“รมว.สุดาวรรณ” ปักหมุดเส้นทางล่องเรือ ชมเสน่ห์เจ้าพระยา - ยลวัด - โบราณสถานและจิตรกรรมล้ำค่า

“รมว.สุดาวรรณ” ปักหมุดเส้นทางล่องเรือ ชมเสน่ห์เจ้าพระยา - ยลวัด - โบราณสถานและจิตรกรรมล้ำค่า
 “ล่องคลอง มองศิลป์ ถิ่นธนบุรี” สร้างต้นแบบการท่องเที่ยวทางเรือ
เชื่อมโยงแหล่งมรดกวัฒนธรรมกรุงธนบุรี ดึงดูดนักท่องเที่ยว
ต่อยอดนำทุนทางวัฒนธรรมขับเคลื่อนเศรษฐกิจ - ขับเคลื่อน Soft Power ไทย
             นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า มอบหมายให้กรมศิลปากรจัดโครงการส่งเสริมเส้นทางการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ โครงการ “ล่องคลอง มองศิลป์ ถิ่นธนบุรี” เพื่อสร้างต้นแบบกิจกรรมการท่องเที่ยวทางเรือในมิติด้านศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรมผ่านคุณค่าของโบราณวัตถุโบราณสถาน ศาสนสถาน และวิถีชุมชนของแหล่งมรดกวัฒนธรรมริมคลองโบราณ เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม โดยตระหนักถึงการอนุรักษ์และพัฒนาอย่างยั่งยืน 


              นางสาวสุดาวรรณ กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวและ Soft Power ของไทยให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายไปสู่ระดับนานาชาติ และนโยบายของกระทรวงวัฒนธรรมในการนำทุนทางวัฒนธรรมมาพัฒนาให้เกิดมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ โดยมีเป้าหมายผลักดันให้ประเทศไทยเป็น 1 ใน 25 ประเทศที่มีอิทธิพลด้าน Soft Power ในมิติวัฒนธรรมในปี พ.ศ. 2570 กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมศิลปากร จึงจัดทำโครงการ “ล่องคลอง มองศิลป์ ถิ่นธนบุรี” สร้างเส้นทางท่องเที่ยวทางเรือไปยังโบราณสถานและศาสนสถานสำคัญริมแม่น้ำเจ้าพระยา เชื่อมโยงจากคลองบางกอกใหญ่ – คลองด่าน โดยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงกรุงเทพมหานครและเครือข่ายพัฒนาเมืองและการท่องเที่ยว เข้าร่วมกิจกรรม เริ่มเดินทางจากวัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร วัดอินทารามวรวิหาร วัดอัปสรสวรรค์วรวิหาร วัดนางนองวรวิหาร วัดราชโอรสารามราชวรวิหาร และวัดหงส์รัตนารามราชวรวิหาร ซึ่งล้วนเป็นวัดที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และมีความสวยงามทางสถาปัตยกรรม ที่กรมศิลปากรได้เข้าไปดำเนินการอนุรักษ์และบูรณะ โดยเฉพาะวัดอัปสรสวรรค์ กรมศิลปากรได้ร่วมกับทางวัด จัดทำโครงการบูรณะศาลาการเปรียญ ซึ่งถือเป็นศาลาเครื่องไม้ที่เก่าแก่หลังหนึ่งในกรุงเทพมหานคร สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 โดยก่อนเข้าทำการบูรณะศาลาการเปรียญมีสภาพชำรุดทรุดโทรมเป็นอย่างมากจนไม่สามารถใช้ประกอบกิจกรรมทางศาสนาได้ ปัจจุบันได้มีการบูรณะจนเกือบแล้วเสร็จสมบูรณ์ โดยยึดถือตามรูปแบบสถาปัตยกรรมดั้งเดิม และเสริมความมั่นคงให้เหมาะสมกับการใช้งาน ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ทั้งหมดในปี พ.ศ. 2569

               “นอกจากจะได้สักการะพระพุทธรูปสำคัญของวัดต่าง ๆ แล้ว ยังได้ชมโบราณสถาน งานจิตรกรรมและศิลปกรรมในแบบพระราชนิยม เป็นการเปิดประสบการณ์การท่องเที่ยวมุมมองใหม่ ๆ ซึ่งหน่วยงานที่เข้าร่วมกิจกรรมสามารถนำแนวคิดไปบูรณาการต่อยอด ส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ให้เกิดกิจกรรมอื่น ๆ ชูอัตลักษณ์วัฒนธรรมท้องถิ่น ส่งเสริม สร้างสรรค์ ผลักดันทุนทางวัฒนธรรมไปใช้ประโยชน์ที่ยั่งยืน เกิดการกระจายรายได้ไปยังชุมชนหรือผู้ประกอบการ และเป็นการทำนุบำรุงศาสนสถานอีกด้วย” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าว              ทั้งนี้ “ธนบุรี” เป็นย่านเก่าแก่ที่มีประวัติและพัฒนาการมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ด้วยปัจจัยสำคัญทางภูมิศาสตร์ เมืองธนบุรีได้กลายเป็นศูนย์กลางการปกครองหลังสิ้นสุดกรุงศรีอยุธยา ยังปรากฏร่องรอยพระราชวัง ป้อมปราการ วัด บ้านเรือนต่างๆ โดยมีเส้นทางการคมนาคมที่สำคัญ เช่น คลองบางหลวงหรือคลองบางกอกใหญ่ คลองชักพระ คลองบางกอกน้อย คลองคูเมืองเดิม และคลองด่าน ฯลฯ ซึ่งใช้เป็นเส้นทางสัญจรหลักตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาและกลายเป็นแหล่งที่พำนักตั้งถิ่นฐานของผู้คนที่มีความหลากหลายทางด้านวัฒนธรรมจนก่อเกิดเป็นอัตลักษณ์ของท้องถิ่น นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่มีศักยภาพสามารถเชื่อมโยงพื้นที่ในมิติ ต่าง ๆ ทั้งด้านการคมนาคม ศาสนา ประวัติศาสตร์ วิถีชีวิตและชุมชน สร้างคุณค่าให้มรดกวัฒนธรรมเป็นต้นทุนสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจและพัฒนาประเทศให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนอย่างยั่งยืน
-----------------------------------------------------

วัดอินทารามวรวิหาร 








วัดอัปสรสวรรค์วรวิหาร






วัดนางนองวรวิหาร 





วัดราชโอรสารามราชวรวิหาร





วัดหงส์รัตนารามราชวรวิหาร 




---------------------------------------------

(จำนวนผู้เข้าชม 13 ครั้ง)