อธิบดีสั่งการสำนักศิลปากรทั่วประเทศ เตรียมพร้อมรับมือผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับโบราณสถาน จากพายุโซนร้อนเตี้ยนหมู่

          จากเหตุการณ์พายุโซนร้อน “เตี้ยนหมู่” ที่ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักทั่วประเทศในขณะนี้ อธิบดีกรมศิลปากรได้สั่งการให้สำนักศิลปากรทั่วประเทศ เตรียมความพร้อมรับมือผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับโบราณสถาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่แหล่งมรดกโลก ในความดูแลของกรมศิลปากร ได้แก่ นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร(สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย-กำแพงเพชร) และแหล่งโบราณคดีบ้านเชียง(อุดรธานี)
          จากข้อมูลรายงานของกองโบราณคดีและสำนักศิลปากรที่ ๑-๑๒ โบราณสถานส่วนใหญ่ทั่วประเทศยังไม่ได้รับผลกระทบขั้นวิกฤต ในส่วนของแหล่งมรดกโลก มีอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยที่ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองปัจจุบันที่ถูกน้ำท่วมหนักกว่า ๑๒ กิโลเมตร ที่รวมถึงตั้งอยู่บนพื้นที่สูงและเพิ่งมีการขุดลอกเขื่อนสรีดภงส์จึงสามารถกักเก็บน้ำได้ปริมาณมาก ขณะนี้มีเพียงน้ำท่วมขังรอการระบาย อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย มีน้ำขังเล็กน้อยรอการระบาย และอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชรมีโบราณสถานได้รับความเสียหายเล็กน้อยจากลมพายุ ทั้งหมดยังอยู่ภายใต้การดูแลจัดการตามปกติของสำนักศิลปากรที่ ๖ สุโขทัย ส่วนแหล่งมรดกโลกบ้านเชียง ทั้งพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเชียง แหล่งโบราณคดีวัดโพธิ์ศรีใน และแหล่งโบราณคดีบ้านอ้อมแก้ว สำนักศิลปากรที่ ๘ ขอนแก่น รายงานว่ายังไม่มีผลกระทบใดๆ



          ส่วนในพื้นที่อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ที่มีความเสี่ยงมากกว่าพื้นที่อื่นๆ อธิบดีกรมศิลปากรได้สั่งการให้สำนักศิลปากรที่ ๓ พระนครศรีอยุธยา เร่งเตรียมพร้อมรับมืออย่างเต็มที่ โบราณสถานสำคัญที่อยู่ในความเสี่ยงได้รับผลกระทบมาก ได้แก่ วัดไชยวัฒนาราม ในวันนี้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยามีระดับต่ำกว่าสันเขื่อนประมาณ ๔๐ ซม. ขณะนี้ได้ทำการตั้งแผงป้องกันน้ำเรียบร้อยแล้ว ส่วนโบราณสถานอื่นๆ ระดับน้ำยังอยู่ต่ำกว่าสันเขื่อนเฉลี่ย ๕๐-๘๐ ซม. เช่น วัดธรรมมาราม วัดกษัตราธิราชวรวิหาร ที่กำลังตั้งแผงกันน้ำจะแล้วเสร็จในวันพรุ่งนี้ รวมถึงเร่งดำเนินการตั้งแผงกันน้ำที่หมู่บ้านโปรตุเกสจะแล้วเสร็จในเวลาไล่เลี่ยกัน ส่วนโบราณสถานป้อมเพชรและหมู่บ้านฮอลันดายังอยู่สูงกว่าระดับน้ำประมาณ ๑ เมตร วัดเชิงท่าระดับน้ำในแม่น้ำลพบุรียังมีระดับต่ำกว่าสันเขื่อนประมาณ ๑.๒๐ เมตร
          จากสถานการณ์ที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ ๒๖ กันยายน ซึ่งทำให้เขื่อนเจ้าพระยาจะมีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนมากขึ้นถึง ๒,๕๐๐ ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่งผลให้ระดับน้ำในพื้นที่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยาสูงขึ้นจากเดิมอีก ๐.๓-๑ เมตร โดยภายในวันจันทร์ที่ ๒๗ กันยายน นี้ ระดับน้ำจะถึงสันเขื่อนโบราณสถานวัดไชยวัฒนาราม และวันอังคารที่ ๒๘ ระดับน้ำจะถึงสันเขื่อนโบราณสถานวัดธรรมาราม (ซึ่งโบราณสถานทั้ง ๒ แห่งจะไม่ได้รับผลกระทบเนื่องจากได้ติดตั้งแผงป้องกันน้ำไว้แล้ว)







          ส่วนโบราณสถานแห่งอื่นๆ ที่อาจได้รับผลกระทบจากอุทกภัยครั้งนี้ กรมศิลปากรได้เตรียมความพร้อมในการป้องกัน โดยการติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดและวางแผนจัดลำดับการดำเนินการป้องกันโบราณที่จะได้รับผลกระทบ จัดเตรียมกำลังคนและวัสดุอุปกรณ์และประสานขอความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ ภายในพื้นที่เพื่อป้องกันอุทกภัยที่จะเกิดขึ้นกับโบราณสถานภายใต้การดูแลของกรมศิลปากรอย่างเต็มที่

(จำนวนผู้เข้าชม 1067 ครั้ง)

Messenger