...

ประเพณีลอยโขมด
ประเพณีลอยโขมดเป็นประเพณีที่ชาวบ้านต้นธง ต.ต้นธง อ.เมือง จ.ลำพูน รวมถึงชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียง จัดขึ้นในช่วงยี่คืนวันเพ็ญในเดือนยี่เป็ง หรือเพ็ญเดือนสิบสอง  ชาวบ้านจะมีการนำกาบกล้วยมาทำเป็นกระทงทรงกระโจมสำหรับใส่สิ่งของต่างๆ ลอยไปตามลำน้ำกวงบริเวณหน้าวัดรมณียาราม หรือวัดกู่ระมัก ในเวลากลางคืนพร้อมทั้งจุดเทียนไปในกระทงนั้นด้วย ทำให้เกิดแสงแวววาวกระทบกับผิวน้ำในคืนวันเพ็ญคล้ายกับดวงไฟของผีโขมด ซึ่งผีโขมดนี้ เป็นชื่อเรียก ผีป่า ที่ออกหากินในเวลากลางคืน มีพะเนียงไฟมองเห็นเป็นระยะอย่างผีกระสือ ชาวล้านนา จึงเรียกว่า ลอยโขมด 
+++ประเพณีการลอยโขมดเชื่อว่ามีต้นเค้ามาจากตำนานจามเทววีวงศ์ พงศาวดารเมืองหริภุญไชย และชินกาลมาลีนี ที่แต่งขึ้นในสมัยล้านนา กล่าวถึงการลอย “ขาทนียโภชนียาหาร” ตามน้ำลงไปทางใต้ ในตำนานกล่าวถึงเหตุการณ์หลังจากพระเจ้ากมลราชกษัตริย์พระองค์หนึ่งในนครหริภุญไชย ได้เกิดโรคระบาด (อหิวาตกโรค) ชาวนครหริภุญไชยจึงได้ย้ายไปอาศัยอยู่เมืองสุธรรมนคร หรือเมืองสุธรรมวดี(สะเทิม) แล้วจึงย้ายไปอาศัยในเมืองหงษาวดีราว ๖ ปี ต่อมาเมื่อโรคระบาดหายแล้ว ชาวนครหริภุญไชยบางส่วนได้เดินทางกลับมายังที่เดิม บางส่วนก็สมัครใจที่จะอาศัยอยู่ในเมืองหงษาวดี  เมื่อกลับมาแล้วต่างอาลัยถึงญาติพี่น้องที่อาศัยอยู่ทางนั้นจึงได้แต่งเครื่องสักการะลอยไปในแม่น้ำเพื่อเป็นการระลึกถึงชาวนครหริภุญไชยที่อาศัยอยู่หงษาวดี ในตำนานยังกล่าวไว้ด้วยว่าเป็นจารีตที่ปฏิบัติมาจนถึงปัจจุบัน บางแห่งได้มีการทำเป็นรูปแบบของกระทงเป็นรูปสำเภา หรือสะเปา ในภาษาถิ่นภาคเหนือใส่เครื่องบูชาและจุดประทีบดวงไฟเช่นเดียวกัน  
สำหรับประเพณีลอยโขมด ตำบลต้นธง ครั้งที่ ๖ จัดขึ้นที่ท่าน้ำวัดรมณียาราม หรือวัดกู่ระมัก ต.ต้นธง อ.เมือง จ.ลำพูน จัดขึ้นในวันที่ ๖-๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ ในกิจกรรมจะมีการบรรยายและสาธิตให้ความรู้เกี่ยวกับการทำโขมด การก่อเจดีย์ทราย การทำประตูป่า และจะขบวนแห่โขมดหลวงและพิธีลอยโขมดในช่วงค่ำของวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ 
+++++
อ้างอิง 
-พระโพธิรังสี. จามเทวีวงศ์ พงศาวดารเมืองหริภุญไชย. นนทบุรี: ศรีปัญญา, ๒๕๕๔.
-ทองทวี ยศพิมสาร. ฮีตคนเมือง ฉบับสัปป๊ะเรื่องเมืองล้านนา. ลำพูน: ณัฐพลการพิมพ์, ๒๕๕๓. 
-สงวน โชติสุขรัตน์. ประเพณีไทยภาคเหนือ. (พิมพ์ครั้งที่ ๓) นนทบุรี: ศรีปัญญา, 25๕๓.
-สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดลำพูน. (๒๕๕๙). ประเพณีลอยโขมดบ้านต้นธงประจำปี ๒๕๕๙. สืบค้นเมื่อ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๓.จาก https://www.m-culture.go.th/lamphun/ewt_news.php?nid=540.







(จำนวนผู้เข้าชม 6302 ครั้ง)


Messenger