“วันต้นไม้แห่งชาติ”
ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 นอกจากจะเป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนาอย่างวันวิสาขบูชาแล้ว ยังเป็น “วันต้นไม้แห่งชาติ” ด้วย โดยวันต้นไม้แห่งชาติ มีขึ้นเพื่อให้ประชาชนร่วมกันปลูกต้นไม้เพิ่มพูนทรัพยากรทางธรรมชาติของประเทศ และของโลก กำหนดให้ตรงกับวันวิสาขบูชา เนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงระยะเริ่มต้นของฤดูฝนที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของต้นกล้าที่เพิ่งปลูก ในโอกาสนี้ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ ขอนำเสนอเรื่อง “ต้นจันพระนารายณ์” ต้นไม้ที่ยืนต้นอยู่คู่วังมาเมื่อครั้งแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
.............................................................................
ใต้ร่มจันรุกขมรดกสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
.............................................................................
“ในบริเวณพระที่นั่งสมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงปลูกพันธุ์ดอกไม้ด้วยพระองค์เอง ตรงหน้าพระที่นั่งปลูกต้นส้ม มะนาว และพันธุ์ไม้ในประเทศอย่างอื่น มีใบดกหนาทึบ แม้ยามแดดร้อนตะวันเที่ยงก็ร่มรื่นอยู่เสมอ”
คำบรรยายถึงพระที่นั่งสุทธาสวรรย์ ณ พระนารายณ์ราชนิเวศน์ โดย นิโกลาส์ แชร์แวส ชาวฝรั่งเศส
.............................................................................
แม้ว่าในปัจจุบันต้นไม้ที่สมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงปลูกด้วยพระหัตถ์จะไม่หลงเหลือให้เห็นแล้ว แต่ที่พระนารายณ์ราชนิเวศน์ยังมีต้นไม้สำคัญหนึ่งต้นที่ยืนต้นมาอย่างยาวนาน ผ่านการเปลี่ยนแปลงของพระราชวังแห่งนี้มาตลอดระยะเวลากว่า 300 ปี
#ต้นจันพระนารายณ์ ยืนต้นอยู่ในเขตพระราชฐานชั้นกลางของพระนารายณ์ราชนิเวศน์ อยู่ด้านหน้าแนวกำแพงเตี้ย ๆ ด้านหน้าพระที่นั่งจันทรพิศาล ใกล้กับประตูวังด้านข้างที่มีทางออกไปสู่บ้านหลวงรับราชทูต หรือที่รู้จักกันในนาม บ้านวิชาเยนทร์ จากการศึกษาเพื่อกำหนดอายุของต้นจันพบว่า ต้นจันต้นนี้มีอายุมากกว่า 300 ปี ซึ่งถือได้ว่าเป็นต้นไม้เก่าแก่ที่ร่วมสมัยกับแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
ต้นจันเป็นไม้ยืนต้น เรือนยอดเป็นทรงกลมหรือทรงกระสวย หนาทึบ ลำต้นตรง เปลือกต้นเรียบ สีน้ำตาลอมเทาหรือดำแตกเป็นสะเก็ด ส่วนกิ่งอ่อน ยอดอ่อนจะมีขนสีน้ำตาลปกคลุม และมีกิ่งก้านเหนียว เป็นต้นไม้ที่เจริญเติบโตช้า และเป็นผลไม้ที่มีลักษณะพิเศษคือ ต้นเดียวกันแต่สามารถออกผลได้ 2 แบบ คือ ผลกลมแป้น มีรอยบุ๋มตรงกลางผล ไม่มีเมล็ดหรือเป็นเมล็ดลีบ เรียกว่า #ลูกจัน อีกแบบหนึ่งมีลักษณะเป็นผลกลมหนา และไม่มีรอยบุ๋ม มีเมล็ด 2 – 3 เมล็ด เรียกว่า #ลูกอิน
บริเวณแห่งนี้เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ร่วมเป็นพยานสำคัญในเหตุการณ์ช่วงปลายรัชกาลของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชที่เกิดความไม่สงบภายในหลายประการจากการแย่งชิงอำนาจของขุนนางกลุ่มต่าง ๆ ในราชสำนัก หนึ่งในนั้นคือเหตุการณ์การจับกุมออกญาวิชาเยนทร์ หรือ คอนสแตนติน ฟอลคอน ขณะที่ออกญาวิชาเยนทร์นั่งเสลี่ยงจากที่พักอาศัยที่อยู่ไม่ไกลจากพระราชวังนัก เมื่อผ่านประตูวังเข้ามาได้ถูกจับกุมโดยทหารของพระเพทราชา และถูกนำไปสำเร็จโทษ อันถือเป็นเหตุการณ์สำคัญที่พลิกขั้วอำนาจทางการเมืองให้ไปอยู่ที่กลุ่มของขุนนางฝ่ายพระเพทราชาเพียงกลุ่มเดียว
นอกจากจะเป็นต้นไม้ใหญ่ที่ยืนยงอยู่คู่พระราชวังแห่งเมืองละโว้ผ่านกาลเวลามากว่า 300 ปี และยังให้ร่มเงาแก่ทั้งเจ้าหน้าที่ รวมทั้งนักท่องเที่ยวที่มาเยือนพระนารายณ์ราชนิเวศน์แล้ว ในพุทธศักราช 2560 เมื่อคราวเปลี่ยนแผ่นดินในราชวงศ์จักรีสู่แผ่นดินในรัชกาลที่ 10 กระทรวงวัฒนธรรมได้มีการสำรวจต้นไม้ใหญ่ที่ทรงคุณค่าทั่วประเทศและได้คัดเลือกต้นไม้ใหญ่จำนวน 65 ต้น และประกาศให้ต้นไม้เหล่านั้นเป็น “รุกข มรดกของแผ่นดิน ใต้ร่มพระบารมี” ซึ่ง “ต้นจันพระนารายณ์” เป็นหนึ่งในต้นไม้ใหญ่ที่ทรงคุณค่าในโอกาสนี้ด้วย
.............................................................................
อ้างอิง
กรมศิลปากร. หนังสือนำชมพระนารายณ์ราชนิเวศน์. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ : บริษัท นะรุจ จำกัด, 2560.
_________.ต้นไม้ใหญ่ ในแผ่นดินถิ่นประวัติศาสตร์ลพบุรี. กรุงเทพฯ : บริษัท โรงพิมพ์รตนพร จำกัด, 2561.
กระทรวงวัฒนธรรม. รุกข มรดกของแผ่นดิน ใต้ร่มพระบารมี. เข้าถึงได้จาก : http://tree.culture.go.th/mobile/index.html#p=1
นิโกลาส์ แชร์แวส. ประวัติศาสตร์ธรรมชาติและการเมืองแห่งราชอาณาจักรสยาม : ในแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช. สันต์ ท. โกมลบุตร แปล. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์ก้าวหน้า, 2506.
.............................................................................
เรียบเรียงโดย นางสาววสุนธรา ยืนยง นักวิชาการวัฒนธรรม
(จำนวนผู้เข้าชม 1449 ครั้ง)