ปราสาทสด๊กก๊อกธม

ปราสาทสด๊กก๊อกธม ตั้งอยู่บ้านหนองหญ้าแก้ว หมู่ที่ 9 ตำบลโคกสูง อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว อยู่ห่างจากชายแดนประเทศไทย - ประเทศกัมพูชา เป็นระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร

เดิมเรียกว่า “ปราสาทเมืองพร้าว” ต่อมาเรียกว่า “ปราสาทสด๊อกก๊อกธม” และ “ปราสาทสด๊กก๊อกธม” คำว่า “สด๊กก๊อกธม” เป็นภาษาเขมร คำว่า “สด๊ก” มาจากคำว่า “สด๊อก” แปลว่า รก ทึบ คำว่า “ก๊อก” แปลว่า ต้นกก และคำว่า “ธม” แปลว่า ใหญ่ ดังนั้น “สด๊กก๊อกธม” จึงแปลว่า รกไปด้วยต้นกกขนาดใหญ่

ศาสนสถานแห่งนี้สร้างขึ้นในปี พุทธศักราช 1595 รัชสมัยพระเจ้าอุทัยทิตยวรมันที่ 2 (พุทธศักราช1593- 1609) เพื่อประทานแด่พระราชครูที่ลาสิกขาจากสมณเพศที่มีนามว่า “ศรีชเยนทรวรมัน”หรือ นามเดิมว่า “สทาศิวะ”โดยที่พระครูผู้นี้มีศักดิ์เป็นพระชามาดาของพระเจ้าสูรยวรมันที่ 1 อีกทั้งยังเป็นผู้ประกอบพิธีบรมราชาภิเษกถวายแด่ พระเจ้าอุทัยทิตยวรมันที่ 2

ปราสาทสด๊กก๊อกธม มีรูปแบบสถาปัตยกรรมเขมร ประกอบด้วยอาคารสำคัญ คือ ปราสาทประธาน บรรณาลัย 2 หลัง ล้อมรอบด้วยระเบียงคดและกำแพงแก้ว อาคารทั้งหมดก่อสร้างด้วยหินทรายและศิลาแลง ซึ่งตกแต่งพื้นผิวในพื้นที่สำคัญด้วยการแกะสลักลวดลายลงบนเนื้อหินเป็นภาพเล่าเรื่องราวในศาสนาพราหมณ์ฮินดูและลายพันธุ์พฤกษาเทียบเคียงได้กับศิลปกรรมในวัฒนธรรมเขมรโบราณ แบบคลังผสมกับบาปวน กำหนดอายุได้ในช่วงปลายพุทธศตวรรษที่ 16 สร้างขึ้นเนื่องในศาสนาพราหมณ์ลัทธิไศวนิกาย ศิลปะขอมแบบคลัง - บาปวน

ปราสาทสด๊กก๊อกธม แปลว่า ปราสาทใหญ่ที่มีต้นกกขึ้นรกรุงรัง ก่อด้วยหินและศิลาแลง หันไปทางทิศตะวันออก ปราสาทประธาน ตามจารึกกล่าวว่าประดิษฐาน “แท่นศิวลึงค์” และ “ฐานโยนี” สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 15 เพื่อใช้ประดิษฐานรูปเคารพและใช้ประกอบพิธีกรรมตามคติความเชื่อถือในลัทธิศาสนาฮินดู

ปราสาทสด๊กก๊อกธมสร้างตามลักษณะศิลปะเขมร ผังของปราสาทหันหน้าไปทางทิศตะวันออก มี “บาราย” ขนาดใหญ่อยู่ด้านหน้า เชื่อมต่อด้วย ทางดำเนินประดับด้วย “เสานางเรียง” มีซุ้มประตู “โคปุระ” และอาคารมีอาคารระเบียงคดสร้างจากหินทรายและศิลาแลงล้อมรอบปราสาทชั้นในไว้

มีการค้นพบศิลาจารึก 2 หลัก จารึกด้วยอักษรขอมโบราณ เป็นหลักฐานสำคัญที่บ่งบอกถึงอายุการสร้าง ตลอดจนบอกถึงวัตถุประสงค์ของการสร้าง โดยจารึกสด๊กก๊อกธมหลักที่ 2 เป็นจารึกที่สำคัญที่มีการกล่าวถึงลำดับรายพระนามพระมหากษัตริย์เขมรสมัยเมืองพระนครถึงพระเจ้าอุทัยทิตยวรมันที่ 2

กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ได้ขึ้นทะเบียนโบราณสถานปราสาทสด๊กก๊อกธมครั้งแรก ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 52 วันที่ 8 มีนาคม 2478 ต่อมาได้กำหนดเขตพื้นที่โบราณสถานประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 114 ตอนพิเศษ 81 ง วันที่ 15 กันยายน 2540 รวมพื้นที่โบราณสถาน 641 ไร่ 2 งาน 82 ตารางวา

การจัดตั้งเป็นอุทยานประวัติศาสตร์

  1. กรมศิลปากรได้อนุรักษ์ปราสาทสด๊กก๊อกธม ตั้งแต่ พุทธศักราช 2536 - 2557 ตามหลักการอนุรักษ์และบูรณะโดยวิธีอนัสติโลซิส บนพื้นฐานของงานโบราณคดี
  2. ดำเนินการปรับปรุงภูมิทัศน์เบื้องต้น เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว โดยมีลานจอดรถ ห้องสุขา ซุ้มจำหน่ายของที่ระลึก ระบบน้ำ ระบบไฟ และดูแลความสะอาดภายในบริเวณปราสาท
  3. ปราสาทสด๊กก๊อกธมเริ่มเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมโบราณสถานมากขึ้นโดยเฉพาะตั้งแต่ปี พุทธศักราช 2557 - 2558 โดยเฉลี่ย 3,000 คน/เดือน   ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย ซึ่งยังมิได้เก็บค่าธรรมเนียมเข้าชม
  4. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้สื่อสารประชาสัมพันธ์ปราสาทสด๊กก๊อกธม เชื่อมโยงกับปราสาทบันทายฉมาร์ และปราสาทบันทายทัพ ราชอาณาจักรกัมพูชา ผ่านทางรายการเดินหน้าประเทศไทยกับทูตานุทูต 22 ประเทศ ทั้งในอาเซียน ยุโรป ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และอเมริกา
  5. สำนักศิลปากรที่ 5 ปราจีนบุรี ได้ดำเนินการประสานจังหวัดสระแก้วตั้งคณะกรรมการพัฒนาเพิ่มศักยภาพโบราณสถานปราสาทสด๊กก๊อกธมให้เป็นแหล่งเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมสู่อาเซียน เพื่อเตรียมรายละเอียดในการจัดทำแผนแม่บท แผนปฏิบัติการ บริหารจัดการและปรับภูมิทัศน์เป็นอุทยานประวัติศาสตร์แห่งใหม่ ซึ่งมีมติที่ประชุมแล้ว เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2559
  6. สำนักศิลปากรที่ 5 ปราจีนบุรี ได้รับอนุมัติงบประมาณจากกรมศิลปากรเพื่อปรับสภาพภูมิทัศน์ในปีงบประมาณ พุทธศักราช 2560 จำนวน 10 ล้านบาท
  7. งบท่องเที่ยวของกลุ่มจังหวัด เพื่อสร้างอาคารนิทรรศการ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ

(จำนวนผู้เข้าชม 1051 ครั้ง)

Messenger