...

ขอเชิญสักการะพระพุทธรูปประจำวัน “มงคลพุทธคุณ” เนื่องในเทศกาลปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๖๖

           คติการสร้างพระพุทธรูป เป็นการสร้างขึ้นเพื่อแทนคุณแห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประกอบด้วย พร มหากรุณาธิคุณ (มีคุณด้วยความเมตตากรุณาต่อสัตว์โลก) พระวิสุทธิคุณ (มีคุณด้วยจิตวิสุทธิ์) และพระปัญญาธิคุณ (มีคุณด้วยปัญญา) พระพุทธรูปจึงมิใช่รูปเสมือนจริง แต่สร้างขึ้นตามอุดมคติตามแนวของมหาบุรุษ ผู้บำเพ็ญ บารมีพร้อมสมบูรณ์กอปรด้วยความงาม ตามสุนทรียภาพหรือความรู้สึกถึงความงดงามของช่างฝีมือแต่ละยุคสมัย พระพุทธรูปแต่ละองค์ที่สร้างขึ้น ต่างมีคุณลักษณะเปี่ยมด้วยสรรพสิริสวัสดิมงคลต่าง ๆ อันเป็นเครื่องน้อมนำ ให้พระพุทธศาสนิกชนยึดมั่น ศรัทธาต่อองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นกุศโลบายให้ตรึกถึงพระธรรมที่พระพุทธองค์ ทรงแสดงอันเป็นหนทางพ้นทุกข์ภัยในวัฏสงสาร
           เนื่องในเทศกาลปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๖๖ กรมศิลปากร โดยสำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ได้จัดกิจกรรมพิเศษสักการะพระพุทธรูปประจำวัน โดยมีพระพุทธสิหิงค์ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) เป็นพระประธาน พร้อมด้วยพระพุทธรูปประจำวันอีก ๙ องค์ ซึ่งล้วนมีประวัติความเป็นมายาวนาน และกอปรด้วยพุทธศิลป์อันงดงาม มาประดิษฐานให้ประชาชนสักการบูชา เพื่อความเป็นสิริมคลในวาระแห่งการเริ่มต้นศักราชใหม่ ประกอบด้วย

๑. พระพุทธสิหิงค์
ศิลปะ สุโขทัย-ล้านนา ปลายพุทธศตวรรษที่ ๒๐–๒๑ (๕๐๐-๖๐๐ ปีมาแล้ว)
ประวัติ สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท (วังหน้าพระองค์แรกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์) ทรงอัญเชิญมาจากเมืองเชียงใหม่เมื่อพุทธศักราช ๒๓๓๘ ประดิษฐาน ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
 
          พระพุทธสิหิงค์ พระพุทธรูปสัมฤทธิ์กะไหล่ทอง ประทับขัดสมาธิราบ พระหัตถ์ทั้งสองวางซ้อนกันบน พระเพลาแสดงปางสมาธิ  เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) ตามตำนานพระ พุทธสิหิงค์ได้รับการอัญเชิญไปประดิษฐานเป็นสิริยังพระนครหลวงโบราณหลายแห่ง นับแต่สุโขทัย เชียงใหม่ พระนครศรีอยุธยา ตราบเท่าถึงกรุงรัตนโกสินทร์
 
 
๒. พระพุทธรูปปางถวายเนตร พระพุทธรูปประจำวันอาทิตย์
 
ศิลปะ รัตนโกสินทร์ พุทธศตวรรษที่ ๒๔ (๒๐๐ ปีมาแล้ว) 
ประวัติ สมบัติเดิมของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
 
           พระพุทธรูปปางถวายเนตร อิริยาบถทรงยืนประสานพระหัตถ์ขวาวางไขว้ทับบนพระหัตถ์ซ้ายบริเวณ พระเพลา เหตุการณ์ในสัปดาห์ที่ ๒ หลังจากพระพุทธเจ้าตรัสรู้พระสัมมาสัมโพธิญาณ ทรงยืนอยู่ทางทิศ ตะวันออกเฉียงเหนือของต้นพระศรีมหาโพธิ์ ลืมพระเนตรเพ่งดูต้นไม้ตรัสรู้โดยมิได้กะพริบพระเนตรเป็นเวลา ๗ วัน สถานที่แห่งนั้น เรียกว่า “อนิมิสเจดีย์”
 
๓. พระพุทธรูปปางห้ามสมุทร พระพุทธรูปประจำวันจันทร์
 
ศิลปะ อยุธยา พุทธศตวรรษที่ ๒๒ (๔๐๐ ปีมาแล้ว) 
ประวัติ สมบัติเดิมของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
 
          พระพุทธรูปทรงเครื่องอาภรณ์ปางห้ามสมุทร ทรงยืนยกพระหัตถ์ทั้งสองตั้งขึ้นเสมอพระอุระและหันฝ่า พระหัตถ์ทั้งสองออกด้านนอก แสดงเหตุการณ์พุทธประวัติตอนที่พระพุทธเจ้าไปอาศัยอยู่ในโรงบูชาเพลิงของ ชฎิลอุรุเวลกัสสปริมแม่น้ำเนรัญชรา พระพุทธองค์ทรงบันดาลด้วยอิทธิฤทธิ์ป้องกันไม่ให้น้ำท่วม และทรงทรมานพญานาคที่อาศัยอยู่ในโรงเพลิงให้หมดพิษร้าย เหล่าชฎิลเห็นถึงความอัศจรรย์ในที่สุดก็ยอมเป็นศิษย์ขอ      อุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา
 

๔. พระพุทธรูปไสยาสน์ พระพุทธรูปประจำวันอังคาร
 
ศิลปะ สุโขทัย พุทธศตวรรษที่ ๒๐ (๖๐๐ ปีมาแล้ว)
ประวัติ กรมศิลปากร ซื้อมาจากพิพิธภัณฑ์หม่อมเจ้าปิยะภักดีนาถ สุประดิษฐ์ เมื่อวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙
 
          พระพุทธรูปอิริยาบถบรรทมตะแคงขวา พระหัตถ์ขวารองรับพระเศียรบนพระเขนย (หมอน) ส่วนพระ หัตถ์ซ้ายวางทาบไปกับพระวรกายเบื้องซ้าย พระบาทซ้ายซ้อนทับบนพระบาทขวา พระพุทธรูปอิริยาบถ บรรทมมีปรากฏในพุทธประวัติจากหลายเหตุการณ์ ในประเทศไทยนิยมสร้างพระพุทธรูปไสยาสน์เพียง ๒ เหตุการณ์ คือ ปางโปรดอสุรินทราหูกับปางเสด็จดับขันธปรินิพพาน ส่วนในเหตุการณ์อื่น ๆ มักจะปรากฏใน งานจิตรกรรม
 
 
๕. พระพุทธรูปปางอุ้มบาตร พระพุทธรูปประจำวันพุธ
ศิลปะ ล้านนา พุทธศตวรรษที่ ๒๑-๒๒ (๔๐๐-๕๐๐ ปีมาแล้ว)
ประวัติ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ พระราชทาน เมื่อวันที่ ๑๗ กันยายน พ.ศ.
๒๔๖๙
 
          พระพุทธรูปอิริยาบถยื่นพระกรทั้งสองออกไปโอบรับบาตร ตามเหตุการณ์พระพุทธประวัติ เมื่อ พระพุทธเจ้าเสด็จมาถึงเมืองกบิลพัสดุ์ พระประยูรญาติจัดการรับเสด็จให้ประทับ ณ พระนิโครธารามวิหาร โดย มิได้มีตระกูลหนึ่งตระกูลใดกราบทูลให้รับภัตตาหารบิณฑบาตในเช้าวันรุ่งขึ้นไม่ พระพุทธองค์จึงเสด็จพร้อม พระสาวกเข้ามาบิณฑบาตภายในเมืองเพื่อโปรดเวไนยสัตว์ (ผู้ที่พึงสั่งสอนได้) ตามกิจของสงฆ์ เมื่อพระเจ้าสุทโธทนะทรงทราบจึงเสด็จออกไปอาราธนาพระพุทธเจ้าพร้อมด้วยเหล่าพระสงฆ์สาวกให้เข้าไปกระทำภัตกิจ เสวยภัตตาหารในพระมหามณเฑียร
 
 
๖. พระพุทธรูปปางป่าเลไลย์ พระพุทธรูปประจำวันพุธ กลางคืน (พระพุทธรูปบูชาแทนพระราหู)
ศิลปะ รัตนโกสินทร์ พุทธศตวรรษที่ ๒๔ (๒๐๐ ปีมาแล้ว)
ประวัติ ขุดพบจากกรุในพระอุโบสถวัดบวรสถานสุทธาวาส (วัดพระแก้ววังหน้า) เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๐๗
 
          พระพุทธรูปประทับห้อยพระบาท พระหัตถ์ขวาคว่ำบนพระเพลา สร้างขึ้นตามพระพุทธประวัติเมื่อ คราวภิกษุเมืองโกสัมพี เกิดแตกความสามัคคีกัน แม้พระพุทธองค์จะห้ามปรามอย่างไรก็ไม่เชื่อฟัง จึงทรงเสด็จ จาริกไปอยู่ตามลำพังพระองค์เดียวในป่าที่ชื่อว่าปาลิไลยกะ โดยมีช้างปาลิไลยกะถวายตนเป็นอุปัฏฐาก และ พญาวานรมีกุศลจิตนำรวงผึ้งติดกิ่งไม้มาถวายพระพุทธองค์ พระหัตถ์ซ้ายจึงวางหงายวางบนพระเพลาเป็นกริยาทรงรับ


๗. พระพุทธสิหิงค์จำลอง (ปางสมาธิ) พระพุทธรูปประจำวันพฤหัสบดี
ศิลปะ รัตนโกสินทร์ ปลายพุทธศตวรรษที่ ๒๔-ต้นพุทธศตวรรษที่ ๒๕ (ประมาณ ๑๕๐ ปีมาแล้ว) ประวัติ เป็นของอยู่ในพระที่นั่งพุทไธสวรรย์มาแต่เดิม
 
          พระพุทธรูปประทับขัดสมาธิราบพระหัตถ์ทั้งสองวางซ้อนกันบนพระเพลาแสดงปางสมาธิ มีความหมายถึงพุทธประวัติเหตุการณ์ที่พระโพธิสัตว์ได้รับหญ้าคา ๘ กำ จากพราหมณ์มาปูลาดบนรัตนบัลลังก์เบื้อง ตะวันออกแห่งต้นพระศรีมหาโพธิ์ แล้วทรงนั่งขัดสมาธิ พระหัตถ์วางหงายซ้อนกันบนพระเพลา เจริญสมาธิและ ทรงตั้งปณิธานว่าหากไม่บรรลุพระโพธิญาณจะไม่ลุกขึ้น
 
 
๘. พระพุทธรูปปางรำพึง พระพุทธรูปประจำวันศุกร์
ศิลปะ อยุธยา พุทธศตวรรษที่ ๒๑ (๕๐๐ ปีมาแล้ว)
ประวัติ ขอยืมมาจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา
 
          พระพุทธรูปยืนไขว้พระหัตถ์ทั้งสองข้างทับกันบริเวณพระอุระ แสดงเหตุการณ์ตามพุทธประวัติเมื่อครั้ง พระพุทธองค์ทรงรำพึงปริวิตกว่าพระธรรมที่ทรงตรัสรู้นั้น จะไม่สามารถเผยแผ่แก่สรรพสัตว์ให้เข้าใจได้โดยง่าย ท้าวสหัมบดีพรหมจึงมาเข้าเฝ้าพระพุทธองค์และกราบทูลอาราธนาให้พระองค์ทรงแสดงธรรมแก่สรรพสัตว์ พระพุทธองค์ทรงพิจารณาถึงความแตกต่างของเหล่าสรรพสัตว์เปรียบกับดอกบัว ๓ เหล่า และมีพระประสงค์ที่ จะเผยแผ่พระธรรมต่อไป
 

๙. พระพุทธรูปปางนาคปรก พระพุทธรูปประจำวันเสาร์
ศิลปะ รัตนโกสินทร์ พุทธศตวรรษที่ ๒๔ (๒๐๐ ปีมาแล้ว) 
ประวัติ สมบัติเดิมของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
 
          พระพุทธรูปประทับขัดสมาธิราบเหนือขนดนาค ๔ ชั้น เบื้องพระปฤษฎางค์เป็นลำตัวพญานาค ๗ เศียร แผ่พังพานปกเหนือพระเศียร ปางนาคปรก เหตุการณ์พุทธประวัติภายหลังจากตรัสรู้ในสัปดาห์ที่ ๖ พระ พุทธองค์เสด็จไปประทับบำเพ็ญสมาบัติ ณ ร่มไม้จิก (มุจลินทพฤกษ์) ขณะนั้นฝนได้ตกพรำอยู่ตลอด ๗ วัน พญานาคตนหนึ่งชื่อมุจลินทนาคราชอาศัยอยู่ในสระใหญ่ใกล้ ๆ ที่นั้น ได้ขึ้นมาแผ่พังพานและขดกายล้อมพระ สัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ให้ถูกหมอกน้ำค้าง ลมและน้ำฝน  กระทั่งฝนหยุดตกจึงแปลงกายเป็นมาณพเข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้า
 
 
๑๐. พระหายโศก ปางสมาธิเพชร (พระพุทธรูปบูชาแทนพระเกตุ)
ศิลปะ ล้านนา พุทธศตวรรษ ๒๑ (๕๐๐ ปีมาแล้ว)
ประวัติ กรมพระราชพิธีส่งมาจากพระที่นั่งจักรพรรดิพิมานในพระบรมมหาราชวัง เมื่อวันที่ ๑๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๔
 
          พระพุทธรูปนามมงคลว่า “พระหายโศก” เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิเพชร ประทับขัดสมาธิเพชรเห็น ฝ่าพระบาททั้งสองข้าง พระหัตถ์ขวาวางคว่ำบนพระชานุ พระเกตุเป็นเทวดานพเคราะห์ที่ประจำอยู่ในทิศ ท่ามกลาง และไม่เสวยอายุโดยตรง แต่เป็นเทวดาจรพลอยเข้าเสวยอายุร่วมกับเทวดาองค์อื่นและส่งเสริม ลักษณะดีและร้ายของพระเคราะห์ที่แทรกอยู่ด้วยนั้น
           พระพุทธรูปปางสมาธิเพชร (บางตำราเป็นพระพุทธมารวิชัย) เป็นพระพุทธรูปปางประจำวันของผู้ที่ไม่ทราบวันเกิดของตน
          
         กรมศิลปากรขอเชิญพุทธศาสนิกชนสักการะพระพุทธรูปประจำวัน “มงคลพุทธคุณ” ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ระหว่างวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๕ ถึงวันที่ ๘ มกราคม ๒๕๖๖ เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๖.๐๐ น. ทุกวัน  ไม่เว้นวันหยุดราชการ (พิเศษ วันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๕ - ๒ มกราคม ๒๕๖๖ เปิดเวลา ๐๙.๐๐ - ๑๙.๓๐ น.)
 
 

(จำนวนผู้เข้าชม 4878 ครั้ง)


Messenger