๓ วังบนถนนหน้าพระลาน
๓ วังบนถนนหน้าพระลาน
 
          พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงสถาปนากรุงเทพมหานครเป็นราชธานีใหม่ เมื่อพุทธศักราช ๒๓๒๕ โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระบรมมหาราชวังขึ้นเป็นที่ประทับและที่ว่าราชการโดยมีวัดพระศรีรัตนศาสดารามเป็นพระอารามหลวงประจำพระราชวัง  อาณาบริเวณโดยรอบพระบรมมหาราชวัง  นับได้ว่าเป็นพื้นที่สำคัญและเป็นศูนย์ราชการในมหานครแห่งใหม่  บริเวณพื้นที่ด้านทิศเหนือของพระบรมมหาราชวังที่เรียกกันว่าหน้าพระลาน ต่อเนื่องกับบริเวณท้องสนามหลวง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างวังขึ้นหลายวัง  พระราชทานแด่พระเจ้าลูกเธอและพระเจ้าหลานเธอหลายพระองค์  ซึ่งล้วนทรงมีบทบาทสำคัญต่องานราชการในเวลานั้น โดยมีเจ้านายซึ่งเป็นพระบรมวงศ์ชั้นสูงทรงครองวังและประทับสืบต่อมาหลายพระองค์ถึงชั้นประยูรญาติ  วังที่ตั้งอยู่บริเวณหน้าพระลาน ๓ วัง มักเรียกกันโดยรวมว่า  วังถนนหน้าพระลาน  แบ่งได้ตามชื่ออันเป็นที่เรียกขานหรือรู้จักกันในระยะต่อมาว่า วังท่าพระ (หรือวังหน้าพระลานตะวันตก) วังกลาง และวังตะวันออก
 
          เป็นที่น่าสังเกตว่าเจ้านายผู้ทรงครองวังหลายพระองค์มีพระอัจฉริยภาพและทรงงาน     ด้านการช่างและงานศิลปกรรมแขนงต่าง ๆ ตราบจนในสมัยต่อมาวังทั้งสามเปลี่ยนบทบาทเป็นหน่วยงานราชการ แต่ก็ยังคงสืบทอดความเป็นสถานที่สำคัญทางการศึกษาศิลปวัฒนธรรมของชาติ กล่าวคือ  วังตะวันตกใช้เป็นสถาบันการศึกษาด้านศิลปะ คือ มหาวิทยาลัยศิลปากร วังกลาง และวังตะวันออก คือ ที่ตั้งของกรมศิลปากรในปัจจุบัน
 
 
วังตะวันตก
 
          วังตะวันตกตั้งอยู่ริมถนนหน้าพระลานทางด้านทิศตะวันตก ใกล้ประตูท่าพระ (เดิมเรียก  ท่าช้าง (วังหลวง) เกิดขึ้นเมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑ แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ได้อัญเชิญพระศรีศากยมุนี  พระพุทธรูปขนาดใหญ่จากวัดมหาธาตุ  สุโขทัย มาประดิษฐานที่วัดสุทัศเทพวราราม  โดยอัญเชิญขึ้นที่ท่าน้ำแห่งนี้  จึงเรียกบริเวณนี้ว่า “ท่าพระ”ดังนั้นวังนี้จึงมีชื่อเรียกอีก “วังท่าพระ”ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชทานแด่สมเด็จพระเจ้าหลานเธอ  เจ้าฟ้าฯ กรมขุนกษัตรานุชิต พระราชนัดดา  เป็นที่ประทับจนสิ้นพระชนม์  ต่อมาพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยพระราชทานให้เป็นที่ประทับของพระเจ้าลูกยาเธอ  กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์  ครั้นเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติเป็นพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานให้เป็นที่ประทับของพระราชโอรส ๓ พระองค์  และได้ประทับต่อมาจนสิ้นพระชนม์ตามลำดับ คือ พระองค์เจ้าลักขณานุคุณ  กรมขุนราชสีหวิกรม  และกรมหมื่นอดุลยลักษณสมบัติ  ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๕ จึงได้พระราชทานวังท่าพระให้เป็นที่ประทับของสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์  และเป็นเจ้านายพระองค์สุดท้ายที่ได้ประทับ ณ วังแห่งนี้  ปัจจุบันวังท่าพระเป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยศิลปากร 
 
วังกลาง
 
          วังกลางตั้งอยู่ริมถนนหน้าพระลาน ต่อกับวังท่าพระมาทางด้านทิศตะวันออก พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างวังนี้พระราชทาน  กรมหมื่นศักดิพลเสพ  พระราชโอรส ซึ่งประทับอยู่จนถึงพุทธศักราช ๒๓๖๗ ต่อมาในรัชกาลที่ ๓ ได้ทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบวรราชเจ้า  กรมพระราชวังบวรสถานมงคล  เสด็จไปประทับที่พระราชวังบวรสถานมงคล  วังกลางจึงว่างลงช่วงหนึ่งก่อนที่สมเด็จฯ เจ้าฟ้าอาภรณ์  พระราชโอรสรัชกาลที่ ๒ ถึงคราวเสด็จออกวัง  จึงพระราชทานวังนี้ให้เป็นที่ประทับ  จนถึงพุทธศักราช ๒๓๘๐ วังตะวันออกว่างลง  จึงทรงย้ายมาประทับที่วังตะวันออกแทน  ส่วนวังกลาง รัชกาลที่ ๓ ได้พระราชทานให้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา  กรมพระยาบำราบปรปักษ์  พระอนุชาร่วมพระชนนีกับสมเด็จฯ เจ้าฟ้าอาภรณ์ประทับจนถึงพุทธศักราช ๒๓๙๑  เมื่อสมเด็จฯ เจ้าฟ้าอาภรณ์สิ้นพระชนม์  รัชกาลที่ ๔ โปรดเกล้าฯ ให้รวมวังกลางกับวังตะวันออกเป็นวังเดียวกัน  โปรดเกล้าฯ พระราชทานให้เป็นที่ประทับของสมเด็จฯ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระยาบำราบปรปักษ์  สืบมาจนถึงพุทธศักราช ๒๔๒๙ จึงสิ้นพระชนม์  พระวรวงศ์เธอ  พระองค์เจ้าขจรจรัสวงศ์ กรมหมื่นปราบปรปักษ์  พระโอรสผู้รับผิดชอบงานด้านกรมพระคชบาล และกรมช่างสิบหมู่ ในสมัยรัชกาลที่ ๕ ประทับอยู่มาจนตลอดพระชนมายุ  หลังจากนั้นวังนี้ได้เปลี่ยนแปลงเป็นหน่วยงานด้านช่างสิบหมู่  สังกัดกรมศิลปากร และยังคงใช้เป็นสถานทำงานส่วนต่างๆ ของกรมศิลปากรสืบมาจนถึงปัจจุบัน
 
วังตะวันออก
 
          วังตะวันออกตั้งอยู่ริมถนนหน้าพระลาน ต่อกับวังกลางมาทางด้านทิศตะวันออก  จนถึงมุมถนนหน้าพระธาตุตรงประตูวิเศษไชยศรี ทางเข้าพระบรมมหาราชวัง  ดังนั้นวังนี้จึงมีอีกชื่อหนึ่งว่า วังหน้าประตูวิเศษไชยศรี พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชได้สร้างพระราชทานเป็นที่ประทับของกรมหมื่นเทพพลภักดิ์  พระราชโอรสประทับอยู่จนตลอดพระชนมายุ  สมเด็จฯ เจ้าฟ้าอาภรณ์ประทับอยู่ต่อมา  ภายหลังการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จฯ เจ้าฟ้าอาภรณ์  รัชกาลที่ ๔ โปรดเกล้าฯ ให้ผนวกวังตะวันออกเข้ากับวังกลางเป็นที่ประทับของสมเด็จฯ เจ้าฟ้ามหามาลา  กรมพระยาบำราบปรปักษ์  ตราบจนสิ้นพระชนม์ในปีพุทธศักราช ๒๔๒๙  พระโอรสของพระองค์คือ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าขจรจรัสวงศ์  กรมหมื่นปราบปรปักษ์  ได้ครองวังต่อมาจนสิ้นพระชนม์ในพุทธศักราช ๒๔๔๑ เป็นเจ้านายพระองค์สุดท้ายที่ครองวัง
 
 
 ที่มาของข้อมูล : หนังสือเปิดบ้านศิลปากร (กรมศิลปากร จัดพิมพ์เผยแพร่ เมื่อพุทธศักราช ๒๕๕๕)

(จำนวนผู้เข้าชม 8170 ครั้ง)

Messenger