน์มากสำหรับการศึกษาทางด้านโบราณคดี เพราะเราสามารถศึกษารูปร่าง รูปแบบและการตกแต่ง วัสดุที่ใช้ทำ ทำให้ทราบถึงความนิยม วิวัฒนาการของเทคนิคการทำ พิธีกรรมทางศาสนา เส้นทางการติดต่อค้าขายของพ่อค้า อาณาเขตการติดต่อในสมัยโบราณ ฯลฯ

ประเภทของภาชนะดินเผา

๑. วัตถุดินเผา (Terra Cotta) เป็นการเผาที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า ๑,๐๐๐ องศาเซลเซียส ส่วนผสมของดินปั้นที่มีดินเหนียวผสม

๒. ภาชนะดินเผาเนื้อดิน (Earthen Ware) เป็นการเผาที่มีอุณหภูมิประมาณ ๑,๐๐๐ – ๑,๒๐๐ องศาเซลเซียสเป็นส่วนผสมของดินกับหินฟันม้า ควอทซ์

๓. ภาชนะดินเผาเนื้อแกร่งหรือเนื้อหิน (Stone Ware) เป็นการเผาที่มีอุณหภูมิประมาณ ๑,๒๐๐ – ๑,๓๐๐ องศาเซลเซียส เป็นส่วนผสมดินที่มีหินปนอยู่ราว ๕๐%

๔. เครื่องกระเบื้อง (Porcelain) เป็นการเผาที่มีอุณหภูมิประมาณ ๑,๓๐๐ – ๑,๔๕๐ องศาเซลเซียส เป็นส่วนผสมของดินขาว (Koalin) หินฟันม้า หินควอทซ์

หากแบ่งตามการเคลือบผิว ภาชนะดินเผาแบ่งได้เป็น ๒ ชนิด คือ

๑. ชนิดเคลือบ (Glaze) ส่วนมากจะทำกับภาชนะดินเผาชนิดที่ใช้ไฟแรงสูง เช่น Stoneware หรือ Porcelain

๒. ชนิดไม่เคลือบ (Unglaze) มีตั้งแต่ชนิด Terra Cotta, Earthen Ware และ Stone Ware

                          

   วัตถุดินเผา                 ภาชนะดินเผาเนื้อดิน          ภาชนะดินเผาเนื้อแกร่ง        เครื่องกระเบื้อง

 

ภาชนะดินเผาที่พบในประเทศไทย

                   ในประเทศไทยได้พบหลักฐานจำพวกภาชนะดินเผาเป็นจำนวนมาก มีทั้งแบบเรียบง่ายสำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน แบบที่มีการตกแต่งอย่างสวยงามเพื่อใช้ในพิธีกรรมหรือเป็นเครื่องใช้สำหรับบุคคลชั้นสูง โดยสามารถแบ่งออกเป็นยุคสมัยต่างๆ ได้ดังนี้

                          

สมัยก่อนประวัติศาสตร์           สมัยทวารวดี                      สมัยศรีวิชัย              สมัยวัฒนธรรมเขมร

                                   

      สมัยสุโขทัย                    สมัยล้านนา                       สมัยอยุธยา               สมัยรัตนโกสินทร์

ภาชนะดินเผาในวัฒนธรรมเขมร

                   ผลิตขึ้นในช่วงปลายพุทธศตวรรษที่ ๑๕ - ๑๘ นับเป็นภาชนะดินเผาที่มีอายุการผลิตเก่าแก่ที่สุดชนิดหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีความสัมพันธ์กับเครื่องปั้นดินเผาจีนสมัยห้าราชวงศ์และสมัยราชวงศ์ซ่ง เชื่อกันว่า แหล่งผลิตในระยะแรกอยู่ในบริเวณที่ราบสูงพนมกุเลนในประเทศกัมพูชา ผลิตเครื่องถ้วยประเภทเคลือบสีเขียวใส เรียกว่า เครื่องถ้วยแบบกุเลน

                    ภาชนะดินเผาวัฒนธรรมเขมรสามารถจำแนกตามลักษณะของการเคลือบและน้ำยาเคลือบออกเป็นประเภทต่างๆ ดังนี้

                    ๑. ประเภทเคลือบสีเขียว เป็นเครื่องปั้นดินเผาแบบแรกสุดที่ผลิตขึ้นในอาณาจักรเขมร มีอายุอยู่ในราวปลายพุทธศตวรรษที่ ๑๕ อาจผลิตจากแหล่งเตาเผาที่พนมกุเลน

                    ๒. ประเภทเคลือบสีน้ำตาล มีอายุอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๑๖ ส่วนใหญ่ผลิตจากแหล่งเตาเผาที่อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์

                    ๓. ประเภทเคลือบสองสี เกิดขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ ๑๖ ทำขึ้นจำนวนไม่มากนัก โดยปากภาชนะจะเคลือบสีเขียวอ่อน ส่วนคอและตัวภาชนะเคลือบสีน้ำตาล น่าจะได้รับแบบอย่างจากจีน

                    ๔. ประเภทไม่เคลือบ ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๕ – ๑๖ ได้เกิดภาชนะเนื้อแกร่งที่ไม่เคลือบผิว เรียกว่า ลีเดอแวง (Lie de vin) แปลว่า “ตะกอนของไวน์” ภาชนะมีสีน้ำตาลคล้ายไวน์เก่าในขวด

                                         

     เคลือบสีเขียว                            เคลือบสีน้ำตาล                       เคลือบสองสี

รูปทรงอันหลากหลาย

                    ภาชนะดินเผาในวัฒนธรรมเขมรมีลักษณะ รูปทรง และลวดลายประดับตกแต่งที่มีความหลากหลายและเป็นเอกลักษณ์ แต่หน้าที่ใช้สอยของภาชนะเหล่านี้ยังไม่ทราบแน่ชัด จึงอาศัยเทียบเคียงการใช้งานกับภาชนะดินเผาในปัจจุบัน โดยสามารถจำแนกภาชนะจากรูปทรงได้ดังนี้

   

            ตลับ                      กระปุก                     ชามหรือถ้วย                     โถ                    ขวด      

        

          คนโท                 ไหเท้าช้าง                 ไห                      ภาชนะทรงพาน        ภาชนะรูปสัตว์

ประโยชน์ใช้สอย

                    ภาชนะดินเผาในวัฒนธรรมเขมรผลิตขึ้นมาเพื่อใช้ในชีวิตประจำวันและเพื่อใช้ในพิธีกรรมความเชื่อต่างๆ รวมถึงเป็นเครื่องแสดงฐานะทางสังคม

                    ภาชนะดินเผาที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น หุงต้มอาหาร บรรจุน้ำดื่มน้ำใช้ มักเป็นภาชนะดินเผาเนื้อหยาบหรือเนื้อแกร่งแบบไม่เคลือบ แต่สำหรับเก็บกักอาหารหรือของเหลวบางอย่างจำเป็นต้องใช้ภาชนะดินเผาแบบเคลือบเพื่อป้องกันการรั่วซึมของของเหลวและแก็สได้ เช่น ไหสีน้ำตาลใช้บรรจุปลาร้า เกลือ น้ำผึ้ง น้ำตาล น้ำมัน ข้าว พริกไทย ฯลฯ ขวดดินเผาเคลือบอาจใส่น้ำดื่มไว้พกพาหรือใส่สุรา กระปุกขนาดเล็กและตลับ อาจใช้บรรจุเครื่องหอมหรือเครื่องสำอาง ภาชนะรูปสัตว์ต่างๆ เช่น นก ช้าง กระต่าย พบว่าภายในบรรจุปูน อาจใช้เป็นเต้าปูนกินหมาก

                    ภาชนะที่ใช้ในพิธีกรรมทางศาสนา เช่น ภาชนะทรงพานอาจใช้ใส่ดอกไม้หรือเครื่องหอม คนโทใช้ในการหลั่งน้ำทำพิธีกรรม โถใช้ใส่เถ้าอัฐิ 

                                      

     ทับหลังสลักภาพพิธีอัศวเมธและภาพสลักบุคคลชายหญิงแสดงภาพภาชนะดินเผาในวัฒนธรรมเขมร

แหล่งเตาเผา

                   ภาชนะดินเผาในวัฒนธรรมเขมรส่วนใหญ่คงผลิตจากแหล่งเตาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย เนื่องจากมีการค้นพบแหล่งเตาเผาขนาดใหญ่ เช่น แหล่งเตาโคกลิ้นฟ้า อำเภอละหานทราย แหล่งเตานายเจียน แหล่งเตาสวาย อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ แหล่งเตาบ้านสวาย อำเภอเมือง แหล่งเตาบ้านปราสาท บ้านพลวง อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ ส่วนแหล่งเตาผลิตภาชนะดินเผาในประเทศกัมพูชาพบอยู่หลายแห่ง เช่น บริเวณที่ราบสูงพนมกุเลนและที่พระขรรค์แห่งกำปงสวาย เป็นต้น           

               

                                      แหล่งเตาสวาย อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์  

                   

   แหล่งเตานายเจียน อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์

สู่ความนิยม

                   นับตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ ๑๖ (พ.ศ.๑๕๐๑ – ๑๖๐๐) เป็นต้นมา อาณาจักรเขมรได้แผ่อำนาจการปกครองมายังดินแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยในปัจจุบัน โดยได้นำความรู้เรื่องการผลิตภาชนะดินเผาเข้ามาเผยแพร่ในดินแดนแถบนี้ด้วย ดังจะเห็นได้จากการค้นพบแหล่งเตาเผากระจายตัวในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ นครราชสีมา และสุรินทร์

          ภาชนะดินเผาในวัฒนธรรมเขมรได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีเทคโนโลยีการผลิตที่ก้าวหน้า สามารถควบคุมอุณหภูมิความร้อนในเตาเผาได้อย่างชำนาญ ทำให้ภาชนะดินเผามีความสวยงามและหลากหลาย

                   กระทั่งในช่วงปลายพุทธศตวรรษที่ ๑๘ (ประมาณ พ.ศ.๑๗๕๑ – ๑๘๐๐) การผลิตและการใช้งานภาชนะดินเผาในวัฒนธรรมเขมรเสื่อมความนิยมลง อันเนื่องมาจาก

๑. อาณาจักรเขมรได้เริ่มเสื่อมอำนาจการปกครอง

 

๒ ภาชนะดินเผาแบบจีน (สมัยราชวงศ์ซ่งเหนือ) ได้รับความนิยมมากขึ้น

                            

    ภาพสลักบริเวณระเบียงปราสาทบายนแสดงการผลิตภาชนะดินเผา           ภาชนะดินเผาแบบจีน (ราชวงศ์ซ่งเหนือ)  

กระบวนการผลิตภาชนะดินเผา

                   ๑. วัตถุดิบ   ในส่วนผสมของเนื้อดินปั้นจะประกอบไปด้วย ดิน (Clay)  หินเขี้ยวหนุมาน(Quartz)  และหินฟันม้า (Feldspar) นอกจากวัตถุดิบหลักทั้ง ๓ อย่างแล้ว ยังมีส่วนผสมอื่นๆ อีก เช่น ทราย แร่เหล็ก ศิลาแลง และดินขาว

                   ๒. การปั้น เทคนิคการปั้นแบบดั้งเดิมมี ๕ วิธี ได้แก่ การปั้นด้วยมือแบบอิสระ  การขึ้นรูปทรงแบบขด  การขึ้นรูปทรงแบบแผ่น  การกดหรืออัดบนพิมพ์  และการขึ้นรูปทรงโดยใช้แป้นหมุนโดยสังเกตได้จากผิวด้านในของภาชนะดินเผาจะเป็นรอยที่มีลักษณะหมุนเวียนขวาซึ่งเกิดจากการใช้แป้นหมุนนั้นเอง

         ๓. การตกแต่งผิวภาชนะดินเผา

                     - การทำลวดลายบนผิวภาชนะ เช่น การตีประทับหรือกดลาย การขูดขีด การแต่งเติมดิน

                   - การตกแต่งภาชนะผิวเรียบ เช่น การขัดผิว เช็ดหรือลูบผิว ทาผิวด้วยน้ำดินข้น การรมควัน 

                   - การตกแต่งด้วยการเคลือบ เช่น เคลือบสีเขียวใส เคลือบสีน้ำตาลจนถึงสีดำ และการเคลือบสองสีในภาชนะใบเดียวกัน

                   ๔. การเคลือบ

                   - ภาชนะดินเผาที่เคลือบสีเหลืองนวล น้ำตาลอ่อนจนไปถึงน้ำตาลแก่ เกิดจากส่วนผสมของเหล็กที่มีอยู่ในขี้เถ้า และเหล็กจากวัตถุดิบอื่นที่ผสมในสูตรเคลือบ โดยผ่านการเผาแบบออกซิเดชั่น (Oxidation)คือการเผาไหม้แบบสมบูรณ์

                   - ภาชนะดินเผาที่เคลือบสีเทา เทาอมเขียว เขียวมะกอก หรือเทาอมฟ้า เกิดจากการเผาแบบ รีดักชั่น (Reduction) คือการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ ซึ่งจะเกิดก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์ (CO)  

                   ๕. การเผา เตาเผามีลักษณะโค้งเป็นรูปไข่ ขนาดความกว้างประมาณ ๑.๕ เมตร ยาวประมาณ ๑๕ เมตร พื้นที่ภายในเตาเผาจะแบ่งออกเป็น ๓ ส่วน คือ ช่องใส่ไฟ  ห้องวางภาชนะ  และปล่องไฟ

 

ตัวอย่างชื่อเรียกส่วนต่างๆ ของภาชนะดินเผา                 

    

       

ลวดลายตกแต่งบนภาชนะดินเผา

            

ลายขูดขีดเป็นร่องตื้นๆ เช่น ขีดเป็นเส้นตรงหรือเส้นขนานในแนวนอน  ลายกากบาทชั้นเดียว            ลายกากบาทสองชั้น   ลายซิกแซ็ก  ลายเส้นคดโค้ง ลายคลื่น  ลายโค้งแบบระย้า  ลายรูปสัตว์ เป็นต้น

 

การปั้นแปะเป็นรูปต่างๆ มักตกแต่งบริเวณไหล่ของภาชนะ เช่น ลายเม็ดพริก 

 

การทำเป็นเส้นนูนขึ้นมาเป็นชั้นๆ  มักตกแต่งในบริเวณฐานของภาชนะ 

 

การอนุรักษ์มรดกของชาติ

                    พื้นที่ของจังหวัดสุรินทร์มีการขุดพบโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุจำนวนมาก เนื่องจากเมื่อครั้งอดีตพื้นที่แห่งนี้เคยเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์จนมาถึงยุคประวัติศาสตร์ สมัยทวารวดี สมัยลพบุรี(เขมร) สมัยล้านช้าง(ลาว) และปัจจุบันในสมัยรัตนโกสินทร์ ในแต่ละปีพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุรินทร์ กรมศิลปากร ได้รับแจ้งจากประชาชนทั้งชาวจังหวัดสุรินทร์และจังหวัดใกล้เคียงว่ามีการขุดพบหลักฐานทางโบราณคดี ไม่ว่าจะเป็น หม้อ ไห ภาชนะดินเผา เครื่องมือเครื่องใช้ เครื่องประดับ หรือแม้กระทั่งกระดูกมนุษย์โบราณเป็นจำนวนมาก  ดังนั้นประชาชนจึงมีความจำเป็นที่จะต้องรู้ระเบียบกฎหมายเบื้องต้นในการปฏิบัติเมื่อพบโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ที่มิใช่ทรัพย์สินของตนเอง  

ข้อควรปฏิบัติเมื่อพบโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ

                   ๑. ระงับการขุดหรือเคลื่อนย้ายโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ โดยทันที

                   ๒. แจ้งเจ้าหน้าที่ของกรมศิลปากรที่ใกล้ที่สุดหรือพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจ ภายใน ๓๖ ชั่วโมง  ประชาชนในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์และใกล้เคียงสามารถแจ้งได้ที่ 

                   พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุรินทร์

                   ถ.สุรินทร์-ปราสาท ต.เฉนียง อ.เมือง จ.สุรินทร์ ๓๒๐๐๐

                  โทรศัพท์/โทรสาร ๐๔๔ ๑๕๓๐๕๔          

                   ๓. ให้ข้อมูลเบื้องต้นในการพบโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ แก่เจ้าหน้าที่ เช่น  วัน/เวลา/สถานที่ที่พบ วัตถุสิ่งของที่พบในบริเวณใกล้เคียง  ระดับความลึกที่ขุดพบ  สภาพทางภูมิศาสตร์ของพื้นที่ที่ขุดพบเป็นต้น

 

ที่มาและภาพประกอบ

กฤษฎา พิณศรี. การศึกษารูปแบบศิลปะและคติความเชื่อในงานเครื่องปั้นดินเผาวัฒนธรรมเขมรใน

          ประเทศไทย. คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์

พัชรี สาริกบุตร. เทคโนโลยีสมัยโบราณ: เครื่องมือหิน งานโลหะ เครื่องปั้นดินเผา แก้ว และลูกปัดแก้ว.        

           กรุงเทพฯ:ภาควิชาโบราณคดี, คณะโบราณคดี, มหาวิทยาลัยศิลปากร, ๒๕๒๓

ศิลปากร, กรม. คู่มือพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ   

          พ.ศ.๒๕๐๔ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และ  

          พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.๒๕๓๕. พิมพ์ครั้งที่ ๑๐, กรุงเทพ: บริษัท สำนักพิมพ์ 

          สมาพันธ์ จำกัด, ๒๕๔๘

ศิลปากร, กรม. เครื่องถ้วยจากแหล่งเตาเผาจังหวัดบุรีรัมย์. กรุงเทพ: บริษัท หิรัญพัฒน์ จำกัด, ๒๕๓๒

ศิลปากร, กรม. เซระมิคส์ในประเทศไทย ชุดที่ ๔ เตาบ้านกรวด บุรีรัมย์. กรุงเทพ:

          โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด, ๒๕๓๒

ศิลปากร, กรม. โบราณคดีวิเคราะห์ ๒ เครื่องถ้วยบุรีรัมย์และเครื่องถ้วยสุโขทัย. กรุงเทพ:

          โรงพิมพ์ดอกเบี้ย, ๒๕๓๙

คุณกมลวรรณ นิธินันทน์ นักโบราณคดีปฏิบัติการ อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง เอื้อเฟื้อภาพประกอบ

http://www.oknation.net/blog/voranai/2011/12/11/entry-1

http://kanchanapisek.or.th/kp6/sub/book/book.php?book=22&chap=2&page=t22-2- 

          infodetail11.html

http://hoainiemtayninh.blogspot.com/2015/07/en-bayon-campuchia.htmlhttps://www.backstreetacademy.com/blog/5-national-geographic-documentaries-we-would-

          love-to-see-in-southeast-asia/

http://www.chinaonlinemuseum.com/ceramics-song.php          

(จำนวนผู้เข้าชม 12792 ครั้ง)