กรมศิลปากรจับมือสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน นำกระบวนการทางวิทยาศาสตร์สนับสนุนงานด้านมรดกทางวัฒนธรรม
          วันนี้ (วันจันทร์ที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๖๔) เวลา ๑๐.๐๐ น. นายประทีป เพ็งตะโก อธิบดีกรมศิลปากร และรองศาสตราจารย์ ดร.สาโรช รุจิรวรรธน์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) ร่วมลงนาม บันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการระหว่างกรมศิลปากร กับ สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) เพื่อนำกระบวนการทางวิทยาศาสตร์มาใช้ในการสนับสนุนการศึกษาวิจัยทางโบราณคดี และการฟื้นฟู อนุรักษ์สงวนรักษามรดกทางวัฒนธรรมของกรมศิลปากร





          อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า กรมศิลปากรกับสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) ร่วมกันจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการขึ้น เพื่อประสานความร่วมมือทางวิชาการในการศึกษา วิจัยและพัฒนากระบวนการทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแสงซินโครตรอน นำมาใช้ศึกษา ฟื้นฟู อนุรักษ์ศิลปวัตถุและโบราณวัตถุซึ่งเป็นมรดกทางศิลปวัฒนธรรมของชาติ และบูรณาการองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแสงซินโครตรอน กับองค์ความรู้ทางประวัติศาสตร์ศิลปะ โบราณคดีและการอนุรักษ์ ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นในการประยุกต์เทคโนโลยีแสงที่มีในปัจจุบันมาใช้สนับสนุนภารกิจของกรมศิลปากรให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

          ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) กล่าวว่า ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาการ ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการวิเคราะห์ด้วยแสงซินโครตรอน ในการศึกษาวัตถุที่มีคุณค่าทางโบราณคดีและมรดกทางวัฒนธรรม เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน เนื่องด้วยแสงซินโครตรอนมีประสิทธิภาพสูง สามารถศึกษาความหลากหลาย ความซับซ้อนของโครงสร้างและองค์ประกอบในวัตถุโบราณ และยังสามารถใช้ศึกษาธาตุองค์ประกอบที่มีปริมาณน้อย ตรวจวัดข้อมูลที่มีความละเอียดเชิงพื้นที่ได้ โดยเทคนิคแสงซินโครตรอนหลายเทคนิคนั้น ไม่ทำลายตัวอย่างที่นำมาตรวจวิเคราะห์ จึงตอบโจทย์การวิเคราะห์วัตถุทางโบราณคดีได้เป็นอย่างดี





          สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน เคยให้ความอนุเคราะห์สนับสนุนการศึกษาวิจัยทางโบราณคดี ได้แก่ ๑) งานวิจัยลูกปัดแก้วแบบอินโดแปซิฟิคที่พบในภาคใต้ของประเทศไทยในการค้นหาธาตุที่ให้สี ๒) งานวิจัยเครื่องปั้นดินเผาบ้านเชียงเพื่อจำแนกวัตถุทำลอกเลียนแบบ โดยวิเคราะห์หาธาตุบ่งชี้บางชนิด ๓) งานวิจัยสำริดโบราณจากแหล่งโบราณคดีโนนป่าช้าเก่า จังหวัดนครราชสีมา โดยศึกษาองค์ประกอบของธาตุและศึกษาสภาพการกัดกร่อนพบว่าเครื่องมือถูกกัดกร่อนจากคลอรีนซึ่งมีอยู่ในสภาพแวดล้อมเป็นตัวการ และในปีงบประมาณ ๒๕๖๔ สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอนมีหัวข้อการปฏิบัติงานเพื่อให้ความอนุเคราะห์สำนักศิลปากรที่ ๕ ปราจีนบุรี ในการศึกษา จำแนกวัสดุที่นำมาใช้ผลิตลูกปัดโดยการใช้แสงซินโครตรอนตรวจสอบสเปกตัมที่แสดงโครงสร้างของวัตถุว่าผลิตมาจากเปลือกหอยหรือปะการังหรือซากฟอสซิลบางประเภท และให้ความอนุเคราะห์สำนักศิลปากรที่ ๗ เชียงใหม่ ศึกษาด้านโบราณโลหะวิทยาโดยศึกษาองค์ประกอบแร่ธาตุจากเหล็กจากแหล่งอำเภอลี้ จังหวัดลำพูน และศึกษาแหล่งแร่



(จำนวนผู้เข้าชม 1763 ครั้ง)

Messenger