รายการโบราณวัตถุชิ้นสำคัญ
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ขอนแก่น
คัดสรรทั้งสิ้น ๑๕ รายการ ดังนี้
กลุ่มประติมากรรมใบเสมาในวัฒนธรรมทวารวดี
๑.
ใบเสมาหินทรายจำหลัก
จำหลักภาพพุทธประวัติ ตอน พิมพาพิลาป
ศิลปะทวารวดี ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๕-๑๖
ทำจากหินทราย สูง ๑๙๐ ซม. กว้าง ๖๘ ซม. หนา ๒๓.๕ ซม.
พบได้จากการขุดค้นที่เมืองฟ้าแดดสงยาง บ้านเสมา ตำบลหนองแปน อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์
สลักภาพเล่าเรื่องไว้ที่ด้านหน้าเพียงด้านเดียว จำหลักภาพนูนต่ำ เรื่องราวของพุทธประวัติ เมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้าเสด็จกรุงกบิลพัสดุ์เพื่อโปรดพระบิดาและประยูรญาติ เหตุการณ์ในภาพสันนิษฐานว่าเป็นเหตุการณ์ตอนที่พระพุทธองค์เทศนาโปรดพระนางยโสธราหรือพระนางพิมพาที่พระตำหนัก พระนางยโสธราได้แสดงความเคารอย่างสูงด้วยการสยายพระเกศาเช็ดพระบาทพระพุทธองค์ โดยการสยายพระเกศารองรับพระบาทของพระพุทธเจ้านั้น คือการแสดงความเคารพสูงสุดในวัฒนธรรมอินเดียโบราณ เป็นโบราณวัตถุชิ้นเยี่ยม(Master piece) ชิ้นหนึ่งของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ขอนแก่น
๒.
ใบเสมาหินทรายจำหลัก
จำหลักภาพพุทธประวัติ ตอน ราหุลกุมารทูลขอราชสมบัติ
ศิลปะทวารวดี พุทธศตวรรษที่ ๑๔ - ๑๖
ทำจากหินทราย สูง ๑๖๐ ซม. กว้าง ๗๔ ซม. หนา ๒๔ ซม.
พบได้จากการขุดค้นที่เมืองฟ้าแดดสงยาง บ้านเสมา ตำบลหนองแปน อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์
จำหลักภาพนูนต่ำ สันนิษฐานว่าเป็นพุทธประวัติ ตอน พระราหูลทูลขอพระราชสมบัติจากพระพุทธเจ้า ลักษณะพระพุทธรูปยืนในท่าตริภังค์ (ยืนเอียงตน) แสดงความอ่อนช้อยอันเป็นลักษณะที่ได้แรงบันดาลใจจากศิลปะอินเดีย
๓.
ใบเสมาหินทรายจำหลัก
จำหลักภาพชาดก ตอน กุลาวกชาดก
ศิลปะทวารวดี พุทธศตวรรษที่ ๑๕ - ๑๖
ทำจากหินทราย สูง ๘๓ ซม. กว้าง ๙๒ ซม. หนา ๒๑ ซม.
พบได้จากการขุดค้นที่เมืองฟ้าแดดสงยาง บ้านเสมา ตำบลหนองแปน อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์
จำหลักภาพนูนต่ำ ชาดก ตอน พระพุทธเจ้าเสวยชาติเป็นมาฆะมานพ ชายหนุ่ม ผู้หมั่นสร้างบุญกุศลร่วมกับภรรยา คือ นางสุจิตรา สุธรรมมา สุนันทา ส่วนนางสุชาดา ภรรยาอีกนางหนึ่ง ไม่ได้ร่วมสร้างกุศลใดๆเมื่อนางสิ้นชีวิตจึงไปเกิดเป็นนกยาง ในขณะที่มาฆะมานพพร้อมภรรยาทั้งสามเมื่อสิ้นชีวิตได้ไปเกิดเป็นพระอินทร์และเทพธิดาบนสวรรค์
๔.
ใบเสมาหินทรายจำหลัก
จำหลักภาพชาดก เรื่อง เวสสันดรชาดก
ศิลปะทวารวดี พุทธศตวรรษที่ ๑๔ - ๑๖
ทำจากหินทราย สูง ๑๕๐ ซม. กว้าง ๘๐ ซม. หนา ๒๔ ซม.
พบได้จากการขุดค้นที่เมืองฟ้าแดดสงยาง บ้านเสมา ตำบลหนองแปน อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์
จำหลักภาพนูนต่ำ หนึ่งในทศชาติชาดก พระชาติสุดท้ายของพระโพธิสัตว์ก่อนที่จะบรรลุเป็นพระสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยพระพุทธเจ้าเสวยชาติเป็นเจ้าชายเวสสันดรและได้ทรงบำเพ็ญทานบารมี ใบเสมาสลักเป็นตอนที่พระเวสสันดรชาดกทรงสนทนากับพระนางมัทรี โดยมีกัณหาและชาลีบรรทมอยู่
๕.
ใบเสมาหินทรายจำหลัก
ศิลปะทวารวดี พุทธศตวรรษที่ ๑๔ - ๑๖
ทำจากหินทราย สูง ๑๖๙ ซม. กว้าง ๘๕ ซม. หนา ๒๐ ซม.
พบได้จากการขุดค้นที่เมืองฟ้าแดดสงยาง บ้านเสมา ตำบลหนองแปน อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์
จำหลักภาพนูนต่ำ พุทธประวัติ ตอน โสตถิยพราหมณ์ถวายหญ้าคา โสตถิยพราหมณ์เป็นชายตัดหญ้า ได้พบกับพระพุทธเจ้าแล้วเกิดความศรัทธา จึงถวายหญ้าคาจำนวน ๘ กำ และพระพุทธเจ้าได้ทรงปูรองเป็นอาสนะประทับบำเพ็ญเพียรใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์
กลุ่มประติมากรรมพระโพธิสัตว์และเทวรูปในวัฒนธรรมขอม
๑.
พระวัชรธร
ศิลปะลพบุรี แบบบายน พุทธศตวรรษที่ ๑๘
ทำจากหินทราย หน้าตักกว้าง ๓๗ ซม. สูง ๕๗ ซม.
พบจากการขุดแต่งกู่สันตรัตน์ บ้านกู่โนนเมือง ตำบลกู่สันตรัตน์ อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม
พระวัชรธรเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในบางนิกายของมหายาน ถือว่าเป็นองค์อาทิพุทธหรือผู้ให้กำเนิดพระพุทธเจ้าองค์อื่น สลักเป็นรูปเทพบุรุษประทับนั่งขัดสมาธิราบบนฐานกลีบบัว พระหัตถ์ขวาทรงถือวัชระพระหัตถ์ซ้ายถือกระดิ่ง โดยหันทางส่วนด้ามที่ทำเป็นรูปกลีบบัวออกมาข้างหน้า พระหัตถ์ทั้งสองซ้อนกันอยู่ระดับพระนาภี(สะดือ) สวมกุณฑล(ตุ้มหู) และศิราภรณ์ทรงมงกุฎมีกระบังหน้า มักพบประดิษฐานอยู่ใน
อโรคยศาลหรือโรงพยาบาลสมัยโบราณ ร่วมสมัยกับศิลปะเขมรแบบบายน
๒.
พระพุทธรูปนาคปรก
ศิลปะลพบุรี พุทธศตวรรษที่ ๑๘
ทำจากหิทราย หน้าตักกว้าง ๔๖ ซม. สูง ๑๐๐ ซม.
พบจากการขุดแต่งกู่สันตรัตน์ บ้านกู่โนนเมือง ตำบลกู่สันตรัตน์ อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม
พระพุทธรูปนาคปรกประทับนั่งบนขนดนาค ๓ ชั้น ปลายสอบเข้าหากันด้านล่าง ด้านหลังเศียรพระพุทธองค์มีนาคแผ่พังพาน ๗ เศียร พระพุทธรูปสวมเทริดกระบังหน้าลายพรรณพฤกษา มีทรงกรวยทรงสูงครอบอุษณีษะ ประทับนั่งขัดสมาธิราบ (พระหัตถ์ทั้งสองข้างหักหายไป แต่ยังมีร่องรอยของการประสานพระหัตถ์อยู่เหนือพระเพลา) ลักษณะศิลปะขอมแบบบายน
๓.
เทวรูปพระศิวะ
ศิลปะลพบุรี แบบนครวัด พุทธศตวรรษที่ ๑๗
ทำจากหินทราย สูง ๑๗๕ ซม. ฐาน ๓๘ ซม.
พบจากการขุดแต่งกู่น้อย เมืองนครจำปาศรี บ้านโพธิ์ทอง ตำบลพระธาตุ อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม
พระศิวะหรือพระอิศวร เป็นเทพของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ผู้มีหน้าที่ทำลายโลกเพื่อให้เกิดการสร้างขึ้นใหม่ เป็นเทพสูงสุดในลัทธิไศวนิกาย มีพระเนตรที่สามกลางพระนลาฏ พระพักตร์ขรึม มีไรพระมัสสุ สวมกุณฑล(ตุ้มหู) สวมกรองศอ สวมเทริดกรอบกระบังหน้าลายพรรณพฤกษา มีกรวยทรงกระบอกครอบอุษณีษะ ลักษณะการนุ่งผ้าสั้น มีชายห้อยรูปคล้ายหางปลา ๒ ชั้น ร่วมสมัยกับศิลปะเขมรแบบบาปวนและแบบนครวัด
๔.
พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร
ศิลปะแบบคลังร่วมสมัยบาปวน พุทธศตวรรษที่ ๑๗-๑๘
ทำจากสำริด สูง ๓๐ ซม.
พบที่กู่น้อย เมืองนครจำปาศรี อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม
พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร เป็นประติมากรรมรูปบุคคล ถือดอกบัว หรือหม้อน้ำ มีรูปพระพุทธเจ้าอมิ-ตาภะอยู่บนมุ่นมวยผม เป็นพระโพธิสัตว์ในพุทธศาสนานิกายมหายานแห่งความเมตตากรุณา เป็นผู้คุ้มครองพระพุทธศาสนาอยู่ในยุคปัจจุบัน
๕
พระนารายณ์ทรงครุฑ
ศิลปะแบบคลังร่วมสมัยบาปวน พุทธศตวรรษที่ ๑๘
ทำจากหินทราย สูง ๕๕ ซม. กว้าง ๒๘ ซม.
พบที่กู่แก้ว บ้านหัวสระ ตำบลดอนช้าง อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น
เทวรูปพระนารายณ์ เป็นเทพของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู เทพผู้มีหน้าที่ในการปกป้องและคุ้มครองโลก เป็นเทพสูงสุดในลัทธิไวษณพนิกาย จะอวตารลงมาปราบทุกข์เข็ญเมื่อยามโลกเดือดร้อน ประทับนั่งบนหลังครุฑซึ่งเป็นพาหนะของพระนารายณ์
กลุ่มพระพิมพ์ในวัฒนธรรมทวาราวดี
๑.
พระพิมพ์ดินเผา
ศิลปะทวาราวดี ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๔-๑๕
ทำจากดินเผา สูง ๑๕ ซม. กว้าง ๗.๕ ซม.
พบจากการขุดแต่งโบราณสถาน ในบริเวณที่ดินของนายทองดิน ปะวะภูตา บ้านนาดูน อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม
พระพิมพ์ดินเผารูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ด้านหน้าทำเป็นพระพุทธรูปนั่งสมาธิบนฐานบัวคว่ำบัวหงายเหนือบัลลังก์รูปสี่เหลี่ยม แผ่นหลังทำเป็นรูปซุ้มบัลลังก์ สันนาฐานว่าเป็นพระพิมพ์ดินเผาที่แสดงภาพเล่าเรื่องพุทธประวัติ ตอน ยมกปาฏิหาริย์ที่เมืองสาวัตถี ซึ่งเป็นปาฏิหาริย์ตอนหนึ่งที่นิยมทำเป็นพระพิมพ์ดินเผาสมัยทวาราวดีในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะที่เมืองนครจำปาศรี อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม เดิมสร้างเพื่อเป็นอนุสรณ์ในการไปสักการะสังเวชนียสถานทั้ง ๔ ในประเทศอินเดีย ภายหลังมีการสร้างขึ้นเพื่อสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา
๒.
พระพิมพ์ดินเผา
ศิลปะทวาราวดี ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๔-๑๕
ทำจากดินเผา สูง ๘.๓ ซม. กว้าง ๑๓.๕ ซม.
พบจากการขุดแต่งโบราณสถาน ในบริเวณที่ดินของนายทองดิน ปะวะภูตา บ้านนาดูน อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม
พระพิมพ์ดินเผารูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ด้านหน้าทำเป็นภาพพระพุทธองค์ประทับยืนเอียงพระวรกายเล็กน้อยบนฐานบัว พระพักตร์ค่อนข้างกลม พระเกศาขมวดเป็นรูปวงกลม รัศมีทรงบัวตูม ประภามณฑลมีลักษณะคล้ายเปลวไฟ พระหัตถ์ขวาแสดงวิตรรกมุทรา (ปางแสดงธรรม) มีใบไม้แทรกเป็นลายอยู่บนพื้นหลัง ด้านข้างมีรูปบุคคล ๒ คน แต่งกายคล้ายบุคคลชั้นสูงยืนพนมมือหันหน้าเข้าหาพระพุทธองค์ เหนือรูปบุคคลทั้งสองทำเป็นรูปสถูปจำลอง ด้านบนสุดเหนือสถูปทำเป็นรูปวงกลม มีรัศมีโดยรอบ พระพิมพ์ดินเผานี้เป็นรูปแบบหนึ่งที่พบในวัฒนธรรมทวาราวดีในโบราณสถานในเขตอำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม
๓.
พระพิมพ์ดินเผา
ศิลปะทวาราวดี ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๔-๑๕
ทำจากดินเผา สูง ๗.๗ ซม. กว้าง ๗.๓ ซม.
พบจากการขุดแต่งโบราณสถาน ในบริเวณที่ดินของนายทองดิน ปะวะภูตา บ้านนาดูน อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม
พระพิมพ์ดินเผารูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ทำเป็นภาพพระพุทธรูปประทับนั่งสมาธิในแนวตั้งเรียงกัน จำนวน ๙ แถว แถวละ ๖ องค์ รวมทั้งหมด ๕๔ องค์ สร้างขึ้นตามคติเกี่ยวกับพระอดีตพุทธเจ้า
๔.
พระพิมพ์ดินเผา
ศิลปะทวาราวดี ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๔-๑๕
ทำจากดินเผา สูง ๒๒.๕ ซม. กว้าง ๑๔ ซม.
พบที่โบราณสถานอุ่มญาคู เมืองกันทรวิชัย อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม
พระพิมพ์ดินเผาปางสมาธิ มีขนาดค่อนข้างใหญ่ ประทับนั่งขัดสมาธิเพชร อยู่บนฐานบัวหงายที่มีกลีบซ้อนกัน ๒ ชั้น พระองค์ประทับนั่งหลับพระเนตร พระเศียรก้มลงเล็กน้อย พระองค์มีประภามณฑลล้อมรอบคล้ายเปลวไฟมีขอบจีวรพาดผ่านข้อพระกรและพระโสภี ลักษณะทางศิลปะแสดงถึงอิทธิพลของศิลปะปาละแบบอินเดียที่อาจส่งผ่านเข้ามาทางพม่า
๕.
พระพิมพ์ดินเผาปางสมาธิ
ศิลปะทวาราวดี ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๔-๑๕
ทำจากดินเผา สูง ๑๔.๑ ซม. กว้าง ๘.๘ ซม.
พบที่เมืองฟ้าแดดสงยาง บ้านเสมา ตำบลหนองแปน อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์
พระพิมพ์ดินเผารูปทรงโค้งมน ตอนกลางเป็นภาพพระพุทธเจ้านั่งขัดสมาธิราบบนฐานบัว ครองจีวรห่มเฉียงคลุมพระอังสาซ้าย ทาสีแดงบนส่วนที่เป็นจีวรให้เห็นเด่นชัด พระพักตร์มีลักษณะเป็นแบบพื้นเมือง ลักษณะพระพักตร์และพุทธสรีระที่สันทัดสูงโปร่งแสดงถึงความเป็นพื้นเมืองอย่างขัดเจน อาจเป็นรูปแบบพระพิมพ์ดินเผาที่นิยมผลิตขึ้นเฉพาะที่เมืองฟ้าแดดสงยาง เนื่องจากไม่ปรากฏพระพิมพ์ดินเผาลักษณะเดียวกันที่เมืองโบราณแห่งอื่นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
(จำนวนผู้เข้าชม 23341 ครั้ง)