อธิบดีกรมศิลปากรเผยผลตรวจสอบการรื้ออาคารในวัดยานนาวา ไม่ใช่โบราณสถาน
          นายประทีป เพ็งตะโก อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่า ตามที่สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้กล่าวถึงกรณีการรื้ออาคารภายในวัดยานนาวา เขตสาธร กรุงเทพมหานคร ว่าเป็นการรื้อทำลายโบราณสถาน กรมศิลปากร โดยกองโบราณคดี ได้ตรวจสอบรายละเอียดแล้ว พบว่าอาคารที่ถูกรื้อลงตามที่เป็นข่าวนั้น คือ อาคารมูลนิธิน้ำใจไทย-ญี่ปุ่น เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก เมื่อพิจารณาจากแผนที่โบราณ พ.ศ. ๒๔๓๙ ตำแหน่งนี้เป็นพื้นที่ว่างเปล่าไม่มีสิ่งก่อสร้าง ต่อมาปี พ.ศ. ๒๔๗๕ มีเป็นกุฏิแบบเรือนไม้ชั้นเดียว จนกระทั่งปี พ.ศ. ๒๔๘๖ ภาพถ่ายทางอากาศชุดวิลเลียม ฮันท์ ปรากฏอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กในตำแหน่งดังกล่าว จากหลักฐานแผนที่และภาพถ่าย จึงสามารถระบุระยะเวลาก่อสร้างอาคารได้ระหว่างปี พ.ศ.๒๔๗๕-๒๔๘๖ โดยสันนิษฐานว่ามีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบอาคารในช่วง พ.ศ.๒๕๑๐ ก่อนจะถูกรื้อลงในปัจจุบัน กรมศิลปากรได้พิจารณาอายุการสร้างและคุณค่าทางสถาปัตยกรรมแล้ว อาคารมูลนิธิน้ำใจไทย-ญี่ปุ่น ไม่ถือเป็นโบราณสถาน ตามพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ
          สำหรับสิ่งก่อสร้างที่เป็นโบราณสถานภายในวัดยานนาวา กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนแล้ว ตามราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๐๐ ตอนที่ ๓๖ วันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๒๖ มีสิ่งสำคัญ ได้แก่ พระแท่นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เรือสำเภาและเจดีย์ พร้อมด้วยแผ่นศิลาจารึก ๓ แผ่น พระอุโบสถ และเก๋งจีน เนื้อที่โบราณสถานประมาณ ๕ ไร่ ๙๗ ตารางวา โดยอาคารมูลนิธิน้ำใจไทย-ญี่ปุ่น ไม่อยู่ในขอบเขตโบราณสถานที่ประกาศขึ้นทะเบียน
          อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวต่อไปว่า กรมศิลปากรได้ดำเนินการตรวจสอบกรณีรื้อถอนสิ่งก่อสร้าง ภายในวัดยานาวา ครั้งล่าสุดเมื่อเดือนเมษายน ๒๕๖๓ ตามที่คณะพระภิกษุวัดยานนาวา พระอารามหลวง มีหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ขอให้ดำเนินการคุ้มครองโบราณวัตถุสถานกุฏิสงฆ์ และอาคารโรงเรียนพระปริยัติธรรม ของวัดยานนาวา ตามพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ โดยผลการตรวจสอบพบว่ากลุ่มอาคารที่ถูกกล่าวถึงทั้งหมดนั้น ไม่ได้เป็นโบราณสถาน และไม่อยู่ในขอบเขตที่ประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถาน กรมศิลปากรจึงมีหนังสือไปถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเพื่อแจ้งวัด ยานนาวาทราบ จนกระทั่งมีกรณีการรื้อถอนอาคารภายในวัดอีกครั้งตามที่เป็นข่าวเมื่อวันที่ ๖ มีนาคม ๒๕๖๔















(จำนวนผู้เข้าชม 985 ครั้ง)

Messenger