กรมศิลปากร มั่นใจรับมือน้ำท่วมโบราณสถานในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ไม่เสียหายรุนแรง
กรมศิลปากร มั่นใจรับมือน้ำท่วมโบราณสถานในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ไม่ให้เกิดความเสียหายรุนแรงได้ โดยวัดไชยวัฒนารามได้กั้นแนวกันน้ำเพิ่มสูงกว่าแนวที่กั้นน้ำท่วมปี ๒๕๕๔ ส่วนโบราณสถานขนาดใหญ่ที่แช่น้ำเป็นโบราณสถานที่บูรณะแล้ว จึงเป็นอิฐใหม่ หลังน้ำลดจะสำรวจสภาพ สกัดและเปลี่ยนอิฐที่เสื่อมสภาพ สำหรับโบราณสถานในส่วนที่ยังไม่ได้รับการบูรณะจะใช้วิธีค้ำยัน ป้องกันการพังทลาย และจะมีโครงการสำรวจเพื่อหาแนวทางบูรณะภายหลังน้ำลดโดยเร็วต่อไป
นายสถาพร เที่ยงธรรม รองอธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่า นายพนมบุตร จันทรโชติ ผู้ตรวจราชการกระทรวงวัฒนธรรม ได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดกรมศิลปากรติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำที่อาจส่งผลกระทบต่อโบราณสถานและรายงานให้ทราบเป็นระยะนั้น สำนักศิลปากรที่ ๓ พระนครศรีอยุธยา ได้รายงานสรุปสถานการณ์ เมื่อวันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๖๕ จากการที่ระดับน้ำในแม่น้ำบริเวณอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนทำให้ระดับน้ำบริเวณหน้าโบราณสถานวัดไชยวัฒนารามมีระดับต่ำกว่าระดับน้ำท่วมในปี ๒๕๕๔ อยู่ ๔๕ เซนติเมตร ประกอบกับเขื่อนเจ้าพระยาและเขื่อนป่าสักจะระบายน้ำในปริมาณมากขึ้น ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาจะสูงขึ้น ๑๐ - ๑๕ เซนติเมตร จึงเตรียมการรับมือ ดังนี้
๑. ในพื้นที่เกาะเมืองขณะนี้ทางเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยาได้ทำคันป้องกันน้ำ ซึ่งจะสามารถป้องกันโบราณสถานในเกาะเมืองได้เกือบทั้งหมด จะมีเพียงป้อมเพชรและรหัสวิดน้ำในพระราชวังโบราณเท่านั้นที่ถูกน้ำท่วม (โบราณสถานสำคัญของอุทยานฯ ตั้งอยู่ภายในเกาะเมือง)
ป้อมเพชร
ป้อมเพชร
๒. พื้นที่นอกเกาะเมือง เป็นพื้นที่ที่โบราณสถานได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ โดยพื้นที่นอกเกาะเมืองด้านทิศเหนือและบริเวณริมลำน้ำ มีโบราณสถานได้รับผลกระทบแล้ว จำนวน ๖๗ แห่ง ส่วนใหญ่เป็นโบราณสถานที่ได้รับการบูรณะเสริมความมั่นคงไว้แล้ว ถูกน้ำแช่ขังได้โดยไม่กระทบต่อโครงสร้างความมั่นคงของโบราณสถาน จะมีความเสียหายบ้างในเรื่องการชำรุดเล็กน้อยของวัสดุ เช่น อิฐผุกร่อน เปื่อยยุ่ย ซึ่งสามารถสกัดเปลี่ยนได้ (อิฐผิวนอกของโบราณสถานส่วนใหญ่เป็นอิฐใหม่ที่สกัดเปลี่ยนเมื่อครั้งบูรณะ) ส่วนโบราณสถานที่ถูกน้ำท่วมในพื้นที่น้ำไหลหรือมีคลื่นที่จะมากระทบตัวโบราณสถาน เช่น ป้อมเพชร ได้มีการใช้แนวรั้วโบราณสถานและไม้ไผ่ผูกเป็นทุ่นลดแรงจากกระแสน้ำและคลื่นที่จะมากระทบตัวโบราณสถาน สำหรับโบราณสถานที่ยังไม่ได้รับการบูรณะเสริมความมั่นคง ได้ตั้งนั่งร้านเสริมความมั่นคงไว้แล้ว ขณะนี้ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบโบราณสถานอยู่เป็นประจำ ในภาพรวมแล้วอุทกภัยครั้งนี้จะไม่ทำความเสียหายกับโบราณสถานในด้านโครงสร้าง (ไม่ทำให้โบราณสถานพังทลาย) แต่จะเกิดความเสียหายกับวัสดุก่อสร้างซึ่งสามารถบูรณะฟื้นฟูได้ โดยภายหลังน้ำลดจะเร่งสำรวจความเสียหายเพื่อดำเนินการบูรณะเสริมความมั่นคงต่อไป
๓. โบราณสถานสำคัญนอกเกาะเมือง ได้ร่วมกับทางวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการป้องกันน้ำ ดังนี้
- วัดไชยวัฒนารามได้เตรียมการป้องกันขั้นสูงสุด โดยการต่อแผงกันน้ำด้านหน้าวัด เสริมกระสอบทรายบนแนวกำแพงด้านทิศใต้ของวัดและปั้นคันดินบนแนวถนนทางด้านทิศเหนือของวัด โดยจะสามารถป้องกันน้ำได้อีก ๖๕ เซนติเมตร (สูงกว่าระดับน้ำท่วมสูงสุดในปี ๒๕๕๔ อยู่ ๒๐ เซนติเมตร)
วัดไชยวัฒนาราม
วัดไชยวัฒนาราม
- วัดธรรมารามได้เตรียมการป้องกันขั้นสูงสุด โดยการเสริมแนวกระสอบทรายด้านหน้าและด้านข้างวัดซึ่งจะทำให้สามารถป้องกันน้ำได้อีก ๔๕ เซนติเมตร (เท่ากับระดับน้ำท่วมสูงสุดในปี ๒๕๕๔)
- โบราณสถานสำคัญอื่นๆ โดยเฉพาะโบราณสถานที่เป็นวัดที่มีพระสงฆ์จำพรรษาและวัดที่อยู่กลางชุมชน เช่น วัดพุทไธสวรรย์ วัดศาลาปูน วัดพนัญเชิง ได้ประสานกับวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการป้องกันน้ำท่วมไว้แล้ว ซึ่งจะมีการเสริมความสูงของแนวป้องกันน้ำตามระดับน้ำที่สูงขึ้น
วัดเชิงท่า
วัดเชิงท่า
นอกจากนี้ สำนักศิลปากรที่ ๓ พระนครศรีอยุธยา ได้รับรายงานว่าพนังกั้นน้ำจุดวัดปราสาท อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี แตกส่งผลให้น้ำไหลท่วมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อินทร์บุรี วัดโบสถ์ และพื้นที่โดยรอบ ในเบื้องต้นได้เคลื่อนย้ายโบราณวัตถุทั้งหมดไปเก็บรักษาบนชั้น ๒ รวมทั้งมีการเคลื่อนย้ายอุปกรณ์ไฟฟ้า เหลือเพียงตู้ โต๊ะ ชั้นแท่นฐานขนาดใหญ่ที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ทัน และขณะนี้ระดับน้ำเพิ่มระดับสูงอย่างต่อเนื่อง จึงขอปิดให้บริการเข้าชม พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อินทร์บุรี เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๖๕ เป็นต้นไป จนกว่าสถานการณ์น้ำจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
(จำนวนผู้เข้าชม 3861 ครั้ง)
สงวนลิขสิทธิ์ © 2563 กรมศิลปากร. กระทรวงวัฒนธรรม
-
นโยบายเว็บไซต์ |
มาตรฐาน