แหล่งโบราณคดีเพิงผาปาโต๊ะโระ จังหวัดสตูล
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญอีกแหล่งที่ทำให้เราได้ทราบถึงกลุ่มคนสมัยก่อนประวัติศาสตร์ในชุมชนภาคใต้ฝั่งทะเลอันดามัน นั้นคือ แหล่งโบราณคดีเพิงผาปาโต๊ะโระ 
           แหล่งโบราณคดีเพิงผาปาโต๊ะโระ ตั้งอยู่ที่ หมู่ ๗ บ้านบูเก็ตยามู ตำบลควนโดน อำเภอควนโดน จังหวัดสตูล เพิงผาแห่งนี้เป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของเขาหา
น แต่ชาวบ้านนิยมเรียกว่าเขาปาโต๊ะโระ
          สภาพทั่วไป
          แหล่งโบราณคดีมีลักษณะเป็นเพิงผาหันหน้าออกทางทิศตะวันออก มีขนาด ๓๐ X ๑๖ เมตร อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ๔๖ เมตร บริเวณด้านหน้าของเพิงผาห่างออกไปประมาณ ๑๐ เมตร มีลำห้วยดุสนไหลผ่าน
          การขุดค้นทางโบราณคดี
          สำนักศิลปากรที่ ๑๑ สงขลา ดำเนินการขุดค้นทางโบราณคดีบริเวณเพิงผาปาโต๊ะโระ ในปีพ.ศ.๒๕๕๓ โดยทำการขุดค้นจำนวน ๑ หลุม จากการขุดค้นพบโครงกระดูกจำนวน ๒ โครง
          โครงกระดูกหมายเลข ๑ เป็นโครงกระดูกเด็ก อายุเมื่อตายประมาณ ๖ ปี นอนหันศีรษะไปทางทิศตะวันออก โบราณวัตถุที่พบเป็นสิ่งของอุทิศให้แก่ผู้ตาย ได้แก่
          - ลูกปัดกระดูกทรงกระบอก มีลายคล้ายดอกไม้ จำนวน ๘ เม็ด
          - ลูกปัดทรงกระบอก ไม่มีลาย จำนวน ๕ เม็ด
           โครงกระดูกหมายเลข ๒ โครงกระดูกผู้ใหญ่ เพศหญิง อายุเมื่อตายประมาณ ๓๐-๓๕ ปี นอนหันศีรษะไปทางทิศตะวันออก โบราณวัตถุที่พบเป็นสิ่งของอุทิศให้แก่ผู้ตาย ได้แก่
          - ภาชนะดินเผาเนื้อดิน จำนวน ๔ ใบ
          - ขวานหินขัด จำนวน ๑ ชิ้น
          - ขวานหินขัดแบบจงอยปากนก จำนวน ๑ ชิ้น
          - กำไลหิน จำนวน ๑ ชิ้น - กำไลเปลือกหอย จำนวน ๑ ชิ้น
          - ลูกปัดกระดูก จำนวน ๘๖ เม็ด
          - ลูกปัดเปลือกหอย จำนวน ๕ เม็ด
          - เขี้ยวสัตว์ จำนวน ๒ ชิ้น
          - กระดูกสัตว์ จำนวน ๑๕๘ ชิ้น
          - เปลือกหอย จำนวน ๒๕๗ ชิ้น
          การกำหนดอายุ
          การกำหนดอายุด้วยวิธีเรืองแสงความร้อน (Thermoluminescent : TL) สามารถกำหนดอายุ และแสดงลำดับการใช้พื้นที่บริเวณเพิงผาปาโต๊ะโระ ของมนุษย์ในสมัยโบราณได้ดังนี้ ๑.มีการเข้ามาใช้พื้นที่โดยมนุษย์ครั้งแรก (ที่อยู่อาศัย) เมื่อราว ๑๙,๒๐๐ ปีมาแล้ว ๒.มีการเข้ามาใช้พื้นที่โดยมนุษย์ครั้งที่ ๒ (ที่อยู่อาศัย) เมื่อราว ๕,๐๐๐ ปีมาแล้ว ๓.หลุมฝังศพหมายเลข ๒ ถูกฝังเมื่อราว ๓,๐๐๐ ปีมาแล้ว ๔.หลุมฝังศพหมายเลข ๑ ถูกฝังเมื่อราว ๑,๑๐๐ ปีมาแล้ว
























--------------------------------------
ที่มาของข้อมูล : กลุ่มโบราณคดี สำนักศิลปากร ๑๑ สงขลา

(จำนวนผู้เข้าชม 2443 ครั้ง)

Messenger